เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 216 ปลอดภัยแล้ว คิดว่าพวกเดนตายน่าจะเปิดร้านเนื้อย่างได้

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 216 ปลอดภัยแล้ว คิดว่าพวกเดนตายน่าจะเปิดร้านเนื้อย่างได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายตาผู้กองลั่วมองออกไปไม่ไกล

 

 

ทางด้านนั้น ไม่กี่สิบนาทีที่แล้วยังเป็นหัวหน้าทหารรับจ้างที่ยิ้มเยาะและโมโหด้วยความเกรี้ยวกราดอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับถือที่คีบเหล็กพลิกเนื้อย่างด้วยความระมัดระวัง

 

 

เนื้อย่างคลุกน้ำมันทำให้เกิดเสียง “ซ่า” เบาๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดส่วนผสมสำหรับปิ้งย่างมาขวดหนึ่ง ทาซอสลงไปบนเนื้อหนึ่งชั้น กลิ่นเข้มข้นหอมโชยออกมา

 

 

แม่ครัวในคฤหาสน์ล้วนเป็นคนที่เฉิงสุ่ยคัดเลือกมาอย่างดี โดยเฉพาะก่อนมาที่นี่ เฉิงเจวี้ยนเคยบอกไว้ว่าฉินหร่านชอบกิน

 

 

เฉิงสุ่ยจึงเลือกแม่ครัวที่เชี่ยวชาญด้านการทำเนื้อมาโดยเฉพาะ เนื้อที่เธอหมักไว้ถึงได้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมๆ

 

 

ทางโทรศัพท์ เสียงของหัวหน้าโจวไม่ได้ตอบกลับมาทันที เขานั่งอยู่หน้ารถขณะกำลังจะรีบไปหาผู้กองลั่ว

 

 

“สัญญาณไม่ดี เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?” หัวหน้าโจวชะงัก

 

 

ย่างเนื้อ?

 

 

เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป คุยกันอยู่ดีๆ ทำไมถึงพูดคำว่า “ย่างเนื้อ” ขึ้นมาได้?

 

 

พวกเขาควรจะตื่นตระหนกตกใจหรือกำลังหนีตายอยู่ไม่ใช่เหรอ?

 

 

ย่าง? เนื้อ?

 

 

“ครับ ย่างเนื้อ” ผู้กองลั่วไม่รู้จะอธิบายยังไง “ตอนนี้พวกคุณกำลังรีบมาที่นี่ใช่ไหม?”

 

 

“อืม” หัวหน้าโจวพยักหน้าพลางยกแขนดูนาฬิกาข้อมือ “รอพวกเราอีกหนึ่งชั่วโมง”

 

 

พวกเขาแยกกันไปสองทาง ตอนที่ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หัวหน้าโจวจึงจอดรถและให้คนในขบวนรถขับไปที่นั่นให้ไว อีกหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะตามไปรวมกลุ่มกับพวกผู้กองลั่วได้

 

 

ผู้กองลั่วตอบ “อืม” ด้วยความเคยชิน วิญญาณกลับเข้าร่าง “ไม่ต้อง…ช่างเถอะ พวกคุณมากันเถอะ”

 

 

พอพูดเสร็จก็วางสาย

 

 

ทางด้านหัวหน้าโจววางโทรศัพท์ลง คนในรถต่างก็รอคำตอบจากเขาด้วยความเคร่งเครียด “เป็นยังไงบ้าง? กลุ่มทหารรับจ้างตามกลุ่มผู้กองลั่วไปหรือเปล่า?”

 

 

“ดูเหมือนว่าจะไป…” ในหัวของหัวหน้าโจวยังคงคิดถึงคำว่า “ย่างเนื้อ” ที่ผู้กองลั่วเพิ่งพูดออกมา และยังจะน้ำเสียงเรียบๆ ของอีกฝ่าย

 

 

“พวกมันไปหาพวกเขาจริงๆ เหรอเนี่ย ? !” ทุกคนในหน่วยจัดซื้อล้วนหน้าถอดสี เร่งพรรคพวกให้รีบขับตามไป “ผู้กองลั่วกับคุณหนูฉินคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ถ้าไม่มีคุณหนูฉิน พวกผู้กองลั่วยังพอหนีกันได้ มีเธอเพิ่มเข้ามาอีกคน คนทั้งรถท่าจะรอดกลับมายาก!”

 

 

หัวหน้าโจวอ้าปาก เขารู้สึกว่าน้ำเสียงผู้กองลั่วฟังดูนิ่งมาก ความเป็นจริงดูเหมือนจะห่างไกลจากที่พวกเขาจินตนาการไว้

 

 

**

 

 

ทางด้านนี้

 

 

ผู้กองลั่ววางสายเสร็จได้ไม่นาน

 

 

เนื้อของทหารรับจ้างที่ย่างเสร็จแล้วก็ถูกวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ด้านข้าง ริมโต๊ะยังมีขนมปังย่างสีเหลืองทองวางอยู่สองแผ่น

 

 

ฉินหร่านนั่งข้างโต๊ะเล็กๆ และเริ่มกินเนื้อย่างอย่างเงียบๆ

 

 

ในกล่องยังมีเนื้อย่างมากกว่าครึ่ง แม่ครัวเตรียมไว้เยอะมาก เมื่อเห็นฉินหร่านไม่พูดอะไร หัวหน้าทหารรับจ้างจึงย่างต่อไป

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านก้มหน้าเริ่มกิน เขาก็พลิกเนื้อบนตะแกรงย่างพลางถามฉินหร่านว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้…”

 

 

“ฉิน ฉันแซ่ฉิน” ฉินหร่านพูดตัดบทเขาโดยที่ยังคงก้มหน้ากินต่อ 

 

 

คิ้วและดวงตาที่ก้มลงดูสวยและไม่มีพิษภัย

 

 

“คุณหนูฉิน” หัวหน้าทหารรับจ้างลูบซี่โครงตัวเอง หัวใจอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน “เนื้อย่างเป็นยังไงบ้างครับ?”

 

 

“ใช้ได้ เผ็ดขึ้นอีกหน่อย” ฉินหร่านพยักหน้ายอมรับฝีมือเขา

 

 

ทหารรับจ้างจึงรีบโรยผงพริกไปอีกชั้น

 

 

ทหารรับจ้างอีกหลายสิบคนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ถ้าทำได้ พวกเขาก็อยากจะไปย่างเนื้อกับลูกพี่ด้วย แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวจริงๆ…

 

 

มารร้ายตัวนี้จะเห็นแก่ที่พวกเขาย่างเนื้อให้โดยไม่ทำร้ายพวกเขาได้ไหม ? !

 

 

เนื้อไม่บางมาก การจะย่างเสร็จหนึ่งแผ่นต้องใช้เวลาสิบกว่านาที

 

 

ฉินหร่านกินไปได้หน่อยเดียวก็ดื่มน้ำไปหนึ่งขวด มองไปยังของที่อยู่บนโต๊ะอยู่นานก็ยื่นมือเรียกซือลี่หมิงกับเฉิงมู่มา

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างยังคงย่างเนื้อต่อราวกับว่าเขารักการย่างเนื้อ

 

 

เนื้อย่างวางอยู่เต็มโต๊ะ

 

 

ฉินหร่านลุกจากเก้าอี้แล้วให้พวกเฉิงมู่กิน

 

 

เฉิงมู่พยักหน้า แม้จะแปลกใจ แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่มา เขาก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยิ่งกว่าล้มเหลว ระดับการรับมือกับสถานการณ์สูงกว่าแต่ก่อนไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น

 

 

เขานั่งโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมและเริ่มกินเนื้อย่าง ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตรอดของหัวหน้าทหารรับจ้างได้กระตุ้นพรสวรรค์ในการย่างเนื้อของเขาออกมา

 

 

ย่างเนื้อได้ดีกว่าคนทั่วไป

 

 

ซือลี่หมิงนั่งตรงข้ามเฉิงมู่ ในมือยังถือขนมปังหนึ่งชิ้น เขามองเฉิงมู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “เพื่อน นาย.. นาย…”

 

 

กินเนื้อย่างได้นิ่งขนาดนี้ได้ยังไง?

 

 

ทำไมนายถึงได้นิ่งขนาดนี้?

 

 

“กินสิ ไม่กินเดี๋ยวจะเย็นเอาได้” เฉิงมู่ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่ซือลี่หมิงส่งมาได้ เขาลองเช็กอุณหภูมิเนื้อที่อยู่บนจาน เลือกจานที่เย็นที่สุดออกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ซือลี่หมิงกินก่อน

 

 

เฉิงมู่นิ่งมากถึงขนาดทำให้ซือลี่หมิงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขา

 

 

ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เฉิงมู่ยังปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม กินเนื้ออย่างเงียบๆ ที่แท้แล้วคุณหนูฉินไม่ใช่คนธรรมดา คนรอบตัวเธอก็ยิ่งไม่ธรรมดา

 

 

ซือลี่หมิงเริ่มเลื่อมใสในตัวเฉิงมู่ขึ้นมาแล้ว

 

 

เนื้อในกล่องกำลังย่างอยู่ เฉิงมู่เหลือบมองกลุ่มผู้กองลั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ เสาไม้พลางครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบเนื้อย่างให้พวกผู้กองลั่วสี่จาน

 

 

หลังจากคิดได้อีกครั้ง เขาก็กลับไปที่ท้ายรถเพื่อหยิบเอาขนมปังออกมาอีกไม่กี่ชิ้น นั่งยองๆ อยู่ข้างหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

ให้เขาย่างขนมปังให้

 

 

อย่าว่าแต่ผู้กองลั่วเลย เพราะแม้แต่ซือลี่หมิงเองก็คิดไม่ถึงกับพฤติกรรมของเฉิงมู่ที่เป็นแบบนี้!

 

 

เนื้อย่างยังจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเขา อยากจะถามเฉิงมู่เหลือเกินว่าปรับตัวได้ยังไง ทำได้แม้กระทั่งให้หัวหน้าทหารรับจ้างย่างขนมปังให้ตัวเอง?

 

 

ตอนนี้พวกเขาสามคนยังซ้ำเติมหัวหน้าทหารรับจ้างกันไม่พออีกเหรอ ? !

 

 

สิบนาทีต่อมา

 

 

เฉิงมู่แบ่งขนมปังไม่กี่ชิ้นนั้นให้ซือลี่หมิงกับพวกผู้กองลั่ว

 

 

เมื่อเห็นว่าเนื้อย่างในมือพวกเขาแทบจะไม่กระดิก ใบหน้าทึ่มๆ ของเขาก็พูดอย่างใจเย็น “กินสิ ไม่กินเดี๋ยวมันจะเย็น ไม่อร่อย”

 

 

ผู้กองลั่ว “…”

 

 

ให้ตายเถอะ ปัญหาตอนนี้คือเรื่องรสชาติงั้นเหรอ?

 

 

เขามองไปที่แผ่นหลังเฉิงมู่ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเฉิงมู่เป็นพวกอ่อนหัดและขี้ขลาด ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าภาพลักษณ์เฉิงมู่ดีขึ้นมาไม่น้อย

 

 

ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามองไปทางฉินหร่านที่กำลังเอนตัวพิงประตูรถและก้มหน้าเล่นโทรศัพท์…ยกเว้นเฉิงมู่

 

 

**

 

 

ตอนที่หัวหน้าโจวมาถึง เดิมทีพวกเขายังคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นองเลือด

 

 

แต่ยังไม่ทันลงจากรถ ก็ได้กลิ่นเนื้อย่างหอมฉุยโชยมา

 

 

รถจอดอยู่ริมถนน รวมถึงรถบรรทุกขนาดกลางที่ผ่านการดัดแปลงก็จอดอยู่ริมถนนเช่นกัน

 

 

คนในขบวนรถรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ พวกเขาจึงลงจากรถอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในป่า ทางนั้นยังมีแสงไฟอยู่เล็กน้อย

 

 

“ผู้กอง…” หัวหน้าโจวเดินนำหน้า เขากังวลกับสถานการณ์ทางฝั่งผู้กองลั่ว ทันทีที่พุ่งตัวเข้าไป ก็เห็นผู้กองลั่วกำลังถือเนื้อย่างอยู่ อีกมือยังถือขนมปังที่ย่างแล้ว มองมาทางเขา “ผู้กอง…”

 

 

คำว่า “ลั่ว” คำสุดท้ายกลายเป็นเสียงอ่อย

 

 

ด้านหลัง ลูกน้องหัวหน้าโจวพากันวิ่งกรูเข้ามา ในมือยังถืออาวุธ “ผู้กองลั่ว ทหารรับจ้างพวกนั้นล่ะ?!”

 

 

ผู้กองลั่วกลืนเนื้อที่อยู่ในปาก จากนั้นก็มองไปทางหัวหน้าทหารรับจ้างที่กำลังจัดการย่างเนื้อชุดสุดท้าย “นั่นไง”

 

 

ไม่ไกลจากข้างหลังเขา ยังมีทหารรับจ้างคนอื่นๆ นั่งปะปนกันอยู่ที่นั่น แต่ละคนได้รับบาดเจ็บที่แขนหรือไม่ก็ขา ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ในขั้นพื้นฐาน

 

 

ดูเหมือนมีแค่หัวหน้าทหารรับจ้างเท่านั้นที่เจ็บที่ซี่โครง จึงไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของมือและเท้า

 

 

ตอนนี้เฉิงมู่เป็นคนที่มีสติที่สุด เขาเหลือบมองหัวหน้าโจว “ยังมีเนื้อย่างชิ้นสุดท้าย จะกินไหม?”

 

 

หัวหน้าโจวไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

ตอนที่ต่อสายหาผู้กองลั่วเมื่อกี้นี้ หัวหน้าโจวยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคิดมาตลอดว่าคำว่า “ย่างเนื้อ” เกิดจากที่เขาหูฝาดไปเอง

 

 

ตอนนี้ได้มาเห็นกับตา เขาก็ยังคิดว่ามันเป็นภาพหลอน

 

 

“กินสิ” ผู้กองลั่วยื่นจานที่อยู่ในมือให้หัวหน้าโจว เขาเองก็ไม่รู้จะใช้น้ำเสียงแบบไหนหรือแสดงท่าทีแบบไหนเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขาในขณะนี้กลับดูไม่ต่างอะไรกับเฉิงมู่ที่เป็นอัมพาตที่หน้ามาตลอด “อันที่จริงทหารรับจ้างพวกนี้ก็ย่างเนื้อใช้ได้เหมือนกัน เฉิงมู่พูดถูก ต่อไปถ้าเขาไม่ได้คลุกคลีอยู่สายงานนี้แล้ว ก็ไปเปิดร้านเนื้อย่างก็ได้”

 

 

หัวหน้าโจวยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

เครื่องส่งสัญญาณเสียงในกระเป๋าของเขาดังขึ้น เป็นเสียงของเฉิงสุ่ย

 

 

“พวกเราพบพิกัดของพวกนายแล้ว ทีมกู้ภัยกำลังเดินทางไป ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ถ้าทหารรับจ้างพวกนั้นต้องการของ ก็ให้พวกมันไปซะ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณหนูฉิน…”

 

 

หัวหน้าโจวไม่รู้จะตอบยังไง เขายื่นโทรศัพท์ให้ผู้กองลั่ว

 

 

ผู้กองลั่วกินเนื้อเสร็จไปหนึ่งชิ้นก็รับมา “คุณเฉิงสุ่ย ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเราจะไปถึงที่นั่นพรุ่งนี้เช้าเก้าโมง”

 

 

เสียงในโทรศัพท์ไม่ค่อยชัด ผู้กองลั่วรายงานเสร็จก็กดวางสาย

 

 

ถึงอย่างไรหัวหน้าโจวก็เป็นคนที่เคยผ่านโลกมาก่อน เขารับโทรศัพท์มาและอยากจะถามผู้กองลั่วว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ “ทำไมพวกเขาถึงมาย่างเนื้อ? ใครเป็นคนทำร้ายพวกเขา? นาย? เฉิงมู่?”

 

 

ผู้กองลั่วยังไม่ทันตอบ

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างที่อยู่อีกด้านก็ย่างเนื้อเสร็จแล้ว เขานำเนื้อวางไว้ในจาน

 

 

จากนั้นก็ใช้น้ำดับไฟ

 

 

เขาลูบซี่โครงแล้วเดินไปหาฉินหร่าน

 

 

หัวหน้าโจวเพิ่งจะสังเกตเห็นฉินหร่านเอาตอนนี้ เขาถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง ยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงหัวหน้าทหารรับจ้างพูดกับฉินหร่านด้วยน้ำเสียงเคารพและสุภาพเป็นพิเศษ “คุณหนูฉินครับ ผมช่วยคุณย่างเนื้อเรียบร้อยแล้ว คุณ…จะปล่อยผมกับพรรคพวกของผมไปได้หรือยังครับ?”

 

 

หัวหน้าโจว “….?”  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 216 ปลอดภัยแล้ว คิดว่าพวกเดนตายน่าจะเปิดร้านเนื้อย่างได้

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 216 ปลอดภัยแล้ว คิดว่าพวกเดนตายน่าจะเปิดร้านเนื้อย่างได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายตาผู้กองลั่วมองออกไปไม่ไกล

 

 

ทางด้านนั้น ไม่กี่สิบนาทีที่แล้วยังเป็นหัวหน้าทหารรับจ้างที่ยิ้มเยาะและโมโหด้วยความเกรี้ยวกราดอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับถือที่คีบเหล็กพลิกเนื้อย่างด้วยความระมัดระวัง

 

 

เนื้อย่างคลุกน้ำมันทำให้เกิดเสียง “ซ่า” เบาๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดส่วนผสมสำหรับปิ้งย่างมาขวดหนึ่ง ทาซอสลงไปบนเนื้อหนึ่งชั้น กลิ่นเข้มข้นหอมโชยออกมา

 

 

แม่ครัวในคฤหาสน์ล้วนเป็นคนที่เฉิงสุ่ยคัดเลือกมาอย่างดี โดยเฉพาะก่อนมาที่นี่ เฉิงเจวี้ยนเคยบอกไว้ว่าฉินหร่านชอบกิน

 

 

เฉิงสุ่ยจึงเลือกแม่ครัวที่เชี่ยวชาญด้านการทำเนื้อมาโดยเฉพาะ เนื้อที่เธอหมักไว้ถึงได้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมๆ

 

 

ทางโทรศัพท์ เสียงของหัวหน้าโจวไม่ได้ตอบกลับมาทันที เขานั่งอยู่หน้ารถขณะกำลังจะรีบไปหาผู้กองลั่ว

 

 

“สัญญาณไม่ดี เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?” หัวหน้าโจวชะงัก

 

 

ย่างเนื้อ?

 

 

เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไป คุยกันอยู่ดีๆ ทำไมถึงพูดคำว่า “ย่างเนื้อ” ขึ้นมาได้?

 

 

พวกเขาควรจะตื่นตระหนกตกใจหรือกำลังหนีตายอยู่ไม่ใช่เหรอ?

 

 

ย่าง? เนื้อ?

 

 

“ครับ ย่างเนื้อ” ผู้กองลั่วไม่รู้จะอธิบายยังไง “ตอนนี้พวกคุณกำลังรีบมาที่นี่ใช่ไหม?”

 

 

“อืม” หัวหน้าโจวพยักหน้าพลางยกแขนดูนาฬิกาข้อมือ “รอพวกเราอีกหนึ่งชั่วโมง”

 

 

พวกเขาแยกกันไปสองทาง ตอนที่ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หัวหน้าโจวจึงจอดรถและให้คนในขบวนรถขับไปที่นั่นให้ไว อีกหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะตามไปรวมกลุ่มกับพวกผู้กองลั่วได้

 

 

ผู้กองลั่วตอบ “อืม” ด้วยความเคยชิน วิญญาณกลับเข้าร่าง “ไม่ต้อง…ช่างเถอะ พวกคุณมากันเถอะ”

 

 

พอพูดเสร็จก็วางสาย

 

 

ทางด้านหัวหน้าโจววางโทรศัพท์ลง คนในรถต่างก็รอคำตอบจากเขาด้วยความเคร่งเครียด “เป็นยังไงบ้าง? กลุ่มทหารรับจ้างตามกลุ่มผู้กองลั่วไปหรือเปล่า?”

 

 

“ดูเหมือนว่าจะไป…” ในหัวของหัวหน้าโจวยังคงคิดถึงคำว่า “ย่างเนื้อ” ที่ผู้กองลั่วเพิ่งพูดออกมา และยังจะน้ำเสียงเรียบๆ ของอีกฝ่าย

 

 

“พวกมันไปหาพวกเขาจริงๆ เหรอเนี่ย ? !” ทุกคนในหน่วยจัดซื้อล้วนหน้าถอดสี เร่งพรรคพวกให้รีบขับตามไป “ผู้กองลั่วกับคุณหนูฉินคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ถ้าไม่มีคุณหนูฉิน พวกผู้กองลั่วยังพอหนีกันได้ มีเธอเพิ่มเข้ามาอีกคน คนทั้งรถท่าจะรอดกลับมายาก!”

 

 

หัวหน้าโจวอ้าปาก เขารู้สึกว่าน้ำเสียงผู้กองลั่วฟังดูนิ่งมาก ความเป็นจริงดูเหมือนจะห่างไกลจากที่พวกเขาจินตนาการไว้

 

 

**

 

 

ทางด้านนี้

 

 

ผู้กองลั่ววางสายเสร็จได้ไม่นาน

 

 

เนื้อของทหารรับจ้างที่ย่างเสร็จแล้วก็ถูกวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ด้านข้าง ริมโต๊ะยังมีขนมปังย่างสีเหลืองทองวางอยู่สองแผ่น

 

 

ฉินหร่านนั่งข้างโต๊ะเล็กๆ และเริ่มกินเนื้อย่างอย่างเงียบๆ

 

 

ในกล่องยังมีเนื้อย่างมากกว่าครึ่ง แม่ครัวเตรียมไว้เยอะมาก เมื่อเห็นฉินหร่านไม่พูดอะไร หัวหน้าทหารรับจ้างจึงย่างต่อไป

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านก้มหน้าเริ่มกิน เขาก็พลิกเนื้อบนตะแกรงย่างพลางถามฉินหร่านว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้…”

 

 

“ฉิน ฉันแซ่ฉิน” ฉินหร่านพูดตัดบทเขาโดยที่ยังคงก้มหน้ากินต่อ 

 

 

คิ้วและดวงตาที่ก้มลงดูสวยและไม่มีพิษภัย

 

 

“คุณหนูฉิน” หัวหน้าทหารรับจ้างลูบซี่โครงตัวเอง หัวใจอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน “เนื้อย่างเป็นยังไงบ้างครับ?”

 

 

“ใช้ได้ เผ็ดขึ้นอีกหน่อย” ฉินหร่านพยักหน้ายอมรับฝีมือเขา

 

 

ทหารรับจ้างจึงรีบโรยผงพริกไปอีกชั้น

 

 

ทหารรับจ้างอีกหลายสิบคนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ถ้าทำได้ พวกเขาก็อยากจะไปย่างเนื้อกับลูกพี่ด้วย แต่ผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวจริงๆ…

 

 

มารร้ายตัวนี้จะเห็นแก่ที่พวกเขาย่างเนื้อให้โดยไม่ทำร้ายพวกเขาได้ไหม ? !

 

 

เนื้อไม่บางมาก การจะย่างเสร็จหนึ่งแผ่นต้องใช้เวลาสิบกว่านาที

 

 

ฉินหร่านกินไปได้หน่อยเดียวก็ดื่มน้ำไปหนึ่งขวด มองไปยังของที่อยู่บนโต๊ะอยู่นานก็ยื่นมือเรียกซือลี่หมิงกับเฉิงมู่มา

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างยังคงย่างเนื้อต่อราวกับว่าเขารักการย่างเนื้อ

 

 

เนื้อย่างวางอยู่เต็มโต๊ะ

 

 

ฉินหร่านลุกจากเก้าอี้แล้วให้พวกเฉิงมู่กิน

 

 

เฉิงมู่พยักหน้า แม้จะแปลกใจ แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่มา เขาก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยิ่งกว่าล้มเหลว ระดับการรับมือกับสถานการณ์สูงกว่าแต่ก่อนไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองระดับเท่านั้น

 

 

เขานั่งโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยมและเริ่มกินเนื้อย่าง ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตรอดของหัวหน้าทหารรับจ้างได้กระตุ้นพรสวรรค์ในการย่างเนื้อของเขาออกมา

 

 

ย่างเนื้อได้ดีกว่าคนทั่วไป

 

 

ซือลี่หมิงนั่งตรงข้ามเฉิงมู่ ในมือยังถือขนมปังหนึ่งชิ้น เขามองเฉิงมู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ “เพื่อน นาย.. นาย…”

 

 

กินเนื้อย่างได้นิ่งขนาดนี้ได้ยังไง?

 

 

ทำไมนายถึงได้นิ่งขนาดนี้?

 

 

“กินสิ ไม่กินเดี๋ยวจะเย็นเอาได้” เฉิงมู่ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่ซือลี่หมิงส่งมาได้ เขาลองเช็กอุณหภูมิเนื้อที่อยู่บนจาน เลือกจานที่เย็นที่สุดออกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ซือลี่หมิงกินก่อน

 

 

เฉิงมู่นิ่งมากถึงขนาดทำให้ซือลี่หมิงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขา

 

 

ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เฉิงมู่ยังปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม กินเนื้ออย่างเงียบๆ ที่แท้แล้วคุณหนูฉินไม่ใช่คนธรรมดา คนรอบตัวเธอก็ยิ่งไม่ธรรมดา

 

 

ซือลี่หมิงเริ่มเลื่อมใสในตัวเฉิงมู่ขึ้นมาแล้ว

 

 

เนื้อในกล่องกำลังย่างอยู่ เฉิงมู่เหลือบมองกลุ่มผู้กองลั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ เสาไม้พลางครุ่นคิด จากนั้นก็หยิบเนื้อย่างให้พวกผู้กองลั่วสี่จาน

 

 

หลังจากคิดได้อีกครั้ง เขาก็กลับไปที่ท้ายรถเพื่อหยิบเอาขนมปังออกมาอีกไม่กี่ชิ้น นั่งยองๆ อยู่ข้างหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

ให้เขาย่างขนมปังให้

 

 

อย่าว่าแต่ผู้กองลั่วเลย เพราะแม้แต่ซือลี่หมิงเองก็คิดไม่ถึงกับพฤติกรรมของเฉิงมู่ที่เป็นแบบนี้!

 

 

เนื้อย่างยังจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเขา อยากจะถามเฉิงมู่เหลือเกินว่าปรับตัวได้ยังไง ทำได้แม้กระทั่งให้หัวหน้าทหารรับจ้างย่างขนมปังให้ตัวเอง?

 

 

ตอนนี้พวกเขาสามคนยังซ้ำเติมหัวหน้าทหารรับจ้างกันไม่พออีกเหรอ ? !

 

 

สิบนาทีต่อมา

 

 

เฉิงมู่แบ่งขนมปังไม่กี่ชิ้นนั้นให้ซือลี่หมิงกับพวกผู้กองลั่ว

 

 

เมื่อเห็นว่าเนื้อย่างในมือพวกเขาแทบจะไม่กระดิก ใบหน้าทึ่มๆ ของเขาก็พูดอย่างใจเย็น “กินสิ ไม่กินเดี๋ยวมันจะเย็น ไม่อร่อย”

 

 

ผู้กองลั่ว “…”

 

 

ให้ตายเถอะ ปัญหาตอนนี้คือเรื่องรสชาติงั้นเหรอ?

 

 

เขามองไปที่แผ่นหลังเฉิงมู่ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเฉิงมู่เป็นพวกอ่อนหัดและขี้ขลาด ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาว่าภาพลักษณ์เฉิงมู่ดีขึ้นมาไม่น้อย

 

 

ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามองไปทางฉินหร่านที่กำลังเอนตัวพิงประตูรถและก้มหน้าเล่นโทรศัพท์…ยกเว้นเฉิงมู่

 

 

**

 

 

ตอนที่หัวหน้าโจวมาถึง เดิมทีพวกเขายังคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นองเลือด

 

 

แต่ยังไม่ทันลงจากรถ ก็ได้กลิ่นเนื้อย่างหอมฉุยโชยมา

 

 

รถจอดอยู่ริมถนน รวมถึงรถบรรทุกขนาดกลางที่ผ่านการดัดแปลงก็จอดอยู่ริมถนนเช่นกัน

 

 

คนในขบวนรถรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ พวกเขาจึงลงจากรถอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปในป่า ทางนั้นยังมีแสงไฟอยู่เล็กน้อย

 

 

“ผู้กอง…” หัวหน้าโจวเดินนำหน้า เขากังวลกับสถานการณ์ทางฝั่งผู้กองลั่ว ทันทีที่พุ่งตัวเข้าไป ก็เห็นผู้กองลั่วกำลังถือเนื้อย่างอยู่ อีกมือยังถือขนมปังที่ย่างแล้ว มองมาทางเขา “ผู้กอง…”

 

 

คำว่า “ลั่ว” คำสุดท้ายกลายเป็นเสียงอ่อย

 

 

ด้านหลัง ลูกน้องหัวหน้าโจวพากันวิ่งกรูเข้ามา ในมือยังถืออาวุธ “ผู้กองลั่ว ทหารรับจ้างพวกนั้นล่ะ?!”

 

 

ผู้กองลั่วกลืนเนื้อที่อยู่ในปาก จากนั้นก็มองไปทางหัวหน้าทหารรับจ้างที่กำลังจัดการย่างเนื้อชุดสุดท้าย “นั่นไง”

 

 

ไม่ไกลจากข้างหลังเขา ยังมีทหารรับจ้างคนอื่นๆ นั่งปะปนกันอยู่ที่นั่น แต่ละคนได้รับบาดเจ็บที่แขนหรือไม่ก็ขา ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ในขั้นพื้นฐาน

 

 

ดูเหมือนมีแค่หัวหน้าทหารรับจ้างเท่านั้นที่เจ็บที่ซี่โครง จึงไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของมือและเท้า

 

 

ตอนนี้เฉิงมู่เป็นคนที่มีสติที่สุด เขาเหลือบมองหัวหน้าโจว “ยังมีเนื้อย่างชิ้นสุดท้าย จะกินไหม?”

 

 

หัวหน้าโจวไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

ตอนที่ต่อสายหาผู้กองลั่วเมื่อกี้นี้ หัวหน้าโจวยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคิดมาตลอดว่าคำว่า “ย่างเนื้อ” เกิดจากที่เขาหูฝาดไปเอง

 

 

ตอนนี้ได้มาเห็นกับตา เขาก็ยังคิดว่ามันเป็นภาพหลอน

 

 

“กินสิ” ผู้กองลั่วยื่นจานที่อยู่ในมือให้หัวหน้าโจว เขาเองก็ไม่รู้จะใช้น้ำเสียงแบบไหนหรือแสดงท่าทีแบบไหนเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขาในขณะนี้กลับดูไม่ต่างอะไรกับเฉิงมู่ที่เป็นอัมพาตที่หน้ามาตลอด “อันที่จริงทหารรับจ้างพวกนี้ก็ย่างเนื้อใช้ได้เหมือนกัน เฉิงมู่พูดถูก ต่อไปถ้าเขาไม่ได้คลุกคลีอยู่สายงานนี้แล้ว ก็ไปเปิดร้านเนื้อย่างก็ได้”

 

 

หัวหน้าโจวยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

เครื่องส่งสัญญาณเสียงในกระเป๋าของเขาดังขึ้น เป็นเสียงของเฉิงสุ่ย

 

 

“พวกเราพบพิกัดของพวกนายแล้ว ทีมกู้ภัยกำลังเดินทางไป ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ถ้าทหารรับจ้างพวกนั้นต้องการของ ก็ให้พวกมันไปซะ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคุณหนูฉิน…”

 

 

หัวหน้าโจวไม่รู้จะตอบยังไง เขายื่นโทรศัพท์ให้ผู้กองลั่ว

 

 

ผู้กองลั่วกินเนื้อเสร็จไปหนึ่งชิ้นก็รับมา “คุณเฉิงสุ่ย ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พวกเราจะไปถึงที่นั่นพรุ่งนี้เช้าเก้าโมง”

 

 

เสียงในโทรศัพท์ไม่ค่อยชัด ผู้กองลั่วรายงานเสร็จก็กดวางสาย

 

 

ถึงอย่างไรหัวหน้าโจวก็เป็นคนที่เคยผ่านโลกมาก่อน เขารับโทรศัพท์มาและอยากจะถามผู้กองลั่วว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ “ทำไมพวกเขาถึงมาย่างเนื้อ? ใครเป็นคนทำร้ายพวกเขา? นาย? เฉิงมู่?”

 

 

ผู้กองลั่วยังไม่ทันตอบ

 

 

หัวหน้าทหารรับจ้างที่อยู่อีกด้านก็ย่างเนื้อเสร็จแล้ว เขานำเนื้อวางไว้ในจาน

 

 

จากนั้นก็ใช้น้ำดับไฟ

 

 

เขาลูบซี่โครงแล้วเดินไปหาฉินหร่าน

 

 

หัวหน้าโจวเพิ่งจะสังเกตเห็นฉินหร่านเอาตอนนี้ เขาถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง ยังไม่ทันพูดอะไรก็ได้ยินเสียงหัวหน้าทหารรับจ้างพูดกับฉินหร่านด้วยน้ำเสียงเคารพและสุภาพเป็นพิเศษ “คุณหนูฉินครับ ผมช่วยคุณย่างเนื้อเรียบร้อยแล้ว คุณ…จะปล่อยผมกับพรรคพวกของผมไปได้หรือยังครับ?”

 

 

หัวหน้าโจว “….?”  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+