เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 230 คุณหนูฉิน พาทะยานขึ้น

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 230 คุณหนูฉิน พาทะยานขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินหร่านจ้องมองข้อความประโยคนี้ ก่อนตอบกลับอีกครั้ง

 

 

(ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอ?)

 

 

ที่อยู่ของที่นี่ เธอเคยส่งไปทางอวิ๋นกวงแล้ว

 

 

เพียงแต่ไม่ได้ระบุชื่อถนนหลักชัดเจน ส่งไปให้แค่ชื่อของคฤหาสน์เท่านั้น คฤหาสน์สไตล์ยุโรปในรัฐ M น่าจะมีที่นี่ที่เดียว

 

 

แต่อีกฝั่งยังถามเธอซ้ำอีก ฉินหร่านยังเคยส่งเลขที่ถนนหลักอย่างละเอียดไปแล้ว มีเฉพาะบ้านเลขที่ที่ฉินหร่านไม่ได้สนใจส่งไปให้

 

 

ไม่นานอีกฝั่งก็ตอบกลับ

 

 

(ไม่มีอะไร ถามให้แน่ใจเฉยๆ)

 

 

มาถึงห้องอาหารชั้นหนึ่ง ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลง

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงเพิ่งออกมาจากห้องฝึกซ้อม ขณะที่ฝึกซ้อมกัน ซือลี่หมิงก็รอเฉิงมู่เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ใบหน้าของเขายังคงบวมช้ำ

 

 

ในทางตรงกันข้ามเฉิงมู่ดูไม่เป็นอะไรแล้ว

 

 

ทั้งหมดนั่งลงเริ่มกินข้าว เฉิงมู่ไม่พูดจาอะไร เพียงนั่งมองฉินหร่านอยู่เงียบๆ ในขณะที่มือถือตะเกียบอยู่ “เฉิงมู่ ได้ข่าวว่าวันนี้นายไปหาคู่แข่งมาเหรอ?”

 

 

“อืม” เฉิงมู่กินข้าวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ฟังไม่ค่อยชัดเจน

 

 

เนื่องจากวันนี้โค้ดหุ่นยนต์ตัวนั้นที่หน่วยข่าวกรองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉิงหั่วจึงพึ่งได้มากินข้าวเย็น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาพลันเลิกคิ้วหันไปถามอีกฝ่าย “นายหาใครมาสู้ด้วย? สู้ชนะรึ?”

 

 

“เจอร์รี่” เฉิงมู่ยังคงกินข้าวต่อ ตอบกลับเพียงไม่กี่คำเช่นเคย

 

 

เจอร์รี่คือคนจากหน่วยข่าวกรอง เป็นสมาชิกไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่งใช้ได้ อีกทั้งเฉิงหั่วมีความประทับใจที่ดีมากต่อเจอร์รี่

 

 

หากเฉิงมู่ต่อสู้กับเขาคงแพ้ราบคาบ

 

 

เฉิงหั่วเอามือเท้าโต๊ะ ยกคิ้วด้วยความสงสัยถึงที่สุด “นายสู้ชนะหรอ?”

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของเฉิงมู่ถึงกับชะงัก จากนั้นเงยหน้ามองเฉิงหั่วอย่างไร้อารมณ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งยังก้มหน้าก้มตาคีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากกลืนลงไป

 

 

“คุณชายเจวี้ยน คุณหนูฉิน ผมไปห้องฝึกซ้อมก่อนนะครับ” เขาลากเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเขาครั้งหนึ่ง พลางลืมตา ในแววตามีเสียงของ “อืม” ตอบอย่างขี้เกียจเล็กน้อย

 

 

ฉินหร่านโบกมือลาให้อย่างสบายๆ

 

 

ซือลี่หมิงเห็นเฉิงมู่เดินไปแล้ว ก็รีบกินข้าวให้เสร็จ หลังจากนั้นพูดเพียงประโยคเดียวกับคนบนโต๊ะแล้วไปห้องฝึกซ้อมต่อ

 

 

“ที่แท้เฉิงมู่ไม่ได้สนใจฉันเลย?” เฉิงหั่วถือตะเกียบพลางมองไปยังเฉิงสุ่ย “สงสัยว่าถูกชกจนสติฟั่นเฟือนแล้วละมั้ง?”

 

 

เฉิงสุ่ยส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองไปที่ฉินหร่าน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถามออกไปอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง “คุณหนูฉิน ช่วงนี้คุณกำลัง…. ฝึกซ้อมหนักกับเฉิงมู่อยู่หรือครับ?”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

ที่สุดแล้วเฉิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร

 

 

รอให้ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนกินข้าวเสร็จแล้วเดินออกไป เฉิงหั่วถึงได้ถามเฉิงสุ่ยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

“นายคิดว่าผลการแข่งขันของเฉิงมู่กับเจอร์รี่เป็นยังไง? เจอร์รี่เป็นคนของหน่วยข่าวกรองของพวกนายหนิ” เฉิงสุ่ยไม่ตอบ ราวกับเป็นประโยคคำถามที่ไม่มีคำตอบ

 

 

เฉิงหั่วเลิกคิ้ว ก่อนเปิดปากพูดอย่างกระตือรือร้น “ฝีมือของเจอร์รี่ร้ายกาจมาก ค่าพลังหมัดอยู่ที่820กว่า หากคิดจะสู้กับเขา เกรงว่ามีเฉิงมู่ถึงสามคนคงไม่พอ”

 

 

“วันนี้ที่เฉิงมู่และเจอร์รี่สู้กันหนึ่งยก ลงมือไม่ถึงห้าหมัด เจอร์รี่ก็คลานไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องพยาบาลอยู่เลย คนข้างนอกทายกันว่าค่าพลังหมัดน่าจะถึง900แล้ว” เฉิงสุ่ยพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่น้ำเสียงเจือความสุภาพอย่างยิ่ง

 

 

เฉิงหั่วถึงกับกระโดดโหยง “เป็นไปได้ยังไง?! ค่าพลังหมัดของเขามากที่สุดคือ650เอง!”

 

 

สำหรับค่าพลังหมัด650 ถ้าเป็นเฉิงหั่วประมือกับเฉิงมู่ยังนับว่าเข้าใจได้

 

 

แต่เฉิงสุ่ยก็ไม่มีทางโกหกตน ทันใดนั้นในหัวของเฉิงหั่วมีความคิดหนึ่งโผล่ออกมา “นายพึ่งบอกว่าคุณหนูฉินเข้มงวดกับเฉิงมู่เป็นพิเศษ…”

 

 

“อืม พวกเราไปดูว่าเฉิงมู่ฝึกซ้อมกันยังไงเถอะ” ดวงตาของเฉิงสุ่ยจับจ้องไปยังห้องฝึกซ้อม

 

 

เดิมทีห้องฝึกซ้อมนี้เป็นของเฉิงเจวี้ยน แต่เขาไม่เคยใช้

 

 

ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเข้าไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังสู้กันอยู่ ดูท่าเฉิงมู่ไม่มีความคิดที่จะเริ่มโจมตี ท่าทางทั้งหมดอยู่ในท่าป้องกัน ในการต่อสู้ช่วงบ่ายซือลี่หมิงยังสามารถหาช่องทางโจมตีที่หน้าของเขาได้ ในตอนนี้กลับหาช่องโหว่ไม่เจอเลย

 

 

ส่วนช่วงเช้าเฉิงหั่วและเฉิงสุ่ยไม่ได้ดูการต่อสู้ของเฉิงมู่และเจอร์รี่ เมื่อรู้เรื่องผลการแข่งขันจากข่าวลือจึงรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย

 

 

แต่เมื่อเห็นเฉิงมู่กับซือลี่หมิงสู้กัน เดิมทีทั้งสองก็นับว่ามีฝีมือดีเยี่ยม แน่นอนว่าย่อมมองกันออก

 

 

ความก้าวหน้าของเฉิงมู่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ

 

 

“เฉิงสุ่ย ตอนนี้เฉิงมู่นำฉันไปมากกว่าเดิมละมั้ง?” เฉิงหั่วมองเฉิงสุ่ยเงียบๆ

 

 

เฉิงสุ่ยผงกศีรษะ สายตาอันจริงจังมองดูทั้งสองสู้กันอยู่ไม่ไกล

 

 

เฉิงมู่ไม่พูดอะไร ทุกกระบวนท่าล้วนมีการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจยิ่ง และการเคลื่อนไหวของซือลี่หมิง…ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง

 

 

ห้านาทีผ่านไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงถึงหยุดการต่อสู้ พลางมองเห็นเฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ยที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาหา

 

 

ซือลี่หมิงทักทายด้วยความสุภาพ “คุณเฉิงสุ่ย คุณเฉิงหั่ว”

 

 

เฉิงหั่ว “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง นิสัยของเขาราวกับไฟไม่ผิด ใจร้อนขี้หงุดหงิด เอาแต่มองมาทางเฉิงมู่ “เฉิงมู่ ได้ยินมาว่าช่วงเช้านายถึงกับทำให้เจอร์รี่คลานไม่ขึ้น? ทั้งยังมีข่าวลือว่าค่าแรงหมัดของนายถึง900แล้ว?”

 

 

“เรื่องของเจอร์รี่เป็นความจริง แต่เรื่องแรงหมัดไม่ถึงกับแรงขนาดนั้น” เฉิงมู่ส่ายหน้า “พูดเกินไปแล้ว”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจทีหนึ่ง “ฉันก็ว่า ค่าพลังหมัดของฉันพึ่งถึง890 นายจะทำถึง900ได้ยังไง?”

 

 

เฉิงสุ่ยกลับมุ่นหัวคิ้ว “ตอนนี้ค่าพลังหมัดของนายเท่าไหร่?”

 

 

“860มั้ง?” เขามองดูเครื่องทดสอบพลังหมัด บนข้อมูลบรรทัดที่สามด้านบน ตัวเลขอยู่ระหว่าง850-865

 

 

เฉิงหั่วที่สบายใจได้ไม่นานก็กลับมาหนักใจอีกครั้ง ดวงตาของเขาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังเฉิงมู่ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เองถึงกับพูดไม่ออกเลยสักคำ “ให้ตายเถอะ…”

 

 

เฉิงสุ่ยก็ถึงกับอึ้ง เขาเองต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรออกมาได้ “คุณหนูฉินฝึกนายหนักตั้งแต่ตอนอยู่อวิ๋นเฉิงเลยรึเปล่า? นี่ผ่านมาไม่กี่เดือนเอง?”

 

 

ตัวเลขอยู่ที่650ถึง850 ช่องว่างของค่าแรงสองร้อยกว่า คนทั่วไปเมื่อถึงขีดจำกัด โดยปกติจะหยุดพัฒนา นอกจากมีอุปสรรคในรูปแบบใหม่ แต่จากสถิติแล้วก็ไม่อาจเพิ่มค่าแรงขึ้นได้ภายในสองถึงสามปี

 

 

อย่างเฉิงสุ่ยเอง ค่าแรงของหมัดหยุดลงที่910เมื่อสองปีที่แล้ว ขนาดตนเองก็ยังไม่อาจเพิ่มได้มากกว่านี้แล้ว

 

 

คนอื่นก็ไม่ต่างอะไรกันมาก

 

 

สำหรับเฉิงมู่ที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี ค่าแรงหมัดเพิ่มขึ้นจาก650เป็น850?

 

 

ทันใดนั้นเฉิงหั่วก็รู้สึกขนลุกขนพองเฉิงมู่กับฉินหร่านขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะฉินหร่าน ที่ใช้วิธีไหนถึงทำให้ขีดจำกัดของเฉิงมู่…..

 

 

เพิ่มขึ้นได้?

 

 

เมื่อได้ยินเฉิงหั่วพูดแบบนี้ เฉิงมู่ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่นะ คุณหนูฉินไม่ได้เริ่มฝึกฉันตอนอยู่อวิ๋นเฉิง”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นแบบนั้นก็คงมากกว่าสองสามเดือน เฉิงหั่วรู้สึกว่าตัวเองสามารถยอมรับความจริงได้อย่างไม่เต็มใจนัก

 

 

แต่ทว่า…

 

 

ประโยคถัดมาของเฉิงมู่คือ “น่าจะประมาณครึ่งเดือนที่แล้วมั้ง? ใช่ไหม?”

 

 

พูดจบก็เอียงหัวไปถามซือลี่หมิงให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง

 

 

ซือลี่หมิงถูใบหน้าของตัวเอง พลางคิด ก่อนตอบว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก คือสิบสามวันก่อน”

 

 

ในทุกๆ วันเขาเห็นแต่ฉินหร่านต่อยเฉิงมู่ ยังจำช่วงเวลานั้นได้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่ามีการทดลองใช้ยา

 

 

ครั้งนี้เฉิงหั่วถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่เฉิงสุ่ยที่มักใช้เหตุผลและความใจเย็นกับตัวเองมาตลอดก็ตัวแข็งทื่อเช่นเดียวกัน “นาย พวกนาย…”

 

 

เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วหันหน้ามองกัน ไม่ว่าจะฝึกนานกี่เดือนเฉิงหั่วก็ยอมรับไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใช้เวลาเพียงสิบสามวันสามารถฝึกซ้อมเฉิงมู่จนกลายเป็นแบบนี้ได้…

 

 

ให้ตายเถอะ…คุณหนูฉินยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?

 

 

วันต่อมา

 

 

ถังชิงรอข่าวจากคุณลุงตลอดทั้งวัน แต่ก็ได้แค่รอ

 

 

เธอกับคุณลุงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน ตลอดทั้งปีคุณลุงใช้ชีวิตในประเทศ และเธออยู่ต่างประเทศ อีกทั้งเจอหน้ากันผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กจำได้ว่า พ่อแม่ของเธอนับถือคุณลุงอย่างมาก แน่นอนว่าถังชิงก็นับถือเขาเช่นเดียวกัน

 

 

“วันนี้รุ่นพี่เฉิงหั่วไม่มาเหรอคะ?” เมื่อมาถึงหอหน่วยข่าวกรอง ถังชิงมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเฉิงหั่ว จึงถามออกไปประโยคหนึ่ง คนที่อยู่ด้านในตอบอย่างมีมารยาทว่า “ยังไม่เห็นครับ แต่ว่าตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาก็เห็นคุณเฉิงหั่วอยู่บริเวณฝั่งใต้ของสวนดอกไม้นะครับ”

 

 

สวนดอกไม้?

 

 

ถังชิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

 

 

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อลงมือทดลองโค้ดที่หยุดรันกลางคันเมื่อวานของตัวเองต่อ

 

 

เพิ่งได้เปิดคอม ก็มีข้อความยาวข้อความหนึ่งจากแอปโทรศัพท์ปรากฏขึ้น

 

 

(รอลุงทำธุระเสร็จแล้วจะไปหาพวกเธอที่นั่นนะ)

 

 

“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 

 

ในมือของถังชิงจับเมาท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นพรวดก่อนหันไปถามตำแหน่งที่ชัดเจนของสวนดอกไม้ฝั่งใต้ แล้ววิ่งออกไปหาเฉิงหั่วอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนเช้าตรู่ เฉิงหั่วนั่งยองอยู่กับฉินหร่าน

 

 

เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับทั้งคืน ใต้ตามีรอยดำคล้ำชัดเจน

 

 

ฉินหร่านกำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายดอกไม้ในสวน

 

 

เฉิงหั่วถือกระบอกรดน้ำดอกไม้อย่างสบายใจอยู่ด้านหลังเธอ “คุณหนูฉิน คุณทำยังไงถึงสอนเฉิงมู่ให้กลายเป็นแบบนั้นได้?”

 

 

นี่เฉิงมู่กำลังกอบกู้จักรวาลอยู่หรือนี่?!

 

 

เพิ่งจะปีนขึ้นมาได้ ก็ถูกโฉบขึ้นไปแล้ว?

 

 

ฉินหร่านถ่ายวิดีโออย่างละเอียดเสร็จคลิปหนึ่ง มือทั้งสองที่ถือโทรศัพท์ก็กดส่งให้หลินซือหรานต่อ

 

 

หลินซือหรานให้ความสนใจกับการปลูกพืชพรรณต่างๆ ในคฤหาสน์หลังนี้ของเฉิงเจวี้ยนมาก ช่วงนี้เฉิงมู่เอาแต่ฝึกซ้อมไม่มีเวลา ฉินหร่านจึงช่วยหลินซือหรานถ่ายวิดีโอที่เธอชื่นชอบได้ตามอำเภอใจ มีเวลาว่างก็สอบถามคนสวนเกี่ยวกับลักษณะของดอกไม้พวกนี้

 

 

เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย จึงตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ก็ กินยาไงละ”

 

 

กินยา?

 

 

แค่กินยาก็สามารถกลายเป็นชายกล้ามโตภายในสิบสามวันได้?

 

 

เฉิงหั่วเกาหัวอย่างครุ่นคิด รอโอกาสอีกสักหน่อยค่อยถามเฉิงมู่ว่ากินยาเทวดาอะไรกันแน่

 

 

ฉินหร่านเก็บโทรศัพท์ มองเฉิงหั่วอีกครั้งก่อนถามว่า “จริงสิ รหัสที่นายให้…”

 

 

เธอยังถามไม่จบประโยค เสียงของถังชิงที่อยู่ไม่ไกลก็ดังลอยเข้ามา “รุ่นพี่เฉิงหั่ว คุณลุงของฉัน…”

 

 

เธอวิ่งมาหยุดข้างเฉิงหั่ว ผมลอนสีทองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทำท่าทีมองไม่เห็นฉินหร่าน ก่อนพูดกับเฉิงหั่วต่อไปว่า “คุณลุงของฉันกลับมาแล้ว! เขาจะมาที่คฤหาสน์!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 230 คุณหนูฉิน พาทะยานขึ้น

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 230 คุณหนูฉิน พาทะยานขึ้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินหร่านจ้องมองข้อความประโยคนี้ ก่อนตอบกลับอีกครั้ง

 

 

(ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอ?)

 

 

ที่อยู่ของที่นี่ เธอเคยส่งไปทางอวิ๋นกวงแล้ว

 

 

เพียงแต่ไม่ได้ระบุชื่อถนนหลักชัดเจน ส่งไปให้แค่ชื่อของคฤหาสน์เท่านั้น คฤหาสน์สไตล์ยุโรปในรัฐ M น่าจะมีที่นี่ที่เดียว

 

 

แต่อีกฝั่งยังถามเธอซ้ำอีก ฉินหร่านยังเคยส่งเลขที่ถนนหลักอย่างละเอียดไปแล้ว มีเฉพาะบ้านเลขที่ที่ฉินหร่านไม่ได้สนใจส่งไปให้

 

 

ไม่นานอีกฝั่งก็ตอบกลับ

 

 

(ไม่มีอะไร ถามให้แน่ใจเฉยๆ)

 

 

มาถึงห้องอาหารชั้นหนึ่ง ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลง

 

 

เฉิงมู่กับซือลี่หมิงเพิ่งออกมาจากห้องฝึกซ้อม ขณะที่ฝึกซ้อมกัน ซือลี่หมิงก็รอเฉิงมู่เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ใบหน้าของเขายังคงบวมช้ำ

 

 

ในทางตรงกันข้ามเฉิงมู่ดูไม่เป็นอะไรแล้ว

 

 

ทั้งหมดนั่งลงเริ่มกินข้าว เฉิงมู่ไม่พูดจาอะไร เพียงนั่งมองฉินหร่านอยู่เงียบๆ ในขณะที่มือถือตะเกียบอยู่ “เฉิงมู่ ได้ข่าวว่าวันนี้นายไปหาคู่แข่งมาเหรอ?”

 

 

“อืม” เฉิงมู่กินข้าวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ฟังไม่ค่อยชัดเจน

 

 

เนื่องจากวันนี้โค้ดหุ่นยนต์ตัวนั้นที่หน่วยข่าวกรองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉิงหั่วจึงพึ่งได้มากินข้าวเย็น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาพลันเลิกคิ้วหันไปถามอีกฝ่าย “นายหาใครมาสู้ด้วย? สู้ชนะรึ?”

 

 

“เจอร์รี่” เฉิงมู่ยังคงกินข้าวต่อ ตอบกลับเพียงไม่กี่คำเช่นเคย

 

 

เจอร์รี่คือคนจากหน่วยข่าวกรอง เป็นสมาชิกไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่งใช้ได้ อีกทั้งเฉิงหั่วมีความประทับใจที่ดีมากต่อเจอร์รี่

 

 

หากเฉิงมู่ต่อสู้กับเขาคงแพ้ราบคาบ

 

 

เฉิงหั่วเอามือเท้าโต๊ะ ยกคิ้วด้วยความสงสัยถึงที่สุด “นายสู้ชนะหรอ?”

 

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของเฉิงมู่ถึงกับชะงัก จากนั้นเงยหน้ามองเฉิงหั่วอย่างไร้อารมณ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งยังก้มหน้าก้มตาคีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากกลืนลงไป

 

 

“คุณชายเจวี้ยน คุณหนูฉิน ผมไปห้องฝึกซ้อมก่อนนะครับ” เขาลากเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองเขาครั้งหนึ่ง พลางลืมตา ในแววตามีเสียงของ “อืม” ตอบอย่างขี้เกียจเล็กน้อย

 

 

ฉินหร่านโบกมือลาให้อย่างสบายๆ

 

 

ซือลี่หมิงเห็นเฉิงมู่เดินไปแล้ว ก็รีบกินข้าวให้เสร็จ หลังจากนั้นพูดเพียงประโยคเดียวกับคนบนโต๊ะแล้วไปห้องฝึกซ้อมต่อ

 

 

“ที่แท้เฉิงมู่ไม่ได้สนใจฉันเลย?” เฉิงหั่วถือตะเกียบพลางมองไปยังเฉิงสุ่ย “สงสัยว่าถูกชกจนสติฟั่นเฟือนแล้วละมั้ง?”

 

 

เฉิงสุ่ยส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองไปที่ฉินหร่าน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถามออกไปอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง “คุณหนูฉิน ช่วงนี้คุณกำลัง…. ฝึกซ้อมหนักกับเฉิงมู่อยู่หรือครับ?”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก

 

 

ที่สุดแล้วเฉิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร

 

 

รอให้ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนกินข้าวเสร็จแล้วเดินออกไป เฉิงหั่วถึงได้ถามเฉิงสุ่ยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

“นายคิดว่าผลการแข่งขันของเฉิงมู่กับเจอร์รี่เป็นยังไง? เจอร์รี่เป็นคนของหน่วยข่าวกรองของพวกนายหนิ” เฉิงสุ่ยไม่ตอบ ราวกับเป็นประโยคคำถามที่ไม่มีคำตอบ

 

 

เฉิงหั่วเลิกคิ้ว ก่อนเปิดปากพูดอย่างกระตือรือร้น “ฝีมือของเจอร์รี่ร้ายกาจมาก ค่าพลังหมัดอยู่ที่820กว่า หากคิดจะสู้กับเขา เกรงว่ามีเฉิงมู่ถึงสามคนคงไม่พอ”

 

 

“วันนี้ที่เฉิงมู่และเจอร์รี่สู้กันหนึ่งยก ลงมือไม่ถึงห้าหมัด เจอร์รี่ก็คลานไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องพยาบาลอยู่เลย คนข้างนอกทายกันว่าค่าพลังหมัดน่าจะถึง900แล้ว” เฉิงสุ่ยพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่น้ำเสียงเจือความสุภาพอย่างยิ่ง

 

 

เฉิงหั่วถึงกับกระโดดโหยง “เป็นไปได้ยังไง?! ค่าพลังหมัดของเขามากที่สุดคือ650เอง!”

 

 

สำหรับค่าพลังหมัด650 ถ้าเป็นเฉิงหั่วประมือกับเฉิงมู่ยังนับว่าเข้าใจได้

 

 

แต่เฉิงสุ่ยก็ไม่มีทางโกหกตน ทันใดนั้นในหัวของเฉิงหั่วมีความคิดหนึ่งโผล่ออกมา “นายพึ่งบอกว่าคุณหนูฉินเข้มงวดกับเฉิงมู่เป็นพิเศษ…”

 

 

“อืม พวกเราไปดูว่าเฉิงมู่ฝึกซ้อมกันยังไงเถอะ” ดวงตาของเฉิงสุ่ยจับจ้องไปยังห้องฝึกซ้อม

 

 

เดิมทีห้องฝึกซ้อมนี้เป็นของเฉิงเจวี้ยน แต่เขาไม่เคยใช้

 

 

ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเข้าไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังสู้กันอยู่ ดูท่าเฉิงมู่ไม่มีความคิดที่จะเริ่มโจมตี ท่าทางทั้งหมดอยู่ในท่าป้องกัน ในการต่อสู้ช่วงบ่ายซือลี่หมิงยังสามารถหาช่องทางโจมตีที่หน้าของเขาได้ ในตอนนี้กลับหาช่องโหว่ไม่เจอเลย

 

 

ส่วนช่วงเช้าเฉิงหั่วและเฉิงสุ่ยไม่ได้ดูการต่อสู้ของเฉิงมู่และเจอร์รี่ เมื่อรู้เรื่องผลการแข่งขันจากข่าวลือจึงรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย

 

 

แต่เมื่อเห็นเฉิงมู่กับซือลี่หมิงสู้กัน เดิมทีทั้งสองก็นับว่ามีฝีมือดีเยี่ยม แน่นอนว่าย่อมมองกันออก

 

 

ความก้าวหน้าของเฉิงมู่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ

 

 

“เฉิงสุ่ย ตอนนี้เฉิงมู่นำฉันไปมากกว่าเดิมละมั้ง?” เฉิงหั่วมองเฉิงสุ่ยเงียบๆ

 

 

เฉิงสุ่ยผงกศีรษะ สายตาอันจริงจังมองดูทั้งสองสู้กันอยู่ไม่ไกล

 

 

เฉิงมู่ไม่พูดอะไร ทุกกระบวนท่าล้วนมีการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจยิ่ง และการเคลื่อนไหวของซือลี่หมิง…ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง

 

 

ห้านาทีผ่านไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงถึงหยุดการต่อสู้ พลางมองเห็นเฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ยที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาหา

 

 

ซือลี่หมิงทักทายด้วยความสุภาพ “คุณเฉิงสุ่ย คุณเฉิงหั่ว”

 

 

เฉิงหั่ว “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง นิสัยของเขาราวกับไฟไม่ผิด ใจร้อนขี้หงุดหงิด เอาแต่มองมาทางเฉิงมู่ “เฉิงมู่ ได้ยินมาว่าช่วงเช้านายถึงกับทำให้เจอร์รี่คลานไม่ขึ้น? ทั้งยังมีข่าวลือว่าค่าแรงหมัดของนายถึง900แล้ว?”

 

 

“เรื่องของเจอร์รี่เป็นความจริง แต่เรื่องแรงหมัดไม่ถึงกับแรงขนาดนั้น” เฉิงมู่ส่ายหน้า “พูดเกินไปแล้ว”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจทีหนึ่ง “ฉันก็ว่า ค่าพลังหมัดของฉันพึ่งถึง890 นายจะทำถึง900ได้ยังไง?”

 

 

เฉิงสุ่ยกลับมุ่นหัวคิ้ว “ตอนนี้ค่าพลังหมัดของนายเท่าไหร่?”

 

 

“860มั้ง?” เขามองดูเครื่องทดสอบพลังหมัด บนข้อมูลบรรทัดที่สามด้านบน ตัวเลขอยู่ระหว่าง850-865

 

 

เฉิงหั่วที่สบายใจได้ไม่นานก็กลับมาหนักใจอีกครั้ง ดวงตาของเขาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังเฉิงมู่ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เองถึงกับพูดไม่ออกเลยสักคำ “ให้ตายเถอะ…”

 

 

เฉิงสุ่ยก็ถึงกับอึ้ง เขาเองต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรออกมาได้ “คุณหนูฉินฝึกนายหนักตั้งแต่ตอนอยู่อวิ๋นเฉิงเลยรึเปล่า? นี่ผ่านมาไม่กี่เดือนเอง?”

 

 

ตัวเลขอยู่ที่650ถึง850 ช่องว่างของค่าแรงสองร้อยกว่า คนทั่วไปเมื่อถึงขีดจำกัด โดยปกติจะหยุดพัฒนา นอกจากมีอุปสรรคในรูปแบบใหม่ แต่จากสถิติแล้วก็ไม่อาจเพิ่มค่าแรงขึ้นได้ภายในสองถึงสามปี

 

 

อย่างเฉิงสุ่ยเอง ค่าแรงของหมัดหยุดลงที่910เมื่อสองปีที่แล้ว ขนาดตนเองก็ยังไม่อาจเพิ่มได้มากกว่านี้แล้ว

 

 

คนอื่นก็ไม่ต่างอะไรกันมาก

 

 

สำหรับเฉิงมู่ที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี ค่าแรงหมัดเพิ่มขึ้นจาก650เป็น850?

 

 

ทันใดนั้นเฉิงหั่วก็รู้สึกขนลุกขนพองเฉิงมู่กับฉินหร่านขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะฉินหร่าน ที่ใช้วิธีไหนถึงทำให้ขีดจำกัดของเฉิงมู่…..

 

 

เพิ่มขึ้นได้?

 

 

เมื่อได้ยินเฉิงหั่วพูดแบบนี้ เฉิงมู่ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่นะ คุณหนูฉินไม่ได้เริ่มฝึกฉันตอนอยู่อวิ๋นเฉิง”

 

 

เฉิงหั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นแบบนั้นก็คงมากกว่าสองสามเดือน เฉิงหั่วรู้สึกว่าตัวเองสามารถยอมรับความจริงได้อย่างไม่เต็มใจนัก

 

 

แต่ทว่า…

 

 

ประโยคถัดมาของเฉิงมู่คือ “น่าจะประมาณครึ่งเดือนที่แล้วมั้ง? ใช่ไหม?”

 

 

พูดจบก็เอียงหัวไปถามซือลี่หมิงให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง

 

 

ซือลี่หมิงถูใบหน้าของตัวเอง พลางคิด ก่อนตอบว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก คือสิบสามวันก่อน”

 

 

ในทุกๆ วันเขาเห็นแต่ฉินหร่านต่อยเฉิงมู่ ยังจำช่วงเวลานั้นได้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่ามีการทดลองใช้ยา

 

 

ครั้งนี้เฉิงหั่วถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่เฉิงสุ่ยที่มักใช้เหตุผลและความใจเย็นกับตัวเองมาตลอดก็ตัวแข็งทื่อเช่นเดียวกัน “นาย พวกนาย…”

 

 

เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วหันหน้ามองกัน ไม่ว่าจะฝึกนานกี่เดือนเฉิงหั่วก็ยอมรับไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใช้เวลาเพียงสิบสามวันสามารถฝึกซ้อมเฉิงมู่จนกลายเป็นแบบนี้ได้…

 

 

ให้ตายเถอะ…คุณหนูฉินยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?

 

 

วันต่อมา

 

 

ถังชิงรอข่าวจากคุณลุงตลอดทั้งวัน แต่ก็ได้แค่รอ

 

 

เธอกับคุณลุงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน ตลอดทั้งปีคุณลุงใช้ชีวิตในประเทศ และเธออยู่ต่างประเทศ อีกทั้งเจอหน้ากันผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กจำได้ว่า พ่อแม่ของเธอนับถือคุณลุงอย่างมาก แน่นอนว่าถังชิงก็นับถือเขาเช่นเดียวกัน

 

 

“วันนี้รุ่นพี่เฉิงหั่วไม่มาเหรอคะ?” เมื่อมาถึงหอหน่วยข่าวกรอง ถังชิงมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเฉิงหั่ว จึงถามออกไปประโยคหนึ่ง คนที่อยู่ด้านในตอบอย่างมีมารยาทว่า “ยังไม่เห็นครับ แต่ว่าตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาก็เห็นคุณเฉิงหั่วอยู่บริเวณฝั่งใต้ของสวนดอกไม้นะครับ”

 

 

สวนดอกไม้?

 

 

ถังชิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

 

 

เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อลงมือทดลองโค้ดที่หยุดรันกลางคันเมื่อวานของตัวเองต่อ

 

 

เพิ่งได้เปิดคอม ก็มีข้อความยาวข้อความหนึ่งจากแอปโทรศัพท์ปรากฏขึ้น

 

 

(รอลุงทำธุระเสร็จแล้วจะไปหาพวกเธอที่นั่นนะ)

 

 

“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

 

 

ในมือของถังชิงจับเมาท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นพรวดก่อนหันไปถามตำแหน่งที่ชัดเจนของสวนดอกไม้ฝั่งใต้ แล้ววิ่งออกไปหาเฉิงหั่วอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนเช้าตรู่ เฉิงหั่วนั่งยองอยู่กับฉินหร่าน

 

 

เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับทั้งคืน ใต้ตามีรอยดำคล้ำชัดเจน

 

 

ฉินหร่านกำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายดอกไม้ในสวน

 

 

เฉิงหั่วถือกระบอกรดน้ำดอกไม้อย่างสบายใจอยู่ด้านหลังเธอ “คุณหนูฉิน คุณทำยังไงถึงสอนเฉิงมู่ให้กลายเป็นแบบนั้นได้?”

 

 

นี่เฉิงมู่กำลังกอบกู้จักรวาลอยู่หรือนี่?!

 

 

เพิ่งจะปีนขึ้นมาได้ ก็ถูกโฉบขึ้นไปแล้ว?

 

 

ฉินหร่านถ่ายวิดีโออย่างละเอียดเสร็จคลิปหนึ่ง มือทั้งสองที่ถือโทรศัพท์ก็กดส่งให้หลินซือหรานต่อ

 

 

หลินซือหรานให้ความสนใจกับการปลูกพืชพรรณต่างๆ ในคฤหาสน์หลังนี้ของเฉิงเจวี้ยนมาก ช่วงนี้เฉิงมู่เอาแต่ฝึกซ้อมไม่มีเวลา ฉินหร่านจึงช่วยหลินซือหรานถ่ายวิดีโอที่เธอชื่นชอบได้ตามอำเภอใจ มีเวลาว่างก็สอบถามคนสวนเกี่ยวกับลักษณะของดอกไม้พวกนี้

 

 

เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย จึงตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ก็ กินยาไงละ”

 

 

กินยา?

 

 

แค่กินยาก็สามารถกลายเป็นชายกล้ามโตภายในสิบสามวันได้?

 

 

เฉิงหั่วเกาหัวอย่างครุ่นคิด รอโอกาสอีกสักหน่อยค่อยถามเฉิงมู่ว่ากินยาเทวดาอะไรกันแน่

 

 

ฉินหร่านเก็บโทรศัพท์ มองเฉิงหั่วอีกครั้งก่อนถามว่า “จริงสิ รหัสที่นายให้…”

 

 

เธอยังถามไม่จบประโยค เสียงของถังชิงที่อยู่ไม่ไกลก็ดังลอยเข้ามา “รุ่นพี่เฉิงหั่ว คุณลุงของฉัน…”

 

 

เธอวิ่งมาหยุดข้างเฉิงหั่ว ผมลอนสีทองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทำท่าทีมองไม่เห็นฉินหร่าน ก่อนพูดกับเฉิงหั่วต่อไปว่า “คุณลุงของฉันกลับมาแล้ว! เขาจะมาที่คฤหาสน์!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+