แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 514 ใช้ไม้เด็ด

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 514 ใช้ไม้เด็ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดูสิ พูดความจริงคนก็ไม่ชอบ การรับมือกับแม่นายคนที่ฉันเกลียดก็ต้องเก็บเงินให้มากๆหน่อย เรื่องใจกับเงินมันต้องไปด้วยกัน ฉันจะผิดคำสัญญาที่มีต่ออาจารย์ไม่ได้ แต่ก็ทำให้ตัวเองไม่มีความสุขไม่ได้เหมือนกัน”

 

 

คนไหนที่ไม่ขัดหูขัดตาเธอก็จะเก็บเงินน้อยหน่อยหรืออาจรักษาฟรีไปเลย แต่กับคนอย่างอาหญิง เอามีดแทงไปหนึ่งทียังไม่รู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ อยากรักษาก็มา ไม่อยากก็ไป ไม่ได้บังคับ

 

 

ไม่ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะเรียกเงินสูงแค่ไหน คนพวกนั้นก็ยังคงร้องไห้อ้อนวอนให้เสี่ยวเชี่ยนรักษาอยู่ดี ฝีมือเธอเป็นที่การันตี ยิ่งคนมีเงินก็ยิ่งเสียดายชีวิต บอกให้คนพวกนั้นไปหาหมอถูกๆรักษาคงไม่กล้าด้วยซ้ำ ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนทำงานไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลยสักนิด

 

 

“คุณจะเก็บอาการไม่ชอบแม่ผมเลยไม่ได้เหรอ?” หลี่เจิ้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

 

 

“แล้วเขาทำเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันชอบขึ้นมาหรือยังล่ะ? ชีวิตคนเราจะว่ายาวก็ยาวจะว่าสั้นก็สั้น ไม่รู้ว่าวันไหนจะจากโลกนี้ไป แล้วทำไมพวกเราถึงไม่หาวิธีที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขล่ะ? ต่อให้ไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายคนอื่นก็อย่าเก็บความไม่พอใจที่เกลียดใครเอาไว้ อย่างเช่นในส่วนลึกของจิตใจนายย่อมต้องมีสิ่งที่เกลียดหรือสิ่งที่ชอบมากๆที่นายกดมันเอาไว้”

 

 

“เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศของผมหรือเปล่า? อันที่จริงผมมีคำถามที่อยากถามคุณมานานแล้ว เฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณเกลียดพวกรักร่วมเพศมากเลยเหรอ?”

 

 

“อาจเกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศของนายและก็อาจไม่เกี่ยว เดี๋ยวฉันจะทำให้นายผ่อนคลายแล้วเข้าสู่จิตใต้สำนึกตามหาต้นเหตุที่ทำให้นายป่วย ส่วนเรื่องรักร่วมเพศ ฉันขอตอบนายเลยว่า ฉันไม่ได้เกลียดแล้วก็ไม่ได้ดูถูก ไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่คัดค้าน ฉันมีเพื่อนที่มีความบกพร่องในการรับรู้สภาวะเพศเหมือนกัน เขาชอบแต่ผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในความรู้สึกชื่นชมที่ฉันมีในตัวเขา แต่ผู้ชายไร้ยางอายอย่างหนีเจี้ยนเหริน กลายเป็นเถ้าถ่านแล้วฉันยังอยากถ่มน้ำลายใส่”

 

 

เพื่อนที่มีความบกพร่องในการรับรู้สภาวะเพศที่เสี่ยวเชี่ยนพูดถึงก็คือฉิวฉิว

 

 

ห้องพักตายยกรังของพวกเธอคนที่ยอมรับฉิวฉิวได้ก่อนก็คือเสี่ยวเชี่ยน เธอไม่เคยปิดบังความชื่นชมที่มีในตัวฉิวฉิว บุคลิกเป็นกันเองชอบช่วยเหลือเพื่อน คนแบบนี้มีแรงดึงดูดให้ไม่ว่าจะเพื่อนต่างเพศหรือเพศเดียวกันอยากจะเป็นเพื่อนด้วย สืออวี้กับต้าอีหลังจากที่สนิทกับฉิวฉิวแล้วก็ชอบเขาเป็นอย่างมาก

 

 

“งั้นก็หมายความว่า คุณไม่ได้รังเกียจรักร่วมเพศ เมื่อก่อนผมเข้าใจคุณผิดไปจริงๆ…ผมนึกออกแล้ว เมื่อก่อนตอนที่พวกเราเจอกันคุณเคยเตือนผม แล้วเมื่อกี้คุณยังบอกว่าผมเป็นลูกผู้ชาย”

 

 

หลี่เจิ้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที เสี่ยวเชี่ยนไม่เคยดูถูกเขาเลย ถึงขนาดที่มองรสนิยมทางเพศของเขาเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ เธอไม่ได้คิดว่ารักร่วมเพศต้องเป็นกะเทยเสมอไป เธอเพียงแต่เกลียดที่หนีเจี้ยนเหรินไปหลอกเธอแต่งงาน พอคิดได้แบบนั้นก็โล่งใจขึ้นเยอะ

 

 

“เพิ่งจะรู้เหรอ? อันที่จริงความกดดันของคนเราหลายครั้งที่มาจากตัวเอง นายแคร์กับสายตาที่คนอื่นไม่เข้าใจนายมากเกินไป คิดว่าทุกคนเขาดูถูก ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น” เสี่ยวเชี่ยนค่อยๆโยงเรื่องสนทนาเข้าสู่การรักษา

 

 

“จริงสิ ช่วงที่ผมชมคุณหลายวินาทีนี่อย่าคิดเงินได้ไหม มันแพงเกินไป…”

 

 

“ไม่ได้หรอก อ่อ ประโยคนี้ก็ต้องคิดเงินด้วย”

 

 

เป็นหมอที่หน้าเลือดจริงๆ แต่หลี่เจิ้นรู้สึกว่าตอนนี้เขาเริ่มชื่นชมในตัวเสี่ยวเชี่ยนหน่อยๆแล้ว

 

 

หลังจากที่ได้รับความไว้วางใจจากหลี่เจิ้นแล้ว เสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มรักษา ใช้ความสามารถของเธอพิสูจน์ว่าค่ารักษาชั่วโมงละสองหมื่นนั้นคุ้มค่าแก่การจ่าย

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่อยู่ไม่มีใครอ่านภาษารูปปากได้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอพูดอะไรกับหลี่เจิ้นบ้างในห้องผู้ป่วย

 

 

แต่หลังจากที่เธอทำการรักษาครั้งแรกไปสองชั่วโมงสิบนาที ขาของหลี่เจิ้นมีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่มีความรู้สึก ทำให้ทุกคนต่างตื่นเต้น

 

 

นี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่เสี่ยวเชี่ยนบอกว่าขาของเขามีสาเหตุมาจากสภาพจิตใจนั้นเป็นเรื่องจริง หาทิศทางในการรักษาได้ก็แสดงว่ามีทางหาย

 

 

ถึงค่ารักษาจะแพง แต่อาหญิงกับอาเขยต่างรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว

 

 

โดยเฉพาะอาหญิง ไม่กล้าดูถูกเสี่ยวเชี่ยนอีกต่อไปแล้ว วินาทีที่แม่อวี๋เคาะขาหลี่เจิ้นแล้วหลี่เจิ้นบอกเจ็บ อาหญิงถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป หลังจากที่พิสูจน์ความสามารถในการรักษาของตัวเองแล้ว เธอก็รีบสั่งให้อาหญิงทำนั่นทำนี่อย่างสบายใจ

 

 

เดี๋ยวก็ให้อาหญิงไปซื้อน้ำ เดี๋ยวก็บอกว่าน้ำที่ซื้อมาไม่พอกิน ใช้อาหญิงไปแบบนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่กล้ามีปากเสียงอะไร

 

 

ตอนเย็นพ่ออวี๋กลับมา แม่อวี๋ก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พ่ออวี๋รู้สึกสนุกขึ้นมาทันที

 

 

น้องสาวที่ไม่เอาไหนของเขามีคนมารักษาแล้ว

 

 

ตอนนี้ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนให้อาหญิงเอาผ้าขี้ริ้วมาทำความสะอาดบ้านพ่ออวี๋ตั้งแต่ชั้นบนลงมาชั้นล่างรวมถึงห้องน้ำ อาหญิงก็ไม่กล้าปริปากบ่น หลังจากที่ได้เห็นเสี่ยวเชี่ยนรักษาหลี่เจิ้นจนดีขึ้นมากในครั้งแรก เธอก็รีบโอนเงินให้หนึ่งแสน นี่เป็นแค่เงินก้อนแรก

 

 

วันต่อมาเสี่ยวเชี่ยนนัดหลี่เจิ้นช่วงบ่าย ตอนเช้าเจี่ยซิ่วฟางจะให้เธอไปช่วยเก็บเงิน แต่เธอปฏิเสธ

 

 

เจี่ยซิ่วฟางแอบน้อยใจอยู่ลึกๆ ลูกสาวนานๆจะกลับมาอยู่หลายวันแต่กลับไม่ไปไหนเป็นเพื่อนเธอ เจี่ยซิ่วฟางที่หิ้วของพะรุงพะรังกลับมาในตอนเที่ยงเจอกับพ่อเลี่ยวตรงทางเดิน

 

 

“ทำไมซื้อของมาเยอะแยะแบบนี้ล่ะ? เต็มไม้เต็มมือเลยนะ มีทั้งไก่ทั้งปลา”

 

 

“ก็เสี่ยวเชี่ยนกลับมานี่ไงคะ ก็เลยอยากซื้อของมาบำรุงแกหน่อย อยู่ข้างนอกกินแต่อะไรไม่รู้ ผอมเป็นไม้เสียบผี”

 

 

อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ผอมลงเลยสักนิด แต่คนเป็นแม่มักจะคิดว่าลูกตัวเองผอมลงเสมอ กลับมาครั้งหนึ่งก็ต้องบำรุงกันหน่อย

 

 

“ฮ่าๆ น้องนี่รักลูกจริงๆเลยนะ” พ่อเลี่ยวชม

 

 

“จะไม่รักได้ไงคะ ฉันคลอดออกมาเองเลยนะ แต่เด็กคนนี้นี่พอโตก็ไม่เอาฉันแล้ว บอกให้ไปด้วยกันก็ไม่ไป วันๆเอาแต่ไปข้างนอก”

 

 

เจี่ยซิ่วฟางรู้สึกโกรธอยู่ในใจหน่อยๆที่เสี่ยวเชี่ยนไม่ออกไปเป็นเพื่อน ตอนบ่ายยังจะไปหาครอบครัวอวี๋อีก เธอจึงต้องระบายให้คนนอกฟัง แต่ก็ไม่ได้โกรธลูกสาวจริงๆหรอก ก็แค่ชอบบ่นตามความเคยชิน

 

 

“ลูกๆพอมีครอบครัวก็จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่ก็เป็นห่วงลูกพี่เหมือนกัน แม่เขาจากไปตั้งนานแล้ว วันๆเขาก็ไม่เอาใคร ไม่มีใครคอยอยู่ข้างกายด้วย พี่เองก็กลุ้ม”

 

 

“ใช่ไหมล่ะคะ ฉันก็เป็นห่วงลูกคนเล็กเหมือนกัน…”

 

 

คนเป็นพ่อเป็นแม่พอเจอกันก็มีเรื่องลูกให้คุยไม่รู้จักจบจักสิ้น เสี่ยวเชี่ยนอยู่ในบ้านได้ยินหมด

 

 

เดิมเธอคิดจะเปิดประตูให้แม่ แต่พอได้ยินคุณนายร่างอ้วนเม้าท์ตัวเอง เธอจึงเดินถือกล่องกลับไป หึ ไม่เปิดให้แล้ว หยิบกุญแจไขเองแล้วกันนะแม่จ๋า~

 

 

เธอยืนอยู่ริมหน้าต่างมองลงไปข้างล่าง เลี่ยวฟู่กุ้ยขับรถซานตาน่าเก่าๆกลับมาแล้ว อยู่ห่างขนาดนี้เธอยังได้ยินเสียงรถ อย่างกับว่าซื้อรถมือสองมาใช้

 

 

เป็นถึงรองหัวหน้า แต่กลับใช้ชีวิตแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนล่ะนับถือเลยจริงๆ เสี่ยวเชี่ยนเอากล่องใบยาวในมือมาชันคางแล้วมองลงไป

 

 

เฉินจื่อหลงเลิกเรียนกลับมาแล้ว เขาทักทายเลี่ยวฟู่กุ้ย เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่เห็นเลี่ยวฟู่กุ้ยยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เฉินจื่อหลง

 

 

จึ๊ๆ ตาคนช่างจับผิดนี่ก็มีมุมอ่อนโยนกับเขาด้วย หรือคิดจะมาหลอกอะไรน้องชายจอมโง่ของเธอ? ดูท่าถึงเวลาต้องเตือนต้าหลงแล้วว่าต้องใช้ไม้เด็ดแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด