เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 215 พวกเดนตายย่างเนื้อ

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 215 พวกเดนตายย่างเนื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะนี้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะพูดแบบนี้ แม้แต่ทหารรับจ้างกลุ่มนั้นก็ถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปทางฉินหร่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

เดิมทีผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคิดอยู่เลยว่าฉินหร่านลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ…

 

 

แต่พอได้ยินที่เธอพูด ปฏิกิริยาแรกของผู้กองลั่วกับพวกทหารรับจ้างคือ…ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว?

 

 

“คุณหนูฉิน อย่ามัวแต่กังวลเรื่องเนื้อย่างเลย คนพวกนี้ล้วนเป็นทหารรับจ้าง ฆ่าคนไม่ไว้หน้าใคร!” ผู้กองลั่วหัวเสีย

 

 

ฝั่งพวกเขาที่มีกันไม่กี่คนต้องมาเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างกว่าสามสิบคน ในใจเครียดจะแย่อยู่แล้ว ใครมันจะไปรู้ว่าจู่ๆ ฉินหร่านจะพูดประโยคนั้นออกมาได้?

 

 

ทหารรับจ้างล้วนเป็นพวกเดนตาย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถึงสามสิบคน

 

 

ถ้ามีกลุ่มของหัวหน้าโจวอยู่ที่นี่ด้วย การเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างสามสิบคนก็ไม่ได้เกินกำลังอะไร แต่ตอนนี้ถ้านับฉินหร่านไปด้วย พวกเขาก็ยังมีกันแค่เจ็ดคน

 

 

เจ็ดคนเท่านั้น พวกเขายังต้องแบ่งกันไปคุ้มครองฉินหร่านอีก

 

 

ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางจะเอาชนะได้เลย

 

 

ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้กองลั่ว ซือลี่หมิง หรือเฉิงมู่ ต่างก็มีสีหน้าไม่สบายใจ เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู

 

 

ตั้งแต่ตอนที่รถบรรทุกขนาดกลางขับมา ผู้กองลั่วก็ได้เปิดเครื่องสื่อสารในมือของเขาเพื่อรายงานสถานการณ์ให้เฉิงสุ่ยทราบก่อนแล้ว

 

 

ผู้กองลั่วตะคอกเสร็จ ฉินหร่านก็ยังคงยืนอยู่กับที่พลางมองไปทางกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นโดยไม่กระดิกตัว

 

 

นี่มาพักร้อนจริงๆ น่ะเหรอ?

 

 

พวกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ผู้กองลั่วคลำหาอาวุธของตัวเอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะลดเสียงด่าว่าโง่

 

 

นี่ไม่ใช่การมาพักร้อนหรือมาซ้อมมือ!

 

 

พวกเขาอยากจะเคาะหัวผู้หญิงคนนี้เสียจริง!

 

 

“ตะแกรงย่างเนื้องั้นเหรอ?” หัวหน้าทหารรับจ้างถามกลับ เขาเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางพึมพำด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปที่ฉินหร่าน “ฉันเป็นคนเตะมันเอง แล้วเธอจะทำไม?”

 

 

เนื่องจากมีคนเป็นจำนวนมาก ผลการเดินทางในครั้งนี้จึงไม่ได้เกินความคาดหมายของพวกทหารรับจ้างเลยแม้แต่น้อย

 

 

เขาเอามือกอดอก มองฉินหร่านด้วยแววตาหยอกล้อ

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าแล้วถอยออกไปหนึ่งก้าว “ก็ไม่ทำไมหรอก”

 

 

เสื้อแจ็คเกตขนเป็ดตัวนั้นยาวมากและยังเกะกะ เธอเอื้อมมือรูดซิปลงเพื่อถอดออก จากนั้นโยนเข้าไปในรถที่จอดอยู่ข้างๆ

 

 

ข้างในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ที่ไม่ยาวมากเท่าไหร่

 

 

ฉินหร่านยื่นมือม้วนแขนเสื้อขึ้น การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างไม่รีบเร่ง หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เรียกได้ว่าค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยไปหน่อย แต่สีเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปในรูม่านตาทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสันหลังโดยไม่รู้ตัว

 

 

หิมะยังคงสะท้อนแสงอยู่ในบริเวณโดยรอบ

 

 

“คุณหนูฉิน!” เฉิงมู่ไม่เคยเห็นฉินหร่านต่อสู้ด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน

 

 

ตอนที่สู้กับสวี่เซิ่นครั้งนั้น เฉิงมู่ยังเป็นคนช่วยจัดการปัญหาที่ตามมาอีกด้วย

 

 

แต่ถึงอย่างไร คนพวกนี้ก็ไม่ใช่พวกเด็กนักเรียนที่อ่อนต่อโลกพวกนั้น ทั้งยังเป็นถึงพวกเดนตายระดับประเทศที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมป่าเถื่อน

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉิงมู่จะพูดออกไปอีกหนึ่งประโยค ฉินหร่านก็เริ่มขยับมือแล้ว

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างไม่ได้ถือเรื่องฉินหร่านเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นฉินหร่านทำท่าจะลงไม้ลงมือแล้ว เขายังหัวเราะโดยที่ไม่หยิบอาวุธออกมา จากนั้นก็แค่ยื่นมือมาเพื่อจะจับแขนฉินหร่าน

 

 

แต่ใครจะคิดว่าเขายังไม่ทันจับแขนฉินหร่าน ทันใดนั้นแขนของเขาก็เจ็บปวดเหมือนกระดูกแตกไปแล้ว

 

 

“กร๊อบ——”

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างถูกกระแทกติดกับต้นไม้ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างรุนแรง

 

 

ขณะนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่อยากจะเชื่อ เพราะแม้แต่กลุ่มของผู้กองลั่วก็มองฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง ? !”

 

 

อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นจริงจะรอให้พวกเขาคิดมากไม่ได้ หลังจากทหารรับจ้างอึ้งไปได้พักหนึ่งก็พากันหยิบอาวุธออกมา

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างที่ถูกกระแทกไปติดกับต้นไม้พยายามพยุงตัวกับต้นไม้ไว้ แต่ก็ลุกไม่ไหว เขาแค่เช็ดมุมปากแล้วพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “จับนังนั่นมาให้ฉัน!”

 

 

ทหารรับจ้างยี่สิบกว่าคนที่เหลือเข้ามารุมล้อม

 

 

พวกผู้กองลั่วกับเฉิงมู่ตะลึงนิ่งค้างไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ตะลุมบอน

 

 

เดิมทียังคิดว่าการตะลุมบอนครั้งนี้ยากที่จะเอาชนะคนหมู่มากได้

 

 

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะเคลื่อนตัวได้เร็วขนาดนี้ แต่ละหมัดกระแทกไปยังจุดสำคัญ เธอเตร่อยู่ท่ามกลางกลุ่มทหารรับจ้าง ร่างกายพลิ้วไหวดังเมฆเคลื่อนสายน้ำไหล

 

 

กลุ่มทหารรับจ้างล้มไปนอนกับพื้นโดยแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก

 

 

ฉินหร่านยังคงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนโดยมีทหารรับจ้างนอนเกลื่อนอยู่รอบๆ

 

 

คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ตกสู่ภวังค์ความเงียบอย่างแปลกประหลาด

 

 

ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

“ผ.. ผู้.. ผู้กอง ผู้กองลั่ว” ในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังผู้กองลั่วรู้สึกตัวก่อน “เมื่อกี้ผมเหมือนจะเห็น เห็น คุณหนูฉิน…”

 

 

เขามึนงงเล็กน้อย

 

 

ผู้กองลั่วไม่พูด ซือลี่หมิงก็ไม่พูด และแม้แต่เฉิงมู่เองยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่…

 

 

ในที่สุด เวลานี้เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าทำไมเฉิงเจวี้ยนถึงบอกว่าไม่ได้ให้เขามาคุ้มครองเธอ…

 

 

ทุกคนเงียบ แต่ฉินหร่านกลับยืดตัวแล้วกลับไปที่ข้างรถ เปิดประตูหยิบเอากระดาษเช็ดมือมาหนึ่งแผ่น ขณะที่ทำความสะอาดมือก็เดินไปตรงหน้าหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

เธอย่อตัวลงพลางเช็ดมืออย่างใจเย็น เอียงศีรษะเล็กน้อยและพูดช้าๆ “ตะแกรงย่างเนื้อของฉันโดนนายเตะคว่ำไปแล้ว”

 

 

ห้านาทีต่อมา

 

 

กลุ่มผู้กองลั่วมองสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป

 

 

กลุ่มทหารรับจ้างยืนอยู่อีกด้านเพื่อความอยู่รอด โดยมีหัวหน้าทหารรับจ้างของพวกเขากำลังนั่งเอาน้ำเช็ดตะแกรงย่างเนื้ออยู่บนพื้นอย่างสะอาดสะอ้านแล้วจุดไฟใหม่

 

 

จนกระทั่งไฟได้ที่แล้ว เขาถึงจะเริ่มทำการย่างเนื้อ

 

 

เพียงแต่ว่าเนื้อที่เพิ่งเอาออกมาหล่นลงพื้นไปหมดแล้ว

 

 

เขามองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่เจอเนื้อสะอาดๆ เลย

 

 

“คุณ…คุณผู้หญิงท่านนี้” หัวหน้าทหารรับจ้างลากร่างตัวเองเดินมา เดิมทีเขาไม่คิดจะรบกวนฉินหร่าน แต่ก็ทำใจกล้าถามเธออย่างระมัดระวัง “ไฟจุดเสร็จแล้วครับ เนื้อพวกนั้นที่อยู่บนพื้น…”

 

 

ทหารรับจ้างพวกนี้เป็นพวกเดนตาย จึงเข้าใจการปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ได้ดีกว่าใครๆ ขอแค่มีชีวิตรอด ให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือฉินหร่านทั้งโหดเหี้ยมและน่ากลัว

 

 

ฉินหร่านพิงอยู่กับประตูรถพลางก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็เงยหน้ามองไปทางเฉิงมู่ “ในกล่องยังมีเนื้อไหม?”

 

 

“อ้อ” เฉิงมู่เดินไปอีกด้านทันที “มี มีแน่นอน ตอนไปหาแม่ครัว เตรียมเอาไว้เยอะมาก”

 

 

เขาเดินไปถึงท้ายรถ ถือกระเป๋าเดินทางออกมาและหยิบเอากล่องใส่ของสดข้างในยื่นให้หัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างพูด “ขอบคุณ” ด้วยความจริงใจ

 

 

จากนั้นก็เอาเนื้อไปย่างบนตะแกรง

 

 

แม่ครัวยังเตรียมเครื่องปรุงรสให้อีกจำนวนมาก มีทั้งขวดและกระปุกเป็นกองๆ

 

 

เมื่อกี้มันเพิ่งถูกเตะออกไป ด้านนอกจึงเปื้อนขี้เถ้าเล็กน้อย เช็ดให้สะอาดก็ใช้ได้แล้ว

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างถามฉินหร่านว่าต้องการรสชาติแบบไหน

 

 

ฉินหร่านไม่ได้เงยหน้า เธอกดโทรศัพท์และตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เผ็ดหน่อยๆ”

 

 

“ครับ” หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้า จากนั้นก็หยิบพวกกระปุกในกองเครื่องปรุงมาดูเพื่อหาโลโก้พริก

 

 

กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างรวมถึงกลุ่มผู้กองลั่วต่างก็คิดว่าเห็นภาพหลอน คนเดนตายพวกนี้กำลังนั่งข้างตะแกรงพร้อมกับย่างเนื้อด้วยอาการสั่นงกๆ

 

 

ท่าทางเคารพนบน้อมและยังดูสุภาพมากอีกด้วย

 

 

“ตอนที่ทหารรับจ้างพวกนี้มาถึงเมื่อกี้นี้ คุณหนูฉินกำลังย่างเนื้ออยู่ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อจริงๆ สินะ…” คนหนึ่งที่อยู่ข้างผู้กองลั่วพึมพำ “คนพวกนี้เอาชนะเธอไม่ได้ ส่วนเธอเองก็ไม่ได้เห็นทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นศัตรู ถึงได้ย่างเนื้ออย่างสบายใจ…”

 

 

“ผู้กองลั่ว คุณดูออกไหมว่าคุณหนูฉินต่อสู้แบบไหน?” มีคนถามอย่างหวาดระแวง

 

 

ทั้งโหดเหี้ยมดุเดือด พวกเขาเห็นแล้วยังเจ็บแทนพวกทหารรับจ้างพวกนั้นอยู่เลย

 

 

ผู้กองลั่วหรี่ตา ผ่านไปได้สักพักถึงจะพูดขึ้นมาว่า “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก… แล้วยัง”

 

 

“แล้วยัง?” ซือลี่หมิงอึ้งไปชั่วขณะ เหมือนกับที่คาดเดาเอาไว้ทั้งหมด เขามองผู้กองลั่วด้วยความตกใจ

 

 

ผู้กองลั่วไม่ได้เคลื่อนสายตาไปทางอื่น เขามองฉินหร่านด้วยความเคารพที่เพิ่มขึ้น “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก แล้วฉันยังแค่เคยเห็นแต่นักมวยเดนตายบนสังเวียนประลองเท่านั้น”

 

 

คนที่อยู่รอบตัวเขาไม่มีใครพูดอะไรเลย

 

 

คนในหน่วยต่างๆ ต่างทำหน้าของตัวเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาล้วนนับถือคนที่มีพละกำลังและความสามารถขั้นสูง

 

 

ตอนนี้ สายตาที่ทุกคนมองฉินหร่านได้เปลี่ยนไป

 

 

คนที่คฤหาสน์ล้วนเคยไปดูเวทีมวยปล้ำมาแล้วทั้งนั้น และเคยขึ้นชกเวทีทั่วไป แต่คนที่กล้าขึ้นเวทีสังเวียนเดนตายกลับมีไม่กี่คน

 

 

ความกลัวตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์

 

 

ผู้กองลั่วยังคงมองไปทางฉินหร่าน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสาย

 

 

พอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นสายของหัวหน้าโจวที่แยกทางไปกับพวกเขา

 

 

“ผู้กองลั่ว ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งพวกนายเป็นยังไงบ้าง?” ขณะนี้หัวหน้าโจวยังอยู่ในรถ พูดอย่างร้อนใจ “พวกเราผ่านถนนเส้น26มาแล้ว แต่ยังไม่เห็นคนของตระกูลมาสเลย ฉันกลัวว่านี่จะเป็นแผนการพวกมัน พวกนายอย่าเพิ่งขับไป ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปหาพวกนาย! มีข่าวแจ้งมาว่ามีทหารรับจ้างหลายสิบคนรอจัดการพวกนายอยู่ คนพวกนั้นฝีมือโหดเหี้ยม โดนพวกมันจัดการก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าโดนเอาของจะเป็นปัญหาเอาได้!”

 

 

เมื่อได้ยินหัวหน้าโจวพูดด้วยความร้อนใจ ผู้กองลั่วก็มองไปทางหัวหน้าทหารรับจ้างที่กำลังย่างเนื้อด้วยสีหน้าว่างเปล่า ชะงักเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ไม่ต้องแล้ว”

 

 

หัวหน้าโจวได้ยินน้ำเสียงของเขาฟังดูแปลกๆ “ทำไมล่ะ?”

 

 

ผู้กองลั่วพูดเรียบๆ “พวกเราเจอทหารรับจ้างแล้ว”

 

 

“อะไรนะ?!” แววตาหัวหน้าโจวที่อยู่ปลายสายหดแน่น เสียงเครียดขึ้น “พวกนายรีบหนีเร็ว! อดทนไว้ พวกเราจะรีบไปที่นั่น! พวกมันล้อมพวกนายไว้หรือเปล่า? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

 

 

“เอ่อ” ผู้กองลั่วเงยหน้า “พวกเขากำลังย่างเนื้อ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 215 พวกเดนตายย่างเนื้อ

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 215 พวกเดนตายย่างเนื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะนี้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะพูดแบบนี้ แม้แต่ทหารรับจ้างกลุ่มนั้นก็ถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปทางฉินหร่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

เดิมทีผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคิดอยู่เลยว่าฉินหร่านลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ…

 

 

แต่พอได้ยินที่เธอพูด ปฏิกิริยาแรกของผู้กองลั่วกับพวกทหารรับจ้างคือ…ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว?

 

 

“คุณหนูฉิน อย่ามัวแต่กังวลเรื่องเนื้อย่างเลย คนพวกนี้ล้วนเป็นทหารรับจ้าง ฆ่าคนไม่ไว้หน้าใคร!” ผู้กองลั่วหัวเสีย

 

 

ฝั่งพวกเขาที่มีกันไม่กี่คนต้องมาเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างกว่าสามสิบคน ในใจเครียดจะแย่อยู่แล้ว ใครมันจะไปรู้ว่าจู่ๆ ฉินหร่านจะพูดประโยคนั้นออกมาได้?

 

 

ทหารรับจ้างล้วนเป็นพวกเดนตาย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถึงสามสิบคน

 

 

ถ้ามีกลุ่มของหัวหน้าโจวอยู่ที่นี่ด้วย การเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างสามสิบคนก็ไม่ได้เกินกำลังอะไร แต่ตอนนี้ถ้านับฉินหร่านไปด้วย พวกเขาก็ยังมีกันแค่เจ็ดคน

 

 

เจ็ดคนเท่านั้น พวกเขายังต้องแบ่งกันไปคุ้มครองฉินหร่านอีก

 

 

ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางจะเอาชนะได้เลย

 

 

ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้กองลั่ว ซือลี่หมิง หรือเฉิงมู่ ต่างก็มีสีหน้าไม่สบายใจ เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู

 

 

ตั้งแต่ตอนที่รถบรรทุกขนาดกลางขับมา ผู้กองลั่วก็ได้เปิดเครื่องสื่อสารในมือของเขาเพื่อรายงานสถานการณ์ให้เฉิงสุ่ยทราบก่อนแล้ว

 

 

ผู้กองลั่วตะคอกเสร็จ ฉินหร่านก็ยังคงยืนอยู่กับที่พลางมองไปทางกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นโดยไม่กระดิกตัว

 

 

นี่มาพักร้อนจริงๆ น่ะเหรอ?

 

 

พวกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ผู้กองลั่วคลำหาอาวุธของตัวเอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะลดเสียงด่าว่าโง่

 

 

นี่ไม่ใช่การมาพักร้อนหรือมาซ้อมมือ!

 

 

พวกเขาอยากจะเคาะหัวผู้หญิงคนนี้เสียจริง!

 

 

“ตะแกรงย่างเนื้องั้นเหรอ?” หัวหน้าทหารรับจ้างถามกลับ เขาเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางพึมพำด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปที่ฉินหร่าน “ฉันเป็นคนเตะมันเอง แล้วเธอจะทำไม?”

 

 

เนื่องจากมีคนเป็นจำนวนมาก ผลการเดินทางในครั้งนี้จึงไม่ได้เกินความคาดหมายของพวกทหารรับจ้างเลยแม้แต่น้อย

 

 

เขาเอามือกอดอก มองฉินหร่านด้วยแววตาหยอกล้อ

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าแล้วถอยออกไปหนึ่งก้าว “ก็ไม่ทำไมหรอก”

 

 

เสื้อแจ็คเกตขนเป็ดตัวนั้นยาวมากและยังเกะกะ เธอเอื้อมมือรูดซิปลงเพื่อถอดออก จากนั้นโยนเข้าไปในรถที่จอดอยู่ข้างๆ

 

 

ข้างในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ที่ไม่ยาวมากเท่าไหร่

 

 

ฉินหร่านยื่นมือม้วนแขนเสื้อขึ้น การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างไม่รีบเร่ง หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เรียกได้ว่าค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยไปหน่อย แต่สีเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปในรูม่านตาทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสันหลังโดยไม่รู้ตัว

 

 

หิมะยังคงสะท้อนแสงอยู่ในบริเวณโดยรอบ

 

 

“คุณหนูฉิน!” เฉิงมู่ไม่เคยเห็นฉินหร่านต่อสู้ด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน

 

 

ตอนที่สู้กับสวี่เซิ่นครั้งนั้น เฉิงมู่ยังเป็นคนช่วยจัดการปัญหาที่ตามมาอีกด้วย

 

 

แต่ถึงอย่างไร คนพวกนี้ก็ไม่ใช่พวกเด็กนักเรียนที่อ่อนต่อโลกพวกนั้น ทั้งยังเป็นถึงพวกเดนตายระดับประเทศที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมป่าเถื่อน

 

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉิงมู่จะพูดออกไปอีกหนึ่งประโยค ฉินหร่านก็เริ่มขยับมือแล้ว

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างไม่ได้ถือเรื่องฉินหร่านเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นฉินหร่านทำท่าจะลงไม้ลงมือแล้ว เขายังหัวเราะโดยที่ไม่หยิบอาวุธออกมา จากนั้นก็แค่ยื่นมือมาเพื่อจะจับแขนฉินหร่าน

 

 

แต่ใครจะคิดว่าเขายังไม่ทันจับแขนฉินหร่าน ทันใดนั้นแขนของเขาก็เจ็บปวดเหมือนกระดูกแตกไปแล้ว

 

 

“กร๊อบ——”

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างถูกกระแทกติดกับต้นไม้ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างรุนแรง

 

 

ขณะนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่อยากจะเชื่อ เพราะแม้แต่กลุ่มของผู้กองลั่วก็มองฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง ? !”

 

 

อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นจริงจะรอให้พวกเขาคิดมากไม่ได้ หลังจากทหารรับจ้างอึ้งไปได้พักหนึ่งก็พากันหยิบอาวุธออกมา

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างที่ถูกกระแทกไปติดกับต้นไม้พยายามพยุงตัวกับต้นไม้ไว้ แต่ก็ลุกไม่ไหว เขาแค่เช็ดมุมปากแล้วพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “จับนังนั่นมาให้ฉัน!”

 

 

ทหารรับจ้างยี่สิบกว่าคนที่เหลือเข้ามารุมล้อม

 

 

พวกผู้กองลั่วกับเฉิงมู่ตะลึงนิ่งค้างไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ตะลุมบอน

 

 

เดิมทียังคิดว่าการตะลุมบอนครั้งนี้ยากที่จะเอาชนะคนหมู่มากได้

 

 

แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะเคลื่อนตัวได้เร็วขนาดนี้ แต่ละหมัดกระแทกไปยังจุดสำคัญ เธอเตร่อยู่ท่ามกลางกลุ่มทหารรับจ้าง ร่างกายพลิ้วไหวดังเมฆเคลื่อนสายน้ำไหล

 

 

กลุ่มทหารรับจ้างล้มไปนอนกับพื้นโดยแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก

 

 

ฉินหร่านยังคงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนโดยมีทหารรับจ้างนอนเกลื่อนอยู่รอบๆ

 

 

คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ตกสู่ภวังค์ความเงียบอย่างแปลกประหลาด

 

 

ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

“ผ.. ผู้.. ผู้กอง ผู้กองลั่ว” ในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังผู้กองลั่วรู้สึกตัวก่อน “เมื่อกี้ผมเหมือนจะเห็น เห็น คุณหนูฉิน…”

 

 

เขามึนงงเล็กน้อย

 

 

ผู้กองลั่วไม่พูด ซือลี่หมิงก็ไม่พูด และแม้แต่เฉิงมู่เองยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่…

 

 

ในที่สุด เวลานี้เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าทำไมเฉิงเจวี้ยนถึงบอกว่าไม่ได้ให้เขามาคุ้มครองเธอ…

 

 

ทุกคนเงียบ แต่ฉินหร่านกลับยืดตัวแล้วกลับไปที่ข้างรถ เปิดประตูหยิบเอากระดาษเช็ดมือมาหนึ่งแผ่น ขณะที่ทำความสะอาดมือก็เดินไปตรงหน้าหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

เธอย่อตัวลงพลางเช็ดมืออย่างใจเย็น เอียงศีรษะเล็กน้อยและพูดช้าๆ “ตะแกรงย่างเนื้อของฉันโดนนายเตะคว่ำไปแล้ว”

 

 

ห้านาทีต่อมา

 

 

กลุ่มผู้กองลั่วมองสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป

 

 

กลุ่มทหารรับจ้างยืนอยู่อีกด้านเพื่อความอยู่รอด โดยมีหัวหน้าทหารรับจ้างของพวกเขากำลังนั่งเอาน้ำเช็ดตะแกรงย่างเนื้ออยู่บนพื้นอย่างสะอาดสะอ้านแล้วจุดไฟใหม่

 

 

จนกระทั่งไฟได้ที่แล้ว เขาถึงจะเริ่มทำการย่างเนื้อ

 

 

เพียงแต่ว่าเนื้อที่เพิ่งเอาออกมาหล่นลงพื้นไปหมดแล้ว

 

 

เขามองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่เจอเนื้อสะอาดๆ เลย

 

 

“คุณ…คุณผู้หญิงท่านนี้” หัวหน้าทหารรับจ้างลากร่างตัวเองเดินมา เดิมทีเขาไม่คิดจะรบกวนฉินหร่าน แต่ก็ทำใจกล้าถามเธออย่างระมัดระวัง “ไฟจุดเสร็จแล้วครับ เนื้อพวกนั้นที่อยู่บนพื้น…”

 

 

ทหารรับจ้างพวกนี้เป็นพวกเดนตาย จึงเข้าใจการปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ได้ดีกว่าใครๆ ขอแค่มีชีวิตรอด ให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือฉินหร่านทั้งโหดเหี้ยมและน่ากลัว

 

 

ฉินหร่านพิงอยู่กับประตูรถพลางก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็เงยหน้ามองไปทางเฉิงมู่ “ในกล่องยังมีเนื้อไหม?”

 

 

“อ้อ” เฉิงมู่เดินไปอีกด้านทันที “มี มีแน่นอน ตอนไปหาแม่ครัว เตรียมเอาไว้เยอะมาก”

 

 

เขาเดินไปถึงท้ายรถ ถือกระเป๋าเดินทางออกมาและหยิบเอากล่องใส่ของสดข้างในยื่นให้หัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างพูด “ขอบคุณ” ด้วยความจริงใจ

 

 

จากนั้นก็เอาเนื้อไปย่างบนตะแกรง

 

 

แม่ครัวยังเตรียมเครื่องปรุงรสให้อีกจำนวนมาก มีทั้งขวดและกระปุกเป็นกองๆ

 

 

เมื่อกี้มันเพิ่งถูกเตะออกไป ด้านนอกจึงเปื้อนขี้เถ้าเล็กน้อย เช็ดให้สะอาดก็ใช้ได้แล้ว

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างถามฉินหร่านว่าต้องการรสชาติแบบไหน

 

 

ฉินหร่านไม่ได้เงยหน้า เธอกดโทรศัพท์และตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เผ็ดหน่อยๆ”

 

 

“ครับ” หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้า จากนั้นก็หยิบพวกกระปุกในกองเครื่องปรุงมาดูเพื่อหาโลโก้พริก

 

 

กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างรวมถึงกลุ่มผู้กองลั่วต่างก็คิดว่าเห็นภาพหลอน คนเดนตายพวกนี้กำลังนั่งข้างตะแกรงพร้อมกับย่างเนื้อด้วยอาการสั่นงกๆ

 

 

ท่าทางเคารพนบน้อมและยังดูสุภาพมากอีกด้วย

 

 

“ตอนที่ทหารรับจ้างพวกนี้มาถึงเมื่อกี้นี้ คุณหนูฉินกำลังย่างเนื้ออยู่ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อจริงๆ สินะ…” คนหนึ่งที่อยู่ข้างผู้กองลั่วพึมพำ “คนพวกนี้เอาชนะเธอไม่ได้ ส่วนเธอเองก็ไม่ได้เห็นทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นศัตรู ถึงได้ย่างเนื้ออย่างสบายใจ…”

 

 

“ผู้กองลั่ว คุณดูออกไหมว่าคุณหนูฉินต่อสู้แบบไหน?” มีคนถามอย่างหวาดระแวง

 

 

ทั้งโหดเหี้ยมดุเดือด พวกเขาเห็นแล้วยังเจ็บแทนพวกทหารรับจ้างพวกนั้นอยู่เลย

 

 

ผู้กองลั่วหรี่ตา ผ่านไปได้สักพักถึงจะพูดขึ้นมาว่า “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก… แล้วยัง”

 

 

“แล้วยัง?” ซือลี่หมิงอึ้งไปชั่วขณะ เหมือนกับที่คาดเดาเอาไว้ทั้งหมด เขามองผู้กองลั่วด้วยความตกใจ

 

 

ผู้กองลั่วไม่ได้เคลื่อนสายตาไปทางอื่น เขามองฉินหร่านด้วยความเคารพที่เพิ่มขึ้น “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก แล้วฉันยังแค่เคยเห็นแต่นักมวยเดนตายบนสังเวียนประลองเท่านั้น”

 

 

คนที่อยู่รอบตัวเขาไม่มีใครพูดอะไรเลย

 

 

คนในหน่วยต่างๆ ต่างทำหน้าของตัวเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาล้วนนับถือคนที่มีพละกำลังและความสามารถขั้นสูง

 

 

ตอนนี้ สายตาที่ทุกคนมองฉินหร่านได้เปลี่ยนไป

 

 

คนที่คฤหาสน์ล้วนเคยไปดูเวทีมวยปล้ำมาแล้วทั้งนั้น และเคยขึ้นชกเวทีทั่วไป แต่คนที่กล้าขึ้นเวทีสังเวียนเดนตายกลับมีไม่กี่คน

 

 

ความกลัวตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์

 

 

ผู้กองลั่วยังคงมองไปทางฉินหร่าน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสาย

 

 

พอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นสายของหัวหน้าโจวที่แยกทางไปกับพวกเขา

 

 

“ผู้กองลั่ว ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งพวกนายเป็นยังไงบ้าง?” ขณะนี้หัวหน้าโจวยังอยู่ในรถ พูดอย่างร้อนใจ “พวกเราผ่านถนนเส้น26มาแล้ว แต่ยังไม่เห็นคนของตระกูลมาสเลย ฉันกลัวว่านี่จะเป็นแผนการพวกมัน พวกนายอย่าเพิ่งขับไป ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปหาพวกนาย! มีข่าวแจ้งมาว่ามีทหารรับจ้างหลายสิบคนรอจัดการพวกนายอยู่ คนพวกนั้นฝีมือโหดเหี้ยม โดนพวกมันจัดการก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าโดนเอาของจะเป็นปัญหาเอาได้!”

 

 

เมื่อได้ยินหัวหน้าโจวพูดด้วยความร้อนใจ ผู้กองลั่วก็มองไปทางหัวหน้าทหารรับจ้างที่กำลังย่างเนื้อด้วยสีหน้าว่างเปล่า ชะงักเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ไม่ต้องแล้ว”

 

 

หัวหน้าโจวได้ยินน้ำเสียงของเขาฟังดูแปลกๆ “ทำไมล่ะ?”

 

 

ผู้กองลั่วพูดเรียบๆ “พวกเราเจอทหารรับจ้างแล้ว”

 

 

“อะไรนะ?!” แววตาหัวหน้าโจวที่อยู่ปลายสายหดแน่น เสียงเครียดขึ้น “พวกนายรีบหนีเร็ว! อดทนไว้ พวกเราจะรีบไปที่นั่น! พวกมันล้อมพวกนายไว้หรือเปล่า? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

 

 

“เอ่อ” ผู้กองลั่วเงยหน้า “พวกเขากำลังย่างเนื้อ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+