เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 217 เชฟ

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 217 เชฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้าทหารรับจ้าง ฉินหร่านก็ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ

 

 

เงยหน้าเหลือบมองหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

เป็นสายตาที่เป็นปกติมาก หัวหน้าโจวคิดว่าไม่มีสายตาไหนปกติไปกว่าสายตาคุณหนูฉินอีกแล้ว

 

 

ดูไม่แยแสอะไร

 

 

ทว่าหัวหน้าทหารรับจ้างกลับกระโดดถอยออกไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม

 

 

ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ “…”

 

 

ใช้คำว่า “กระต่าย” มาบรรยายดูจะไม่เหมาะกับทหารรับจ้างเลือดเหล็กคนนี้ แต่ว่า…พวกเขาก็สรรหาคำที่เหมาะกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ

 

 

“อือ” ฉินหร่านพยักหน้า “ย่างเนื้อใช้ได้เลย”

 

 

“คุณชอบก็ดีแล้ว” หัวหน้าทหารรับจ้างถอยออกไปหนึ่งก้าว

 

 

ก่อนจะเกิดการต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ฉินหร่านก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้

 

 

ฉินหร่านมองไปที่ตะแกรงย่างเนื้อแล้วพบว่าของทุกอย่างเก็บสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว เธอดีดนิ้ว “โอเค ไปได้”

 

 

ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ เหล่าทหารรับจ้างทั้งหมดที่นั่งกระจัดกระจายกันอยู่ก็ลุกขึ้นยืน กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกขนาดกลางและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

เหมือนพายุทอร์นาโด

 

 

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เหลือเพียงพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจว

 

 

ราวกับลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่นพาสิ่งไม่ดีออกไป

 

 

ฉินหร่านเปิดประตูเบาะหลังแล้วขึ้นไปนั่งบนรถในขณะที่เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของฉินหร่านที่คนอื่นเห็นเป็นกระเป๋าเที่ยวเล่น

 

 

“อือ ก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ” ผู้กองลั่วเอียงศีรษะพลางมองพวกหัวหน้าโจวที่ยังไม่ได้สติกลับมา “ไม่ใช่ผมและไม่ใช่เฉิงมู่ เแต่เป็นคุณหนูฉิน”

 

 

ที่ผ่านมา ผู้กองลั่วเรียก “คุณหนูฉิน” พอเป็นพิธีเท่านั้น

 

 

แต่คำว่า “คุณหนูฉิน” ในวันนี้กลับเพิ่มความเลื่อมใสที่มาจากใจ

 

 

ผู้กองลั่วคิดว่าแม้แต่เฉิงสุ่ย…ก็อาจจะสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างเพียงลำพังด้วยความเฉียบขาดแบบนี้ไม่ได้

 

 

“อ้อ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อกันจริงๆ ด้วยแฮะ…” หัวหน้าโจวก้มหน้ามองเนื้อย่างที่ถืออยู่ในมือ

 

 

อีกทั้งยังเป็นเนื้อย่างที่ย่างโดยลูกพี่ของกลุ่มทหารรับจ้างอีกด้วย

 

 

แบบนี้จะส่งไปประมูลได้ไหม?

 

 

ผู้กองลั่วเข้าใจความรู้สึกของหัวหน้าโจวดี จริงๆ เลย เขาตบไหล่หัวหน้าโจว “หัวหน้าโจว กินซะสิ ชิ้นสุดท้ายแล้ว หัวหน้าทหารรับจ้างคนนั้นฝีมือใช้ได้เลยนะ”

 

 

หัวหน้าโจวเองก็ไม่รู้จะขยับไม้ขยับมือยังไง เขายัดเนื้อเข้าปาก

 

 

กลุ่มลูกน้องเขาก็ถึงกับสมองโล่ง คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แค่ว่าตั้งแต่พวกเขาได้กลิ่นย่างเนื้อตอนลงจากรถ พวกเขาก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหน

 

 

พวกเฉิงมู่เหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า

 

 

**

 

 

ในรถ ฉินหร่านถอดเสื้อแจ็คเกตขนเป็ดออก ของที่คนช่วงชิงกันยังวางอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย

 

 

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา

 

 

พอเสียบหูฟังเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

 

เป็นเฉิงเจวี้ยน

 

 

เสียงของเขาฟังดูนิ่งมาก “ลงมือแล้ว?”

 

 

“เปล่า” ฉินหร่านนั่งตัวตรง เธอเลิกคิ้วแล้วตอบโต้โดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่ได้หาเรื่อง”

 

 

ปลายสาย เฉิงเจวี้ยนวางเอกสารในมือลงแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง “แน่ใจเหรอ?”

 

 

ตั้งแต่เฉิงสุ่ยยกเลิกแจ้งตำรวจ เฉิงเจวี้ยนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

 

 

“พวกเขาหาเรื่องก่อน เตะเนื้อที่ฉันย่างคว่ำ” ฉินหร่านมองออกไปด้านนอก รถได้ออกเดินทางแล้ว

 

 

เธอยกเหตุผลมาแย้ง

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า “…”

 

 

นั่นก็ถูก ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาหาเรื่องก่อน…

 

 

เฉิงเจวี้ยนถามฉินหร่านไปไม่กี่คำก็แน่ใจแล้วว่าทหารรับจ้างพวกนั้นไม่ได้ใช้มีด เขาถึงจะวางใจได้

 

 

หลังจากวางสาย ก็มีคนเคาะประตูด้านนอกพอดี

 

 

เป็นเฉิงสุ่ยที่เดินเข้ามา

 

 

“เรื่องคุณหนูฉิน…” เฉิงสุ่ยเพิ่งจะได้รับข่าวมาจากผู้กองลั่วและหัวหน้าโจว เขาจึงเข้ามารายงานเฉิงเจวี้ยน

 

 

เฉิงเจวี้ยนยกมือเป็นสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องพูดแล้ว

 

 

“ของล่ะ?” เขามองเฉิงสุ่ย

 

 

เฉิงสุ่ยไม่ได้พูดต่อ แค่ยื่นแฟ้มในมือให้เฉิงเจวี้ยนไปโดยตรง “นี่คือรายชื่อที่ผมได้มาจากรุ่ยจิน เวทีมวยทำเงินได้เร็ว มีคนเข้าร่วมไม่น้อย แม้ว่านักมวยเดนตายที่มีฝีมือขั้นเทพจะมีเพียงไม่กี่คน แต่ทุกวันก็ชกกันหลายยก รายชื่อสมาชิกที่ตายไปถูกตัดชื่อออกหมดแล้ว รายชื่อของรุ่ยจินทั้งหมดอยู่ในฐานข้อมูล ผมให้คนหาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาฐานข้อมูลพบ”

 

 

ที่ชายแดนรัฐ M มีสังเวียนมวย ที่นั่นไม่ได้รับการจัดการโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีคนจำนวนมากที่ขึ้นสู้บนเวทีมวยเดนตายแห่งนั้น ดังนั้น ที่นี่จึงไม่มีปัญหาการขาดแคลนคนสิ้นหวังที่ต้องการร่ำรวยจากการขึ้นเวทีมวยเดนตาย

 

 

แม้ว่าเวทีมวยภายในรัฐ M จะมีคนคอยจัดการ แต่ความเป็นจริงก็ไม่ได้ดีไปกว่าเวทีมวยแถวเขตชายแดนมากนัก มวยเดนตายล้วนเป็นการลงนามข้อตกลง ใครก็เข้ามาดูแลไม่ได้

 

 

เวทีเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การจัดการของตระกูลมาส เฉิงสุ่ยยังเจรจากับตระกูลมาสอยู่ตั้งหลายครั้งเพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลใต้ดินของพวกเขา

 

 

เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าดูกองเอกสารที่เฉิงสุ่ยยื่นให้ เขาลดคิ้วลงโดยไม่ได้ยื่นมือไปรับในทันที 

 

 

เฉิงสุ่ยรู้สึกว่าท่าทางเฉิงเจวี้ยนดูแปลกๆ

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นพลางเรียกอย่างระมัดระวัง “นายท่าน?”

 

 

เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าแล้วยื่นมือไปรับกองเอกสารมา “เอามาให้ฉัน”

 

 

หลังจากรับเอกสารมาแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้อ่านในทันที แค่หันข้างแล้ววางกองเอกสารไว้บนโต๊ะด้านหลัง

 

 

“พรุ่งนี้เฉิงหั่วก็กลับมาแล้ว” เฉิงสุ่ยนึกถึงเรื่องเฉิงหั่วขึ้นมาได้ “เมื่อคืนผมให้เฉิงหั่วตรวจสอบเรื่องการโจมตีที่ลานจอดเครื่องบินแล้ว”

 

 

ตอนที่หัวหน้าโจวถูกโจมตีเครือข่าย ก็ได้แจ้งเฉิงหั่วไปแล้ว

 

 

และได้รับการแก้ไขในเวลาต่อมา พวกหัวหน้าโจวคิดว่าแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่เฉิงสุ่ยกลับคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เขาจึงส่งเรื่องให้เฉิงหั่วจัดการ

 

 

“แฮ็กเกอร์โจมตี?” เมื่อได้ยินที่เฉิงสุ่ยบอก เฉิงเจวี้ยนก็หรี่ตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดูเหมือนเขาจะยิ้ม “ไม่เป็นไร นายให้เฉิงหั่วตรวจสอบแล้วกัน”

 

 

แม้เฉิงหั่วจะเป็นสมาชิกของสมาคมแฮ็กเกอร์ แต่ฝีมือการแฮกยังเก่งไม่เท่าหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์ อย่างไรก็ตาม เฉิงเจวี้ยนเดาว่าฝีมือฉินหร่านเก่งพอๆ กับหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์

 

 

**

 

 

วันรุ่งขึ้น เวลาเก้าโมงเช้า

 

 

ในที่สุดขบวนรถของพวกหัวหน้าโจวที่ออกเดินทางก็ค่อยๆ ขับเข้ามายังเขตคฤหาสน์

 

 

หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ในปราสาทโบราณแถวที่สองของคฤหาสน์

 

 

“คุณเฉิงสุ่ย แน่ใจเหรอว่าหัวหน้าโจวกับคนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร?” หัวหน้าตู้นั่งด้วยท่าทางขึงขัง พูดเสียงเข้ม “ผมได้ยินมาว่ากลุ่มทหารรับจ้างมีกันทั้งหมดสามสิบคน”

 

 

พวกผู้กองลั่วแยกออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ เจ็ดคนเพื่อคุ้มครองฉินหร่าน

 

 

หัวหน้าตู้เป็นห่วงความปลอดภัยของกลุ่มผู้กองลั่วมาก เพราะลูกน้องที่เขามอบให้หัวหน้าโจวไปคุ้มครองฉินหร่านล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งทั้งนั้น

 

 

โดยเฉพาะผู้กองลั่ว

 

 

แม้จะเก่งไม่ถึงระดับลูกพี่ของพวกเขา แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ การมีคนเก่งเยอะย่อมเป็นเรื่องดี

 

 

ตอนนี้หัวหน้าตู้เริ่มเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ให้ผู้กองลั่วติดตามไปกับพวกหัวหน้าโจว

 

 

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ขบวนรถของหัวหน้าโจวกลับมาแล้วครับ!”

 

 

เฉิงสุ่ยเดินตามหัวหน้าตู้ออกไปข้างนอกทันที

 

 

ขบวนรถที่ขับเข้ามามีรถมากกว่าก่อนออกเดินทางสองคัน เป็นคนของฮอลล์ที่เพิ่มกำลังคนให้พวกเขา

 

 

กลุ่มแรกที่ลงจากรถคือกลุ่มหัวหน้าโจวกับผู้กองลั่ว 

 

 

นอกจากท่าทางที่ดูแปลกไป ก็ไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายเลยแม้แต่น้อย พวกเขาน่าจะไม่ได้เป็นอะไร หัวหน้าตู้จึงเบาใจไปชั่วขณะ

 

 

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นายท่านบอกว่าของจะยังไงก็ได้ ขอแค่ทุกคนกลับมาก็ดีแล้ว” หัวหน้าตู้ตบไหล่หัวหน้าโจว

 

 

“ของมันเรื่องเล็กซะที่ไหนล่ะ” หัวหน้าหยวนแห่งหน่วยการค้าระหว่างประเทศหน้าบึ้ง นี่คือผลงานของพวกเขาในเดือนถัดไป เขาลดเสียง “บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าพาผู้หญิงคนนั้นไปด้วย”

 

 

ถ้าพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจวไม่ได้แยกทางกันกลับมา กลุ่มพวกเขาก็มีคนตั้งยี่สิบคน ไม่แน่ว่าอาจจะมีกำลังเพียงพอที่จะสู้กับพวกทหารรับจ้างกลุ่มนั้นได้

 

 

คนเหล่านี้ไม่พูดอะไร แต่ในเวลานี้พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

 

 

ถ้าฉินหร่านทำตัวดีๆ อยู่ในคฤหาสน์และทำในสิ่งที่เธอควรทำ คนอื่นคงไม่ว่าอะไร

 

 

แต่เธอกลับทำตัวงี่เง่าจะออกไปเที่ยวเล่นให้ได้ หัวหน้าหยวนกับคนอื่นๆ จะทำใจยอมรับได้อย่างไร?

 

 

เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้กองลั่วเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หัวหน้าหยวน คุณหนูฉินแค่ไปเที่ยวเล่น”

 

 

หัวหน้าหยวนขมวดคิ้ว “ฉันรู้ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเที่ยวเล่นกันแบบนี้ รัฐ M มีตั้งหลายที่”

 

 

เฉิงสุ่ยไม่สนใจพวกเขา แค่เงยหน้ามองไปทางรถคันสีดำที่อยู่ตรงกลาง “คุณหนูฉินคงไม่เป็นไรนะ?”

 

 

คนเหล่านี้ต่างก็คิดว่าผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ได้มอบของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นไปแล้ว ถึงได้พากันถอยไป

 

 

สู้กันแบบเจ็ดต่อสามสิบคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเจ็ดคนนั้นมีเฉิงมู่กับฉินหร่านที่ฝีมือการต่อสู้ไม่เอาไหน ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเอาชนะพวกทหารรับจ้างได้

 

 

ขณะที่เฉิงสุ่ยกำลังพูด พวกฉินหร่านก็ลงจากรถ

 

 

ฉินหร่านยังคงเหมือนเดิม พอลงจากรถก็ดึงหมวกเสื้อแจ็คเdตขนเป็ดขึ้น ส่วนซือลี่หมิงก็เดินไปเอากระเป๋าเดินทางออกมาจากท้ายรถ

 

 

เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้อยู่อย่างเงียบๆ

 

 

วันนี้ดอกไม้ในกระถางดูไม่ได้เหี่ยวเฉาขนาดนั้น เขาจึงส่งข้อความไปบอกเรื่องนี้กับคนสวนและหลินซือหราน

 

 

หลังจากลงจากรถ คนของหน่วยจัดซื้อและคนของผู้กองลั่วก็ยืนเป็นสองแถว เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางใบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก

 

 

โดยเฉพาะกลุ่มของผู้กองลั่ว พวกเขานึกถึงวีรกรรมที่พวกเฉิงมู่ย่างเนื้อกันเมื่อวาน…

 

 

“คุณหนูฉิน คุณไม่เป็นไรนะครับ” ในที่สุดใจเฉิงสุ่ยก็เบาใจลงหลังจากปล่อยวางไม่ได้มาทั้งคืน เขามองไปทางฉินหร่าน “นายท่านยังอยู่ในห้องหนังสือ”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าแล้วเดินเบี่ยงไปทางด้านข้าง

 

 

ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็นึกอะไรขึ้นได้ “คุณหนูฉิน ของของพวกเราล่ะครับ?”

 

 

เขามองฉินหร่านและพูดด้วยความเคารพ

 

 

นับถือจากใจจริง

 

 

เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ต่างก็ประหลาดใจในน้ำเสียงของเขา คนทั้งคฤหาสน์เรียกฉินหร่านว่าคุณหนูฉิน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรียกไปตามหน้าที่ น้อยมากที่จะเคารพด้วยความจริงใจ

 

 

แต่ตอนนี้ทั้งสองไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้

 

 

เพราะพวกเขาได้ยินผู้กองลั่วพูดคำว่า “ของ” 

 

 

“ของ? พวกนายไม่ได้เอาของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นหรอกเหรอ?” หัวหน้าตู้ถามด้วยเสียงที่ดังมากพลางมองหน้าผู้กองลั่ว

 

 

หัวหน้าหยวนก็คิดมาตลอดว่าของถูกส่งไปแล้ว เขาถึงได้พูดจาไร้มารยาทไปแบบนั้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้กองลั่ว เขาก็มองไปทางพวกผู้กองลั่วด้วยความประหลาดใจ

 

 

ผู้กองลั่วพยักหน้า

 

 

อีกด้าน พอฉินหร่านรู้ตัวก็หันหลังกลับ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเบาะหลังแล้วโยนให้ผู้กองลั่วส่งๆ

 

 

กล่องใบนี้เคยผ่านมือฉินหร่านกับหัวหน้าโจวเท่านั้น

 

 

คนอื่นจึงไม่รู้น้ำหนักของมัน เมื่อเห็นฉินหร่านถือได้สบายๆ ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่หนัก

 

 

ผู้กองลั่วเองก็คิดแบบนี้ตามสัญชาตญาณ แต่พอมันตกอยู่ในมือของผู้กองลั่ว ผู้กองลั่วก็รู้สึกราวกับกำลังแบกกล่องหิน

 

 

เดิมทีเขาเห็นฉินหร่านถือ เขายังคิดว่าตัวเองน่าจะรับกล่องขนนก แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นกล่องหิน ? !

 

 

เขาใช้แรงที่รับกล่องขนนกไปรับกล่องหินมาแทน จึงควบคุมพละกำลังไม่ได้ โงนเงนไปทั้งตัวจนเกือบจะล้มลงไป

 

 

ผู้กองลั่ว “…”

 

 

หัวหน้าโจวที่รู้น้ำหนักของกล่องใบนี้ “…”

 

 

คนที่เห็นเหตุการณ์ “…”

 

 

ฉินหร่านโยนกล่องให้ผู้กองลั่วก่อนเดินกลับ

 

 

ไม่รู้ว่าพวกลูกน้องที่ติดตามเฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ที่อยู่ด้านหลังมองเธอด้วยสายตาแบบไหน ถึงได้หลีกทางให้เธอแต่โดยดี

 

 

ซือลี่หมิงลากกระเป๋าตามหลังเธอไป

 

 

เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

พวกเฉิงสุ่ยออกมารับกลุ่มหัวหน้าโจวและผู้กองลั่ว

 

 

พวกเขาคิดว่าจะไม่ได้เห็นของแล้ว แต่สุดท้ายฉินหร่านก็สร้างความตกใจโดยการโยนของให้ผู้กองลั่ว

 

 

จนกระทั่งพวกฉินหร่านหายลับตาไป เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ถึงจะรู้สึกตัว

 

 

หัวหน้าหยวนเลื่อนสายตามองมายังกล่องที่อยู่ในมือผู้กองลั่ว “พวกนายไม่ได้เอาของมอบให้พวกทหารรับจ้างเหรอ?”

 

 

“อืม พวกเขาไม่ได้เอาไป” ผู้กองลั่วตอบสั้นๆ ได้ใจความ

 

 

“งั้นพวกนายหนีจากเงื้อมมือของพวกทหารรับจ้างออกมาอย่างปลอดภัยได้ยังไง?” พวกเขาล้วนคลุกคลีอยู่ในรัฐ M ทหารรับจ้างโหดเหี้ยมขนาดไหน ทุกคนต่างก็เคยเห็นมาหมดแล้ว

 

 

จะลำบากลำบนสักแค่ไหนก็ไม่น่าปล่อยพวกผู้กองลั่วมาได้ง่ายๆ ถึงขนาดไม่เอาของไปด้วย?

 

 

หัวหน้าโจวได้แต่มองไปทางผู้กองลั่วอย่างเงียบๆ

 

 

หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ผู้กองลั่วก็โตขึ้นมาก เขาไม่ได้อธิบายนำไปก่อน แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา หาโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากนั้นกดไปที่หน้าโปรไฟล์ของซือลี่หมิงแล้วเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของเขา

 

 

อันแรกเป็นความเคลื่อนไหวที่เขารีโพสต์ลงเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

 

ผู้ส่งดูเหมือนจะเป็นเฉิงมู่ ผู้กองลั่วจึงกดเข้าไปที่หน้าเพจของเฉิงมู่

 

 

เรื่องราวเป็นแบบนี้——

 

 

เฉิงมู่ : ฉันหวังว่าพวกเขาจะเปิดร้านเนื้อย่างในอนาคต (วิดีโอ)

 

 

เปิดเป็นโหมดสาธารณะ

 

 

ด้านล่างเหมือนจะมีคนที่ชื่อลู่จ้าวอิ่งถามว่าเขาคนนี้เป็นใคร

 

 

เฉิงมู่ตอบ : เชฟ

 

 

ผู้กองลั่วขยายวิดีโอให้พวกหัวหน้าตู้และเฉิงสุ่ยดู

 

 

เฉิงมู่ถ่ายวิดีโอในระดับทั่วไป แต่โทรศัพท์มีฟิลเตอร์ ภาพเนื้อย่างจึงดูชัดแจ๋ว คนย่างเนื้อดูไม่เหมือนกับเนื้อที่ย่าง

 

 

รูปร่างกำยำ หน้าตาปูดโปน ดูก็รู้ว่าไม่ควรไปแหย่

 

 

หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ก็เห็นคำตอบของเฉิงมู่เหมือนกัน “เชฟนี่ทำไมเหรอ? คนของฮอลล์?”

 

 

ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็เข้าใจความรู้สึกของเฉิงมู่เมื่อคืน “เปล่า พวกคุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าหนีมาได้ยังไง คนที่ย่างเนื้อคนนี้ก็คือหัวหน้าทหารรับจ้างยังไงละ เมื่อคืนเขาไม่ได้เอาของไป เพราะเขากำลังย่างเนื้อให้คุณหนูฉินอยู่”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 217 เชฟ

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 217 เชฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้าทหารรับจ้าง ฉินหร่านก็ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ

 

 

เงยหน้าเหลือบมองหัวหน้าทหารรับจ้าง

 

 

เป็นสายตาที่เป็นปกติมาก หัวหน้าโจวคิดว่าไม่มีสายตาไหนปกติไปกว่าสายตาคุณหนูฉินอีกแล้ว

 

 

ดูไม่แยแสอะไร

 

 

ทว่าหัวหน้าทหารรับจ้างกลับกระโดดถอยออกไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม

 

 

ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ “…”

 

 

ใช้คำว่า “กระต่าย” มาบรรยายดูจะไม่เหมาะกับทหารรับจ้างเลือดเหล็กคนนี้ แต่ว่า…พวกเขาก็สรรหาคำที่เหมาะกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ

 

 

“อือ” ฉินหร่านพยักหน้า “ย่างเนื้อใช้ได้เลย”

 

 

“คุณชอบก็ดีแล้ว” หัวหน้าทหารรับจ้างถอยออกไปหนึ่งก้าว

 

 

ก่อนจะเกิดการต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ฉินหร่านก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้

 

 

ฉินหร่านมองไปที่ตะแกรงย่างเนื้อแล้วพบว่าของทุกอย่างเก็บสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว เธอดีดนิ้ว “โอเค ไปได้”

 

 

ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ เหล่าทหารรับจ้างทั้งหมดที่นั่งกระจัดกระจายกันอยู่ก็ลุกขึ้นยืน กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกขนาดกลางและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

เหมือนพายุทอร์นาโด

 

 

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เหลือเพียงพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจว

 

 

ราวกับลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่นพาสิ่งไม่ดีออกไป

 

 

ฉินหร่านเปิดประตูเบาะหลังแล้วขึ้นไปนั่งบนรถในขณะที่เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของฉินหร่านที่คนอื่นเห็นเป็นกระเป๋าเที่ยวเล่น

 

 

“อือ ก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ” ผู้กองลั่วเอียงศีรษะพลางมองพวกหัวหน้าโจวที่ยังไม่ได้สติกลับมา “ไม่ใช่ผมและไม่ใช่เฉิงมู่ เแต่เป็นคุณหนูฉิน”

 

 

ที่ผ่านมา ผู้กองลั่วเรียก “คุณหนูฉิน” พอเป็นพิธีเท่านั้น

 

 

แต่คำว่า “คุณหนูฉิน” ในวันนี้กลับเพิ่มความเลื่อมใสที่มาจากใจ

 

 

ผู้กองลั่วคิดว่าแม้แต่เฉิงสุ่ย…ก็อาจจะสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างเพียงลำพังด้วยความเฉียบขาดแบบนี้ไม่ได้

 

 

“อ้อ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อกันจริงๆ ด้วยแฮะ…” หัวหน้าโจวก้มหน้ามองเนื้อย่างที่ถืออยู่ในมือ

 

 

อีกทั้งยังเป็นเนื้อย่างที่ย่างโดยลูกพี่ของกลุ่มทหารรับจ้างอีกด้วย

 

 

แบบนี้จะส่งไปประมูลได้ไหม?

 

 

ผู้กองลั่วเข้าใจความรู้สึกของหัวหน้าโจวดี จริงๆ เลย เขาตบไหล่หัวหน้าโจว “หัวหน้าโจว กินซะสิ ชิ้นสุดท้ายแล้ว หัวหน้าทหารรับจ้างคนนั้นฝีมือใช้ได้เลยนะ”

 

 

หัวหน้าโจวเองก็ไม่รู้จะขยับไม้ขยับมือยังไง เขายัดเนื้อเข้าปาก

 

 

กลุ่มลูกน้องเขาก็ถึงกับสมองโล่ง คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แค่ว่าตั้งแต่พวกเขาได้กลิ่นย่างเนื้อตอนลงจากรถ พวกเขาก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหน

 

 

พวกเฉิงมู่เหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า

 

 

**

 

 

ในรถ ฉินหร่านถอดเสื้อแจ็คเกตขนเป็ดออก ของที่คนช่วงชิงกันยังวางอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย

 

 

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา

 

 

พอเสียบหูฟังเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

 

 

เป็นเฉิงเจวี้ยน

 

 

เสียงของเขาฟังดูนิ่งมาก “ลงมือแล้ว?”

 

 

“เปล่า” ฉินหร่านนั่งตัวตรง เธอเลิกคิ้วแล้วตอบโต้โดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่ได้หาเรื่อง”

 

 

ปลายสาย เฉิงเจวี้ยนวางเอกสารในมือลงแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง “แน่ใจเหรอ?”

 

 

ตั้งแต่เฉิงสุ่ยยกเลิกแจ้งตำรวจ เฉิงเจวี้ยนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ

 

 

“พวกเขาหาเรื่องก่อน เตะเนื้อที่ฉันย่างคว่ำ” ฉินหร่านมองออกไปด้านนอก รถได้ออกเดินทางแล้ว

 

 

เธอยกเหตุผลมาแย้ง

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า “…”

 

 

นั่นก็ถูก ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาหาเรื่องก่อน…

 

 

เฉิงเจวี้ยนถามฉินหร่านไปไม่กี่คำก็แน่ใจแล้วว่าทหารรับจ้างพวกนั้นไม่ได้ใช้มีด เขาถึงจะวางใจได้

 

 

หลังจากวางสาย ก็มีคนเคาะประตูด้านนอกพอดี

 

 

เป็นเฉิงสุ่ยที่เดินเข้ามา

 

 

“เรื่องคุณหนูฉิน…” เฉิงสุ่ยเพิ่งจะได้รับข่าวมาจากผู้กองลั่วและหัวหน้าโจว เขาจึงเข้ามารายงานเฉิงเจวี้ยน

 

 

เฉิงเจวี้ยนยกมือเป็นสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องพูดแล้ว

 

 

“ของล่ะ?” เขามองเฉิงสุ่ย

 

 

เฉิงสุ่ยไม่ได้พูดต่อ แค่ยื่นแฟ้มในมือให้เฉิงเจวี้ยนไปโดยตรง “นี่คือรายชื่อที่ผมได้มาจากรุ่ยจิน เวทีมวยทำเงินได้เร็ว มีคนเข้าร่วมไม่น้อย แม้ว่านักมวยเดนตายที่มีฝีมือขั้นเทพจะมีเพียงไม่กี่คน แต่ทุกวันก็ชกกันหลายยก รายชื่อสมาชิกที่ตายไปถูกตัดชื่อออกหมดแล้ว รายชื่อของรุ่ยจินทั้งหมดอยู่ในฐานข้อมูล ผมให้คนหาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาฐานข้อมูลพบ”

 

 

ที่ชายแดนรัฐ M มีสังเวียนมวย ที่นั่นไม่ได้รับการจัดการโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีคนจำนวนมากที่ขึ้นสู้บนเวทีมวยเดนตายแห่งนั้น ดังนั้น ที่นี่จึงไม่มีปัญหาการขาดแคลนคนสิ้นหวังที่ต้องการร่ำรวยจากการขึ้นเวทีมวยเดนตาย

 

 

แม้ว่าเวทีมวยภายในรัฐ M จะมีคนคอยจัดการ แต่ความเป็นจริงก็ไม่ได้ดีไปกว่าเวทีมวยแถวเขตชายแดนมากนัก มวยเดนตายล้วนเป็นการลงนามข้อตกลง ใครก็เข้ามาดูแลไม่ได้

 

 

เวทีเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การจัดการของตระกูลมาส เฉิงสุ่ยยังเจรจากับตระกูลมาสอยู่ตั้งหลายครั้งเพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลใต้ดินของพวกเขา

 

 

เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าดูกองเอกสารที่เฉิงสุ่ยยื่นให้ เขาลดคิ้วลงโดยไม่ได้ยื่นมือไปรับในทันที 

 

 

เฉิงสุ่ยรู้สึกว่าท่าทางเฉิงเจวี้ยนดูแปลกๆ

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นพลางเรียกอย่างระมัดระวัง “นายท่าน?”

 

 

เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าแล้วยื่นมือไปรับกองเอกสารมา “เอามาให้ฉัน”

 

 

หลังจากรับเอกสารมาแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้อ่านในทันที แค่หันข้างแล้ววางกองเอกสารไว้บนโต๊ะด้านหลัง

 

 

“พรุ่งนี้เฉิงหั่วก็กลับมาแล้ว” เฉิงสุ่ยนึกถึงเรื่องเฉิงหั่วขึ้นมาได้ “เมื่อคืนผมให้เฉิงหั่วตรวจสอบเรื่องการโจมตีที่ลานจอดเครื่องบินแล้ว”

 

 

ตอนที่หัวหน้าโจวถูกโจมตีเครือข่าย ก็ได้แจ้งเฉิงหั่วไปแล้ว

 

 

และได้รับการแก้ไขในเวลาต่อมา พวกหัวหน้าโจวคิดว่าแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่เฉิงสุ่ยกลับคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เขาจึงส่งเรื่องให้เฉิงหั่วจัดการ

 

 

“แฮ็กเกอร์โจมตี?” เมื่อได้ยินที่เฉิงสุ่ยบอก เฉิงเจวี้ยนก็หรี่ตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดูเหมือนเขาจะยิ้ม “ไม่เป็นไร นายให้เฉิงหั่วตรวจสอบแล้วกัน”

 

 

แม้เฉิงหั่วจะเป็นสมาชิกของสมาคมแฮ็กเกอร์ แต่ฝีมือการแฮกยังเก่งไม่เท่าหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์ อย่างไรก็ตาม เฉิงเจวี้ยนเดาว่าฝีมือฉินหร่านเก่งพอๆ กับหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์

 

 

**

 

 

วันรุ่งขึ้น เวลาเก้าโมงเช้า

 

 

ในที่สุดขบวนรถของพวกหัวหน้าโจวที่ออกเดินทางก็ค่อยๆ ขับเข้ามายังเขตคฤหาสน์

 

 

หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ในปราสาทโบราณแถวที่สองของคฤหาสน์

 

 

“คุณเฉิงสุ่ย แน่ใจเหรอว่าหัวหน้าโจวกับคนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร?” หัวหน้าตู้นั่งด้วยท่าทางขึงขัง พูดเสียงเข้ม “ผมได้ยินมาว่ากลุ่มทหารรับจ้างมีกันทั้งหมดสามสิบคน”

 

 

พวกผู้กองลั่วแยกออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ เจ็ดคนเพื่อคุ้มครองฉินหร่าน

 

 

หัวหน้าตู้เป็นห่วงความปลอดภัยของกลุ่มผู้กองลั่วมาก เพราะลูกน้องที่เขามอบให้หัวหน้าโจวไปคุ้มครองฉินหร่านล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งทั้งนั้น

 

 

โดยเฉพาะผู้กองลั่ว

 

 

แม้จะเก่งไม่ถึงระดับลูกพี่ของพวกเขา แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ การมีคนเก่งเยอะย่อมเป็นเรื่องดี

 

 

ตอนนี้หัวหน้าตู้เริ่มเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ให้ผู้กองลั่วติดตามไปกับพวกหัวหน้าโจว

 

 

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ขบวนรถของหัวหน้าโจวกลับมาแล้วครับ!”

 

 

เฉิงสุ่ยเดินตามหัวหน้าตู้ออกไปข้างนอกทันที

 

 

ขบวนรถที่ขับเข้ามามีรถมากกว่าก่อนออกเดินทางสองคัน เป็นคนของฮอลล์ที่เพิ่มกำลังคนให้พวกเขา

 

 

กลุ่มแรกที่ลงจากรถคือกลุ่มหัวหน้าโจวกับผู้กองลั่ว 

 

 

นอกจากท่าทางที่ดูแปลกไป ก็ไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายเลยแม้แต่น้อย พวกเขาน่าจะไม่ได้เป็นอะไร หัวหน้าตู้จึงเบาใจไปชั่วขณะ

 

 

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นายท่านบอกว่าของจะยังไงก็ได้ ขอแค่ทุกคนกลับมาก็ดีแล้ว” หัวหน้าตู้ตบไหล่หัวหน้าโจว

 

 

“ของมันเรื่องเล็กซะที่ไหนล่ะ” หัวหน้าหยวนแห่งหน่วยการค้าระหว่างประเทศหน้าบึ้ง นี่คือผลงานของพวกเขาในเดือนถัดไป เขาลดเสียง “บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าพาผู้หญิงคนนั้นไปด้วย”

 

 

ถ้าพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจวไม่ได้แยกทางกันกลับมา กลุ่มพวกเขาก็มีคนตั้งยี่สิบคน ไม่แน่ว่าอาจจะมีกำลังเพียงพอที่จะสู้กับพวกทหารรับจ้างกลุ่มนั้นได้

 

 

คนเหล่านี้ไม่พูดอะไร แต่ในเวลานี้พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

 

 

ถ้าฉินหร่านทำตัวดีๆ อยู่ในคฤหาสน์และทำในสิ่งที่เธอควรทำ คนอื่นคงไม่ว่าอะไร

 

 

แต่เธอกลับทำตัวงี่เง่าจะออกไปเที่ยวเล่นให้ได้ หัวหน้าหยวนกับคนอื่นๆ จะทำใจยอมรับได้อย่างไร?

 

 

เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้กองลั่วเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หัวหน้าหยวน คุณหนูฉินแค่ไปเที่ยวเล่น”

 

 

หัวหน้าหยวนขมวดคิ้ว “ฉันรู้ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเที่ยวเล่นกันแบบนี้ รัฐ M มีตั้งหลายที่”

 

 

เฉิงสุ่ยไม่สนใจพวกเขา แค่เงยหน้ามองไปทางรถคันสีดำที่อยู่ตรงกลาง “คุณหนูฉินคงไม่เป็นไรนะ?”

 

 

คนเหล่านี้ต่างก็คิดว่าผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ได้มอบของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นไปแล้ว ถึงได้พากันถอยไป

 

 

สู้กันแบบเจ็ดต่อสามสิบคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเจ็ดคนนั้นมีเฉิงมู่กับฉินหร่านที่ฝีมือการต่อสู้ไม่เอาไหน ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเอาชนะพวกทหารรับจ้างได้

 

 

ขณะที่เฉิงสุ่ยกำลังพูด พวกฉินหร่านก็ลงจากรถ

 

 

ฉินหร่านยังคงเหมือนเดิม พอลงจากรถก็ดึงหมวกเสื้อแจ็คเdตขนเป็ดขึ้น ส่วนซือลี่หมิงก็เดินไปเอากระเป๋าเดินทางออกมาจากท้ายรถ

 

 

เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้อยู่อย่างเงียบๆ

 

 

วันนี้ดอกไม้ในกระถางดูไม่ได้เหี่ยวเฉาขนาดนั้น เขาจึงส่งข้อความไปบอกเรื่องนี้กับคนสวนและหลินซือหราน

 

 

หลังจากลงจากรถ คนของหน่วยจัดซื้อและคนของผู้กองลั่วก็ยืนเป็นสองแถว เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางใบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก

 

 

โดยเฉพาะกลุ่มของผู้กองลั่ว พวกเขานึกถึงวีรกรรมที่พวกเฉิงมู่ย่างเนื้อกันเมื่อวาน…

 

 

“คุณหนูฉิน คุณไม่เป็นไรนะครับ” ในที่สุดใจเฉิงสุ่ยก็เบาใจลงหลังจากปล่อยวางไม่ได้มาทั้งคืน เขามองไปทางฉินหร่าน “นายท่านยังอยู่ในห้องหนังสือ”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าแล้วเดินเบี่ยงไปทางด้านข้าง

 

 

ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็นึกอะไรขึ้นได้ “คุณหนูฉิน ของของพวกเราล่ะครับ?”

 

 

เขามองฉินหร่านและพูดด้วยความเคารพ

 

 

นับถือจากใจจริง

 

 

เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ต่างก็ประหลาดใจในน้ำเสียงของเขา คนทั้งคฤหาสน์เรียกฉินหร่านว่าคุณหนูฉิน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรียกไปตามหน้าที่ น้อยมากที่จะเคารพด้วยความจริงใจ

 

 

แต่ตอนนี้ทั้งสองไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้

 

 

เพราะพวกเขาได้ยินผู้กองลั่วพูดคำว่า “ของ” 

 

 

“ของ? พวกนายไม่ได้เอาของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นหรอกเหรอ?” หัวหน้าตู้ถามด้วยเสียงที่ดังมากพลางมองหน้าผู้กองลั่ว

 

 

หัวหน้าหยวนก็คิดมาตลอดว่าของถูกส่งไปแล้ว เขาถึงได้พูดจาไร้มารยาทไปแบบนั้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้กองลั่ว เขาก็มองไปทางพวกผู้กองลั่วด้วยความประหลาดใจ

 

 

ผู้กองลั่วพยักหน้า

 

 

อีกด้าน พอฉินหร่านรู้ตัวก็หันหลังกลับ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเบาะหลังแล้วโยนให้ผู้กองลั่วส่งๆ

 

 

กล่องใบนี้เคยผ่านมือฉินหร่านกับหัวหน้าโจวเท่านั้น

 

 

คนอื่นจึงไม่รู้น้ำหนักของมัน เมื่อเห็นฉินหร่านถือได้สบายๆ ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่หนัก

 

 

ผู้กองลั่วเองก็คิดแบบนี้ตามสัญชาตญาณ แต่พอมันตกอยู่ในมือของผู้กองลั่ว ผู้กองลั่วก็รู้สึกราวกับกำลังแบกกล่องหิน

 

 

เดิมทีเขาเห็นฉินหร่านถือ เขายังคิดว่าตัวเองน่าจะรับกล่องขนนก แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นกล่องหิน ? !

 

 

เขาใช้แรงที่รับกล่องขนนกไปรับกล่องหินมาแทน จึงควบคุมพละกำลังไม่ได้ โงนเงนไปทั้งตัวจนเกือบจะล้มลงไป

 

 

ผู้กองลั่ว “…”

 

 

หัวหน้าโจวที่รู้น้ำหนักของกล่องใบนี้ “…”

 

 

คนที่เห็นเหตุการณ์ “…”

 

 

ฉินหร่านโยนกล่องให้ผู้กองลั่วก่อนเดินกลับ

 

 

ไม่รู้ว่าพวกลูกน้องที่ติดตามเฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ที่อยู่ด้านหลังมองเธอด้วยสายตาแบบไหน ถึงได้หลีกทางให้เธอแต่โดยดี

 

 

ซือลี่หมิงลากกระเป๋าตามหลังเธอไป

 

 

เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

 

พวกเฉิงสุ่ยออกมารับกลุ่มหัวหน้าโจวและผู้กองลั่ว

 

 

พวกเขาคิดว่าจะไม่ได้เห็นของแล้ว แต่สุดท้ายฉินหร่านก็สร้างความตกใจโดยการโยนของให้ผู้กองลั่ว

 

 

จนกระทั่งพวกฉินหร่านหายลับตาไป เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ถึงจะรู้สึกตัว

 

 

หัวหน้าหยวนเลื่อนสายตามองมายังกล่องที่อยู่ในมือผู้กองลั่ว “พวกนายไม่ได้เอาของมอบให้พวกทหารรับจ้างเหรอ?”

 

 

“อืม พวกเขาไม่ได้เอาไป” ผู้กองลั่วตอบสั้นๆ ได้ใจความ

 

 

“งั้นพวกนายหนีจากเงื้อมมือของพวกทหารรับจ้างออกมาอย่างปลอดภัยได้ยังไง?” พวกเขาล้วนคลุกคลีอยู่ในรัฐ M ทหารรับจ้างโหดเหี้ยมขนาดไหน ทุกคนต่างก็เคยเห็นมาหมดแล้ว

 

 

จะลำบากลำบนสักแค่ไหนก็ไม่น่าปล่อยพวกผู้กองลั่วมาได้ง่ายๆ ถึงขนาดไม่เอาของไปด้วย?

 

 

หัวหน้าโจวได้แต่มองไปทางผู้กองลั่วอย่างเงียบๆ

 

 

หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ผู้กองลั่วก็โตขึ้นมาก เขาไม่ได้อธิบายนำไปก่อน แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา หาโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากนั้นกดไปที่หน้าโปรไฟล์ของซือลี่หมิงแล้วเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของเขา

 

 

อันแรกเป็นความเคลื่อนไหวที่เขารีโพสต์ลงเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

 

ผู้ส่งดูเหมือนจะเป็นเฉิงมู่ ผู้กองลั่วจึงกดเข้าไปที่หน้าเพจของเฉิงมู่

 

 

เรื่องราวเป็นแบบนี้——

 

 

เฉิงมู่ : ฉันหวังว่าพวกเขาจะเปิดร้านเนื้อย่างในอนาคต (วิดีโอ)

 

 

เปิดเป็นโหมดสาธารณะ

 

 

ด้านล่างเหมือนจะมีคนที่ชื่อลู่จ้าวอิ่งถามว่าเขาคนนี้เป็นใคร

 

 

เฉิงมู่ตอบ : เชฟ

 

 

ผู้กองลั่วขยายวิดีโอให้พวกหัวหน้าตู้และเฉิงสุ่ยดู

 

 

เฉิงมู่ถ่ายวิดีโอในระดับทั่วไป แต่โทรศัพท์มีฟิลเตอร์ ภาพเนื้อย่างจึงดูชัดแจ๋ว คนย่างเนื้อดูไม่เหมือนกับเนื้อที่ย่าง

 

 

รูปร่างกำยำ หน้าตาปูดโปน ดูก็รู้ว่าไม่ควรไปแหย่

 

 

หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ก็เห็นคำตอบของเฉิงมู่เหมือนกัน “เชฟนี่ทำไมเหรอ? คนของฮอลล์?”

 

 

ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็เข้าใจความรู้สึกของเฉิงมู่เมื่อคืน “เปล่า พวกคุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าหนีมาได้ยังไง คนที่ย่างเนื้อคนนี้ก็คือหัวหน้าทหารรับจ้างยังไงละ เมื่อคืนเขาไม่ได้เอาของไป เพราะเขากำลังย่างเนื้อให้คุณหนูฉินอยู่”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+