แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 521 ยังคิดจะเก็บเงิน

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 521 ยังคิดจะเก็บเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ก็ให้เธอรักษาไม่ได้อยู่ดี ปล่อยฉัน ฉันจะโทรให้รุ่นพี่เธอมาจัดการ” นี่ไม่ใช่เคสทั่วไป ต่อให้ศาสตราจารย์หลิวเข้ารักษาให้ไม่ได้ ก็ต้องให้นักศึกษาปริญญาเอกที่เธอดูแลมารักษาแทน 

 

 

“กว่ารุ่นพี่จะมามันทันเหรอคะ? อาจารย์มีลูกศิษย์ในเมืองQไหมคะ? ต่อให้รุ่นพี่มาหูเหม่ยจิ้งจะเชื่อเขาเหรอคะ? นอกจากอาจารย์ หูเหม่ยจิ้งก็เจอกับหนูเยอะที่สุด ถึงเธอจะจำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเรารู้ว่า จิตใต้สำนึกของคนเราจะเก็บความรู้สึกดีๆต่อคนๆหนึ่งไว้ เขาไม่มีทางต่อต้านหนู” 

 

 

ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนเคยสัมผัสกับหูเหม่ยจิ้ง ถึงตอนนี้หูเหม่ยจิ้งจะจำบุคลิกนั้นไม่ได้ แต่ไม่มีทางไม่เอาเสี่ยวเชี่ยนแน่นอน 

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดก็จริง แต่ศาสตราจารย์หลิวยังคงไม่วางใจ ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนจะมีพรสวรรค์มากกว่านี้แต่เธอก็ยังเป็นแค่เด็ก วงการนี้ถ้าไม่มีประสบการณ์แพทย์คลินิกที่มากพอก็ไม่ควรให้เด็กไปรักษาง่ายๆ 

 

 

โดยเฉพาะเคสที่มีความซับซ้อนแบบนี้ 

 

 

แตกต่างจากปัญหาจิตเวชเล็กๆน้อยๆก่อนหน้านี้ ครั้งนี้แม้แต่ศาสตราจารย์หลิวยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี 

 

 

“อาจารย์คะ ก่อนที่หนูจะได้ใบอนุญาตก็เอาเหมือนเดิมเถอะค่ะ หนูบอกความคิดของหนูกับแผนการรักษาให้อาจารย์ฟัง ถ้าอาจารย์คิดว่าเหมาะสมหนูค่อยไป ถ้ามีความคืบหน้าอะไรหนูก็จะมารายงานอาจารย์ มีปัญหาพวกเราหารือกันได้ตลอดเวลา ดีไหมคะ?” 

 

 

“คือ…” 

 

 

“อันที่จริงหนูมีอยู่เรื่องที่ไม่ได้บอกอาจารย์ว่าทำไมหนูถึงเรียกว่าอาจารย์ รู้หรือเปล่าคะ? ทำไมหนูถึงได้รู้วิธีรักษามากมายขนาดนี้ อาจารย์ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอคะ?” 

 

 

“นั่นสิ ฉันก็แปลกใจ เธอเพิ่งจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เอง เรื่องพวกนี้ใครสอนเธอมา? เธอดูมีประสบการณ์แพทย์คลินิกมาก อีกทั้งยังดูเหมือนทำมาหลายปีแล้ว” 

 

 

ก็สอนมาเองกับมือ ไม่เหมือนสิแปลก 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนวางแผนไว้นานแล้ว 

 

 

“ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้หนูเคยเก็บสมุดบันทึกเล่มหนึ่งได้ ในนั้นเต็มไปด้วยเคสรักษา พอหนูได้อ่านก็เหมือนได้จุดประกายความคิด นับแต่นั้นมาประตูบานใหญ่แห่งโลกลึกลับด้านจิตวิทยาก็เปิดออก และเจ้าของสมุดเล่มนั้นก็คืออาจารย์ ก็เพราะสิ่งนี้แหละค่ะหนูถึงได้มาสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้” 

 

 

“ที่แท้ก็เธอเหรอที่เก็บได้?” ศาสตราจารย์หลิวมีนิสัยชอบจดบันทึกจริงๆ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็มีนิสัยชอบจดบันทึก ซึ่งก็เลียนแบบมาจากอาจารย์ 

 

 

“ใช่ค่ะ ที่น่าเสียดายก็คือ ตอนย้ายบ้านสมุดบันทึกเล่มนั้นถูกน้องชายที่ไม่เอาไหนของหนูโยนทิ้งไปแล้ว แต่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาที่อยู่ในนั้นหนูจำได้หมด มีโรคหวาดกลัว โรคอารมณ์แปรปรวน โรคเบื่ออาหาร โรคกินจุ โรคหวาดกลัวการเข้าสังคม อะไรประมาณนี้ อาจารย์เขียนไว้ละเอียดมาก” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนท่องได้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ศาสตราจารย์หลิวทรมานเธอเมื่อชาติที่แล้ว 

 

 

มีอยู่วันหนึ่งเธอจัดเอกสารให้อาจารย์ อยู่ๆอาจารย์ก็พูดขึ้นมาว่าทำสมุดบันทึกหายเมื่อประมาณช่วงปี2000 ในนั้นมีบันทึกการรักษาของโรคพวกนี้ เลยให้เสี่ยวเชี่ยนส่งเคสรักษาโรคพวกนั้นมาสัปดาห์ละครั้ง หากเขียนผิดก็จะต้องกลับไปคัดลอกเอกสารที่เกี่ยวข้อง เล่นเอาเสี่ยวเชี่ยนเกือบตาย 

 

 

และก็เพราะมีอาจารย์แบบนี้ พื้นฐานความรู้ของเสี่ยวเชี่ยนถึงได้แน่นมาก 

 

 

“ถึงว่าฉันไม่เคยสอนเธอ แต่เธอกลับมีร่องรอยของฉันปรากฏ แบบนี้ก็ถือว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของฉันสินะ” 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การที่เสี่ยวเชี่ยนเรียกเธอว่าอาจารย์นั้นก็ถูกต้องแล้ว 

 

 

“ที่หนูเก่งได้ก็เพราะบันทึกของอาจารย์ ตอนนี้ให้หนูจัดการปัญหานี้ ถ้าอาจารย์คิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกก็แก้ให้หนูได้ตลอดเลยนะคะ คิดเสียว่าหนูเป็นดวงตาให้ โอเคไหมคะ?” 

 

 

ข้ออ้างที่เสี่ยวเชี่ยนคิดขึ้นมานี้สมบูรณ์แบบมาก เรียกได้ว่าไร้ข้อสงสัย 

 

 

ไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอกลับชาติมาเกิด อีกทั้งสไตล์ของเธอก็คล้ายกับศาสตราจารย์หลิว ใช้ข้ออ้างนี้ถูไถไป ในอนาคตก็ไม่มีทางมีคนสงสัย จะเรียกว่าอาจารย์ก็เรียกได้สนิทใจขึ้น 

 

 

“เธอลองพูดแผนรักษามาก่อน” ศาสตราจารย์หลิวเริ่มโอนอ่อน 

 

 

“จากสถานการณ์ในตอนนี้หากจะใช้วิธีเดิมกดเรื่องในอดีตเอาไว้คงไม่ได้แล้ว หนูเดาว่าก่อนหน้านี้อาจารย์ใช้การสะกดจิตเพื่อกดความทรงจำของเขาไว้” 

 

 

“ในสมุดฉันเขียนไว้ด้วยเหรอ?” 

 

 

“ไม่มีค่ะ ในนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น หลังจากนั้นหนูอ่านตำราไปไม่น้อย อาจารย์ก็รู้ว่าปีหนึ่งเรียนแต่พวกทฤษฎี ของแบบนั้นไม่สู้อ่านพวกเคสรักษายังจะดีกว่า” 

 

 

“ต่อสิ” 

 

 

“อาจารย์คงเคยได้ยินเรื่องกุ๋นอวี่ป้องกันน้ำท่วม กุ๋นใช้วิธีสกัดกั้นน้ำแต่ก็ล้มเหลว ต้าอวี่ได้บทเรียนจากความล้มเหลวของพ่อ จึงเปลี่ยนแปลงวิธี หาทางป้องกันน้ำแนวใหม่จนประสบความสำเร็จ หนูก็เลยอยากใช้วิธีนี้มารักษาหูเหม่ยจิ้งค่ะ” 

 

 

“เธอหมายความว่า…จะพูดชี้นำให้เขาปลดปล่อยอารมณ์? ไม่ ไม่ได้ เขาต้องสติแตกแน่” 

 

 

ทำไมตอนนั้นหูเหม่ยจิ้งถึงเป็นบุคลิกสลับขั้ว? ก็เพราะเธอไม่ฟังคำเตือนของคนอื่นแล้วไปดูศพของโลนวูล์ฟ อีกทั้งยังฉวยโอกาสตอนคนอื่นเผลอเปิดธงทหารที่คลุมตัวโลนวูล์ฟอยู่ พอเห็นสภาพศพก็ช็อคทันที 

 

 

ตอนนี้เธอตั้งครรภ์ แล้วจะรับเรื่องสะเทือนใจแบบนั้นได้ยังไง 

 

 

“ถ้าไม่ปล่อยให้เธอทำเรื่องที่ยังค้างคาเมื่อก่อนให้เสร็จ ความรู้สึกก็จะอัดอั้นอยู่ในใจ เด็กยังไงก็รักษาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้เธอไม่ฟังใครทั้งนั้น นับประสาอะไรกับการสะกดจิต หลังจากที่หนูทำให้ความปรารถนาของเธอสำเร็จแล้ว หนูจะใช้การรักษาแบบประคับประคอง เพื่อค่อยๆเรียกตัวตนด้านที่อ่อนโยนของเธอออกมา” 

 

 

ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนพูด เธอมีความมั่นใจมากกว่าเมื่อชาติก่อน 

 

 

หลังจากที่ได้คุยกับอาจารย์เมื่อครั้งก่อน เธอก็คิดมาตลอดว่าถ้าเมื่อชาติที่แล้วสืออวี้มาหาเธออีกครั้งเธอจะรักษายังไง? จะทำเหมือนที่อาจารย์รักษาหูเหม่ยจิ้งหรือเปล่า? 

 

 

ก็อาจจะ แต่ถึงแม้ทั้งสองคนจะเป็นโรคเดียวกัน รายละเอียดการรักษาก็ย่อมมีความแตกต่าง 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็ได้คิดถึงผลลัพธ์อีกแบบหนึ่ง ถ้าอีกตัวตนของหูเหม่ยจิ้งตื่นขึ้น เธอควรจะจัดการยังไง ปรากฏว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ 

 

 

บุคลิกหนึ่งตื่นขึ้น อีกบุคลิกหนึ่งกลับหลับใหล 

 

 

“มันดูเสี่ยงเกินไป ไม่เคยมีเคสแบบนี้มาก่อน” 

 

 

“ประสบการณ์การรักษามันก็มาจากการลองผิดลองถูกไม่ใช่เหรอคะ? หน้าแรกของสมุดบันทึกอาจารย์เขียนไว้แบบนั้นนี่คะ? โรคจิตเวชใดๆก็ตาม ต่อให้เป็นโรคเดียวกัน วิธีรักษาก็อาจจะไม่เหมือนกัน เพราะยังไม่มีเคสที่ประสบความสำเร็จ เราถึงต้องลองผิดลองถูกไงคะ” 

 

 

สมุดบันทึกของศาสตราจารย์หลิวทุกเล่มที่หน้าแรกจะเขียนไว้เหมือนกัน ประสบการณ์รักษามาจากการลองผิดลองถูก ชาติที่แล้วเสี่ยวเชี่ยนช่วยจัดเอกสารให้อาจารย์บ่อยๆถึงรู้เรื่องพวกนี้ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนบอกไม่ได้ว่ามั่นใจ100% แต่เธอมีความกล้าที่จะลอง 

 

 

ตอนแรกศาสตราจารย์หลิวก็ลังเล แต่พอเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเสี่ยวเชี่ยน กอปรกับได้ยินเสียงร้องไห้ของหูเหม่ยจิ้งจากห้องข้างๆ หูเหม่ยจิ้งร้องไห้จนเสียงแหบหมดแล้ว 

 

 

เป็นเด็กที่ชะตาน่าเศร้าจริงๆ ร้องไห้ได้ก็ร้องจนสุดเสียง ร้องไม่ออกก็นั่งน้ำตาไหลเงียบๆ ความเศร้าที่อยู่ในจิตใจไม่ยอมออกไปเสียที คนฟังก็แทบใจสลาย 

 

 

“ไปเถอะ ถ้าเธอจัดการไม่ได้ก็กลับมา แล้วเรียกหัวหน้าใหญ่ของเธอเข้ามา ฉันจะให้เขาพารุ่นพี่เธอมา ถ้าเธอทำไม่ได้ค่อยเปลี่ยนเป็นรุ่นพี่เธอ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนถอดแว่นของศาสตราจารย์หลิวออก มือทั้งสองประคองหน้าของอาจารย์ไว้ ใช้ความอบอุ่นจากมือให้กำลังใจอาจารย์ 

 

 

“อาจารย์ต้องมั่นใจในตัวเองนะคะ นักเรียนที่อาจารย์สอนมาเองกับมือจะทำไม่ได้ได้ยังไง อาจารย์พักผ่อนเถอะค่ะ โรคนี้หนูจะรักษาให้เอง ไม่คิดเงินกับอาจารย์หรอกค่ะ—” 

 

 

“นี่เธอยังคิดจะเก็บเงินอีกเหรอ?” 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด