เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 251 กลับมา!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 251 กลับมา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนลงจากรถบรรทุก  

 

 

“คุณฉิน” เขาเดินไปตรงหน้าฉินหร่านพร้อมกับพูดด้วยความเคารพ  

 

 

หลังจากทักทายฉินหร่านเรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนก็ถือกุญแจไปเปิดที่บรรจุของท้ายรถบรรทุกด้านหลังซึ่งมีกล่องกระดาษเรียงเป็นสองแถว  

 

 

เฉิงเจวี้ยนยังคงยืนนิ่ง กวาดสายตามองไปที่กล่องเหล่านั้นและเอียงตัวไปทางเฉิงมู่และพวกเมสัน “ขนกล่องพวกนี้ขึ้นไปบนชั้นสี่”  

 

 

กล่องเหล่านี้ค่อนข้างหนัก แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเฉิงมู่ในตอนนี้ เขายกได้ถึงสองอันในคราวเดียว  

 

 

แต่ด้วยกลัวว่าจะทำของของฉินหร่านเสียหาย เฉิงมู่จึงไม่กล้าทำแบบนี้  

 

 

แค่ย้ายกล่องขึ้นไปบนชั้นสี่ด้วยความระมัดระวัง  

 

 

ส่วนฉินหร่านอยู่กับชายวัยกลางคน  

 

 

เมสันและเจ้าหน้าที่ไอทีสองคนนั้นรู้ดีว่าเฉิงมู่เป็นคนสนิทของฉินหร่าน จึงติดตามเฉิงมู่อย่างใกล้ชิดไปตลอดทาง  

 

 

พอถึงชั้นสี่ เฉิงมู่วางกล่องลงด้วยความระมัดระวังขั้นสุด  

 

 

เมื่อทั้งสามเห็นเฉิงมู่ทำแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวอย่างเบามือ  

 

 

“เฉิงมู่เพื่อน กล่องของคุณฉินนี่มีอะไร?” เมสันชั่งน้ำหนักกล่องแล้วก็อดถามไม่ได้  

 

 

สาเหตุที่เมสันแน่ใจว่าเป็นของของฉินหร่านนั้น ไม่ใช่เพราะว่าโทรศัพท์สายนั้นของเธอ  

 

 

แต่เป็นเพราะรถบรรทุกคันนั้นไม่มีสัญลักษณ์ของลานจอดเครื่องบินของพวกเขา  

 

 

พอได้ยินดังนั้น เฉิงมู่ก็ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ของเขา มันไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน  

 

 

ฮอลล์สั่งให้คนหนุ่มหลายคนที่อยู่ชั้นล่างขนกล่องที่เหลือขึ้นไปให้หมดในรวดเดียว  

 

 

“จะย้ายคอมพิวเตอร์S5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งขึ้นไปไหม?” หลังจากย้ายกล่องเสร็จ ฮอลล์ก็ให้คนอื่นลงไปข้างล่างก่อน เขาจำได้ว่าเฉิงสุ่ยเคยบอกไว้ว่าฉินหร่านไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆ   

 

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เฉิงเจวี้ยนเตรียมชั้นสี่ไว้ให้เธอตั้งแต่แรก  

 

 

“คุณฉินบอกไม่ต้อง ฉันค่อยถามดูอีกที” เมสันขมวดคิ้ว  

 

 

ฉินหร่านบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ชั้นสี่ใช้ไม่ได้และยังบอกว่าเธอไม่ใช้S5  

 

 

เมสันเพิ่งจะพูดจบ ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนก็ตามขึ้นมา ฉินหร่านตามหลังเฉิงเจวี้ยนอยู่หนึ่งก้าว หลุบตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังโทรคุยกับใครอยู่  

 

 

เมื่อเฉิงเจวี้ยนเห็นเมสันทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูด เขาก็กดคางลง “พวกคุณอยากพูดอะไรหรือเปล่า?”  

 

 

“เอ่อ…คุณฉินบอกว่าคอมพิวเตอร์ใช้ไม่ได้ จะไม่ย้ายS5ขึ้นมาจริงๆ หรือครับ?” เมสันมองไปทางฉินหร่านพลางลดเสียง  

 

 

เฉิงเจวี้ยนส่ายหน้า “ไม่ต้อง แกะกล่องกันก่อน”  

 

 

เมื่อได้ยินที่เฉิงเจวี้ยนพูด เฉิงมู่ก็หันกลับไปเอากรรไกรบนโต๊ะมาเปิดกล่อง  

 

 

กล่องแรกที่เปิดเป็นชุดประกอบ มีหน้าจอคอมพิวเตอร์กับซีพียูซึ่งเป็นสีดำล้วน  

 

 

เฉิงมู่ดึงโฟมและฟิล์มป้องกันออกมาไว้ด้านข้าง จากนั้นก็นั่งยองๆ มองหน้าจอสีดำอยู่เป็นเวลานาน รู้สึกคุ้นๆ   

 

 

เขาหรี่ตาครู่หนึ่งก็จำได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ดูคล้ายกับคอมพิวเตอร์เหล่านั้นที่บ้านกู้ซีฉืออยู่หน่อยๆ   

 

 

แต่แตกต่างกันเล็กน้อย  

 

 

น่าจะเป็นแบรนด์เดียวกันแต่คนละรุ่น  

 

 

เฉิงมู่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ทว่าตอนนั้นขนาดลู่จ้าวอิ่งยังอยากเอาติดตัวไปสักเครื่อง เฉิงมู่เดาได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะต้องมีคุณภาพดีมากแน่ๆ   

 

 

ถึงอย่างไรลู่จ้าวอิ่งก็เป็นคนบ้าเกม คอมพิวเตอร์ของเขาล้วนถูกติดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ  

 

 

เฉิงมู่ไปเปิดกล่องที่สองอีกครั้ง เมสันและเด็กหนุ่มอีกสองคนที่สงสัยมาตลอดว่ามีอะไรอยู่ในกล่องก็ได้เห็นภาพทั้งหมดแล้วในท้ายที่สุด แม้แต่เมสันก็อดไม่ได้ที่จะมองตาค้าง  

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสองก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน “นี่มันอะไรเนี่ย?”  

 

 

เฉิงมู่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งสามคนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มาก เมื่อพวกเขารู้ว่ามันเป็นสินค้าที่มาจากบริษัทไหน จึงไม่กล้าพูดอะไรไปชั่วขณะ  

 

 

แค่ช่วยเฉิงมู่ย้ายคอมพิวเตอร์ทั้งสิบเครื่องไปที่ห้องสตูดิโออย่างรวดเร็ว ไม่กล้าสัมผัสชิ้นส่วนอื่นๆ มีเพียงพวกเมสันสามคนเท่านั้นที่แกล้งทำเป็นเงียบ  

 

 

ฉินหร่านยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก  

 

 

ฮอลล์เองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขาตามพวกเมสันเข้ามา “ที่ลานจอดเครื่องบินยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการ ตกลงแล้วS5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งจะเอาไหม?”  

 

 

เขามองออกไปข้างนอก ลดเสียงพูดพึมพำ  

 

 

“ไม่ต้อง” เมสันรีบติดตั้งคอมพิวเตอร์ หลังจากเสียบปลั๊กแล้ว เขาก็กดสวิตช์โดยตรง คอมพิวเตอร์สว่างขึ้น หลังจากที่หน้าจอเปลี่ยนจากโลโก้หัวมนท้ายแหลมของอวิ๋นกวงกรุ๊ป ก็มาถึงหน้าโฮสต์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวิ  

 

 

เมสันแตะปุ่มลัดไม่กี่ปุ่มบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว  

 

 

ทันใดนั้นข้อมูลซีพียูอื่นๆ ก็โผล่ขึ้นมาทันที  

 

 

เมื่อเด็กหนุ่มสองคนนั้นเห็นข้อมูลดังกล่าวก็ดันตัวเมสันออก อ่านข้อมูลด้วยความตื่นตาตื่นใจ  

 

 

เมื่อเห็นภาพนี้ เมสันก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตามองไปทางเฉิงมู่ เฉิงมู่ก็ยังลูบหัวด้วยความมึนงง  

 

 

เพราะรู้ว่าพวกเฉิงเจวี้ยนยังอยู่ เมสันมองไปเป็นเวลาสองนาทีก็ยังไม่อยากจะละสายตา เขามองฮอลล์และเฉิงมู่ด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีด “มิน่าละ คุณฉินถึงไม่ใช้คอมพิวเตอร์พวกเรา ที่แท้เธอมีซีพียูที่ดีกว่า นี่ก็คือคอมพิวเตอร์ของอวิ๋นกวง ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหน แต่ความเร็วในการประมวลผลนั้นเร็วกว่าS5อย่างน้อยสองเท่า!”  

 

 

S5ที่ว่าเร็วมากแล้วยังเรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลและความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดในตลาดที่ได้รับการยอมรับ แต่พอเอาเครื่องนี้มาเทียบกับS5ก็ยังเร็วกว่าสองเท่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เร็วได้ขนาดไหนกันนะ?  

 

 

ฮอลล์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ดูจากท่าทางตื่นตาตื่นใจของพวกเมสันก็รู้แล้วว่าคอมพิวเตอร์นี้ไม่ธรรมดา ดีกว่าS5สามตัวในอาคารใหญ่เสียอีก  

 

 

จุดนี้ทำให้ฮอลล์ประหลาดใจอยู่บ้าง  

 

 

เมสันควบคุมตัวเองได้ก็เริ่มประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่านิ้วของเขากำลังสั่นระริก  

 

 

เฉิงมู่เห็นเรื่องแปลกๆ จนไม่แปลกใจแล้ว เขาก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หลินซือหรานตอบกลับข้อความเขามาแล้ว เธอบอกว่าหญ้าจะต้องเปลี่ยนกระถางใหม่  

 

 

ปากเฉิงมู่อดไม่ได้ที่จะกระตุก เขาต้องเปลี่ยนกระถางใหม่?  

 

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็วานให้หลินซือหรานนำหญ้าใหม่ไปให้ลู่จ้าวอิ่งที่ห้องพยาบาลประจำโรงเรียน ส่วนเขาจะเตรียมกับลู่จ้าวอิ่งทีหลัง  

 

 

เมื่อฉินหร่านกลับมาหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ สตูดิโอเล็กๆ ก็ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ห้าแถวเรียบร้อยแล้ว  

 

 

เธอเดินไปที่เครื่องแล้วดูคร่าวๆ จากนั้นก็หรี่ตาชี้ไปที่คอมพิวเตอร์สามเครื่องพลางมองไปทางพวกเมสันสามคน เธอยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คอมพิวเตอร์สามเครื่องนี้ ตอนเย็นๆ พวกคุณก็เอากลับไปด้วย เอาไปคนละเครื่อง”  

 

 

ฉินหร่านมีแผนของตัวเองเสมอเวลาทำเรื่องอะไร คราวที่แล้วที่เธอตอบตกลงหยางซูเยี่ยนเกี่ยวกับเรื่องภายในอวิ๋นกวง เธอก็เตรียมแผนไว้แล้ว  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์รุ่นEAก็ล้วนไม่เผยแพร่ออกไป  

 

 

เทคโนโลยีสำคัญอยู่ในกำมือของเธอ ถ้าอยากผลิตล็อตใหญ่ก็ทำได้แค่บอกเธอเท่านั้น  

 

 

ก่อนที่พวกเมสันสามคนจะตกตะลึง ฉินหร่านก็ไปที่ห้องตัวเอง เธอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สีดำออกมา เพิ่งจะหยิบออกมา โทรศัพท์ก็สว่างขึ้นเอง จากนั้นก็ป้อนโค้ดยาวเหยียดส่งไปที่โน๊ตบุ๊กของฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านถือโน๊ตบุ๊กกลับไปที่ห้องสตูดิโอ  

 

 

“ระบบนี้ค่อนข้างยุ่งยาก เวลาไม่กี่เดือนอาจจะไม่เพียงพอถ้าฉันจัดการด้วยตัวเอง” ฉินหร่านนั่งบนโต๊ะว่าง เปิดโน๊ตบุ๊ก  

 

 

หน้าแรกยังคงว่างเปล่า แต่คราวนี้ไม่ใช่สีทะเลทราย แต่เป็นสีของมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล  

 

 

เธอกดโค้ดไม่กี่โค้ด ทันทีที่ใส่โค้ดก็มีไฟล์โผล่ออกมา “ฉันจะส่งข้อมูลพวกนี้ไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก่อน คอมพิวเตอร์พวกนี้จะประมวลผลข้อมูลบางส่วน เราจำเป็นต้องเพิ่มอัลกอริทึมใหม่…”  

 

 

ฉินหร่านมักจะจริงจังและเข้มงวดเสมอเวลาทำงาน ไม่ได้ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหมือนในอดีต  

 

 

เฉิงเจวี้ยนพิงประตูและมองดูอยู่ครู่หนึ่ง  

 

 

ฮอลล์อยู่ข้างหลังเขาเพียงก้าวเดียวและมองเข้าไปในสำนักงานด้วยความสงสัยอย่างมาก  

 

 

สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านก็มอบหมายงานง่ายๆ ให้ไปทำก่อน  

 

 

พวกเมสันสามคนลูบหน้าอกและยื่นมือเช็ดหน้าเช็ดตา  

 

 

“ตอนนี้ให้พวกคุณจัดการแค่นี้ไปก่อน…” พอฉินหร่านพูดใกล้เสร็จก็ชำเลืองมองไปที่คอมพิวเตอร์ภายในห้องสำนักงาน “การปฏิบัติการได้เริ่มขึ้นแล้ว นี่คือโค้ดอัจฉริยะ…”  

 

 

“ผมเข้าใจแล้วครับคุณฉิน” เมสันพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม  

 

 

อีกสองคนกลับมาได้สติ จากนั้นก็เหลือบมองเมสันอย่างเงียบๆ ไหนบอกว่าพวกเขามาสอนคุณฉินไง?  

 

 

เมสันยิ้มเยาะ  

 

 

ไม่กล้าว่าอะไรกับเจ้าหน้าที่ไอทีหนุ่มสองคนนี้ เพราะแม้แต่เขาเองก็ปกปิดความตกใจไม่มิด  

 

 

ทีแรกพวกเขาคิดจะมาเกาะ “ขาใหญ่” ฉินหร่าน แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นฉินหร่านทำโค้ดต่างๆ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาได้เกาะขาใหญ่ที่แท้จริงเข้าแล้ว  

 

 

หลังจากนี้พวกเมสันสามคนก็อยู่ที่นี่ แทบจะกินนอนอยู่ในห้องสตูดิโอไม่ออกไปไหน  

 

 

**  

 

 

วันที่ 31 เดือนห้า  

 

 

อวิ๋นเฉิง  

 

 

บ่ายสามโมง  

 

 

อุณหภูมิเมืองอวิ๋นเฉิงในเดือนห้าไม่ถือว่าสูงเกินไป แต่ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะค่อนข้างแรง ไม่สามารถใส่เสื้อแขนยาวหรือกางเกงขายาวออกไปข้างนอกได้  

 

 

ปลายเดือนห้าถึงต้นเดือนหกมีแผ่นป้าย “นักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัย” อยู่ตามริมถนน  

 

 

โดยเฉพาะนอกประตูโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ในอวิ๋นเฉิง  

 

 

โรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

สำนักงานการศึกษาของชั้นมัธยมตอนปลายปีสาม  

 

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ อาจารย์เฉินซึ่งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของห้องเก้ากำลังลงมาจากห้องเก้าไปยังห้องสำนักงานพร้อมกับถือหนังสือเรียน เธอลังเลและอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเกาหยาง “อาจารย์เกา นักเรียนฉินหร่านพักการเรียนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”  

 

 

ตอนที่อาจารย์เฉินพูดประโยคนี้ อาจารย์คนอื่นในห้องสำนักงานต่างก็มองมาทางเกาหยางเพื่อรอคำตอบจากเขา  

 

 

โดยเฉพาะเฉินอ้ายหรง เธอมองเกาหยางโดยไม่ละสายตา  

 

 

แม้ฉินหร่านจะฉลาดมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นใครลาพักการเรียนนานกว่าเจ็ดเดือนมาก่อน  

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าสมองก็ยังมีภาวะหลงๆ ลืมๆ ถึงจะเป็นนักเรียนมัธยมปลาย แต่ถ้าเที่ยวเล่นโดยไม่แตะหนังสือเป็นเวลาสามเดือน ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมการจุดสัมผัสของวงรีคืออะไร  

 

 

หลังจากฉินหร่านพักการเรียน เธอเคยติดต่อกับเกาหยางมาบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่  

 

 

เกาหยางวางปากกาลง ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง  

 

 

โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะก็ดังขึ้น  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 251 กลับมา!

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 251 กลับมา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนลงจากรถบรรทุก  

 

 

“คุณฉิน” เขาเดินไปตรงหน้าฉินหร่านพร้อมกับพูดด้วยความเคารพ  

 

 

หลังจากทักทายฉินหร่านเรียบร้อยแล้ว ชายวัยกลางคนก็ถือกุญแจไปเปิดที่บรรจุของท้ายรถบรรทุกด้านหลังซึ่งมีกล่องกระดาษเรียงเป็นสองแถว  

 

 

เฉิงเจวี้ยนยังคงยืนนิ่ง กวาดสายตามองไปที่กล่องเหล่านั้นและเอียงตัวไปทางเฉิงมู่และพวกเมสัน “ขนกล่องพวกนี้ขึ้นไปบนชั้นสี่”  

 

 

กล่องเหล่านี้ค่อนข้างหนัก แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเฉิงมู่ในตอนนี้ เขายกได้ถึงสองอันในคราวเดียว  

 

 

แต่ด้วยกลัวว่าจะทำของของฉินหร่านเสียหาย เฉิงมู่จึงไม่กล้าทำแบบนี้  

 

 

แค่ย้ายกล่องขึ้นไปบนชั้นสี่ด้วยความระมัดระวัง  

 

 

ส่วนฉินหร่านอยู่กับชายวัยกลางคน  

 

 

เมสันและเจ้าหน้าที่ไอทีสองคนนั้นรู้ดีว่าเฉิงมู่เป็นคนสนิทของฉินหร่าน จึงติดตามเฉิงมู่อย่างใกล้ชิดไปตลอดทาง  

 

 

พอถึงชั้นสี่ เฉิงมู่วางกล่องลงด้วยความระมัดระวังขั้นสุด  

 

 

เมื่อทั้งสามเห็นเฉิงมู่ทำแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวอย่างเบามือ  

 

 

“เฉิงมู่เพื่อน กล่องของคุณฉินนี่มีอะไร?” เมสันชั่งน้ำหนักกล่องแล้วก็อดถามไม่ได้  

 

 

สาเหตุที่เมสันแน่ใจว่าเป็นของของฉินหร่านนั้น ไม่ใช่เพราะว่าโทรศัพท์สายนั้นของเธอ  

 

 

แต่เป็นเพราะรถบรรทุกคันนั้นไม่มีสัญลักษณ์ของลานจอดเครื่องบินของพวกเขา  

 

 

พอได้ยินดังนั้น เฉิงมู่ก็ส่ายหน้าอย่างเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้ แต่จากประสบการณ์ของเขา มันไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน  

 

 

ฮอลล์สั่งให้คนหนุ่มหลายคนที่อยู่ชั้นล่างขนกล่องที่เหลือขึ้นไปให้หมดในรวดเดียว  

 

 

“จะย้ายคอมพิวเตอร์S5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งขึ้นไปไหม?” หลังจากย้ายกล่องเสร็จ ฮอลล์ก็ให้คนอื่นลงไปข้างล่างก่อน เขาจำได้ว่าเฉิงสุ่ยเคยบอกไว้ว่าฉินหร่านไม่ชอบอยู่กับคนเยอะๆ   

 

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เฉิงเจวี้ยนเตรียมชั้นสี่ไว้ให้เธอตั้งแต่แรก  

 

 

“คุณฉินบอกไม่ต้อง ฉันค่อยถามดูอีกที” เมสันขมวดคิ้ว  

 

 

ฉินหร่านบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ชั้นสี่ใช้ไม่ได้และยังบอกว่าเธอไม่ใช้S5  

 

 

เมสันเพิ่งจะพูดจบ ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนก็ตามขึ้นมา ฉินหร่านตามหลังเฉิงเจวี้ยนอยู่หนึ่งก้าว หลุบตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังโทรคุยกับใครอยู่  

 

 

เมื่อเฉิงเจวี้ยนเห็นเมสันทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูด เขาก็กดคางลง “พวกคุณอยากพูดอะไรหรือเปล่า?”  

 

 

“เอ่อ…คุณฉินบอกว่าคอมพิวเตอร์ใช้ไม่ได้ จะไม่ย้ายS5ขึ้นมาจริงๆ หรือครับ?” เมสันมองไปทางฉินหร่านพลางลดเสียง  

 

 

เฉิงเจวี้ยนส่ายหน้า “ไม่ต้อง แกะกล่องกันก่อน”  

 

 

เมื่อได้ยินที่เฉิงเจวี้ยนพูด เฉิงมู่ก็หันกลับไปเอากรรไกรบนโต๊ะมาเปิดกล่อง  

 

 

กล่องแรกที่เปิดเป็นชุดประกอบ มีหน้าจอคอมพิวเตอร์กับซีพียูซึ่งเป็นสีดำล้วน  

 

 

เฉิงมู่ดึงโฟมและฟิล์มป้องกันออกมาไว้ด้านข้าง จากนั้นก็นั่งยองๆ มองหน้าจอสีดำอยู่เป็นเวลานาน รู้สึกคุ้นๆ   

 

 

เขาหรี่ตาครู่หนึ่งก็จำได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ดูคล้ายกับคอมพิวเตอร์เหล่านั้นที่บ้านกู้ซีฉืออยู่หน่อยๆ   

 

 

แต่แตกต่างกันเล็กน้อย  

 

 

น่าจะเป็นแบรนด์เดียวกันแต่คนละรุ่น  

 

 

เฉิงมู่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ทว่าตอนนั้นขนาดลู่จ้าวอิ่งยังอยากเอาติดตัวไปสักเครื่อง เฉิงมู่เดาได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะต้องมีคุณภาพดีมากแน่ๆ   

 

 

ถึงอย่างไรลู่จ้าวอิ่งก็เป็นคนบ้าเกม คอมพิวเตอร์ของเขาล้วนถูกติดตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ  

 

 

เฉิงมู่ไปเปิดกล่องที่สองอีกครั้ง เมสันและเด็กหนุ่มอีกสองคนที่สงสัยมาตลอดว่ามีอะไรอยู่ในกล่องก็ได้เห็นภาพทั้งหมดแล้วในท้ายที่สุด แม้แต่เมสันก็อดไม่ได้ที่จะมองตาค้าง  

 

 

เด็กหนุ่มทั้งสองก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน “นี่มันอะไรเนี่ย?”  

 

 

เฉิงมู่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งสามคนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มาก เมื่อพวกเขารู้ว่ามันเป็นสินค้าที่มาจากบริษัทไหน จึงไม่กล้าพูดอะไรไปชั่วขณะ  

 

 

แค่ช่วยเฉิงมู่ย้ายคอมพิวเตอร์ทั้งสิบเครื่องไปที่ห้องสตูดิโออย่างรวดเร็ว ไม่กล้าสัมผัสชิ้นส่วนอื่นๆ มีเพียงพวกเมสันสามคนเท่านั้นที่แกล้งทำเป็นเงียบ  

 

 

ฉินหร่านยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก  

 

 

ฮอลล์เองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขาตามพวกเมสันเข้ามา “ที่ลานจอดเครื่องบินยังมีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการ ตกลงแล้วS5สามเครื่องที่อยู่สำนักงานชั้นหนึ่งจะเอาไหม?”  

 

 

เขามองออกไปข้างนอก ลดเสียงพูดพึมพำ  

 

 

“ไม่ต้อง” เมสันรีบติดตั้งคอมพิวเตอร์ หลังจากเสียบปลั๊กแล้ว เขาก็กดสวิตช์โดยตรง คอมพิวเตอร์สว่างขึ้น หลังจากที่หน้าจอเปลี่ยนจากโลโก้หัวมนท้ายแหลมของอวิ๋นกวงกรุ๊ป ก็มาถึงหน้าโฮสต์ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวิ  

 

 

เมสันแตะปุ่มลัดไม่กี่ปุ่มบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว  

 

 

ทันใดนั้นข้อมูลซีพียูอื่นๆ ก็โผล่ขึ้นมาทันที  

 

 

เมื่อเด็กหนุ่มสองคนนั้นเห็นข้อมูลดังกล่าวก็ดันตัวเมสันออก อ่านข้อมูลด้วยความตื่นตาตื่นใจ  

 

 

เมื่อเห็นภาพนี้ เมสันก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตามองไปทางเฉิงมู่ เฉิงมู่ก็ยังลูบหัวด้วยความมึนงง  

 

 

เพราะรู้ว่าพวกเฉิงเจวี้ยนยังอยู่ เมสันมองไปเป็นเวลาสองนาทีก็ยังไม่อยากจะละสายตา เขามองฮอลล์และเฉิงมู่ด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีด “มิน่าละ คุณฉินถึงไม่ใช้คอมพิวเตอร์พวกเรา ที่แท้เธอมีซีพียูที่ดีกว่า นี่ก็คือคอมพิวเตอร์ของอวิ๋นกวง ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหน แต่ความเร็วในการประมวลผลนั้นเร็วกว่าS5อย่างน้อยสองเท่า!”  

 

 

S5ที่ว่าเร็วมากแล้วยังเรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วในการประมวลผลและความเร็วในการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดในตลาดที่ได้รับการยอมรับ แต่พอเอาเครื่องนี้มาเทียบกับS5ก็ยังเร็วกว่าสองเท่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้เร็วได้ขนาดไหนกันนะ?  

 

 

ฮอลล์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ดูจากท่าทางตื่นตาตื่นใจของพวกเมสันก็รู้แล้วว่าคอมพิวเตอร์นี้ไม่ธรรมดา ดีกว่าS5สามตัวในอาคารใหญ่เสียอีก  

 

 

จุดนี้ทำให้ฮอลล์ประหลาดใจอยู่บ้าง  

 

 

เมสันควบคุมตัวเองได้ก็เริ่มประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่านิ้วของเขากำลังสั่นระริก  

 

 

เฉิงมู่เห็นเรื่องแปลกๆ จนไม่แปลกใจแล้ว เขาก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หลินซือหรานตอบกลับข้อความเขามาแล้ว เธอบอกว่าหญ้าจะต้องเปลี่ยนกระถางใหม่  

 

 

ปากเฉิงมู่อดไม่ได้ที่จะกระตุก เขาต้องเปลี่ยนกระถางใหม่?  

 

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาก็วานให้หลินซือหรานนำหญ้าใหม่ไปให้ลู่จ้าวอิ่งที่ห้องพยาบาลประจำโรงเรียน ส่วนเขาจะเตรียมกับลู่จ้าวอิ่งทีหลัง  

 

 

เมื่อฉินหร่านกลับมาหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ สตูดิโอเล็กๆ ก็ได้ติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ห้าแถวเรียบร้อยแล้ว  

 

 

เธอเดินไปที่เครื่องแล้วดูคร่าวๆ จากนั้นก็หรี่ตาชี้ไปที่คอมพิวเตอร์สามเครื่องพลางมองไปทางพวกเมสันสามคน เธอยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คอมพิวเตอร์สามเครื่องนี้ ตอนเย็นๆ พวกคุณก็เอากลับไปด้วย เอาไปคนละเครื่อง”  

 

 

ฉินหร่านมีแผนของตัวเองเสมอเวลาทำเรื่องอะไร คราวที่แล้วที่เธอตอบตกลงหยางซูเยี่ยนเกี่ยวกับเรื่องภายในอวิ๋นกวง เธอก็เตรียมแผนไว้แล้ว  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือหุ่นยนต์รุ่นEAก็ล้วนไม่เผยแพร่ออกไป  

 

 

เทคโนโลยีสำคัญอยู่ในกำมือของเธอ ถ้าอยากผลิตล็อตใหญ่ก็ทำได้แค่บอกเธอเท่านั้น  

 

 

ก่อนที่พวกเมสันสามคนจะตกตะลึง ฉินหร่านก็ไปที่ห้องตัวเอง เธอหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สีดำออกมา เพิ่งจะหยิบออกมา โทรศัพท์ก็สว่างขึ้นเอง จากนั้นก็ป้อนโค้ดยาวเหยียดส่งไปที่โน๊ตบุ๊กของฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านถือโน๊ตบุ๊กกลับไปที่ห้องสตูดิโอ  

 

 

“ระบบนี้ค่อนข้างยุ่งยาก เวลาไม่กี่เดือนอาจจะไม่เพียงพอถ้าฉันจัดการด้วยตัวเอง” ฉินหร่านนั่งบนโต๊ะว่าง เปิดโน๊ตบุ๊ก  

 

 

หน้าแรกยังคงว่างเปล่า แต่คราวนี้ไม่ใช่สีทะเลทราย แต่เป็นสีของมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาล  

 

 

เธอกดโค้ดไม่กี่โค้ด ทันทีที่ใส่โค้ดก็มีไฟล์โผล่ออกมา “ฉันจะส่งข้อมูลพวกนี้ไปยังคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก่อน คอมพิวเตอร์พวกนี้จะประมวลผลข้อมูลบางส่วน เราจำเป็นต้องเพิ่มอัลกอริทึมใหม่…”  

 

 

ฉินหร่านมักจะจริงจังและเข้มงวดเสมอเวลาทำงาน ไม่ได้ทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหมือนในอดีต  

 

 

เฉิงเจวี้ยนพิงประตูและมองดูอยู่ครู่หนึ่ง  

 

 

ฮอลล์อยู่ข้างหลังเขาเพียงก้าวเดียวและมองเข้าไปในสำนักงานด้วยความสงสัยอย่างมาก  

 

 

สิบนาทีต่อมา ฉินหร่านก็มอบหมายงานง่ายๆ ให้ไปทำก่อน  

 

 

พวกเมสันสามคนลูบหน้าอกและยื่นมือเช็ดหน้าเช็ดตา  

 

 

“ตอนนี้ให้พวกคุณจัดการแค่นี้ไปก่อน…” พอฉินหร่านพูดใกล้เสร็จก็ชำเลืองมองไปที่คอมพิวเตอร์ภายในห้องสำนักงาน “การปฏิบัติการได้เริ่มขึ้นแล้ว นี่คือโค้ดอัจฉริยะ…”  

 

 

“ผมเข้าใจแล้วครับคุณฉิน” เมสันพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม  

 

 

อีกสองคนกลับมาได้สติ จากนั้นก็เหลือบมองเมสันอย่างเงียบๆ ไหนบอกว่าพวกเขามาสอนคุณฉินไง?  

 

 

เมสันยิ้มเยาะ  

 

 

ไม่กล้าว่าอะไรกับเจ้าหน้าที่ไอทีหนุ่มสองคนนี้ เพราะแม้แต่เขาเองก็ปกปิดความตกใจไม่มิด  

 

 

ทีแรกพวกเขาคิดจะมาเกาะ “ขาใหญ่” ฉินหร่าน แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นฉินหร่านทำโค้ดต่างๆ ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาได้เกาะขาใหญ่ที่แท้จริงเข้าแล้ว  

 

 

หลังจากนี้พวกเมสันสามคนก็อยู่ที่นี่ แทบจะกินนอนอยู่ในห้องสตูดิโอไม่ออกไปไหน  

 

 

**  

 

 

วันที่ 31 เดือนห้า  

 

 

อวิ๋นเฉิง  

 

 

บ่ายสามโมง  

 

 

อุณหภูมิเมืองอวิ๋นเฉิงในเดือนห้าไม่ถือว่าสูงเกินไป แต่ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะค่อนข้างแรง ไม่สามารถใส่เสื้อแขนยาวหรือกางเกงขายาวออกไปข้างนอกได้  

 

 

ปลายเดือนห้าถึงต้นเดือนหกมีแผ่นป้าย “นักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัย” อยู่ตามริมถนน  

 

 

โดยเฉพาะนอกประตูโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ในอวิ๋นเฉิง  

 

 

โรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

สำนักงานการศึกษาของชั้นมัธยมตอนปลายปีสาม  

 

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ อาจารย์เฉินซึ่งเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของห้องเก้ากำลังลงมาจากห้องเก้าไปยังห้องสำนักงานพร้อมกับถือหนังสือเรียน เธอลังเลและอดไม่ได้ที่จะมองไปทางเกาหยาง “อาจารย์เกา นักเรียนฉินหร่านพักการเรียนยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”  

 

 

ตอนที่อาจารย์เฉินพูดประโยคนี้ อาจารย์คนอื่นในห้องสำนักงานต่างก็มองมาทางเกาหยางเพื่อรอคำตอบจากเขา  

 

 

โดยเฉพาะเฉินอ้ายหรง เธอมองเกาหยางโดยไม่ละสายตา  

 

 

แม้ฉินหร่านจะฉลาดมาก แต่ก็ไม่เคยเห็นใครลาพักการเรียนนานกว่าเจ็ดเดือนมาก่อน  

 

 

อย่างที่ทราบกันดีว่าสมองก็ยังมีภาวะหลงๆ ลืมๆ ถึงจะเป็นนักเรียนมัธยมปลาย แต่ถ้าเที่ยวเล่นโดยไม่แตะหนังสือเป็นเวลาสามเดือน ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมการจุดสัมผัสของวงรีคืออะไร  

 

 

หลังจากฉินหร่านพักการเรียน เธอเคยติดต่อกับเกาหยางมาบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่  

 

 

เกาหยางวางปากกาลง ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง  

 

 

โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะก็ดังขึ้น  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+