แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 513 ได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 513 ได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เท่าไรนะ?”

 

 

“ชั่วโมงละสองหมื่น ก็ตกวินาทีละ5.55หยวน”

 

 

“ไม่ไปปล้นธนาคารเลยล่ะ?”

 

 

“ปล้นก็ผิดกฎหมายสิคะ แต่รักษาโรคไม่ผิดกฎหมาย ตลาดทำการค้าอย่างอิสระ ไม่มีใครเอามีดจี้ให้คุณมาหาฉันเสียหน่อย ราคานี้นี่แหละ คุณจะโอเคหรือไม่ก็เรื่องของคุณ ชีวิตลูกชายคุณที่เหลืออยู่ สู้กระเป๋าราคาแพงๆไม่ได้เลยเหรอคะ?”

 

 

ครั้งนี้ไม่มีทางเลือก อาหญิงไม่รู้จะไปหาใครแล้ว

 

 

ถ้าศาสตราจารย์หลิวรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนกล้าเรียกราคานี้มีหวังได้โมโหตาย หมอทั่วไปรักษาหนึ่งชั่วโมงเพิ่งจะไม่กี่สิบหรืออาจถูกกว่านั้น ที่เลี่ยวฟู่กุ้ยชี้หน้าหาว่าเธอทำราคาตลาดรวนใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

 

 

แต่ใครใช้ให้อาหญิงต้องมาเดือดร้อนพอดีล่ะ นอกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วก็ไม่มีใครรักษาได้อีก ราคาที่จิตแพทย์กำหนดกับราคาที่โรงพยาบาลกำหนดนั้นไม่เหมือนกัน ตลาดยังขาดหน่วยงานที่ควบคุมราคา ต่อให้ถูกเรียกสูงก็ไม่รู้จะไปฟ้องใคร

 

 

คนที่มาหาเสี่ยวเชี่ยนให้ช่วยรักษาล้วนเป็นคนร่ำรวย อีกทั้งยังไม่แคร์ว่าเธอจะเรียกเงินเท่าไร โดยเฉพาะหลังจากรักษาแล้วรู้สึกว่าคุ้มราคามาก บวกกับจิตแพทย์ต้องมาล่วงรู้ความลับสุดยอดของพวกเขา ไม่มีใครกล้าฟ้องหรอก

 

 

ภายใต้ความกดดันสูงนี้ อาหญิงโกรธจนกัดฟัน แต่ก็ไม่กล้าเถียงเสี่ยวเชี่ยน ถึงแม้แม่อวี๋จะรู้สึกว่าราคาสูงไป แต่พอนึกถึงเรื่องต่างที่อาหญิงเคยทำ ก็ไม่ได้มีท่าทีจะห้ามแต่อย่างใด

 

 

อาเขยไม่ได้แคร์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ขอแค่ลูกหายป่วยเท่าไรเขาก็ยอมจ่าย

 

 

“ฉันให้เอง” อาเขยพูดกับเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าพลางชี้ไปที่อาหญิง

 

 

“ฉันเป็นคนแปลกค่ะ กฎที่ฉันตั้งขึ้นมาก็คือถ้าฉันให้ใครจ่ายก็ต้องเป็นคนนั้น ถ้าเขาไม่ออกเงินฉันก็ไม่รักษา”

 

 

“ฉัน…จ่ายเอง” อาหญิงพูดด้วยความเจ็บใจ

 

 

เธอมีทั้งเงินทองทั้งบ้านที่เป็นชื่อเธอ เมื่อต้องแลกกับสุขภาพเงินดูไม่สำคัญเท่าไร เพื่อลูกชายแล้วทำได้แค่อดทน

 

 

“ถ้าระหว่างการรักษาต้องขอความร่วมมือจากคุณ คุณก็ต้องทำตามอย่างไร้เงื่อนไข เข้าใจไหมคะ?” เรื่องเงินบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังจะทำก็คือทำให้อาหญิงยอมจำนนแล้วกุมอำนาจมาไว้ในมือ ถ้าทำออกมาเป็นกิจจะลักษณะแล้วล่ะก็ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวว่าอาหญิงจะไม่เชื่อฟัง

 

 

 “…ก็ได้ ตอนนี้เธอไปรักษาหลี่เจิ้นได้ไหม ดูเหมือนเขาจะเป็นหนักอีกแล้ว…”

 

 

“ไม่รีบค่ะ ไปค่ะ เข้าไปเป็นลูกมือคุณน้าช่วยกันทำกับข้าว”

 

 

“หลี่เจิ้นอาการแย่แล้วยังจะให้ฉันไปทำกับข้าวอีก?” อาหญิงไม่ได้เข้าครัวมาหลายปีแล้ว

 

 

ตอนที่เป็นคุณหนูอยู่ที่บ้านสมัยก่อนก็ไม่เคยช่วยทำงานบ้าน ต่อมาย้ายมาอยู่บ้านพ่ออวี๋ก็ไม่ต้องทำอะไร กินข้าวเสร็จก็วางจานชามทิ้งไว้แบบนั้น พอแต่งงานออกไปยิ่งใช้ชีวิตแบบคุณนายเข้าไปใหญ่ จ้างแม่บ้านมาสองคน ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น

 

 

“นี่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา คุณจะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้แล้วแต่คุณนะคะ”

 

 

อาหญิงพอได้ยินว่าเป็นการรักษา ก็ไม่รีบรอช้าเดินเข้าครัวทันที แม่อวี๋แอบอึ้งเบาๆ

 

 

“ดวงอาทิตย์ขึ้นผิดทางหรือเปล่าเนี่ย ฉันต้องเข้าไปดูหน่อยแล้ว อย่ามาทำครัวฉันไหม้นะ…”

 

 

ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนหอบหิ้วอาหารไปเยี่ยมหลี่เจิ้นก็เป็นเวลาหลังจากนั้นสามชั่วโมงแล้ว คนอื่นๆห้ามเข้าไปในห้องผู้ป่วย มีแค่เสี่ยวเชี่ยนกับหลี่เจิ้นอยู่กับตามลำพัง

 

 

“รู้สึกเป็นไงบ้าง?” เสี่ยวเชี่ยนถามหลี่เจิ้นพลางเอาอาหารวางหัวเตียง

 

 

“ก็ดี…พ่อแม่ผมเป็นห่วงมากใช่หรือเปล่า? เมื่อกี้ที่ผมแกล้งทำดูเกินไปไหม?”

 

 

ก่อนเสี่ยวเชี่ยนไปได้เข้ามาในห้องนี้กับอวี๋หมิงหลางแล้วเสนอเงื่อนไขกับหลี่เจิ้น

 

 

ถ้าพ่อแม่เขาไปหาเสี่ยวเชี่ยนก็ให้เขาหาเวลาแกล้งป่วย ทำเป็นร้องเจ็บปวดยังไงก็ได้ โดยมีจุดประสงค์เดียว

 

 

ทำให้หมอที่เดิมก็ไม่รู้จะทำไงเชื่อว่าอาการเขาแย่ลงไปอีก ซึ่งก็คือตอนที่อาหญิงรับโทรศัพท์แล้วลงไปคุกเข่ากับพื้น อันที่จริงตอนนั้นหลี่เจิ้นแกล้งป่วย

 

 

“การโกหกโดยมีเจตนาดีในเวลาที่เหมาะสมเป็นการช่วยเหลือครอบครัวนายนะ มา ลองชิมนี่ดูสิ แม่นายกับว่าที่แม่สามีฉันช่วยกันลงมือทำ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเปิดกล่องอาหาร แล้วหยิบซุปออกมา พอเงยหน้าก็เห็นหลี่เจิ้นตาแดงๆ

 

 

“นี่ คงไม่ใช่จะร้องไห้แล้วนะ? เก็บอาการหน่อย ลูกผู้ชายเขาไม่เสียน้ำตาง่ายๆหรอกนะ”

 

 

“แม่ไม่ได้เข้าครัวนานแล้ว คงไม่น่าอร่อยหรอก”

 

 

หลี่เจิ้นซาบซึ้งใจจริงๆ แม่เขาเป็นคนอย่างไรเขารู้ดีแก่ใจ การที่แม่เข้าครัวได้อีกทั้งยังทำอาหารกับป้าสะใภ้ได้นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ

 

 

“เดี๋ยวฉันปักหลอดให้ดื่ม นับแต่นี้ไปฉันเป็นจิตแพทย์ของนาย นายต้องเชื่อฟังฉัน ร่างกายกับจิตใจสัมพันธ์กัน การที่จะรักษาจิตใจได้ร่างกายนายต้องแข็งแรงก่อน กินซุปบำรุงร่างกายซะ แล้วฉันจะได้เริ่มรักษา”

 

 

“ผมไม่ค่อยอยากเท่าไร”

 

 

“อ่อ ไม่เป็นไร ไม่กินก็ได้ ฉันลืมบอกนายไปว่าการรักษาของฉันคิดเงินเป็นรายชั่วโมง เริ่มนับตั้งแต่ฉันเดินเข้ามา ชั่วโมงละสองหมื่น นาทีละ333 วินาทีละ 5.55 ตอนนี้นายเสียเวลาไปเปล่าๆเป็นสิบนาทีแล้วนะ แน่นอนว่านายจะไม่กินซุปก็ได้ ฉันไม่รีบ ฉันก็แค่รอจนนายกินเสร็จแล้วค่อยเริ่ม เงินนี่ก็เอามาจากกรุสมบัติของแม่นาย ไม่รู้นะว่าเงินเขาจะพอหรือเปล่า ไม่พอก็คงต้องขายบ้าน ถ้านายไม่ให้ความร่วมมือกับฉันไปเรื่อยๆ ฉันก็จะพาเขาไปขายไตมาใช้หนี้—นี่ ช้าๆหน่อย เดี๋ยวก็สำลักหรอก”

 

 

ภายในห้องวงจรปิด แม่อวี๋กับอาหญิงพอเห็นหลี่เจิ้นกินอาหารก็ดีใจจนเอามือมาจับกัน เสี่ยวเชี่ยนนี่เหนือชั้นจริงๆ

 

 

แต่สักพักทั้งสองคนก็รู้สึกแปลกๆ แล้วก็ปล่อยมือกัน จากนั้นก็เบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง

 

 

“ลูกสะใภ้เธอนี่ทำธุรกิจเก่งจริงนะ รักษาโรคยังคิดเงินเป็นวินาที…” ตอนที่อาหญิงขอร้องคิดแต่ว่าขอแค่ลูกชายหายป่วยเป็นพอ พอตอนนี้มีสติมาคิดดูดีๆ เงินที่ต้องเสียไปก็น่าปวดใจไม่น้อย

 

 

ชั่วโมงนึงนี่ได้กระเป๋าแบรนด์เนมเลยนะ

 

 

“เธอยังคุกเข่าไม่หนำใจใช่ไหม?” แม่อวี๋เหล่มอง อาหญิงไม่กล้าพูดอะไรอีก

 

 

ครั้งนี้รู้จักทำตัวดีขึ้นมาจริงๆแล้ว เสี่ยวเชี่ยนได้เปรียบทุกอย่าง ข้างกายอาหญิงไม่มีใครเข้าข้างเธอเลยสักคน อาหญิงเองก็ไม่กล้าทำอวดดีอีกต่อไป จ่ายเงินไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินเสี่ยวเชี่ยนอีก อีกทั้งตอนนี้เธอหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นเสี่ยวเชี่ยนรักษาหลี่เจิ้น

 

 

หลี่เจิ้นกินซุปไปหลายอึกจนกินต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

 

“เฉินหน้าเลือด จะเริ่มได้หรือยัง ผมกินต่อไปไม่ไหวแล้ว…”

 

 

“เรียกฉันว่าหมอเฉิน”

 

 

เฉินหน้าเลือดอะไรของเอ็งวะ

 

 

“รักษาโรคคิดเงินเป็นวินาทีอย่างกับผีดูดเลือด…แม่ผมมีเงินอยู่ไม่เท่าไร ทำไมคุณถึงได้คิดแพงแบบนั้นล่ะ—จะว่าไปคุณคงไม่คิดจะรักษาผมเป็นสิบๆชั่วโมงหรอกนะ? แบบนั้นผมตายดีกว่า”

 

 

“ถ้านายยังกล้าสงสัยในฝีมือการรักาของฉันล่ะก็ ฉันจะเพิ่มเงินเข้าไปอีก เรื่องนี้คนอย่างฉันทำได้นะ”

 

 

ไม่ใช่แค่ทำได้ธรรมดานะ ทำได้คล่องเลยล่ะ

 

 

“…นี่คุณเป็นนางฟ้าหรือนางมารกันแน่” หลี่เจิ้นไม่รู้จะประเมินเสี่ยวเชี่ยนออกมาเป็นแบบไหนดี

 

 

ตอนนั้นเรื่องที่เธอทำเพื่อล้างแค้นหนีเจ้ยนเหริน ทั้งถ่ายรูป ทั้งส่งอาหาร ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่น่าหวาดกลัว แล้วนี่ยังจะรักษาคนด้วยราคาแพงๆอีก

 

 

แต่จะบอกว่าเธอมีภาพลักษณ์เป็นคนเลวก็ไม่ใช่ เธอยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือเขา ฉุดเขาขึ้นมาจากเงื้อมมือของยมทูต

 

 

“ฉันเป็นคนที่รักตัวเอง อาจารย์บอกเสมอว่าห้ามทำเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณ เจอคนป่วยก็ต้องรักษา แต่ด้วยความที่ฉันเป็นคนรักตัวเองไง กับบางคนที่ฉันเกลียดมากๆอย่างเช่นแม่นาย การรับมือกับคนแบบนี้ ฉันจะทำผิดต่ออาจารย์ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากทำผิดต่อตัวเองเช่นกัน ก็เลยต้องเอาแบบนี้ไงจ๊ะ~”

 

 

“โห”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด