เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 255 ครอบครัวของลูกพี่และมือข้างซ้ายของฉินหร่าน

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 255 ครอบครัวของลูกพี่และมือข้างซ้ายของฉินหร่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่หยิงเดินลงมาด้านล่างแล้ว เมื่อเมิ่งซินหรานเห็นดังนั้นจึงไม่อยากเรียกเธอ  

 

 

ก่อนเดินข้ามรูปนั้นไป  

 

 

ขณะที่สายตาหยุดมองคนผู้หนึ่งบนรูปภาพ เมิ่งซินหรานพลันหยุดชะงักไป  

 

 

“แม่ หนูวางสายก่อนนะคะ” เธอเอ่ยบอกคนในโทรศัพท์ ก่อนตัดสายไปจากนั้นย่อตัวเก็บรูปใบนั้นที่ตกอยู่บนเท้า  

 

 

ในรูปมีทั้งหมดสี่คน  

 

 

เธอดูออกว่าฉินหร่านคือคนที่สองถัดจากซ้ายมือ ตรงกลางมีคุณยายท่านหนึ่ง คนแรกทางซ้ายมือคือผู้หญิงที่เพิ่งเรียกเธอว่าคุณหนูเมิ่ง คนแรกด้านขวาดูๆ แล้วเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาเย็นชา  

 

 

เมิ่งซินหรานถือรูปใบนั้นเอาไว้ พลางหรี่ตา  

 

 

อยู่โรงเรียนมานาน เธอย่อมได้ยินเรื่องของฉินหร่านที่หยุดเรียนกะทันหัน มีข่าวลือไม่น้อยบอกว่าเพราะคุณยายของฉินหร่านเสียชีวิต เธอรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงพักการเรียนไป  

 

 

ข่าวคราวพวกนี้เชื่อถือไม่ได้นัก แต่เมิ่งซินหรานรู้ดี แท้จริงแล้วฉินหร่านถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่าของเธอ  

 

 

และเหตุผลที่แท้จริงคือ…ฉินหร่านพักการเรียนหลังจากคุณย่าของเธอเสียชีวิตไปแล้ว  

 

 

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ฉินหร่านก็ให้ความสำคัญกับคุณย่าของเธออย่างมาก  

 

 

เมิ่งซินหรานมองดูรูปใบนี้ พลางพิจารณา  

 

 

“คุณหนู ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” ป้าจางที่อยู่ด้านล่างกำลังยกแก้วนมขึ้นมาให้  

 

 

มองเมิ่งซินหรานด้วยความสงสัย  

 

 

เมิ่งซินหรานรีบเก็บรูปลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เธอบ่นพึมพำ จากนั้นพยักหน้า พูดอย่างใจเย็น “อืม กำลังไปนอนค่ะ”  

 

 

**  

 

 

ขณะเดียวกัน  

 

 

ในห้องของฉินอวี่ เธอกำลังโทรศัพท์กับไต้หราน  

 

 

ไต้หรานพูดด้วยน้ำเสียงอันเบา “อีกสองเดือนก็จะถึงการทดสอบสมาคมแล้ว ถ้าเธอเป็นสมาชิกของที่นี่น่าจะคว้าชื่ออันดับหนึ่งได้ไม่มีปัญหา ถึงเวลานั้นครูจะได้ให้ศาสตราจารย์เว่ยแนะนำเธอกับองค์กรไวโอลินรัฐ M ”  

 

 

หากจะให้เป็นผู้ถูกเลือกขององค์กรรัฐ M แน่นอนว่าไต้หรานไม่มีอำนาจในส่วนนั้น   

 

 

ตลอดเวลาที่อยู่ในสมาคมไวโอลิน มีเพียงศาสตราจารย์เว่ยเท่านั้นที่สามารถติดต่อกับคนของรัฐ M ได้  

 

 

ปีนี้สมาคมไวโอลินมีสมาชิกใหม่ค่อนข้างมาก แต่การที่ฉินอวี่อยู่ที่นี่ไม่นับว่าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ทว่าเธอกลับเป็นคนที่ขยันขันแข็งที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด  

 

 

คนติดตามเธอในเวยป๋อก็เกือบครบสิบล้านแล้ว  

 

 

พูดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของฉินอวี่ก็ปรากฏให้เห็นถึงร่องรอยความหยิ่งผยองที่แทบไม่เคยเห็น  

 

 

รัฐ M และเมืองหลวงล้วนเป็นเป้าหมายหลักที่เธอต้องต่อสู้  

 

 

เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยืนอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ข้างหน้าต่างที่เปิดออก พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “ขอบคุณค่ะอาจารย์”  

 

 

เธอพูดกับไต้หรานเรื่องสมาคมไวโอลินและรัฐ M อยู่ไม่กี่ประโยค ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องที่เผอิญเจอเฉิงเจวี้ยนที่บ้านหนิงเวยเมื่อตอนเย็น  

 

 

“อาจารย์ หนูมีอีกคำถามอยากจะถามอาจารย์ค่ะ” เธอค่อยๆ หรี่ตา  

 

 

ไต้หรานยังไม่ได้วางโทรศัพท์ สำหรับฉินอวี่ศิษย์คนนี้แล้วเขาใช้ความอดทนมาโดยตลอด “เธอพูดมา”  

 

 

“ในเมืองหลวงมีบ้านไหนสกุลเฉิงบ้างไหมคะ?” ฉินอวี่เม้มปาก  

 

 

“สกุลเฉิงหรอ?” เมื่อได้ยินฉินอวี่พูดเช่นนี้ น้ำเสียงของไต้หรานก็กดต่ำลง สกุลเฉิง เขาคิดออกเพียงแค่คฤหาสน์มหึมาที่อยู่ในตรอกแห่งนั้น  

 

 

ฉินอวี่มองต้นไม้ผ่านหน้าต่าง น้ำเสียงฟังดูไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนตอบเบาๆ ว่า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่ถามเฉยๆ ดูเหมือนว่าพี่สาวของหนูค่อนข้างสนิทสนมกับชายคนหนึ่งที่แซ่เฉิงน่ะค่ะ อีกฝ่ายแซ่เฉิง แล้วเป็นคนเมืองหลวงอีก”  

 

 

“แบบนี้เอง” ไต้หรานคิดว่าฉินอวี่ไปยั่วโมโหอะไรกับคนสกุลเฉิงเข้า เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจที่แกว่งก็กลับมาปกติ  

 

 

เขาเคยได้ยินเรื่องพี่สาวของฉินอวี่มาก่อน เดิมทีก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับบ้านสกุลนั้นอยู่แล้ว น้ำเสียงของเขาฟังดูอบอุ่นและเบาใจลง “สกุลเฉิงมีหัวหน้าใหญ่อยู่คนหนึ่ง แต่ครูก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน น่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่สาวเธอนะ”  

 

 

ได้ยินไต้หรานพูดแบบนี้ ฉินอวี่จึงยิ้มออกมา “เข้าใจแล้วค่ะ งั้นอาจารย์ไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”  

 

 

ขนาดไต้หรานยังไม่เคยเห็น เช่นนั้นผู้ชายที่อยู่กับฉินหร่านไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน…ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นหมอคนหนึ่ง  

 

 

ฉินอวี่วางโทรศัพท์ ก่อนเดินไปห้องน้ำเพื่อหยิบไดร์เป่าผมมาเป่า  

 

 

เมื่อเป่าผมเสร็จแล้ว ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสวีเหยากวงส่งข้อความมา  

 

 

กลับมาอวิ๋นเฉิงครั้งนี้ฉินหร่านไม่ได้สนใจสวีเหยากวงเหมือนอย่างเมื่อก่อน  

 

 

เธอมองข้อความสวีเหยากวง เป็นคำถามที่เธอถามสวีเหยากวงก่อนหน้านี้ว่าจะไปสอบที่ไหน สวีเหยากวงตอบเธอว่า…  

 

 

[โรงเรียนมัธยมจิ่ว]  

 

 

โรงเรียนมัธยมจิ่ว?  

 

 

เดิมทีฉินอวี่สอบที่โรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  

 

 

**  

 

 

คฤหาสน์ใจกลางเมือง  

 

 

พ่อบ้านเฉิงสวมแว่นตา กำลังอ่านข้อมูลใบเข้าสอบของฉินหร่าน  

 

 

“นายท่าน คุณหนูฉินสอบที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเฉิง งั้นวันมะรืนพวกเราพาคุณหนูไปดูสนามสอบก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับสนามสอบ” พ่อบ้านเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางพลิกเปิดสมุดในมือ  

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองฉินหร่านแวบหนึ่ง ฉินหร่านนั่งอยู่ตรงข้ามกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกับเพื่อนนัดกันไว้แล้วว่าจะไปดูสนามสอบด้วยกัน”  

 

 

เธอกับเฉียวเซิงรวมถึงหลินซือหรานทั้งสามคนล้วนเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

ส่วนอวิ๋นเฉิงก็เป็นศัตรูวันยังค่ำ  

 

 

พ่อบ้านเฉิงเก็บสมุดเล่มเล็ก พลางพยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้ให้เฉิงมู่ไปส่งคุณที่โรงเรียนอวิ๋นเฉิงละกันครับ”  

 

 

เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนเรียกพ่อครัวมา บอกให้เขาเตรียมอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบในไม่กี่วันนี้  

 

 

พ่อครัวผงกหัว จากนั้นตั้งใจฟังอย่างดี  

 

 

เมื่อได้ยินพ่อบ้านเฉิงเตือนด้วยความละเอียดรอบคอบเช่นนี้ เขาจึงเผลอมองฉินหร่าน แอบคิดในใจว่า : คะแนนของคุณหนูฉินเป็นแบบไหน หรือว่าตระเตรียมอาหารซะดิบดีจะสามารถสอบเข้ามหาลัยเมืองหลวงได้?”  

 

 

แต่เรื่องของหัวหน้า เขาไม่กล้าเสนอความคิดเห็นมาก  

 

 

ได้แต่แอบแขวะในใจไม่กี่ประโยคเท่านั้น  

 

 

โทรศัพท์ในมือฉินหร่านมีเสียงดังขึ้น เป็นลู่จ้าวอิงโทรมาชวนเธอเล่นเกม  

 

 

เธอคิดอยู่สักพัก ก่อนบอกเฉิงเจวี้ยนว่าเธอจะขึ้นไปเล่นเกมด้านบน  

 

 

“นายน้อยลู่ยังจะนัดคุณหนูฉินเล่นเกมในเวลานี้เนี่ยนะ? นี่ไม่ใช่การทำร้ายคุณหนูฉินหรือครับ?” พ่อบ้านเฉิงมองเฉิงมู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล  

 

 

เฉิงมู่ “…” เขามองพ่อบ้านเฉิงด้วยสายตาที่ล้ำลึกอย่างคาดเดาไม่ถูกยิ่ง จากนั้นหมุนตัวเดินไปที่สวนดอกไม้  

 

 

“เสี่ยวซือ” พ่อบ้านเฉิงถือสมุดเล่มเล็ก “ช่วงนี้เฉิงมู่เป็นอะไรไป?”  

 

 

ซือลี่หมิงยืนขึ้นทันที ก่อนส่ายหัวพูดด้วยอย่างมีมารยาทว่า “คุณชายเฉิงมู่เป็นคนลึกลับอยู่แล้วครับ”  

 

 

พ่อบ้านเฉิง “…??”  

 

 

**  

 

 

วันที่ห้าเดือนหก  

 

 

ฉินหร่าน เฉียวเซิงและหลินซือหรานนัดกันว่าจะไปดูสนามสอบ  

 

 

ดูเหมือนว่าพื้นที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเฉิงจะใหญ่กว่าโรงเรียนมัธยมเหิงชวนเล็กน้อย  

 

 

มีอาคารเรียนอยู่สามตึก  

 

 

หลินซือหรานและฉินหร่านอยู่ตึกแรกเหมือนกัน ส่วนเฉียวเซิงอยู่ตึกสุดท้าย  

 

 

ทั้งสามคนไปดูสนามสอบ  

 

 

นักเรียนปีสามทุกคนของอวิ๋นเฉิงเริ่มหยุดเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้มีติดป้ายสนามสอบเรียบร้อย หมายเลขห้าและหมายเลขหกสามารถเข้าไปดูสนามสอบได้เพื่อไม่ให้ผู้เข้าสอบเสียเวลากับทางที่ไม่คุ้นเคย  

 

 

ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันพอดี คนที่มาดูสนามสอบมีไม่มาก พื้นที่วิทยาเขตของอวิ๋นเฉิงค่อนข้างกว้าง สามารถมองเห็นคนหลายๆ กลุ่มได้พร้อมกัน  

 

 

“เจ๊หร่าน พวกเราไปกินชาบูกันไหมครับ?”เฉียวเซิงมองดูแสงอาทิตย์บนหัว ก่อนเสนอความเห็นส่วนตัว  

 

 

ฉินหร่านหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมาใส่ พลางกดหมวกลงอย่างช้า ๆ “ตามใจพวกเธอเลย”  

 

 

ไม่ไกลจากตรงนั้น มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับพุ่งเข้ามา  

 

 

ตอนแรกฉินหร่านไม่ได้ระวังตัว  

 

 

ขณะที่รถบรรทุกคันนั้นโค้งอยู่ตรงถนน ก็ขับเข้ามาหาพวกเขาโดยไม่ได้ชะลอรถแต่อย่างใด สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป นี่มันผิดปกติแล้ว!  

 

 

เธอยื่นมือผลักเฉียวเซิงกับฉินหร่านหลินซือหรานออกไป  

 

 

“กรี๊ด_____”  

 

 

นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่อยู่หลังพวกเขาร้องตะโกนขึ้น ทุกคนตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน  

 

 

ฉินหร่านไม่ขยับตัว หลังจากที่เธอยื่นมือผลักหลินซือหรานและเฉียวเซิงออกไปก็ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายทันที  

 

 

ไม่รู้ว่ารถคันนั้นตั้งใจขับชนหรือเป็นอุบัติเหตุ ฉินหร่านกัดริมฝีปาก เพียงคิดแต่หาทางควบคุม  

 

 

ขณะนั้นเองสายตาเห็นภาพรูปหนึ่งที่ตกอยู่ใต้ล้อรถ ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำในทันใด  

 

 

เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก!  

 

 

เดิมคิดว่ารถบรรทุกคันนี้ขาดการควบคุมจนเกิดการพุ่งชนใส่นักเรียนกลุ่มหนึ่ง ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก  

 

 

ทว่าเมื่อทุกคนได้สติ รถได้หยุดลงแล้ว ฉินหร่านไม่รู้ว่ายางรถคันนั้นแบนออกเมื่อไหร่ ภายใต้เหตุการณ์ที่วุ่นวาย ทำให้ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ  

 

 

รู้เพียงแต่ในมือของเธอถือรูปภาพรูปหนึ่ง ขณะที่มือซ้ายและลำตัวมีเลือดออก  

 

 

หลินซือหรานที่ถูกฉินหร่านผลักออกไป ตกตะลึงอยู่นาน ก่อนจะรู้สึกตัว  

 

 

“หรานหร่าน!” เธอรีบเข้าไปหาฉินหร่าน พลางดูบาดแผลบนตัวฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านเลือดออกเยอะมาก โดยเฉพาะมือข้างซ้าย  

 

 

ร่างกายของหลินซือหรานสั่นสะท้าน ไม่กล้าเอามือเขาไปจับ “หรานหร่าน เธอเจ็บตรงไหนบ้าง? เธอ…”  

 

 

เฉียวเซิงวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มือข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์ พลางดึงหลินซือหรานออกมา “เธออย่าจับแผลของเจ๊หร่านนะ!”  

 

 

ในเวลานี้เองมีเสียงกรีดร้องของนักเรียนดังขึ้น มีคนโทรแจ้งตำรวจ บางคนไปดูคนขับรถบรรทุก  

 

 

หลินซือหรานในตอนนี้เองถึงรู้สึกตัว  

 

 

เธอตกใจจนลืมร้องไห้ เพียงจ้องมองมือซ้ายของฉินหร่าน “เฉียว…เฉียวเซิง…”  

 

 

ตอนนี้หลินซือหรานพูดอะไรไม่ออกแล้ว “นายว่าหากมือซ้ายของฉินหร่านเป็นอะไรไป จะทำยังไงดี?”  

 

 

ฉินหร่านคือม้ามืดสำหรับโรงเรียนมัธยมเหิงชวน ดังนั้นอาจารย์ทุกคนล้วนให้ความสำคัญแก่เธออย่างมาก  

 

 

มีคนไม่น้อยที่เดาว่าฉินหร่านจะคว้าอันดับหนึ่งในการสอบครั้งนี้…  

 

 

หากเพราะเรื่องมือซ้ายของเธอได้รับบาดเจ็บ…  

 

 

หลินซือหรานไม่กล้าคิดเลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 255 ครอบครัวของลูกพี่และมือข้างซ้ายของฉินหร่าน

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 255 ครอบครัวของลูกพี่และมือข้างซ้ายของฉินหร่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่หยิงเดินลงมาด้านล่างแล้ว เมื่อเมิ่งซินหรานเห็นดังนั้นจึงไม่อยากเรียกเธอ  

 

 

ก่อนเดินข้ามรูปนั้นไป  

 

 

ขณะที่สายตาหยุดมองคนผู้หนึ่งบนรูปภาพ เมิ่งซินหรานพลันหยุดชะงักไป  

 

 

“แม่ หนูวางสายก่อนนะคะ” เธอเอ่ยบอกคนในโทรศัพท์ ก่อนตัดสายไปจากนั้นย่อตัวเก็บรูปใบนั้นที่ตกอยู่บนเท้า  

 

 

ในรูปมีทั้งหมดสี่คน  

 

 

เธอดูออกว่าฉินหร่านคือคนที่สองถัดจากซ้ายมือ ตรงกลางมีคุณยายท่านหนึ่ง คนแรกทางซ้ายมือคือผู้หญิงที่เพิ่งเรียกเธอว่าคุณหนูเมิ่ง คนแรกด้านขวาดูๆ แล้วเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาเย็นชา  

 

 

เมิ่งซินหรานถือรูปใบนั้นเอาไว้ พลางหรี่ตา  

 

 

อยู่โรงเรียนมานาน เธอย่อมได้ยินเรื่องของฉินหร่านที่หยุดเรียนกะทันหัน มีข่าวลือไม่น้อยบอกว่าเพราะคุณยายของฉินหร่านเสียชีวิต เธอรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงพักการเรียนไป  

 

 

ข่าวคราวพวกนี้เชื่อถือไม่ได้นัก แต่เมิ่งซินหรานรู้ดี แท้จริงแล้วฉินหร่านถูกเลี้ยงดูโดยคุณย่าของเธอ  

 

 

และเหตุผลที่แท้จริงคือ…ฉินหร่านพักการเรียนหลังจากคุณย่าของเธอเสียชีวิตไปแล้ว  

 

 

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร ฉินหร่านก็ให้ความสำคัญกับคุณย่าของเธออย่างมาก  

 

 

เมิ่งซินหรานมองดูรูปใบนี้ พลางพิจารณา  

 

 

“คุณหนู ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?” ป้าจางที่อยู่ด้านล่างกำลังยกแก้วนมขึ้นมาให้  

 

 

มองเมิ่งซินหรานด้วยความสงสัย  

 

 

เมิ่งซินหรานรีบเก็บรูปลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว เธอบ่นพึมพำ จากนั้นพยักหน้า พูดอย่างใจเย็น “อืม กำลังไปนอนค่ะ”  

 

 

**  

 

 

ขณะเดียวกัน  

 

 

ในห้องของฉินอวี่ เธอกำลังโทรศัพท์กับไต้หราน  

 

 

ไต้หรานพูดด้วยน้ำเสียงอันเบา “อีกสองเดือนก็จะถึงการทดสอบสมาคมแล้ว ถ้าเธอเป็นสมาชิกของที่นี่น่าจะคว้าชื่ออันดับหนึ่งได้ไม่มีปัญหา ถึงเวลานั้นครูจะได้ให้ศาสตราจารย์เว่ยแนะนำเธอกับองค์กรไวโอลินรัฐ M ”  

 

 

หากจะให้เป็นผู้ถูกเลือกขององค์กรรัฐ M แน่นอนว่าไต้หรานไม่มีอำนาจในส่วนนั้น   

 

 

ตลอดเวลาที่อยู่ในสมาคมไวโอลิน มีเพียงศาสตราจารย์เว่ยเท่านั้นที่สามารถติดต่อกับคนของรัฐ M ได้  

 

 

ปีนี้สมาคมไวโอลินมีสมาชิกใหม่ค่อนข้างมาก แต่การที่ฉินอวี่อยู่ที่นี่ไม่นับว่าเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ทว่าเธอกลับเป็นคนที่ขยันขันแข็งที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด  

 

 

คนติดตามเธอในเวยป๋อก็เกือบครบสิบล้านแล้ว  

 

 

พูดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของฉินอวี่ก็ปรากฏให้เห็นถึงร่องรอยความหยิ่งผยองที่แทบไม่เคยเห็น  

 

 

รัฐ M และเมืองหลวงล้วนเป็นเป้าหมายหลักที่เธอต้องต่อสู้  

 

 

เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยืนอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ข้างหน้าต่างที่เปิดออก พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “ขอบคุณค่ะอาจารย์”  

 

 

เธอพูดกับไต้หรานเรื่องสมาคมไวโอลินและรัฐ M อยู่ไม่กี่ประโยค ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องที่เผอิญเจอเฉิงเจวี้ยนที่บ้านหนิงเวยเมื่อตอนเย็น  

 

 

“อาจารย์ หนูมีอีกคำถามอยากจะถามอาจารย์ค่ะ” เธอค่อยๆ หรี่ตา  

 

 

ไต้หรานยังไม่ได้วางโทรศัพท์ สำหรับฉินอวี่ศิษย์คนนี้แล้วเขาใช้ความอดทนมาโดยตลอด “เธอพูดมา”  

 

 

“ในเมืองหลวงมีบ้านไหนสกุลเฉิงบ้างไหมคะ?” ฉินอวี่เม้มปาก  

 

 

“สกุลเฉิงหรอ?” เมื่อได้ยินฉินอวี่พูดเช่นนี้ น้ำเสียงของไต้หรานก็กดต่ำลง สกุลเฉิง เขาคิดออกเพียงแค่คฤหาสน์มหึมาที่อยู่ในตรอกแห่งนั้น  

 

 

ฉินอวี่มองต้นไม้ผ่านหน้าต่าง น้ำเสียงฟังดูไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนตอบเบาๆ ว่า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่ถามเฉยๆ ดูเหมือนว่าพี่สาวของหนูค่อนข้างสนิทสนมกับชายคนหนึ่งที่แซ่เฉิงน่ะค่ะ อีกฝ่ายแซ่เฉิง แล้วเป็นคนเมืองหลวงอีก”  

 

 

“แบบนี้เอง” ไต้หรานคิดว่าฉินอวี่ไปยั่วโมโหอะไรกับคนสกุลเฉิงเข้า เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจที่แกว่งก็กลับมาปกติ  

 

 

เขาเคยได้ยินเรื่องพี่สาวของฉินอวี่มาก่อน เดิมทีก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับบ้านสกุลนั้นอยู่แล้ว น้ำเสียงของเขาฟังดูอบอุ่นและเบาใจลง “สกุลเฉิงมีหัวหน้าใหญ่อยู่คนหนึ่ง แต่ครูก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน น่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่สาวเธอนะ”  

 

 

ได้ยินไต้หรานพูดแบบนี้ ฉินอวี่จึงยิ้มออกมา “เข้าใจแล้วค่ะ งั้นอาจารย์ไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ”  

 

 

ขนาดไต้หรานยังไม่เคยเห็น เช่นนั้นผู้ชายที่อยู่กับฉินหร่านไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน…ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นหมอคนหนึ่ง  

 

 

ฉินอวี่วางโทรศัพท์ ก่อนเดินไปห้องน้ำเพื่อหยิบไดร์เป่าผมมาเป่า  

 

 

เมื่อเป่าผมเสร็จแล้ว ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสวีเหยากวงส่งข้อความมา  

 

 

กลับมาอวิ๋นเฉิงครั้งนี้ฉินหร่านไม่ได้สนใจสวีเหยากวงเหมือนอย่างเมื่อก่อน  

 

 

เธอมองข้อความสวีเหยากวง เป็นคำถามที่เธอถามสวีเหยากวงก่อนหน้านี้ว่าจะไปสอบที่ไหน สวีเหยากวงตอบเธอว่า…  

 

 

[โรงเรียนมัธยมจิ่ว]  

 

 

โรงเรียนมัธยมจิ่ว?  

 

 

เดิมทีฉินอวี่สอบที่โรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  

 

 

**  

 

 

คฤหาสน์ใจกลางเมือง  

 

 

พ่อบ้านเฉิงสวมแว่นตา กำลังอ่านข้อมูลใบเข้าสอบของฉินหร่าน  

 

 

“นายท่าน คุณหนูฉินสอบที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเฉิง งั้นวันมะรืนพวกเราพาคุณหนูไปดูสนามสอบก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับสนามสอบ” พ่อบ้านเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางพลิกเปิดสมุดในมือ  

 

 

เฉิงเจวี้ยนมองฉินหร่านแวบหนึ่ง ฉินหร่านนั่งอยู่ตรงข้ามกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกับเพื่อนนัดกันไว้แล้วว่าจะไปดูสนามสอบด้วยกัน”  

 

 

เธอกับเฉียวเซิงรวมถึงหลินซือหรานทั้งสามคนล้วนเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนมัธยมเหิงชวน  

 

 

ส่วนอวิ๋นเฉิงก็เป็นศัตรูวันยังค่ำ  

 

 

พ่อบ้านเฉิงเก็บสมุดเล่มเล็ก พลางพยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้ให้เฉิงมู่ไปส่งคุณที่โรงเรียนอวิ๋นเฉิงละกันครับ”  

 

 

เขาคิดอยู่สักพัก ก่อนเรียกพ่อครัวมา บอกให้เขาเตรียมอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบในไม่กี่วันนี้  

 

 

พ่อครัวผงกหัว จากนั้นตั้งใจฟังอย่างดี  

 

 

เมื่อได้ยินพ่อบ้านเฉิงเตือนด้วยความละเอียดรอบคอบเช่นนี้ เขาจึงเผลอมองฉินหร่าน แอบคิดในใจว่า : คะแนนของคุณหนูฉินเป็นแบบไหน หรือว่าตระเตรียมอาหารซะดิบดีจะสามารถสอบเข้ามหาลัยเมืองหลวงได้?”  

 

 

แต่เรื่องของหัวหน้า เขาไม่กล้าเสนอความคิดเห็นมาก  

 

 

ได้แต่แอบแขวะในใจไม่กี่ประโยคเท่านั้น  

 

 

โทรศัพท์ในมือฉินหร่านมีเสียงดังขึ้น เป็นลู่จ้าวอิงโทรมาชวนเธอเล่นเกม  

 

 

เธอคิดอยู่สักพัก ก่อนบอกเฉิงเจวี้ยนว่าเธอจะขึ้นไปเล่นเกมด้านบน  

 

 

“นายน้อยลู่ยังจะนัดคุณหนูฉินเล่นเกมในเวลานี้เนี่ยนะ? นี่ไม่ใช่การทำร้ายคุณหนูฉินหรือครับ?” พ่อบ้านเฉิงมองเฉิงมู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล  

 

 

เฉิงมู่ “…” เขามองพ่อบ้านเฉิงด้วยสายตาที่ล้ำลึกอย่างคาดเดาไม่ถูกยิ่ง จากนั้นหมุนตัวเดินไปที่สวนดอกไม้  

 

 

“เสี่ยวซือ” พ่อบ้านเฉิงถือสมุดเล่มเล็ก “ช่วงนี้เฉิงมู่เป็นอะไรไป?”  

 

 

ซือลี่หมิงยืนขึ้นทันที ก่อนส่ายหัวพูดด้วยอย่างมีมารยาทว่า “คุณชายเฉิงมู่เป็นคนลึกลับอยู่แล้วครับ”  

 

 

พ่อบ้านเฉิง “…??”  

 

 

**  

 

 

วันที่ห้าเดือนหก  

 

 

ฉินหร่าน เฉียวเซิงและหลินซือหรานนัดกันว่าจะไปดูสนามสอบ  

 

 

ดูเหมือนว่าพื้นที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเฉิงจะใหญ่กว่าโรงเรียนมัธยมเหิงชวนเล็กน้อย  

 

 

มีอาคารเรียนอยู่สามตึก  

 

 

หลินซือหรานและฉินหร่านอยู่ตึกแรกเหมือนกัน ส่วนเฉียวเซิงอยู่ตึกสุดท้าย  

 

 

ทั้งสามคนไปดูสนามสอบ  

 

 

นักเรียนปีสามทุกคนของอวิ๋นเฉิงเริ่มหยุดเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้มีติดป้ายสนามสอบเรียบร้อย หมายเลขห้าและหมายเลขหกสามารถเข้าไปดูสนามสอบได้เพื่อไม่ให้ผู้เข้าสอบเสียเวลากับทางที่ไม่คุ้นเคย  

 

 

ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันพอดี คนที่มาดูสนามสอบมีไม่มาก พื้นที่วิทยาเขตของอวิ๋นเฉิงค่อนข้างกว้าง สามารถมองเห็นคนหลายๆ กลุ่มได้พร้อมกัน  

 

 

“เจ๊หร่าน พวกเราไปกินชาบูกันไหมครับ?”เฉียวเซิงมองดูแสงอาทิตย์บนหัว ก่อนเสนอความเห็นส่วนตัว  

 

 

ฉินหร่านหยิบหมวกแก๊ปขึ้นมาใส่ พลางกดหมวกลงอย่างช้า ๆ “ตามใจพวกเธอเลย”  

 

 

ไม่ไกลจากตรงนั้น มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับพุ่งเข้ามา  

 

 

ตอนแรกฉินหร่านไม่ได้ระวังตัว  

 

 

ขณะที่รถบรรทุกคันนั้นโค้งอยู่ตรงถนน ก็ขับเข้ามาหาพวกเขาโดยไม่ได้ชะลอรถแต่อย่างใด สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป นี่มันผิดปกติแล้ว!  

 

 

เธอยื่นมือผลักเฉียวเซิงกับฉินหร่านหลินซือหรานออกไป  

 

 

“กรี๊ด_____”  

 

 

นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่อยู่หลังพวกเขาร้องตะโกนขึ้น ทุกคนตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน  

 

 

ฉินหร่านไม่ขยับตัว หลังจากที่เธอยื่นมือผลักหลินซือหรานและเฉียวเซิงออกไปก็ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายทันที  

 

 

ไม่รู้ว่ารถคันนั้นตั้งใจขับชนหรือเป็นอุบัติเหตุ ฉินหร่านกัดริมฝีปาก เพียงคิดแต่หาทางควบคุม  

 

 

ขณะนั้นเองสายตาเห็นภาพรูปหนึ่งที่ตกอยู่ใต้ล้อรถ ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำในทันใด  

 

 

เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก!  

 

 

เดิมคิดว่ารถบรรทุกคันนี้ขาดการควบคุมจนเกิดการพุ่งชนใส่นักเรียนกลุ่มหนึ่ง ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก  

 

 

ทว่าเมื่อทุกคนได้สติ รถได้หยุดลงแล้ว ฉินหร่านไม่รู้ว่ายางรถคันนั้นแบนออกเมื่อไหร่ ภายใต้เหตุการณ์ที่วุ่นวาย ทำให้ไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเธอ  

 

 

รู้เพียงแต่ในมือของเธอถือรูปภาพรูปหนึ่ง ขณะที่มือซ้ายและลำตัวมีเลือดออก  

 

 

หลินซือหรานที่ถูกฉินหร่านผลักออกไป ตกตะลึงอยู่นาน ก่อนจะรู้สึกตัว  

 

 

“หรานหร่าน!” เธอรีบเข้าไปหาฉินหร่าน พลางดูบาดแผลบนตัวฉินหร่าน  

 

 

ฉินหร่านเลือดออกเยอะมาก โดยเฉพาะมือข้างซ้าย  

 

 

ร่างกายของหลินซือหรานสั่นสะท้าน ไม่กล้าเอามือเขาไปจับ “หรานหร่าน เธอเจ็บตรงไหนบ้าง? เธอ…”  

 

 

เฉียวเซิงวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มือข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์ พลางดึงหลินซือหรานออกมา “เธออย่าจับแผลของเจ๊หร่านนะ!”  

 

 

ในเวลานี้เองมีเสียงกรีดร้องของนักเรียนดังขึ้น มีคนโทรแจ้งตำรวจ บางคนไปดูคนขับรถบรรทุก  

 

 

หลินซือหรานในตอนนี้เองถึงรู้สึกตัว  

 

 

เธอตกใจจนลืมร้องไห้ เพียงจ้องมองมือซ้ายของฉินหร่าน “เฉียว…เฉียวเซิง…”  

 

 

ตอนนี้หลินซือหรานพูดอะไรไม่ออกแล้ว “นายว่าหากมือซ้ายของฉินหร่านเป็นอะไรไป จะทำยังไงดี?”  

 

 

ฉินหร่านคือม้ามืดสำหรับโรงเรียนมัธยมเหิงชวน ดังนั้นอาจารย์ทุกคนล้วนให้ความสำคัญแก่เธออย่างมาก  

 

 

มีคนไม่น้อยที่เดาว่าฉินหร่านจะคว้าอันดับหนึ่งในการสอบครั้งนี้…  

 

 

หากเพราะเรื่องมือซ้ายของเธอได้รับบาดเจ็บ…  

 

 

หลินซือหรานไม่กล้าคิดเลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+