เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 210 ผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 210 ผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อันที่จริงตั้งแต่เข้ามาในเขตคฤหาสน์หลังนี้ เฉิงมู่ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว

 

 

ตอนนี้สมองพันกันยุ่งเหยิงแล้ว

 

 

คำพูดที่เฉิงเจวี้ยนพูดกับคนพวกนั้น เฉิงมู่ยังได้ยินไม่ชัดด้วยซ้ำ

 

 

ตอนที่เขาได้สติกลับมา เฉิงเจวี้ยนก็ลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว

 

 

เฉิงสุ่ยยังไม่ออกไป เขารอให้แผ่นหลังของเฉิงเจวี้ยนลับตาไป ถึงได้หันกลับมา ชี้ไปที่เฉิงมู่แล้วบอกกับหัวหน้าแต่ละฝ่ายและกัปตันทีมทั้งหลายว่า “คนนี้คือเฉิงมู่”

 

 

จากนั้นก็มองเฉิงมู่ หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “พวกเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายกับกัปตันทีม คนนี้คือหัวหน้าตู้ฝ่ายยุติธรรม คนนี้หัวหน้าโจวฝ่ายจัดซื้อ คนนี้หัวหน้าหยวนฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ…”

 

 

เฉิงสุ่ยไม่ได้แนะนำทั้งหมด เพียงแค่แนะนำคร่าวๆ เท่านั้น

 

 

ตอนแรกที่เฉิงมู่เข้ามา สายตาของคนเหล่านี้ก็อดพิจารณาเขาไม่ได้

 

 

เพราะคนที่คอยติดตามเฉิงเจวี้ยนนั้นมีน้อย

 

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินเฉิงสุ่ยแนะนำแบบนี้ พวกเขาก็เผลอละสายตา…

 

 

กลุ่มจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ที่เป็นสมุนของเฉิงเจวี้ยนพวกเขาต่างก็เคยได้ยินมาก่อน เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วพวกเขาเคยเห็นความสามารถอันน่ากลัวเป็นประจักษ์แก่ตาแล้ว ส่วนเฉิงจินกับเฉิงถู่ก็เคยได้ยินเช่นกัน

 

 

มีเพียงเฉิงมู่ที่พวกเขาเคยแอบได้ยินมาว่า

 

 

เฉิงมู่เป็นน้องชายของเฉิงจิน สาเหตุที่เฉิงเจวี้ยนรับเฉิงมู่ไว้ เป็นเพราะเห็นแก่คำขอร้องของเฉิงจิน แม้จะผ่านการฝึกฝนมาแล้ว แต่แท้จริงแล้วความสามารถสู้กัปตันทีมฝ่ายยุติธรรมไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

หัวหน้าตู้ก็หมดอารมณ์ เขาพยักหน้าให้เฉิงสุ่ย เอ่ยปากบอกว่ามีธุระขอตัวก่อน

 

 

หัวหน้าโจวแห่งฝ่ายจัดซื้อยังไม่ไป แต่มองไปทางเฉิงสุ่ยกับซือลี่หมิง เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวซือ รับของพรุ่งนี้นายจะไปด้วยหรือเปล่า”

 

 

ความสามารถของซือลี่หมิงไม่เพียงพอจะเข้าฝ่ายยุติธรรม แต่นับว่าเป็นยอดฝีมือสำหรับฝ่ายจัดซื้อ

 

 

หัวหน้าโจวก็ให้ความสำคัญกับเขามากเช่นกัน

 

 

เมื่อได้ยินหัวหน้าโจวพูดดังนั้น ซือลี่หมิงไม่ตอบ แต่หันไปมองเฉิงสุ่ยเป็นเชิงถาม

 

 

เมื่อครู่นี้เฉิงเจวี้ยนแค่ฟังพวกเขารายงานเท่านั้น แทบจะไม่สั่งหรือกำชับอะไรเลย

 

 

เฉิงสุ่ยเงียบไปชั่วขณะ “ยังไงก็แล้วแต่คุณหนูฉิน เดี๋ยวตอนทานมื้อค่ำ นายลองถามเธอว่าพรุ่งนี้จะไปไหน”

 

 

ซือลี่หมิงพยักหน้า

 

 

หัวหน้าฝ่ายแต่ละคนยุ่งแทบไม่ได้ว่างเว้น รวมถึงหัวหน้าโจวด้วย เมื่อบอกซือลี่หมิงว่าถ้าตัดสินใจได้แล้วให้ติดต่อเขาเสร็จ ก็พรวดพราดออกไปทันที

 

 

พอเขาออกไปแล้ว เฉิงสุ่ยถึงได้มองเฉิงมู่ด้วยสีหน้าขึงขัง น้ำเสียงเรียบเฉย “เฉิงมู่ ในเมื่อนายท่านพานายมาที่นี่ มีกฎบางอย่างที่นายต้องทำตาม”

 

 

เฉิงมู่เงยหน้ามองเฉิงสุ่ยอย่างเหม่อลอย

 

 

“นี่เป็นคฤหาสน์ของนายท่าน สถานะของนายท่าน นายน่าจะเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว พ่อค้าส่งเพชร มีอิทธิพลมากมายที่จ้องจะเขมือบสินค้าในมือนายท่าน ฉะนั้นฉันไม่ขอให้นายทำประโยชน์อะไรที่นี่ แต่หวังว่านายจะไม่ทำพลาด ไม่อย่างนั้น ต่อให้นายเป็นน้องชายแท้ๆ ของเฉิงจิน ฉันก็จะลบชื่อนายทิ้งกับมือเอง”

 

 

เฉิงมู่เป็นคนเล็กสุดในบรรดาจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ เป็นเพียงลูกหลานของสกุลเฉิง มีคำว่า ‘มู่’ พ่วงท้าย ปกติแล้วคนอื่นๆ ไม่อยากสร้างแรงกดดันให้เขามากขนาดนั้น

 

 

บางเรื่องเมื่อเฉิงเจวี้ยนไม่พูด คนอื่นจึงปิดปากสนิท

 

 

เฉิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้เฉิงเจวี้ยนถึงพาเฉิงมู่มาด้วย แต่ในเมื่อเฉิงมู่มาแล้ว เฉิงสุ่ยก็จะขอตักเตือนเขาสักหน่อย

 

 

“เข้าใจแล้ว” เฉิงมู่ก้มหน้า แม้เขาจะโง่ แต่ก็รู้ว่า…เขาน่าจะเป็นคนสุดท้ายในบรรดาจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ที่รู้เรื่องนี้

 

 

เป็นคนระดับเดียวกัน แต่เฉิงสุ่ยกลับเป็นที่เคารพนับถือ ส่วนตนกลับไม่รู้อะไรเลย…

 

 

เป็นครั้งแรกที่เฉิงมู่รู้สึกถึงความแตกต่างราวฟ้ากับเหว

 

 

“อีกอย่าง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อะไรที่ควรพูดกับโอวหยางเวย หรืออะไรที่ไม่ควรพูดนายไตร่ตรองให้ดีล่ะ” เฉิงสุ่ยยุ่งมาก เขาหันไปกำชับซือลี่หมิงว่า ให้พาเฉิงมู่ไปทำความคุ้นเคยกับที่นี่ เสร็จแล้วก็รีบรุดออกไป

 

 

 

 

21 นาฬิกา ณ รัฐ M

 

 

ฉินหร่านลุกขึ้นจากเตียง ในห้องไม่มีใคร แสงไฟนวลและสลัว

 

 

เธอเลิกผ้าห่มออกแล้วแต่งตัว

 

 

ห้องนี้กว้างขวางมาก มีเนื้อที่ร่วมหนึ่งสามร้อยกว่าตารางเมตร ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก บนกรอบหน้าต่างนอกจากดอกไม้ของหลินซือหรานแล้ว ยังมีดอกไม้ไม่รู้ชื่อที่ออกดอกสีขาวตั้งอยู่สามกระถาง

 

 

ฉินหร่านเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ สวมเสื้อคาร์ดิแกนสีดำแล้วเดินออกมา

 

 

หน้าจอของมือถือที่วางอยู่บนเตียงสาดแสงอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ด้านบนเป็นแจ้งเตือนของเหยียนซี

 

 

ฉินหร่านไม่สนใจ พอเป่าผมเสร็จแล้ว ค่อยหยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนอ่านข้อความ

 

 

เหยียนซียกเลิกข้อความหนึ่งฉบับ

 

 

‘ท่านเทพ เพลงที่เธอรับปากว่าจะช่วยฉันคราวก่อนล่ะ?’

 

 

‘ท่านเทพ สิ่งที่เธอรับปากในร้านกาแฟลืมไปแล้วเหรอ?’

 

 

‘มะรืนต้องไปอัดเสียงแล้ว (แนบภาพท้อแท้ใจ)’

 

 

‘ท่านเทพ?’

 

 

‘ท่านเทพ?’

 

 

ดนตรีที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีเพียงโครงสร้างอย่างธีมหลักของเพลงท่อนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องเรียบเรียงเพื่อเติมจิตวิญญาณให้ธีมหลักท่อนนั้นด้วย

 

 

คนที่ประพันธ์เพลงได้ใช่ว่าจะเรียบเรียงเพลงได้เสมอไป แต่คนที่เรียบเรียงเพลงได้ต้องประพันธ์เพลงได้อย่างแน่นอน

 

 

น้อยครั้งที่ฉินหร่านจะแต่งเพลงให้เหยียนซี แต่เธอเป็นคนเรียบเรียงทุกบทเพลงให้เหยียนซี

 

 

การเรียบเรียงเพลงขั้นเทพไม่ได้ต้องการแค่คุณภาพ แต่ต้องมีความวิเศษที่กองรวมกันอย่างล้นหลามอีกด้วย

 

 

ครั้งก่อนตอนอยู่เซี่ยงไฮ้ ฉินหร่านเคยลั่นวาจากับเหยียนซีไว้ แต่หลังกลับเมืองอวิ๋นเฉิง เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

 

 

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉินหร่านก็อดยกมือขึ้นนวดขมับไม่ได้

 

 

เธอกดเปิดรูปที่เหยียนซีส่งมา มันเป็นทำนองที่เหยียนซีเขียนด้วยตัวเอง เธอรวบผมขึ้นลวกๆ เดินหาทั่วห้อง ก็ไม่เจอปากกากับกระดาษเลย

 

 

อุณหภูมิในบ้านคือ 22 องศา ฉินหร่านไม่หยิบแม้แต่เสื้อนอก ก็ผลุนผลันออกไป

 

 

คนที่รออยู่ข้างนอกคือหญิงวัยกลางคน ใบหน้าใจดี พูดภาษาจีน “คุณชายเฉิงอยู่ที่ห้องหนังสือชั้นสาม ฉันจะพาคุณไปเอง”

 

 

ตอนแรกฉินหร่านอยากให้เธอช่วยหากระดาษกับปากกาให้

 

 

เมื่อได้ยินว่าเฉิงเจวี้ยนอยู่ห้องหนังสือ จึงตามหลังหญิงวัยกลางคนไปเงียบๆ ห้องหนังสือคงไม่ขาดปากกากับกระดาษหรอกนะ

 

 

 

 

ห้องหนังสือ

 

 

เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ พิงพนักอย่างเกียจคร้าน เรียวนิ้วกำลังพลิกอ่านเอกสารอย่างสบายๆ

 

 

มีคนอยู่ในห้องไม่เยอะ มีแค่เฉิงสุ่ย เฉิงมู่ ซือลี่หมิงกับหัวหน้าตู้สี่คน

 

 

เมื่อฉินหร่านเข้ามา เฉิงมู่ก็ไปยกอาหารจากครัวมาวางบนโต๊ะหนังสือให้เธอโดยไม่ต้องบอก

 

 

โต๊ะหนังสือตัวนี้เฉิงสุ่ยเพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ด้านบนมีสมุดคัดลายมือปึกหนึ่งวางอยู่

 

 

เมื่อเห็นเธอเข้ามา หัวหน้าตู้ก็ชะงักไป เสียงที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดลง เฉิงเจวี้ยนกำลังก้มหน้าอ่านเอกสาร มองไม่เห็นสีหน้า

 

 

หัวหน้าตู้จึงมองเฉิงสุ่ยเป็นเชิงถามว่า จะเลี่ยงฉินหร่านหรือไม่

 

 

สีหน้าของเฉิงสุ่ยไม่เปลี่ยนไป พูดช้าๆ ว่า “พูดต่อเลย”

 

 

หัวหน้าตู้นิ่งไปครู่หนึ่ง ในใจมีแต่ความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้าอยู่ดี “ตระกูลมาสต้องการสินค้าล็อตนี้ของเรา ในรายงานของคุณเฉิงหั่วก็ไม่เจอข้อมูล และตระกูลมาสก็ติดต่อตำรวจสากลแมทธิวแล้ว แมทธิวมีฝีมือฉกาจ กี่คนต่อกี่คนที่…ด้วยน้ำมือของเขา” หัวหน้าตู้พูดถึงตรงนี้ ก็เผลอขมวดคิ้ว

 

 

ฉินหร่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ดึงกระดาษออกมา มองเทียบทำนองเพลงที่เหยียนซีส่งมาให้แล้วเริ่มทำงานทันที

 

 

การเรียบเรียงเพลงใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก อัลบั้มนี้ของเหยียนซีเป็นสไตล์ท้องถิ่นและแนวบัลลาด ช่วงนี้แรงบันดาลใจของฉินหร่านล้นปรี่

 

 

“คุณหนูฉิน ไม่กินข้าวก่อนเหรอ” เฉิงมู่วางอาหารลง

 

 

ฉินหร่านถือปากกา ขีดตัวโน้ตแถวหนึ่งทิ้งแล้วขึ้นบรรทัดใหม่

 

 

เธอก้มหน้าก้มตา ดวงตาคู่งามหรี่ลง เห็นความผ่อนคลาย แต่น้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์ “อย่าเพิ่งเร่ง”

 

 

หัวหน้าตู้ยังรายงานเรื่องแมทธิวไม่จบ เฉิงเจวี้ยนก็ดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น เขาวางเอกสารในมือลง

 

 

จากนั้นเดินไปหาฉินหร่าน ดึงปากกากับกระดาษออกจากมือฉินหร่านแล้วเคาะโต๊ะ

 

 

เป็นสัญญาณบอกว่าให้เธอกินข้าวก่อน

 

 

หากว่าเป็นคนอื่น ฉินหร่านคงมีปากเสียงไปแล้ว

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านยอมกินข้าวแต่โดยดีแล้ว เฉิงเจวี้ยนจึงกลับไปที่เดิม ไม่ได้หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แต่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “ว่าต่อ”

 

 

หัวหน้าตู้ก้มหน้า ไม่กล้ามองทางฉินหร่าน

 

 

“แมทธิวมีข้อมูลของคนมากมาย หลายคนเดาว่ามีแฮกเกอร์มือฉมังอยู่เบื้องหลังเขา…”

 

 

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านกำลังกินข้าว ซือลี่หมิงจึงถือโอกาสถามเรื่องวันพรุ่งนี้กับฉินหร่าน

 

 

“พรุ่งนี้นายจะไปรับสินค้าเหรอ” ฉินหร่านดื่มชาคำหนึ่ง ยามกินข้าวท่วงท่าของเธอดูสง่างาม เพียงแต่เร็วไปหน่อย น้ำเสียงก็เจือความไม่ยี่หระ

 

 

ซือลี่หมิงตอบว่าใช่อย่างนอบน้อม

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า เธอกินเสร็จแล้ววางตะเกียบลง หยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง พูดเสียงอู้อี้ว่า “งั้นนายไม่ต้องลา พรุ่งนี้ฉันจะตามนายไปดูหน่อย”

 

 

เฉิงสุ่ยเคยบอกซือลี่หมิงว่า ในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่มีที่ไหนที่คุณหนูฉินคนนี้ไปไม่ได้ และไม่มีเรื่องที่เธอทำไม่ได้เช่นกัน

 

 

ซือลี่หมิงชาญฉลาด พอจะรู้สถานะของฉินหร่านคร่าวๆ แล้ว

 

 

เมื่อได้ยินว่าเธอจะออกไปทำภารกิจกับตนก็พยักหน้า

 

 

จากนั้นก็ออกจากบ้าน ไปหาหัวหน้าโจวที่ฝ่ายจัดซื้อ เพื่อคุยเรื่องนี้กับเขา

 

 

หัวหน้าโจวกำลังหารือเรื่องรับสินค้าในวันพรุ่งนี้กับกัปตันทีมคนอื่นๆ อยู่

 

 

เมื่อได้ยินซือลี่หมิงพูดดังนั้น เขาก็หรี่ตาลง ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที “พวกเราไปรับสินค้า เธอจะตามเราไปทำไม ช่วงนี้รัฐ M ไม่สงบ แมทธิวเคลื่อนไหว หากว่าเกิดอะไรขึ้น ใครจะดูแลเธอ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 210 ผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 210 ผู้หญิงอย่างเธอมายุ่งอะไรด้วย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อันที่จริงตั้งแต่เข้ามาในเขตคฤหาสน์หลังนี้ เฉิงมู่ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลแล้ว

 

 

ตอนนี้สมองพันกันยุ่งเหยิงแล้ว

 

 

คำพูดที่เฉิงเจวี้ยนพูดกับคนพวกนั้น เฉิงมู่ยังได้ยินไม่ชัดด้วยซ้ำ

 

 

ตอนที่เขาได้สติกลับมา เฉิงเจวี้ยนก็ลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว

 

 

เฉิงสุ่ยยังไม่ออกไป เขารอให้แผ่นหลังของเฉิงเจวี้ยนลับตาไป ถึงได้หันกลับมา ชี้ไปที่เฉิงมู่แล้วบอกกับหัวหน้าแต่ละฝ่ายและกัปตันทีมทั้งหลายว่า “คนนี้คือเฉิงมู่”

 

 

จากนั้นก็มองเฉิงมู่ หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “พวกเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายกับกัปตันทีม คนนี้คือหัวหน้าตู้ฝ่ายยุติธรรม คนนี้หัวหน้าโจวฝ่ายจัดซื้อ คนนี้หัวหน้าหยวนฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ…”

 

 

เฉิงสุ่ยไม่ได้แนะนำทั้งหมด เพียงแค่แนะนำคร่าวๆ เท่านั้น

 

 

ตอนแรกที่เฉิงมู่เข้ามา สายตาของคนเหล่านี้ก็อดพิจารณาเขาไม่ได้

 

 

เพราะคนที่คอยติดตามเฉิงเจวี้ยนนั้นมีน้อย

 

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินเฉิงสุ่ยแนะนำแบบนี้ พวกเขาก็เผลอละสายตา…

 

 

กลุ่มจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ที่เป็นสมุนของเฉิงเจวี้ยนพวกเขาต่างก็เคยได้ยินมาก่อน เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วพวกเขาเคยเห็นความสามารถอันน่ากลัวเป็นประจักษ์แก่ตาแล้ว ส่วนเฉิงจินกับเฉิงถู่ก็เคยได้ยินเช่นกัน

 

 

มีเพียงเฉิงมู่ที่พวกเขาเคยแอบได้ยินมาว่า

 

 

เฉิงมู่เป็นน้องชายของเฉิงจิน สาเหตุที่เฉิงเจวี้ยนรับเฉิงมู่ไว้ เป็นเพราะเห็นแก่คำขอร้องของเฉิงจิน แม้จะผ่านการฝึกฝนมาแล้ว แต่แท้จริงแล้วความสามารถสู้กัปตันทีมฝ่ายยุติธรรมไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

หัวหน้าตู้ก็หมดอารมณ์ เขาพยักหน้าให้เฉิงสุ่ย เอ่ยปากบอกว่ามีธุระขอตัวก่อน

 

 

หัวหน้าโจวแห่งฝ่ายจัดซื้อยังไม่ไป แต่มองไปทางเฉิงสุ่ยกับซือลี่หมิง เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวซือ รับของพรุ่งนี้นายจะไปด้วยหรือเปล่า”

 

 

ความสามารถของซือลี่หมิงไม่เพียงพอจะเข้าฝ่ายยุติธรรม แต่นับว่าเป็นยอดฝีมือสำหรับฝ่ายจัดซื้อ

 

 

หัวหน้าโจวก็ให้ความสำคัญกับเขามากเช่นกัน

 

 

เมื่อได้ยินหัวหน้าโจวพูดดังนั้น ซือลี่หมิงไม่ตอบ แต่หันไปมองเฉิงสุ่ยเป็นเชิงถาม

 

 

เมื่อครู่นี้เฉิงเจวี้ยนแค่ฟังพวกเขารายงานเท่านั้น แทบจะไม่สั่งหรือกำชับอะไรเลย

 

 

เฉิงสุ่ยเงียบไปชั่วขณะ “ยังไงก็แล้วแต่คุณหนูฉิน เดี๋ยวตอนทานมื้อค่ำ นายลองถามเธอว่าพรุ่งนี้จะไปไหน”

 

 

ซือลี่หมิงพยักหน้า

 

 

หัวหน้าฝ่ายแต่ละคนยุ่งแทบไม่ได้ว่างเว้น รวมถึงหัวหน้าโจวด้วย เมื่อบอกซือลี่หมิงว่าถ้าตัดสินใจได้แล้วให้ติดต่อเขาเสร็จ ก็พรวดพราดออกไปทันที

 

 

พอเขาออกไปแล้ว เฉิงสุ่ยถึงได้มองเฉิงมู่ด้วยสีหน้าขึงขัง น้ำเสียงเรียบเฉย “เฉิงมู่ ในเมื่อนายท่านพานายมาที่นี่ มีกฎบางอย่างที่นายต้องทำตาม”

 

 

เฉิงมู่เงยหน้ามองเฉิงสุ่ยอย่างเหม่อลอย

 

 

“นี่เป็นคฤหาสน์ของนายท่าน สถานะของนายท่าน นายน่าจะเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างแล้ว พ่อค้าส่งเพชร มีอิทธิพลมากมายที่จ้องจะเขมือบสินค้าในมือนายท่าน ฉะนั้นฉันไม่ขอให้นายทำประโยชน์อะไรที่นี่ แต่หวังว่านายจะไม่ทำพลาด ไม่อย่างนั้น ต่อให้นายเป็นน้องชายแท้ๆ ของเฉิงจิน ฉันก็จะลบชื่อนายทิ้งกับมือเอง”

 

 

เฉิงมู่เป็นคนเล็กสุดในบรรดาจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ เป็นเพียงลูกหลานของสกุลเฉิง มีคำว่า ‘มู่’ พ่วงท้าย ปกติแล้วคนอื่นๆ ไม่อยากสร้างแรงกดดันให้เขามากขนาดนั้น

 

 

บางเรื่องเมื่อเฉิงเจวี้ยนไม่พูด คนอื่นจึงปิดปากสนิท

 

 

เฉิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้เฉิงเจวี้ยนถึงพาเฉิงมู่มาด้วย แต่ในเมื่อเฉิงมู่มาแล้ว เฉิงสุ่ยก็จะขอตักเตือนเขาสักหน่อย

 

 

“เข้าใจแล้ว” เฉิงมู่ก้มหน้า แม้เขาจะโง่ แต่ก็รู้ว่า…เขาน่าจะเป็นคนสุดท้ายในบรรดาจิน-มู่-สุ่ย-หั่ว-ทู่ที่รู้เรื่องนี้

 

 

เป็นคนระดับเดียวกัน แต่เฉิงสุ่ยกลับเป็นที่เคารพนับถือ ส่วนตนกลับไม่รู้อะไรเลย…

 

 

เป็นครั้งแรกที่เฉิงมู่รู้สึกถึงความแตกต่างราวฟ้ากับเหว

 

 

“อีกอย่าง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อะไรที่ควรพูดกับโอวหยางเวย หรืออะไรที่ไม่ควรพูดนายไตร่ตรองให้ดีล่ะ” เฉิงสุ่ยยุ่งมาก เขาหันไปกำชับซือลี่หมิงว่า ให้พาเฉิงมู่ไปทำความคุ้นเคยกับที่นี่ เสร็จแล้วก็รีบรุดออกไป

 

 

 

 

21 นาฬิกา ณ รัฐ M

 

 

ฉินหร่านลุกขึ้นจากเตียง ในห้องไม่มีใคร แสงไฟนวลและสลัว

 

 

เธอเลิกผ้าห่มออกแล้วแต่งตัว

 

 

ห้องนี้กว้างขวางมาก มีเนื้อที่ร่วมหนึ่งสามร้อยกว่าตารางเมตร ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก บนกรอบหน้าต่างนอกจากดอกไม้ของหลินซือหรานแล้ว ยังมีดอกไม้ไม่รู้ชื่อที่ออกดอกสีขาวตั้งอยู่สามกระถาง

 

 

ฉินหร่านเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำ สวมเสื้อคาร์ดิแกนสีดำแล้วเดินออกมา

 

 

หน้าจอของมือถือที่วางอยู่บนเตียงสาดแสงอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ด้านบนเป็นแจ้งเตือนของเหยียนซี

 

 

ฉินหร่านไม่สนใจ พอเป่าผมเสร็จแล้ว ค่อยหยิบมือถือขึ้นมา เลื่อนอ่านข้อความ

 

 

เหยียนซียกเลิกข้อความหนึ่งฉบับ

 

 

‘ท่านเทพ เพลงที่เธอรับปากว่าจะช่วยฉันคราวก่อนล่ะ?’

 

 

‘ท่านเทพ สิ่งที่เธอรับปากในร้านกาแฟลืมไปแล้วเหรอ?’

 

 

‘มะรืนต้องไปอัดเสียงแล้ว (แนบภาพท้อแท้ใจ)’

 

 

‘ท่านเทพ?’

 

 

‘ท่านเทพ?’

 

 

ดนตรีที่สมบูรณ์แบบ ไม่ได้มีเพียงโครงสร้างอย่างธีมหลักของเพลงท่อนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังต้องเรียบเรียงเพื่อเติมจิตวิญญาณให้ธีมหลักท่อนนั้นด้วย

 

 

คนที่ประพันธ์เพลงได้ใช่ว่าจะเรียบเรียงเพลงได้เสมอไป แต่คนที่เรียบเรียงเพลงได้ต้องประพันธ์เพลงได้อย่างแน่นอน

 

 

น้อยครั้งที่ฉินหร่านจะแต่งเพลงให้เหยียนซี แต่เธอเป็นคนเรียบเรียงทุกบทเพลงให้เหยียนซี

 

 

การเรียบเรียงเพลงขั้นเทพไม่ได้ต้องการแค่คุณภาพ แต่ต้องมีความวิเศษที่กองรวมกันอย่างล้นหลามอีกด้วย

 

 

ครั้งก่อนตอนอยู่เซี่ยงไฮ้ ฉินหร่านเคยลั่นวาจากับเหยียนซีไว้ แต่หลังกลับเมืองอวิ๋นเฉิง เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

 

 

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉินหร่านก็อดยกมือขึ้นนวดขมับไม่ได้

 

 

เธอกดเปิดรูปที่เหยียนซีส่งมา มันเป็นทำนองที่เหยียนซีเขียนด้วยตัวเอง เธอรวบผมขึ้นลวกๆ เดินหาทั่วห้อง ก็ไม่เจอปากกากับกระดาษเลย

 

 

อุณหภูมิในบ้านคือ 22 องศา ฉินหร่านไม่หยิบแม้แต่เสื้อนอก ก็ผลุนผลันออกไป

 

 

คนที่รออยู่ข้างนอกคือหญิงวัยกลางคน ใบหน้าใจดี พูดภาษาจีน “คุณชายเฉิงอยู่ที่ห้องหนังสือชั้นสาม ฉันจะพาคุณไปเอง”

 

 

ตอนแรกฉินหร่านอยากให้เธอช่วยหากระดาษกับปากกาให้

 

 

เมื่อได้ยินว่าเฉิงเจวี้ยนอยู่ห้องหนังสือ จึงตามหลังหญิงวัยกลางคนไปเงียบๆ ห้องหนังสือคงไม่ขาดปากกากับกระดาษหรอกนะ

 

 

 

 

ห้องหนังสือ

 

 

เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ พิงพนักอย่างเกียจคร้าน เรียวนิ้วกำลังพลิกอ่านเอกสารอย่างสบายๆ

 

 

มีคนอยู่ในห้องไม่เยอะ มีแค่เฉิงสุ่ย เฉิงมู่ ซือลี่หมิงกับหัวหน้าตู้สี่คน

 

 

เมื่อฉินหร่านเข้ามา เฉิงมู่ก็ไปยกอาหารจากครัวมาวางบนโต๊ะหนังสือให้เธอโดยไม่ต้องบอก

 

 

โต๊ะหนังสือตัวนี้เฉิงสุ่ยเพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ด้านบนมีสมุดคัดลายมือปึกหนึ่งวางอยู่

 

 

เมื่อเห็นเธอเข้ามา หัวหน้าตู้ก็ชะงักไป เสียงที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดลง เฉิงเจวี้ยนกำลังก้มหน้าอ่านเอกสาร มองไม่เห็นสีหน้า

 

 

หัวหน้าตู้จึงมองเฉิงสุ่ยเป็นเชิงถามว่า จะเลี่ยงฉินหร่านหรือไม่

 

 

สีหน้าของเฉิงสุ่ยไม่เปลี่ยนไป พูดช้าๆ ว่า “พูดต่อเลย”

 

 

หัวหน้าตู้นิ่งไปครู่หนึ่ง ในใจมีแต่ความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้าอยู่ดี “ตระกูลมาสต้องการสินค้าล็อตนี้ของเรา ในรายงานของคุณเฉิงหั่วก็ไม่เจอข้อมูล และตระกูลมาสก็ติดต่อตำรวจสากลแมทธิวแล้ว แมทธิวมีฝีมือฉกาจ กี่คนต่อกี่คนที่…ด้วยน้ำมือของเขา” หัวหน้าตู้พูดถึงตรงนี้ ก็เผลอขมวดคิ้ว

 

 

ฉินหร่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ดึงกระดาษออกมา มองเทียบทำนองเพลงที่เหยียนซีส่งมาให้แล้วเริ่มทำงานทันที

 

 

การเรียบเรียงเพลงใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก อัลบั้มนี้ของเหยียนซีเป็นสไตล์ท้องถิ่นและแนวบัลลาด ช่วงนี้แรงบันดาลใจของฉินหร่านล้นปรี่

 

 

“คุณหนูฉิน ไม่กินข้าวก่อนเหรอ” เฉิงมู่วางอาหารลง

 

 

ฉินหร่านถือปากกา ขีดตัวโน้ตแถวหนึ่งทิ้งแล้วขึ้นบรรทัดใหม่

 

 

เธอก้มหน้าก้มตา ดวงตาคู่งามหรี่ลง เห็นความผ่อนคลาย แต่น้ำเสียงฟังดูไม่สบอารมณ์ “อย่าเพิ่งเร่ง”

 

 

หัวหน้าตู้ยังรายงานเรื่องแมทธิวไม่จบ เฉิงเจวี้ยนก็ดันเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น เขาวางเอกสารในมือลง

 

 

จากนั้นเดินไปหาฉินหร่าน ดึงปากกากับกระดาษออกจากมือฉินหร่านแล้วเคาะโต๊ะ

 

 

เป็นสัญญาณบอกว่าให้เธอกินข้าวก่อน

 

 

หากว่าเป็นคนอื่น ฉินหร่านคงมีปากเสียงไปแล้ว

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านยอมกินข้าวแต่โดยดีแล้ว เฉิงเจวี้ยนจึงกลับไปที่เดิม ไม่ได้หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แต่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “ว่าต่อ”

 

 

หัวหน้าตู้ก้มหน้า ไม่กล้ามองทางฉินหร่าน

 

 

“แมทธิวมีข้อมูลของคนมากมาย หลายคนเดาว่ามีแฮกเกอร์มือฉมังอยู่เบื้องหลังเขา…”

 

 

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านกำลังกินข้าว ซือลี่หมิงจึงถือโอกาสถามเรื่องวันพรุ่งนี้กับฉินหร่าน

 

 

“พรุ่งนี้นายจะไปรับสินค้าเหรอ” ฉินหร่านดื่มชาคำหนึ่ง ยามกินข้าวท่วงท่าของเธอดูสง่างาม เพียงแต่เร็วไปหน่อย น้ำเสียงก็เจือความไม่ยี่หระ

 

 

ซือลี่หมิงตอบว่าใช่อย่างนอบน้อม

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า เธอกินเสร็จแล้ววางตะเกียบลง หยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาอีกครั้ง พูดเสียงอู้อี้ว่า “งั้นนายไม่ต้องลา พรุ่งนี้ฉันจะตามนายไปดูหน่อย”

 

 

เฉิงสุ่ยเคยบอกซือลี่หมิงว่า ในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่มีที่ไหนที่คุณหนูฉินคนนี้ไปไม่ได้ และไม่มีเรื่องที่เธอทำไม่ได้เช่นกัน

 

 

ซือลี่หมิงชาญฉลาด พอจะรู้สถานะของฉินหร่านคร่าวๆ แล้ว

 

 

เมื่อได้ยินว่าเธอจะออกไปทำภารกิจกับตนก็พยักหน้า

 

 

จากนั้นก็ออกจากบ้าน ไปหาหัวหน้าโจวที่ฝ่ายจัดซื้อ เพื่อคุยเรื่องนี้กับเขา

 

 

หัวหน้าโจวกำลังหารือเรื่องรับสินค้าในวันพรุ่งนี้กับกัปตันทีมคนอื่นๆ อยู่

 

 

เมื่อได้ยินซือลี่หมิงพูดดังนั้น เขาก็หรี่ตาลง ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย ลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที “พวกเราไปรับสินค้า เธอจะตามเราไปทำไม ช่วงนี้รัฐ M ไม่สงบ แมทธิวเคลื่อนไหว หากว่าเกิดอะไรขึ้น ใครจะดูแลเธอ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+