เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 246 พันธมิตรใต้ดิน ซ่อนอยู่เบื้องลึก

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 246 พันธมิตรใต้ดิน ซ่อนอยู่เบื้องลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉิงสุ่ยได้ยินเฉิงหั่วบอกแค่ว่าคนที่มาหาคุณฉินคนนั้นแซ่หยาง       แต่ไม่คิดว่าจะเป็น “หยาง” หรือหยางซูเยี่ยน       เขาก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความเคารพ หลุบตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึกจากแววตา       หยางซูเยี่ยนแค่เหลือบมองเฉิงสุ่ยและยิ้มโดยไม่พูดอะไร       “หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ฉันก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อฉันได้ อย่าบุ่มบ่ามแบบนี้” เขาพูดเบาๆ จากนั้นก็ลูบหัวฉินหร่าน        ทางด้านเฉิงสุ่ยที่ยังไม่ทันได้สติจากข่าวใหญ่ครั้งก่อนถึงกับตกใจกับการกระทำของคุณหยางท่านนี้       คุณ…นี่คุณถึงขนาดกล้าลูบหัวนายท่านเลยเหรอ ? !       ร้ายกาจซะจริงๆ        เฉิงสุ่ยมองไปตรงๆ        เขาบีบโทรศัพท์ในขณะที่เดินตามหลังฉินหร่าน มองแผ่นหลังทั้งสอง       เม้มริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่เขาจะพุ่งความสนใจไปที่ตัวหยางซูเยี่ยน       ดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันมากจริงๆ เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว อดเป็นกังวลแทนเฉิงเจวี้ยนไม่ได้       หยางซูเยี่ยนไม่ได้คิดจะพักที่คฤหาสน์ พวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยค ฉินหร่านก็พาเขาไปส่งถึงนอกประตู       นี่คือเพื่อนฉินหร่าน เฉิงสุ่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมาก       เขาอยู่ห่างจากข้างหลังฉินหร่านไปแค่สองก้าว พาหยางซูเยี่ยนไปส่งด้านนอกด้วยท่าทางเคารพนบน้อม ตอนที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ด้านนอก เขาก็มองไปที่รถของคุณหยางโดยเฉพาะ       รถสีรอยัลบลู       รถทรงหัวมนท้ายแหลม ดูเกลี้ยงเกลา       อย่างไรก็ตาม บนตัวรถก็ไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือลวดลายอื่นใดเลย       และไม่มีการปักธงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน       เฉิงสุ่ยละสายตาอย่างเงียบๆ หยางซูเยี่ยนที่กำลังหยิบกุญแจรถชะงักเท้า       เขาช่างดูเป็นพ่อพระเสียจริงๆ ใบหน้าที่เยือกเย็นสีหิมะมองมาทางเฉิงสุ่ย น้ำเสียงใสแจ๋ว “คุณเคยเจอผมมาก่อนหรือเปล่า?”       “เปล่าครับ” เฉิงสุ่ยยังคงยิ้มอย่างสุภาพ เขาพยักหน้าโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อย       หยางซูเยี่ยนไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก เขาละสายตามาคุยกับฉินหร่านเบาๆ ไม่กี่คำแล้วถึงจะเปิดประตูขึ้นรถขับออกไป       จนกระทั่งรถคันนั้นไปแล้ว เฉิงสุ่ยก็มองมาทางฉินหร่าน       ท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาก       “คุณฉิน เพื่อนของคุณคนนั้น พวกคุณน่าจะรู้จักกันมานานแล้วสินะครับ? สนิทกันมากไหมครับ?” เฉิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้า ลดเสียงพูดและถามอย่างจริงจัง       เนื่องจากออกมาข้างนอก ฉินหร่านจึงยังสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ด เธอเอามือสอดกระเป๋า       พอได้ยินที่เฉิงสุ่ยถามก็ได้แต่เลิกคิ้วและตอบเขาอย่างใจเย็น “น่าจะสิบปีได้แล้วมั้ง? หรืออาจจะมากกว่านั้น? เขาเป็นทายาทอวิ๋นกวง”       “อวิ๋นกวงกรุ๊ป?” เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว       เมื่อได้ยินฉินหร่านพูดแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังจะพูดอะไรได้อีก       ฉินหร่านเดินไปที่สนามฝึกต่อ “ทำไม เขายังจะเป็นใครได้อีก?”       “เปล่าครับ แน่นอนว่าไม่มี” เฉิงสุ่ยส่ายหน้าและนิ่งไปสักพัก เพื่อไม่ให้ฉินหร่านให้ความสนใจกับคนคนนี้มากนัก จึงถามไปแค่ว่า “คุณฉินพอจะรู้สถานการณ์ในรัฐMบ้างไหมครับ?”       ตอนนี้เดินมาเกือบจะถึงสนามฝึกแล้ว       ดวงตาดำขลับของฉินหร่านเพียงมองไปทางร่างคนที่ไปๆ มาๆ ในสนามฝึกซ้อม พูดด้วยความเฉยชา “ฉันไม่ได้คลุกคลีอยู่ในรัฐM จะไปรู้เรื่องรัฐMได้ยังไง”       น้ำเสียงว่างเปล่าและห่างเหิน       ฟังไม่ออกว่าเป็นโทนเสียงแบบไหน       ทั้งสองเข้าไปในสนามฝึกใหญ่ หลายคนบนโต๊ะพนันโบกมือให้ฉินหร่านด้วยความปลาบปลื้ม “คุณฉิน คุณฉิน ทางนี้!”       ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงสุ่ย ทีแรกคิดจะยืมบุหรี่เขา แต่ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาจึงเงียบไป       หยิบอมยิ้มออกมาจากในกระเป๋า       ฉีกซองอมยิ้มแล้วกวักมือเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยท่าทางเนือยๆ “มาแล้ว”       เธอทักทายเฉิงสุ่ยอีกครั้งและไปเป็นประธานโต๊ะพนันต่อ       เดิมทีเฉิงสุ่ยคิดจะอธิบายให้ฉินหร่านฟังสักหน่อย แต่พอเห็นเธอไปเล่นกับคนกลุ่มนั้น เขาจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นเข้าปาก       เดินไปรายงานเฉิงเจวี้ยนก่อนเป็นอันดับแรก       ตั้งแต่เขาบอกว่าไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือด้วย เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ส่งข้อความให้เขาอีก       เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงเจวี้ยนที่กำลังตั้งใจมองไปทางสังเวียน จากนั้นก็เดินมารายงานผลตรงหน้า       “นายท่าน เพื่อนคุณฉินไปแล้วครับ” เฉิงสุ่ยก้มหน้าด้วยความเคารพ       เฉิงเจวี้ยน “อือ” ไม่ละสายตาไปไหน ราวกับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย       มือยังถือถ้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งมีชาอยู่เจ็ดส่วน       เฉิงสุ่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดต่อ “คุณหยางท่านนั้นอายุน่าจะประมาณ25ถึง26 แก่กว่าคุณเล็กน้อย แต่รู้จักกับคุณฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว”       มือที่ถือถ้วยชาชะงัก       เฉิงสุ่ยพูดอีกประโยค “ทั้งสองสนิทกันมาก คุณหยางยังลูบหัวคุณฉินด้วยครับ”       หลังจากพูดจบ เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้มองเฉิงเจวี้ยน สายตาเขาแค่มองไปที่ถ้วยชาในมือเฉิงเจวี้ยน       มีรอยร้าวเล็กน้อย       เฉิงสุ่ยเอียงตัวไปสั่งคนรับใช้ข้างหลัง “ไปเอาถ้วยมาเปลี่ยนให้นายท่าน”       คนรับใช้หยิบถ้วยที่เฉิงเจวี้ยนวางไว้บนโต๊ะออกไป       จนกระทั่งคนรับใช้เดินไป       เฉิงสุ่ยเปลี่ยนท่าทีและลดเสียงลง “นายท่าน คุณหยางคนนั้นคือหยางซูเยี่ยน”       เฉิงเจวี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แววตาเยือกเย็นเล็กน้อย “หยางซูเยี่ยน?”       “แต่ว่า…คุณฉินน่าจะไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งมารู้ว่าที่แท้แล้วหยางซูเยี่ยนยังเป็นทายาทของอวิ๋นกวงกรุ๊ปอีกด้วย คุณฉินน่าจะเป็นบุคคลสำคัญภายในองค์กร ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้ที่อยู่บนตัวเสี่ยวเฮยจะเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากหยางซูเยี่ยนเป็นคนของอวิ๋นกวงกรุ๊ป” เฉิงสุ่ยส่ายหน้า       อวิ๋นกวงกรุ๊ปดำเนินการภายในประเทศเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้สอดมือเข้ามายุ่งในรัฐMเลย       แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเอาอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาเชื่อมโยงกับรัฐM       “หยางซูเยี่ยนคนนั้นเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชั่วร้ายมาก ผมเคยได้ยินเฉิงถู่บอกว่าตระกูลมาสยังล่วงเกินพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ผมกังวลว่าคุณฉินจะมีอันตราย เพราะเธอดูไว้เนื้อเชื่อใจหยางซูเยี่ยนเป็นพิเศษ” เฉิงสุ่ยมองไปทางสังเวียน ขณะนี้คนที่ประเมินได้เปลี่ยนเป็นซือลี่หมิงแล้ว       คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายสามารถดวลเสมอผู้กองลั่วได้       คนรับใช้ไปเอาถ้วยชามาให้ใหม่ เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชาขึ้นมาและมองเขา       เฉิงสุ่ยกระแอม “แน่นอน มีนายท่านอยู่ ถึงจะมีหยางซูเยี่ยนอีกสิบคนก็ไม่น่าเป็นห่วง!”       พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็เม้มริมฝีปาก “นายท่าน คุณต้องการ…”       เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “แจ้งเฉิงถู่”       **       การประเมินสิ้นปีสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ       จุดสนใจของผู้ชมในวันแรกคือฉินหร่าน       จุดสนใจของผู้ชมในวันที่สองคือโต๊ะพนัน       ส่วนวันที่สามคือเฉิงมู่และซือลี่หมิงที่เป็นผู้ติดตามฉินหร่าน นอกจากนี้ยังมีผู้กองลั่วที่คอยเกาะแข้งเกาะขาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้เปล่งประกาย       เดิมทีพลังหมัดผู้กองลั่วอยู่ที่ 860 คราวนี้เขาได้ถึง 888 จึงไปท้าดวลเฉิงหั่วจนตีเสมอเฉิงหั่วได้สำเร็จ       หลังจากนั้นซือลี่หมิงก็ได้ท้าดวลผู้กองลั่ว สุดท้ายผลก็เสมอกัน       คนในคฤหาสน์ยกเว้นเหล่าหัวหน้าหลายคนล้วนประหลาดใจในตัวเฉิงมู่ แต่กลับไม่ประหลาดใจในตัวซือลี่หมิง        ปีที่แล้วซือลี่หมิงเพิ่งจะประเมินเข้ามาเป็นสมาชิก ทีแรกเขายังคิดจะประเมินเข้าหน่วยยุติธรรม แต่เพราะความแข็งแกร่งน้อยเกินไปจึงได้เข้าหน่วยจัดซื้อ       มีพลังหมัดประมาณ 810       นี่เพิ่งผ่านมาเดือนกว่าเอง? เขาสามารถตีเสมอเฉิงหั่วและคนอื่นได้แล้วเหรอเนี่ย ? !       ระดับความแข็งแกร่งของผู้กองลั่วกับซือลี่หมิงเพิ่มขึ้นอย่างลับๆ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นเพราะฉินหร่าน       สถานที่สำหรับทานอาหารค่ำในตอนเย็นยังคงอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่หัวหน้าตู้ที่ปฏิเสธฉินหร่านเป็นคนแรก ซึ่งขณะนี้บวมจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว       หัวน้าพิธีการตู้หยิบตะเกียบ “…”       **       หลังจากการประเมินเสร็จสิ้น ประเด็นต่อไปคือการจัดสรรบุคลากรและการฉลองปีใหม่       แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะครึกครื้น แต่ก็เป็นไปตามขั้นตอน ปีนี้เฉิงสุ่ยร่าเริงแจ่มใสเต็มเปี่ยม       ซึ่งก่อนหน้านี้ เฉิงสุ่ยกลับทิ้งเฉิงหั่วไว้กับเฉิงมู่แค่สองคน       เฉิงมู่กลัวว่าเฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วจะร่วมมือกันต่อยเขาอยู่หน่อยๆ เขาจึงไม่กล้าขยับตัวเมื่อยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเฉิงสุ่ย “ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเก่งกว่าพวกนาย…”       เดิมทีเฉิงสุ่ยแค่ไปตามเฉิงมู่มาคุยงาน แต่พอได้ยินที่เฉิงมู่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะตีเฉิงมู่สักยกด้วยความตื่นตัว       เฉิงมู่…ไม่กล้าสู้กลับ       เมื่อเฉิงหั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยวางเท้าบนโต๊ะกาแฟเห็นเฉิงมู่เป็นเสียแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองพร้อมกับขบฟัน       “ที่ฉันตามนายมาก็เพราะเรื่องคุณฉิน” เฉิงสุ่ยตีหัวเขาทีสองทีแล้วปล่อยมือ “นายน่าจะรู้นะว่าทำไมนายท่านถึงสั่งนายติดตามคุณฉิน ในเมื่อนายเองก็ก้าวเข้าสู่รัฐMอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราก็จะไม่ปิดบังเรื่องอื่นกับนาย อีกไม่กี่เดือนคุณฉินจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงที่นายอยู่ในรัฐM ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐM เฉิงหั่ว นายก็ฟังด้วยล่ะ”       เฉิงถู่เคลื่อนไหวลับๆ มาโดยตลอด หลายปีมานี้เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ถ้าถอนตัวออกจากรัฐM จะต้องทำแบบที่เงียบที่สุด น้อยมากที่เฉิงสุ่ยจะพูดถึงเฉิงถู่ให้พวกเฉิงหั่วและคนอื่นๆ ฟัง       ตอนนี้เฉิงสุ่ยพอจะเดาแผนต่อไปของเฉิงเจวี้ยนได้แล้ว       จึงบอกทั้งสองไปตรงๆ        รัฐMเป็นจุดขับเคลื่อนของศูนย์กลางนานาชาติ และได้รวบรวมกองกำลังนับไม่ถ้วน       ทางคฤหาสน์ได้ดำเนินการมาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แม้กองกำลังมากมายเหล่านั้นต้องการกลืนกินคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อสายแร่ไม่กี่สายเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการคือเข้าควบคุมลานจอดเครื่องบินในรัฐM       ตระกูลมาสเป็นตระกูลชั้นนำในรัฐMที่พอจะมีดีอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีกองกำลังใต้ดินบางส่วนที่แพร่ขยายสืบทอดต่อมา       “กองกำลังที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือพันธมิตรใต้ดิน”  

เฉิงสุ่ยได้ยินเฉิงหั่วบอกแค่ว่าคนที่มาหาคุณฉินคนนั้นแซ่หยาง  

 

 

แต่ไม่คิดว่าจะเป็น “หยาง” หรือหยางซูเยี่ยน  

 

 

เขาก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความเคารพ หลุบตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึกจากแววตา  

 

 

หยางซูเยี่ยนแค่เหลือบมองเฉิงสุ่ยและยิ้มโดยไม่พูดอะไร  

 

 

“หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ฉันก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อฉันได้ อย่าบุ่มบ่ามแบบนี้” เขาพูดเบาๆ จากนั้นก็ลูบหัวฉินหร่าน   

 

 

ทางด้านเฉิงสุ่ยที่ยังไม่ทันได้สติจากข่าวใหญ่ครั้งก่อนถึงกับตกใจกับการกระทำของคุณหยางท่านนี้  

 

 

คุณ…นี่คุณถึงขนาดกล้าลูบหัวนายท่านเลยเหรอ ? !  

 

 

ร้ายกาจซะจริงๆ   

 

 

เฉิงสุ่ยมองไปตรงๆ   

 

 

เขาบีบโทรศัพท์ในขณะที่เดินตามหลังฉินหร่าน มองแผ่นหลังทั้งสอง  

 

 

เม้มริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่เขาจะพุ่งความสนใจไปที่ตัวหยางซูเยี่ยน  

 

 

ดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันมากจริงๆ เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว อดเป็นกังวลแทนเฉิงเจวี้ยนไม่ได้  

 

 

หยางซูเยี่ยนไม่ได้คิดจะพักที่คฤหาสน์ พวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยค ฉินหร่านก็พาเขาไปส่งถึงนอกประตู  

 

 

นี่คือเพื่อนฉินหร่าน เฉิงสุ่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมาก  

 

 

เขาอยู่ห่างจากข้างหลังฉินหร่านไปแค่สองก้าว พาหยางซูเยี่ยนไปส่งด้านนอกด้วยท่าทางเคารพนบน้อม ตอนที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ด้านนอก เขาก็มองไปที่รถของคุณหยางโดยเฉพาะ  

 

 

รถสีรอยัลบลู  

 

 

รถทรงหัวมนท้ายแหลม ดูเกลี้ยงเกลา  

 

 

อย่างไรก็ตาม บนตัวรถก็ไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือลวดลายอื่นใดเลย  

 

 

และไม่มีการปักธงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน  

 

 

เฉิงสุ่ยละสายตาอย่างเงียบๆ หยางซูเยี่ยนที่กำลังหยิบกุญแจรถชะงักเท้า  

 

 

เขาช่างดูเป็นพ่อพระเสียจริงๆ ใบหน้าที่เยือกเย็นสีหิมะมองมาทางเฉิงสุ่ย น้ำเสียงใสแจ๋ว “คุณเคยเจอผมมาก่อนหรือเปล่า?”  

 

 

“เปล่าครับ” เฉิงสุ่ยยังคงยิ้มอย่างสุภาพ เขาพยักหน้าโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อย  

 

 

หยางซูเยี่ยนไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก เขาละสายตามาคุยกับฉินหร่านเบาๆ ไม่กี่คำแล้วถึงจะเปิดประตูขึ้นรถขับออกไป  

 

 

จนกระทั่งรถคันนั้นไปแล้ว เฉิงสุ่ยก็มองมาทางฉินหร่าน  

 

 

ท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาก  

 

 

“คุณฉิน เพื่อนของคุณคนนั้น พวกคุณน่าจะรู้จักกันมานานแล้วสินะครับ? สนิทกันมากไหมครับ?” เฉิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้า ลดเสียงพูดและถามอย่างจริงจัง  

 

 

เนื่องจากออกมาข้างนอก ฉินหร่านจึงยังสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ด เธอเอามือสอดกระเป๋า  

 

 

พอได้ยินที่เฉิงสุ่ยถามก็ได้แต่เลิกคิ้วและตอบเขาอย่างใจเย็น “น่าจะสิบปีได้แล้วมั้ง? หรืออาจจะมากกว่านั้น? เขาเป็นทายาทอวิ๋นกวง”  

 

 

“อวิ๋นกวงกรุ๊ป?” เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว  

 

 

เมื่อได้ยินฉินหร่านพูดแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังจะพูดอะไรได้อีก  

 

 

ฉินหร่านเดินไปที่สนามฝึกต่อ “ทำไม เขายังจะเป็นใครได้อีก?”  

 

 

“เปล่าครับ แน่นอนว่าไม่มี” เฉิงสุ่ยส่ายหน้าและนิ่งไปสักพัก เพื่อไม่ให้ฉินหร่านให้ความสนใจกับคนคนนี้มากนัก จึงถามไปแค่ว่า “คุณฉินพอจะรู้สถานการณ์ในรัฐMบ้างไหมครับ?”  

 

 

ตอนนี้เดินมาเกือบจะถึงสนามฝึกแล้ว  

 

 

ดวงตาดำขลับของฉินหร่านเพียงมองไปทางร่างคนที่ไปๆ มาๆ ในสนามฝึกซ้อม พูดด้วยความเฉยชา “ฉันไม่ได้คลุกคลีอยู่ในรัฐM จะไปรู้เรื่องรัฐMได้ยังไง”  

 

 

น้ำเสียงว่างเปล่าและห่างเหิน  

 

 

ฟังไม่ออกว่าเป็นโทนเสียงแบบไหน  

 

 

ทั้งสองเข้าไปในสนามฝึกใหญ่ หลายคนบนโต๊ะพนันโบกมือให้ฉินหร่านด้วยความปลาบปลื้ม “คุณฉิน คุณฉิน ทางนี้!”  

 

 

ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงสุ่ย ทีแรกคิดจะยืมบุหรี่เขา แต่ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาจึงเงียบไป  

 

 

หยิบอมยิ้มออกมาจากในกระเป๋า  

 

 

ฉีกซองอมยิ้มแล้วกวักมือเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยท่าทางเนือยๆ “มาแล้ว”  

 

 

เธอทักทายเฉิงสุ่ยอีกครั้งและไปเป็นประธานโต๊ะพนันต่อ  

 

 

เดิมทีเฉิงสุ่ยคิดจะอธิบายให้ฉินหร่านฟังสักหน่อย แต่พอเห็นเธอไปเล่นกับคนกลุ่มนั้น เขาจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นเข้าปาก  

 

 

เดินไปรายงานเฉิงเจวี้ยนก่อนเป็นอันดับแรก  

 

 

ตั้งแต่เขาบอกว่าไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือด้วย เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ส่งข้อความให้เขาอีก  

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงเจวี้ยนที่กำลังตั้งใจมองไปทางสังเวียน จากนั้นก็เดินมารายงานผลตรงหน้า  

 

 

“นายท่าน เพื่อนคุณฉินไปแล้วครับ” เฉิงสุ่ยก้มหน้าด้วยความเคารพ  

 

 

เฉิงเจวี้ยน “อือ” ไม่ละสายตาไปไหน ราวกับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย  

 

 

มือยังถือถ้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งมีชาอยู่เจ็ดส่วน  

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดต่อ “คุณหยางท่านนั้นอายุน่าจะประมาณ25ถึง26 แก่กว่าคุณเล็กน้อย แต่รู้จักกับคุณฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว”  

 

 

มือที่ถือถ้วยชาชะงัก  

 

 

เฉิงสุ่ยพูดอีกประโยค “ทั้งสองสนิทกันมาก คุณหยางยังลูบหัวคุณฉินด้วยครับ”  

 

 

หลังจากพูดจบ เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้มองเฉิงเจวี้ยน สายตาเขาแค่มองไปที่ถ้วยชาในมือเฉิงเจวี้ยน  

 

 

มีรอยร้าวเล็กน้อย  

 

 

เฉิงสุ่ยเอียงตัวไปสั่งคนรับใช้ข้างหลัง “ไปเอาถ้วยมาเปลี่ยนให้นายท่าน”  

 

 

คนรับใช้หยิบถ้วยที่เฉิงเจวี้ยนวางไว้บนโต๊ะออกไป  

 

 

จนกระทั่งคนรับใช้เดินไป  

 

 

เฉิงสุ่ยเปลี่ยนท่าทีและลดเสียงลง “นายท่าน คุณหยางคนนั้นคือหยางซูเยี่ยน”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แววตาเยือกเย็นเล็กน้อย “หยางซูเยี่ยน?”  

 

 

“แต่ว่า…คุณฉินน่าจะไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งมารู้ว่าที่แท้แล้วหยางซูเยี่ยนยังเป็นทายาทของอวิ๋นกวงกรุ๊ปอีกด้วย คุณฉินน่าจะเป็นบุคคลสำคัญภายในองค์กร ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้ที่อยู่บนตัวเสี่ยวเฮยจะเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากหยางซูเยี่ยนเป็นคนของอวิ๋นกวงกรุ๊ป” เฉิงสุ่ยส่ายหน้า  

 

 

อวิ๋นกวงกรุ๊ปดำเนินการภายในประเทศเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้สอดมือเข้ามายุ่งในรัฐMเลย  

 

 

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเอาอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาเชื่อมโยงกับรัฐM  

 

 

“หยางซูเยี่ยนคนนั้นเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชั่วร้ายมาก ผมเคยได้ยินเฉิงถู่บอกว่าตระกูลมาสยังล่วงเกินพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ผมกังวลว่าคุณฉินจะมีอันตราย เพราะเธอดูไว้เนื้อเชื่อใจหยางซูเยี่ยนเป็นพิเศษ” เฉิงสุ่ยมองไปทางสังเวียน ขณะนี้คนที่ประเมินได้เปลี่ยนเป็นซือลี่หมิงแล้ว  

 

 

คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายสามารถดวลเสมอผู้กองลั่วได้  

 

 

คนรับใช้ไปเอาถ้วยชามาให้ใหม่ เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชาขึ้นมาและมองเขา  

 

 

เฉิงสุ่ยกระแอม “แน่นอน มีนายท่านอยู่ ถึงจะมีหยางซูเยี่ยนอีกสิบคนก็ไม่น่าเป็นห่วง!”  

 

 

พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็เม้มริมฝีปาก “นายท่าน คุณต้องการ…”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “แจ้งเฉิงถู่”  

 

 

**  

 

 

การประเมินสิ้นปีสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ  

 

 

จุดสนใจของผู้ชมในวันแรกคือฉินหร่าน  

 

 

จุดสนใจของผู้ชมในวันที่สองคือโต๊ะพนัน  

 

 

ส่วนวันที่สามคือเฉิงมู่และซือลี่หมิงที่เป็นผู้ติดตามฉินหร่าน นอกจากนี้ยังมีผู้กองลั่วที่คอยเกาะแข้งเกาะขาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้เปล่งประกาย  

 

 

เดิมทีพลังหมัดผู้กองลั่วอยู่ที่ 860 คราวนี้เขาได้ถึง 888 จึงไปท้าดวลเฉิงหั่วจนตีเสมอเฉิงหั่วได้สำเร็จ  

 

 

หลังจากนั้นซือลี่หมิงก็ได้ท้าดวลผู้กองลั่ว สุดท้ายผลก็เสมอกัน  

 

 

คนในคฤหาสน์ยกเว้นเหล่าหัวหน้าหลายคนล้วนประหลาดใจในตัวเฉิงมู่ แต่กลับไม่ประหลาดใจในตัวซือลี่หมิง   

 

 

ปีที่แล้วซือลี่หมิงเพิ่งจะประเมินเข้ามาเป็นสมาชิก ทีแรกเขายังคิดจะประเมินเข้าหน่วยยุติธรรม แต่เพราะความแข็งแกร่งน้อยเกินไปจึงได้เข้าหน่วยจัดซื้อ  

 

 

มีพลังหมัดประมาณ 810  

 

 

นี่เพิ่งผ่านมาเดือนกว่าเอง? เขาสามารถตีเสมอเฉิงหั่วและคนอื่นได้แล้วเหรอเนี่ย ? !  

 

 

ระดับความแข็งแกร่งของผู้กองลั่วกับซือลี่หมิงเพิ่มขึ้นอย่างลับๆ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นเพราะฉินหร่าน  

 

 

สถานที่สำหรับทานอาหารค่ำในตอนเย็นยังคงอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่หัวหน้าตู้ที่ปฏิเสธฉินหร่านเป็นคนแรก ซึ่งขณะนี้บวมจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว  

 

 

หัวน้าพิธีการตู้หยิบตะเกียบ “…”  

 

 

**  

 

 

หลังจากการประเมินเสร็จสิ้น ประเด็นต่อไปคือการจัดสรรบุคลากรและการฉลองปีใหม่  

 

 

แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะครึกครื้น แต่ก็เป็นไปตามขั้นตอน ปีนี้เฉิงสุ่ยร่าเริงแจ่มใสเต็มเปี่ยม  

 

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ เฉิงสุ่ยกลับทิ้งเฉิงหั่วไว้กับเฉิงมู่แค่สองคน  

 

 

เฉิงมู่กลัวว่าเฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วจะร่วมมือกันต่อยเขาอยู่หน่อยๆ เขาจึงไม่กล้าขยับตัวเมื่อยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเฉิงสุ่ย “ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเก่งกว่าพวกนาย…”  

 

 

เดิมทีเฉิงสุ่ยแค่ไปตามเฉิงมู่มาคุยงาน แต่พอได้ยินที่เฉิงมู่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะตีเฉิงมู่สักยกด้วยความตื่นตัว  

 

 

เฉิงมู่…ไม่กล้าสู้กลับ  

 

 

เมื่อเฉิงหั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยวางเท้าบนโต๊ะกาแฟเห็นเฉิงมู่เป็นเสียแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองพร้อมกับขบฟัน  

 

 

“ที่ฉันตามนายมาก็เพราะเรื่องคุณฉิน” เฉิงสุ่ยตีหัวเขาทีสองทีแล้วปล่อยมือ “นายน่าจะรู้นะว่าทำไมนายท่านถึงสั่งนายติดตามคุณฉิน ในเมื่อนายเองก็ก้าวเข้าสู่รัฐMอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราก็จะไม่ปิดบังเรื่องอื่นกับนาย อีกไม่กี่เดือนคุณฉินจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงที่นายอยู่ในรัฐM ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐM เฉิงหั่ว นายก็ฟังด้วยล่ะ”  

 

 

เฉิงถู่เคลื่อนไหวลับๆ มาโดยตลอด หลายปีมานี้เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ถ้าถอนตัวออกจากรัฐM จะต้องทำแบบที่เงียบที่สุด น้อยมากที่เฉิงสุ่ยจะพูดถึงเฉิงถู่ให้พวกเฉิงหั่วและคนอื่นๆ ฟัง  

 

 

ตอนนี้เฉิงสุ่ยพอจะเดาแผนต่อไปของเฉิงเจวี้ยนได้แล้ว  

 

 

จึงบอกทั้งสองไปตรงๆ   

 

 

รัฐMเป็นจุดขับเคลื่อนของศูนย์กลางนานาชาติ และได้รวบรวมกองกำลังนับไม่ถ้วน  

 

 

ทางคฤหาสน์ได้ดำเนินการมาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แม้กองกำลังมากมายเหล่านั้นต้องการกลืนกินคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อสายแร่ไม่กี่สายเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการคือเข้าควบคุมลานจอดเครื่องบินในรัฐM  

 

 

ตระกูลมาสเป็นตระกูลชั้นนำในรัฐMที่พอจะมีดีอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีกองกำลังใต้ดินบางส่วนที่แพร่ขยายสืบทอดต่อมา  

 

 

“กองกำลังที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือพันธมิตรใต้ดิน”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 246 พันธมิตรใต้ดิน ซ่อนอยู่เบื้องลึก

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 246 พันธมิตรใต้ดิน ซ่อนอยู่เบื้องลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉิงสุ่ยได้ยินเฉิงหั่วบอกแค่ว่าคนที่มาหาคุณฉินคนนั้นแซ่หยาง       แต่ไม่คิดว่าจะเป็น “หยาง” หรือหยางซูเยี่ยน       เขาก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความเคารพ หลุบตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึกจากแววตา       หยางซูเยี่ยนแค่เหลือบมองเฉิงสุ่ยและยิ้มโดยไม่พูดอะไร       “หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ฉันก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อฉันได้ อย่าบุ่มบ่ามแบบนี้” เขาพูดเบาๆ จากนั้นก็ลูบหัวฉินหร่าน        ทางด้านเฉิงสุ่ยที่ยังไม่ทันได้สติจากข่าวใหญ่ครั้งก่อนถึงกับตกใจกับการกระทำของคุณหยางท่านนี้       คุณ…นี่คุณถึงขนาดกล้าลูบหัวนายท่านเลยเหรอ ? !       ร้ายกาจซะจริงๆ        เฉิงสุ่ยมองไปตรงๆ        เขาบีบโทรศัพท์ในขณะที่เดินตามหลังฉินหร่าน มองแผ่นหลังทั้งสอง       เม้มริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่เขาจะพุ่งความสนใจไปที่ตัวหยางซูเยี่ยน       ดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันมากจริงๆ เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว อดเป็นกังวลแทนเฉิงเจวี้ยนไม่ได้       หยางซูเยี่ยนไม่ได้คิดจะพักที่คฤหาสน์ พวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยค ฉินหร่านก็พาเขาไปส่งถึงนอกประตู       นี่คือเพื่อนฉินหร่าน เฉิงสุ่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมาก       เขาอยู่ห่างจากข้างหลังฉินหร่านไปแค่สองก้าว พาหยางซูเยี่ยนไปส่งด้านนอกด้วยท่าทางเคารพนบน้อม ตอนที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ด้านนอก เขาก็มองไปที่รถของคุณหยางโดยเฉพาะ       รถสีรอยัลบลู       รถทรงหัวมนท้ายแหลม ดูเกลี้ยงเกลา       อย่างไรก็ตาม บนตัวรถก็ไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือลวดลายอื่นใดเลย       และไม่มีการปักธงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน       เฉิงสุ่ยละสายตาอย่างเงียบๆ หยางซูเยี่ยนที่กำลังหยิบกุญแจรถชะงักเท้า       เขาช่างดูเป็นพ่อพระเสียจริงๆ ใบหน้าที่เยือกเย็นสีหิมะมองมาทางเฉิงสุ่ย น้ำเสียงใสแจ๋ว “คุณเคยเจอผมมาก่อนหรือเปล่า?”       “เปล่าครับ” เฉิงสุ่ยยังคงยิ้มอย่างสุภาพ เขาพยักหน้าโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อย       หยางซูเยี่ยนไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก เขาละสายตามาคุยกับฉินหร่านเบาๆ ไม่กี่คำแล้วถึงจะเปิดประตูขึ้นรถขับออกไป       จนกระทั่งรถคันนั้นไปแล้ว เฉิงสุ่ยก็มองมาทางฉินหร่าน       ท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาก       “คุณฉิน เพื่อนของคุณคนนั้น พวกคุณน่าจะรู้จักกันมานานแล้วสินะครับ? สนิทกันมากไหมครับ?” เฉิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้า ลดเสียงพูดและถามอย่างจริงจัง       เนื่องจากออกมาข้างนอก ฉินหร่านจึงยังสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ด เธอเอามือสอดกระเป๋า       พอได้ยินที่เฉิงสุ่ยถามก็ได้แต่เลิกคิ้วและตอบเขาอย่างใจเย็น “น่าจะสิบปีได้แล้วมั้ง? หรืออาจจะมากกว่านั้น? เขาเป็นทายาทอวิ๋นกวง”       “อวิ๋นกวงกรุ๊ป?” เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว       เมื่อได้ยินฉินหร่านพูดแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังจะพูดอะไรได้อีก       ฉินหร่านเดินไปที่สนามฝึกต่อ “ทำไม เขายังจะเป็นใครได้อีก?”       “เปล่าครับ แน่นอนว่าไม่มี” เฉิงสุ่ยส่ายหน้าและนิ่งไปสักพัก เพื่อไม่ให้ฉินหร่านให้ความสนใจกับคนคนนี้มากนัก จึงถามไปแค่ว่า “คุณฉินพอจะรู้สถานการณ์ในรัฐMบ้างไหมครับ?”       ตอนนี้เดินมาเกือบจะถึงสนามฝึกแล้ว       ดวงตาดำขลับของฉินหร่านเพียงมองไปทางร่างคนที่ไปๆ มาๆ ในสนามฝึกซ้อม พูดด้วยความเฉยชา “ฉันไม่ได้คลุกคลีอยู่ในรัฐM จะไปรู้เรื่องรัฐMได้ยังไง”       น้ำเสียงว่างเปล่าและห่างเหิน       ฟังไม่ออกว่าเป็นโทนเสียงแบบไหน       ทั้งสองเข้าไปในสนามฝึกใหญ่ หลายคนบนโต๊ะพนันโบกมือให้ฉินหร่านด้วยความปลาบปลื้ม “คุณฉิน คุณฉิน ทางนี้!”       ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงสุ่ย ทีแรกคิดจะยืมบุหรี่เขา แต่ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาจึงเงียบไป       หยิบอมยิ้มออกมาจากในกระเป๋า       ฉีกซองอมยิ้มแล้วกวักมือเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยท่าทางเนือยๆ “มาแล้ว”       เธอทักทายเฉิงสุ่ยอีกครั้งและไปเป็นประธานโต๊ะพนันต่อ       เดิมทีเฉิงสุ่ยคิดจะอธิบายให้ฉินหร่านฟังสักหน่อย แต่พอเห็นเธอไปเล่นกับคนกลุ่มนั้น เขาจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นเข้าปาก       เดินไปรายงานเฉิงเจวี้ยนก่อนเป็นอันดับแรก       ตั้งแต่เขาบอกว่าไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือด้วย เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ส่งข้อความให้เขาอีก       เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงเจวี้ยนที่กำลังตั้งใจมองไปทางสังเวียน จากนั้นก็เดินมารายงานผลตรงหน้า       “นายท่าน เพื่อนคุณฉินไปแล้วครับ” เฉิงสุ่ยก้มหน้าด้วยความเคารพ       เฉิงเจวี้ยน “อือ” ไม่ละสายตาไปไหน ราวกับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย       มือยังถือถ้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งมีชาอยู่เจ็ดส่วน       เฉิงสุ่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดต่อ “คุณหยางท่านนั้นอายุน่าจะประมาณ25ถึง26 แก่กว่าคุณเล็กน้อย แต่รู้จักกับคุณฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว”       มือที่ถือถ้วยชาชะงัก       เฉิงสุ่ยพูดอีกประโยค “ทั้งสองสนิทกันมาก คุณหยางยังลูบหัวคุณฉินด้วยครับ”       หลังจากพูดจบ เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้มองเฉิงเจวี้ยน สายตาเขาแค่มองไปที่ถ้วยชาในมือเฉิงเจวี้ยน       มีรอยร้าวเล็กน้อย       เฉิงสุ่ยเอียงตัวไปสั่งคนรับใช้ข้างหลัง “ไปเอาถ้วยมาเปลี่ยนให้นายท่าน”       คนรับใช้หยิบถ้วยที่เฉิงเจวี้ยนวางไว้บนโต๊ะออกไป       จนกระทั่งคนรับใช้เดินไป       เฉิงสุ่ยเปลี่ยนท่าทีและลดเสียงลง “นายท่าน คุณหยางคนนั้นคือหยางซูเยี่ยน”       เฉิงเจวี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แววตาเยือกเย็นเล็กน้อย “หยางซูเยี่ยน?”       “แต่ว่า…คุณฉินน่าจะไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งมารู้ว่าที่แท้แล้วหยางซูเยี่ยนยังเป็นทายาทของอวิ๋นกวงกรุ๊ปอีกด้วย คุณฉินน่าจะเป็นบุคคลสำคัญภายในองค์กร ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้ที่อยู่บนตัวเสี่ยวเฮยจะเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากหยางซูเยี่ยนเป็นคนของอวิ๋นกวงกรุ๊ป” เฉิงสุ่ยส่ายหน้า       อวิ๋นกวงกรุ๊ปดำเนินการภายในประเทศเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้สอดมือเข้ามายุ่งในรัฐMเลย       แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเอาอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาเชื่อมโยงกับรัฐM       “หยางซูเยี่ยนคนนั้นเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชั่วร้ายมาก ผมเคยได้ยินเฉิงถู่บอกว่าตระกูลมาสยังล่วงเกินพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ผมกังวลว่าคุณฉินจะมีอันตราย เพราะเธอดูไว้เนื้อเชื่อใจหยางซูเยี่ยนเป็นพิเศษ” เฉิงสุ่ยมองไปทางสังเวียน ขณะนี้คนที่ประเมินได้เปลี่ยนเป็นซือลี่หมิงแล้ว       คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายสามารถดวลเสมอผู้กองลั่วได้       คนรับใช้ไปเอาถ้วยชามาให้ใหม่ เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชาขึ้นมาและมองเขา       เฉิงสุ่ยกระแอม “แน่นอน มีนายท่านอยู่ ถึงจะมีหยางซูเยี่ยนอีกสิบคนก็ไม่น่าเป็นห่วง!”       พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็เม้มริมฝีปาก “นายท่าน คุณต้องการ…”       เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “แจ้งเฉิงถู่”       **       การประเมินสิ้นปีสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ       จุดสนใจของผู้ชมในวันแรกคือฉินหร่าน       จุดสนใจของผู้ชมในวันที่สองคือโต๊ะพนัน       ส่วนวันที่สามคือเฉิงมู่และซือลี่หมิงที่เป็นผู้ติดตามฉินหร่าน นอกจากนี้ยังมีผู้กองลั่วที่คอยเกาะแข้งเกาะขาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้เปล่งประกาย       เดิมทีพลังหมัดผู้กองลั่วอยู่ที่ 860 คราวนี้เขาได้ถึง 888 จึงไปท้าดวลเฉิงหั่วจนตีเสมอเฉิงหั่วได้สำเร็จ       หลังจากนั้นซือลี่หมิงก็ได้ท้าดวลผู้กองลั่ว สุดท้ายผลก็เสมอกัน       คนในคฤหาสน์ยกเว้นเหล่าหัวหน้าหลายคนล้วนประหลาดใจในตัวเฉิงมู่ แต่กลับไม่ประหลาดใจในตัวซือลี่หมิง        ปีที่แล้วซือลี่หมิงเพิ่งจะประเมินเข้ามาเป็นสมาชิก ทีแรกเขายังคิดจะประเมินเข้าหน่วยยุติธรรม แต่เพราะความแข็งแกร่งน้อยเกินไปจึงได้เข้าหน่วยจัดซื้อ       มีพลังหมัดประมาณ 810       นี่เพิ่งผ่านมาเดือนกว่าเอง? เขาสามารถตีเสมอเฉิงหั่วและคนอื่นได้แล้วเหรอเนี่ย ? !       ระดับความแข็งแกร่งของผู้กองลั่วกับซือลี่หมิงเพิ่มขึ้นอย่างลับๆ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นเพราะฉินหร่าน       สถานที่สำหรับทานอาหารค่ำในตอนเย็นยังคงอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่หัวหน้าตู้ที่ปฏิเสธฉินหร่านเป็นคนแรก ซึ่งขณะนี้บวมจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว       หัวน้าพิธีการตู้หยิบตะเกียบ “…”       **       หลังจากการประเมินเสร็จสิ้น ประเด็นต่อไปคือการจัดสรรบุคลากรและการฉลองปีใหม่       แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะครึกครื้น แต่ก็เป็นไปตามขั้นตอน ปีนี้เฉิงสุ่ยร่าเริงแจ่มใสเต็มเปี่ยม       ซึ่งก่อนหน้านี้ เฉิงสุ่ยกลับทิ้งเฉิงหั่วไว้กับเฉิงมู่แค่สองคน       เฉิงมู่กลัวว่าเฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วจะร่วมมือกันต่อยเขาอยู่หน่อยๆ เขาจึงไม่กล้าขยับตัวเมื่อยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเฉิงสุ่ย “ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเก่งกว่าพวกนาย…”       เดิมทีเฉิงสุ่ยแค่ไปตามเฉิงมู่มาคุยงาน แต่พอได้ยินที่เฉิงมู่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะตีเฉิงมู่สักยกด้วยความตื่นตัว       เฉิงมู่…ไม่กล้าสู้กลับ       เมื่อเฉิงหั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยวางเท้าบนโต๊ะกาแฟเห็นเฉิงมู่เป็นเสียแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองพร้อมกับขบฟัน       “ที่ฉันตามนายมาก็เพราะเรื่องคุณฉิน” เฉิงสุ่ยตีหัวเขาทีสองทีแล้วปล่อยมือ “นายน่าจะรู้นะว่าทำไมนายท่านถึงสั่งนายติดตามคุณฉิน ในเมื่อนายเองก็ก้าวเข้าสู่รัฐMอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราก็จะไม่ปิดบังเรื่องอื่นกับนาย อีกไม่กี่เดือนคุณฉินจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงที่นายอยู่ในรัฐM ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐM เฉิงหั่ว นายก็ฟังด้วยล่ะ”       เฉิงถู่เคลื่อนไหวลับๆ มาโดยตลอด หลายปีมานี้เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ถ้าถอนตัวออกจากรัฐM จะต้องทำแบบที่เงียบที่สุด น้อยมากที่เฉิงสุ่ยจะพูดถึงเฉิงถู่ให้พวกเฉิงหั่วและคนอื่นๆ ฟัง       ตอนนี้เฉิงสุ่ยพอจะเดาแผนต่อไปของเฉิงเจวี้ยนได้แล้ว       จึงบอกทั้งสองไปตรงๆ        รัฐMเป็นจุดขับเคลื่อนของศูนย์กลางนานาชาติ และได้รวบรวมกองกำลังนับไม่ถ้วน       ทางคฤหาสน์ได้ดำเนินการมาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แม้กองกำลังมากมายเหล่านั้นต้องการกลืนกินคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อสายแร่ไม่กี่สายเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการคือเข้าควบคุมลานจอดเครื่องบินในรัฐM       ตระกูลมาสเป็นตระกูลชั้นนำในรัฐMที่พอจะมีดีอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีกองกำลังใต้ดินบางส่วนที่แพร่ขยายสืบทอดต่อมา       “กองกำลังที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือพันธมิตรใต้ดิน”  

เฉิงสุ่ยได้ยินเฉิงหั่วบอกแค่ว่าคนที่มาหาคุณฉินคนนั้นแซ่หยาง  

 

 

แต่ไม่คิดว่าจะเป็น “หยาง” หรือหยางซูเยี่ยน  

 

 

เขาก้มศีรษะเล็กน้อยแสดงความเคารพ หลุบตาลงเพื่อปกปิดความรู้สึกจากแววตา  

 

 

หยางซูเยี่ยนแค่เหลือบมองเฉิงสุ่ยและยิ้มโดยไม่พูดอะไร  

 

 

“หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ฉันก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ติดต่อฉันได้ อย่าบุ่มบ่ามแบบนี้” เขาพูดเบาๆ จากนั้นก็ลูบหัวฉินหร่าน   

 

 

ทางด้านเฉิงสุ่ยที่ยังไม่ทันได้สติจากข่าวใหญ่ครั้งก่อนถึงกับตกใจกับการกระทำของคุณหยางท่านนี้  

 

 

คุณ…นี่คุณถึงขนาดกล้าลูบหัวนายท่านเลยเหรอ ? !  

 

 

ร้ายกาจซะจริงๆ   

 

 

เฉิงสุ่ยมองไปตรงๆ   

 

 

เขาบีบโทรศัพท์ในขณะที่เดินตามหลังฉินหร่าน มองแผ่นหลังทั้งสอง  

 

 

เม้มริมฝีปาก โดยส่วนใหญ่เขาจะพุ่งความสนใจไปที่ตัวหยางซูเยี่ยน  

 

 

ดูเหมือนทั้งสองจะสนิทกันมากจริงๆ เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว อดเป็นกังวลแทนเฉิงเจวี้ยนไม่ได้  

 

 

หยางซูเยี่ยนไม่ได้คิดจะพักที่คฤหาสน์ พวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยค ฉินหร่านก็พาเขาไปส่งถึงนอกประตู  

 

 

นี่คือเพื่อนฉินหร่าน เฉิงสุ่ยจึงไม่ได้พูดอะไรมาก  

 

 

เขาอยู่ห่างจากข้างหลังฉินหร่านไปแค่สองก้าว พาหยางซูเยี่ยนไปส่งด้านนอกด้วยท่าทางเคารพนบน้อม ตอนที่หยุดอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ด้านนอก เขาก็มองไปที่รถของคุณหยางโดยเฉพาะ  

 

 

รถสีรอยัลบลู  

 

 

รถทรงหัวมนท้ายแหลม ดูเกลี้ยงเกลา  

 

 

อย่างไรก็ตาม บนตัวรถก็ไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือลวดลายอื่นใดเลย  

 

 

และไม่มีการปักธงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน  

 

 

เฉิงสุ่ยละสายตาอย่างเงียบๆ หยางซูเยี่ยนที่กำลังหยิบกุญแจรถชะงักเท้า  

 

 

เขาช่างดูเป็นพ่อพระเสียจริงๆ ใบหน้าที่เยือกเย็นสีหิมะมองมาทางเฉิงสุ่ย น้ำเสียงใสแจ๋ว “คุณเคยเจอผมมาก่อนหรือเปล่า?”  

 

 

“เปล่าครับ” เฉิงสุ่ยยังคงยิ้มอย่างสุภาพ เขาพยักหน้าโดยไม่แสดงพิรุธแม้แต่น้อย  

 

 

หยางซูเยี่ยนไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก เขาละสายตามาคุยกับฉินหร่านเบาๆ ไม่กี่คำแล้วถึงจะเปิดประตูขึ้นรถขับออกไป  

 

 

จนกระทั่งรถคันนั้นไปแล้ว เฉิงสุ่ยก็มองมาทางฉินหร่าน  

 

 

ท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาก  

 

 

“คุณฉิน เพื่อนของคุณคนนั้น พวกคุณน่าจะรู้จักกันมานานแล้วสินะครับ? สนิทกันมากไหมครับ?” เฉิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้า ลดเสียงพูดและถามอย่างจริงจัง  

 

 

เนื่องจากออกมาข้างนอก ฉินหร่านจึงยังสวมเสื้อแจ็กเกตขนเป็ด เธอเอามือสอดกระเป๋า  

 

 

พอได้ยินที่เฉิงสุ่ยถามก็ได้แต่เลิกคิ้วและตอบเขาอย่างใจเย็น “น่าจะสิบปีได้แล้วมั้ง? หรืออาจจะมากกว่านั้น? เขาเป็นทายาทอวิ๋นกวง”  

 

 

“อวิ๋นกวงกรุ๊ป?” เฉิงสุ่ยขมวดคิ้ว  

 

 

เมื่อได้ยินฉินหร่านพูดแบบนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังจะพูดอะไรได้อีก  

 

 

ฉินหร่านเดินไปที่สนามฝึกต่อ “ทำไม เขายังจะเป็นใครได้อีก?”  

 

 

“เปล่าครับ แน่นอนว่าไม่มี” เฉิงสุ่ยส่ายหน้าและนิ่งไปสักพัก เพื่อไม่ให้ฉินหร่านให้ความสนใจกับคนคนนี้มากนัก จึงถามไปแค่ว่า “คุณฉินพอจะรู้สถานการณ์ในรัฐMบ้างไหมครับ?”  

 

 

ตอนนี้เดินมาเกือบจะถึงสนามฝึกแล้ว  

 

 

ดวงตาดำขลับของฉินหร่านเพียงมองไปทางร่างคนที่ไปๆ มาๆ ในสนามฝึกซ้อม พูดด้วยความเฉยชา “ฉันไม่ได้คลุกคลีอยู่ในรัฐM จะไปรู้เรื่องรัฐMได้ยังไง”  

 

 

น้ำเสียงว่างเปล่าและห่างเหิน  

 

 

ฟังไม่ออกว่าเป็นโทนเสียงแบบไหน  

 

 

ทั้งสองเข้าไปในสนามฝึกใหญ่ หลายคนบนโต๊ะพนันโบกมือให้ฉินหร่านด้วยความปลาบปลื้ม “คุณฉิน คุณฉิน ทางนี้!”  

 

 

ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงสุ่ย ทีแรกคิดจะยืมบุหรี่เขา แต่ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นมาจึงเงียบไป  

 

 

หยิบอมยิ้มออกมาจากในกระเป๋า  

 

 

ฉีกซองอมยิ้มแล้วกวักมือเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยท่าทางเนือยๆ “มาแล้ว”  

 

 

เธอทักทายเฉิงสุ่ยอีกครั้งและไปเป็นประธานโต๊ะพนันต่อ  

 

 

เดิมทีเฉิงสุ่ยคิดจะอธิบายให้ฉินหร่านฟังสักหน่อย แต่พอเห็นเธอไปเล่นกับคนกลุ่มนั้น เขาจึงกลืนคำพูดเหล่านั้นเข้าปาก  

 

 

เดินไปรายงานเฉิงเจวี้ยนก่อนเป็นอันดับแรก  

 

 

ตั้งแต่เขาบอกว่าไม่ได้เข้าไปในห้องหนังสือด้วย เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ส่งข้อความให้เขาอีก  

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองเฉิงเจวี้ยนที่กำลังตั้งใจมองไปทางสังเวียน จากนั้นก็เดินมารายงานผลตรงหน้า  

 

 

“นายท่าน เพื่อนคุณฉินไปแล้วครับ” เฉิงสุ่ยก้มหน้าด้วยความเคารพ  

 

 

เฉิงเจวี้ยน “อือ” ไม่ละสายตาไปไหน ราวกับไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย  

 

 

มือยังถือถ้วยกระเบื้องเคลือบซึ่งมีชาอยู่เจ็ดส่วน  

 

 

เฉิงสุ่ยเหลือบมองเขาแล้วพูดต่อ “คุณหยางท่านนั้นอายุน่าจะประมาณ25ถึง26 แก่กว่าคุณเล็กน้อย แต่รู้จักกับคุณฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว”  

 

 

มือที่ถือถ้วยชาชะงัก  

 

 

เฉิงสุ่ยพูดอีกประโยค “ทั้งสองสนิทกันมาก คุณหยางยังลูบหัวคุณฉินด้วยครับ”  

 

 

หลังจากพูดจบ เฉิงสุ่ยก็ไม่ได้มองเฉิงเจวี้ยน สายตาเขาแค่มองไปที่ถ้วยชาในมือเฉิงเจวี้ยน  

 

 

มีรอยร้าวเล็กน้อย  

 

 

เฉิงสุ่ยเอียงตัวไปสั่งคนรับใช้ข้างหลัง “ไปเอาถ้วยมาเปลี่ยนให้นายท่าน”  

 

 

คนรับใช้หยิบถ้วยที่เฉิงเจวี้ยนวางไว้บนโต๊ะออกไป  

 

 

จนกระทั่งคนรับใช้เดินไป  

 

 

เฉิงสุ่ยเปลี่ยนท่าทีและลดเสียงลง “นายท่าน คุณหยางคนนั้นคือหยางซูเยี่ยน”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย แววตาเยือกเย็นเล็กน้อย “หยางซูเยี่ยน?”  

 

 

“แต่ว่า…คุณฉินน่าจะไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งมารู้ว่าที่แท้แล้วหยางซูเยี่ยนยังเป็นทายาทของอวิ๋นกวงกรุ๊ปอีกด้วย คุณฉินน่าจะเป็นบุคคลสำคัญภายในองค์กร ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์ดอกป๊อปปี้ที่อยู่บนตัวเสี่ยวเฮยจะเข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากหยางซูเยี่ยนเป็นคนของอวิ๋นกวงกรุ๊ป” เฉิงสุ่ยส่ายหน้า  

 

 

อวิ๋นกวงกรุ๊ปดำเนินการภายในประเทศเท่านั้น พวกเขาแทบจะไม่ได้สอดมือเข้ามายุ่งในรัฐMเลย  

 

 

แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเอาอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาเชื่อมโยงกับรัฐM  

 

 

“หยางซูเยี่ยนคนนั้นเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชั่วร้ายมาก ผมเคยได้ยินเฉิงถู่บอกว่าตระกูลมาสยังล่วงเกินพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ ผมกังวลว่าคุณฉินจะมีอันตราย เพราะเธอดูไว้เนื้อเชื่อใจหยางซูเยี่ยนเป็นพิเศษ” เฉิงสุ่ยมองไปทางสังเวียน ขณะนี้คนที่ประเมินได้เปลี่ยนเป็นซือลี่หมิงแล้ว  

 

 

คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายสามารถดวลเสมอผู้กองลั่วได้  

 

 

คนรับใช้ไปเอาถ้วยชามาให้ใหม่ เฉิงเจวี้ยนถือถ้วยชาขึ้นมาและมองเขา  

 

 

เฉิงสุ่ยกระแอม “แน่นอน มีนายท่านอยู่ ถึงจะมีหยางซูเยี่ยนอีกสิบคนก็ไม่น่าเป็นห่วง!”  

 

 

พอพูดถึงตรงนี้ เขาก็เม้มริมฝีปาก “นายท่าน คุณต้องการ…”  

 

 

เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “แจ้งเฉิงถู่”  

 

 

**  

 

 

การประเมินสิ้นปีสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบ  

 

 

จุดสนใจของผู้ชมในวันแรกคือฉินหร่าน  

 

 

จุดสนใจของผู้ชมในวันที่สองคือโต๊ะพนัน  

 

 

ส่วนวันที่สามคือเฉิงมู่และซือลี่หมิงที่เป็นผู้ติดตามฉินหร่าน นอกจากนี้ยังมีผู้กองลั่วที่คอยเกาะแข้งเกาะขาเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้เปล่งประกาย  

 

 

เดิมทีพลังหมัดผู้กองลั่วอยู่ที่ 860 คราวนี้เขาได้ถึง 888 จึงไปท้าดวลเฉิงหั่วจนตีเสมอเฉิงหั่วได้สำเร็จ  

 

 

หลังจากนั้นซือลี่หมิงก็ได้ท้าดวลผู้กองลั่ว สุดท้ายผลก็เสมอกัน  

 

 

คนในคฤหาสน์ยกเว้นเหล่าหัวหน้าหลายคนล้วนประหลาดใจในตัวเฉิงมู่ แต่กลับไม่ประหลาดใจในตัวซือลี่หมิง   

 

 

ปีที่แล้วซือลี่หมิงเพิ่งจะประเมินเข้ามาเป็นสมาชิก ทีแรกเขายังคิดจะประเมินเข้าหน่วยยุติธรรม แต่เพราะความแข็งแกร่งน้อยเกินไปจึงได้เข้าหน่วยจัดซื้อ  

 

 

มีพลังหมัดประมาณ 810  

 

 

นี่เพิ่งผ่านมาเดือนกว่าเอง? เขาสามารถตีเสมอเฉิงหั่วและคนอื่นได้แล้วเหรอเนี่ย ? !  

 

 

ระดับความแข็งแกร่งของผู้กองลั่วกับซือลี่หมิงเพิ่มขึ้นอย่างลับๆ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นเพราะฉินหร่าน  

 

 

สถานที่สำหรับทานอาหารค่ำในตอนเย็นยังคงอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่หัวหน้าตู้ที่ปฏิเสธฉินหร่านเป็นคนแรก ซึ่งขณะนี้บวมจนกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว  

 

 

หัวน้าพิธีการตู้หยิบตะเกียบ “…”  

 

 

**  

 

 

หลังจากการประเมินเสร็จสิ้น ประเด็นต่อไปคือการจัดสรรบุคลากรและการฉลองปีใหม่  

 

 

แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะครึกครื้น แต่ก็เป็นไปตามขั้นตอน ปีนี้เฉิงสุ่ยร่าเริงแจ่มใสเต็มเปี่ยม  

 

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ เฉิงสุ่ยกลับทิ้งเฉิงหั่วไว้กับเฉิงมู่แค่สองคน  

 

 

เฉิงมู่กลัวว่าเฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วจะร่วมมือกันต่อยเขาอยู่หน่อยๆ เขาจึงไม่กล้าขยับตัวเมื่อยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเฉิงสุ่ย “ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเก่งกว่าพวกนาย…”  

 

 

เดิมทีเฉิงสุ่ยแค่ไปตามเฉิงมู่มาคุยงาน แต่พอได้ยินที่เฉิงมู่พูด ก็อดไม่ได้ที่จะตีเฉิงมู่สักยกด้วยความตื่นตัว  

 

 

เฉิงมู่…ไม่กล้าสู้กลับ  

 

 

เมื่อเฉิงหั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างโดยวางเท้าบนโต๊ะกาแฟเห็นเฉิงมู่เป็นเสียแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองพร้อมกับขบฟัน  

 

 

“ที่ฉันตามนายมาก็เพราะเรื่องคุณฉิน” เฉิงสุ่ยตีหัวเขาทีสองทีแล้วปล่อยมือ “นายน่าจะรู้นะว่าทำไมนายท่านถึงสั่งนายติดตามคุณฉิน ในเมื่อนายเองก็ก้าวเข้าสู่รัฐMอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราก็จะไม่ปิดบังเรื่องอื่นกับนาย อีกไม่กี่เดือนคุณฉินจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงที่นายอยู่ในรัฐM ฉันจะอธิบายให้นายเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐM เฉิงหั่ว นายก็ฟังด้วยล่ะ”  

 

 

เฉิงถู่เคลื่อนไหวลับๆ มาโดยตลอด หลายปีมานี้เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ถ้าถอนตัวออกจากรัฐM จะต้องทำแบบที่เงียบที่สุด น้อยมากที่เฉิงสุ่ยจะพูดถึงเฉิงถู่ให้พวกเฉิงหั่วและคนอื่นๆ ฟัง  

 

 

ตอนนี้เฉิงสุ่ยพอจะเดาแผนต่อไปของเฉิงเจวี้ยนได้แล้ว  

 

 

จึงบอกทั้งสองไปตรงๆ   

 

 

รัฐMเป็นจุดขับเคลื่อนของศูนย์กลางนานาชาติ และได้รวบรวมกองกำลังนับไม่ถ้วน  

 

 

ทางคฤหาสน์ได้ดำเนินการมาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แม้กองกำลังมากมายเหล่านั้นต้องการกลืนกินคฤหาสน์แห่งนี้ ไม่เพียงแค่เพื่อสายแร่ไม่กี่สายเท่านั้น สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการคือเข้าควบคุมลานจอดเครื่องบินในรัฐM  

 

 

ตระกูลมาสเป็นตระกูลชั้นนำในรัฐMที่พอจะมีดีอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีกองกำลังใต้ดินบางส่วนที่แพร่ขยายสืบทอดต่อมา  

 

 

“กองกำลังที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือพันธมิตรใต้ดิน”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+