แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 553 เผชิญกับอนาคต

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 553 เผชิญกับอนาคต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มารักษาให้ตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ให้อะไรหนูเลยพวกเราจะไม่สบายใจนะจ๊ะ” แม่ของจิงจิงพูดอย่างเสียดาย ถึงหมอเฉินจะยังเด็ก แต่เป็นหมอที่ทำงานเต็มที่มากที่สุดตั้งแต่เธอเจอมา

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามอง ทันใดนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่พวงกุญแจอันเล็ก

 

 

พวงกุญแจนั้นมีมาชิมาโร่สีซีดที่ทำจากโลหะห้อยอยู่

 

 

“อันนี้ให้หนูได้ไหมคะ?”

 

 

“แน่นอนจ้ะ— แต่สีมันซีดแล้วนะ ถ้าหนูชอบเดี๋ยวหน้าซื้อให้ใหม่ดีกว่า”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโบกมือ “ตัวมันซีดแต่ความทรงจำไม่ซีด ดูแลลูกสาวที่ได้กลับมามีชีวิตใหม่ให้ดีนะคะ ต่อไปคงไม่เจอกันแล้ว”

 

 

“ขอบคุณมากนะหมอเฉิน หนูเป็นคนดีมาก”

 

 

พ่อแม่ของจิงจิงโค้งตัวให้ด้านหลังเสี่ยวเชี่ยนที่เดินออกไป

 

 

เสี่ยวเชี่ยนออกแรงกำมาชิมาโร่ในมือเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ

 

 

คนดีเหรอ?

 

 

เธอก็ยังชอบเป็นคนเลวมากกว่า แต่เธอกลับชอบเป็นหมอที่ดี

 

 

เป็นคนเลวกับเป็นหมอที่ดีไม่ขัดแย้งกัน

 

 

พอออกจากบ้านจิงจิงเดินไปถึงหน้าหมู่บ้านทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอ เสี่ยวเชี่ยนมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใครหน้าคุ้น

 

 

“ฉันเอง” ฉิวฉิวถอดแว่นกันแดดกับหมวกออกแล้วเดินไปหาเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนมองฉิวฉิวที่มาในสภาพเหมือนขอทานใส่หมวกแบบเบี้ยวๆ แว่นกันแดดใหญ่เกินครึ่งหน้า ไม่เดินมาใกล้ๆก็จำไม่ได้จริงๆ

 

 

“ช่วงนี้ฉันปลอมตัวเป็นขอทานมานั่งหน้าหมู่บ้าน เธอบอกว่าไม่ให้เขาเห็นฉันไม่ใช่เหรอ การรักษาเป็นไงบ้าง?”

 

 

“ไม่มีปัญหาแล้ว วางใจได้ อีกหน่อยเขาจะมีชีวิตใหม่ แต่นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

 

“ฉันจะเป็นไรได้ สบายดี—ประธานเชี่ยน ไปดื่มเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”

 

 

“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนนะ ถ้าแม่ฉันไม่เป็นไรฉันจะไปดื่มเป็นเพื่อน”

 

 

“แม่ ตรวจหรือยัง?” เสี่ยวเชี่ยนโทรหาเจี่ยซิ่วฟาง

 

 

“ตรวจแล้วไม่เป็นไร ปวดธรรมดาทั่วไป กินยาก็ดีขึ้น” เสียงของเจี่ยซิ่วฟางฟังดูอิดโรย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป่วยหรือเปล่า

 

 

“งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปดูนะ” เสี่ยวเชี่ยนก็ยังไม่วางใจ

 

 

“แกจะกลับมาทำไม? จ่ายเงินให้ไปเรียนหนังสือวันๆคิดแต่จะกลับบ้านมันใช้ได้เหรอ? ตั้งใจเรียนไปไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนได้ยินแม่พูดเสียงดังฟังชัดแบบนี้ก็รู้สึกว่าไม่เหมือนคนเป็นหนัก

 

 

“งั้นขอคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่หน่อย”

 

 

เจี่ยซิ่วฟางยื่นโทรศัพท์ให้พี่สะใภ้ใหญ่แล้วขยิบตาให้ พี่สะใภ้ใหญ่แกล้งกระแอมเสียงแล้วพูด

 

 

“เสี่ยวเชี่ยนนี่พี่เองนะ”

 

 

“พี่คะแม่หนูเป็นอะไรคะ?”

 

 

“โรค—เอ่อ โรคเกี่ยวกับมดลูกน่ะจ้ะ” พี่สะใภ้ใหญ่ส่งสายตาให้เจี่ยซิ่วฟาง แล้วพูดตามบทที่เตี๊ยมกันไว้

 

 

“อาการหนักมากไหมคะ?”

 

 

“ไม่หนักแต่ว่า—”

 

 

พี่สะใภ้ใหญ่มองเจี่ยซิ่วฟางที่ทำท่าไหว้ขอร้อง

 

 

“แต่อะไรคะ? ต้องให้หนูกลับไปดูแลไหมคะ?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าแม่ไม่มีญาติเหลือแล้ว น้องชายเธอก็ยังเด็ก พี่ชายทั้งสองคนของแม่คนหนึ่งอยู่เมืองอื่น อีกคนก็คงช่วยให้วุ่นวายมากกว่า ญาติทางพ่อหลังหย่าก็ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว คนที่ยังติดต่อก็มีแค่อาสี่แต่บ้านนั้นก็ต้องดูแลย่า

 

 

“ไม่ต้องจ้ะ ทางนี้เดี๋ยวพี่ดูแลให้ได้ อาการไม่หนักเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

 

 

“ก็ได้ค่ะ มีอะไรก็โทรหาหนูนะคะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่สงสัยอะไร เธอวางสายแล้วพูดกับฉิวฉิว

 

 

“ไปเถอะ ฉันจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนเอง”

 

 

ณ โรงพยาบาล พี่สะใภ้ใหญ่พูดกับเจี่ยซิ่วฟางที่นอนอยู่บนเตียง

 

 

“ทำไมต้องปิดเสี่ยวเชี่ยนด้วยล่ะคะ? ถึงการผ่าตัดไส้ติ่งจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้เขากลับมาดูแลจะหมดห่วงกว่านะคะ”

 

 

เจี่ยซิ่วฟางไม่ได้เป็นโรคภายในของผู้หญิง แต่เป็นไส้ติ่งอักเสบเรื้อรัง หลังจากที่ได้รับการตรวจอย่างละเอียดแล้ว แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดจะได้ไม่กำเริบอีก

 

 

นี่เป็นการผ่าตัดที่เล็กมาก แทบจะไม่มีอันตรายเลย พี่สะใภ้ใหญ่คิดว่าบอกเสี่ยวเชี่ยนเพื่อที่จะได้กลับมาดูแลแม่น่าจะดีกว่า

 

 

“เชี่ยนเอ๋อยังเป็นนักเรียน มีเรื่องต้องทำเยอะ ถึงการผ่าตัดจะไม่ใหญ่ แต่หลังผ่าเสร็จก็ต้องนอนอีกระยะหนึ่งไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเขากลับมาก็จะเสียสมาธิ อย่าให้เขาเสียเวลาๆไปๆกลับๆเลย น้าจ่ายเงินจ้างพยาบาลดูแลก็ได้”

 

 

เจี่ยซิ่วฟางรู้สึกว่าเรื่องแค่นี้ถ้าให้เสี่ยวเชี่ยนกลับมาอีกลูกคงเหนื่อยแย่ ในสายตาของเธอเสี่ยวเชี่ยนยังเป็นแค่เด็ก ทำอาหารไม่เป็นดูแลใครไม่ได้ กลับมาจะทำอะไรได้?

 

 

“งั้นก็ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่บ้านหนูมีแม่บ้านสองคน เดี๋ยวให้เขาผลัดกันมาดูแลได้ค่ะ หนูเองก็อยู่ที่นี่เรียกได้ตลอด เพียงแต่ถ้าคุณน้าไม่บอกเสี่ยวเชี่ยน แล้วถ้าเธอรู้ภายหลังอาจจะเป็นห่วงแล้วก็ตำหนิได้นะคะ”

 

 

พี่สะใภ้ใหญ่เป็นหมอในโรงพยาบาล เธอรู้ว่าหากคนไข้นอนโรงพยาบาลแล้วมีญาติมาเฝ้า ไม่เพียงแต่จะมีคนดูแล ยังช่วยทำให้ผู้ป่วยวางใจ พอลืมตาก็เห็นว่ามีคนอยู่ อารมณ์ก็จะดีขึ้น

 

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ ลูกสาวน้ารู้ เขาเป็นพวกปากร้ายใจดี ไม่ว่าอะไรน้าหรอก แต่หนูต้องช่วยปิดเป็นความลับนะ อย่าบอกเชี่ยนเอ๋อล่ะ”

 

 

“ก็ได้ค่ะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉิวฉิวอย่างเงียบๆ อันที่จริงก็แค่หาที่เงียบๆให้ฉิวฉิวนั่งดื่มเหล้าแก้เซ็งโดยมีเสี่ยวเชี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ คอยฟังฉิวฉิวเล่าเรื่องตอนที่เขาได้ใช้เวลาอยู่กับจิงจิง เสี่ยวเชี่ยนทำหน้าที่เป็นผู้ฟังอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่าเวลานี้ฉิวฉิวต้องการแค่คนรับฟัง ไม่ต้องการให้แสดงความคิดเห็น

 

 

“เขามีวันนี้ได้ฉันก็มีความสุข ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความสุข ลืมฉันไปก็ใช่ว่าจะไม่ดี ถ้าฉันอยู่ด้วยเขาอาจจะคิดถึงเรื่องไม่ดี งั้นฉันไปไม่ยิ่งดีกว่าเหรอ ไม่ใช่ฉันจะไม่ยอม ก็แค่เสียดายนิดหน่อย เสียดายที่ยังไม่ทันได้เห็นเขาใส่กระโปรงที่ฉันซื้อให้ เสียดายที่รอไม่ถึงวันที่ดอกไม้เบ่งบาน…”

 

 

ฉิวฉิวพูดเรื่อยเปื่อย อันที่จริงตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกไปบ้าง รอจนอากาศอบอุ่น รอจนดอกไม้เบ่งบานแล้วไงล่ะ สุดท้ายมันก็แค่การแอบรักข้างเดียว ทำอะไรให้มากแค่ไหนสุดท้ายก็เธอก็จำไม่ได้

 

 

บนโต๊ะในร้านเหล้าเล็กๆมีขวดเปล่าวางแล้วสองขวด เสี่ยวเชี่ยนมองเวลาก็คิดว่าพอประมาณแล้วจึงถามขึ้น

 

 

“ฉันว่าน่าจะได้เวลาแล้วไม่ไปเจอเขาเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเหรอ?”

 

 

“ไปไหน?” ฉิวฉิวดื่มไปค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีสติ

 

 

“สถานีรถไฟ ไปส่งผู้หญิงที่นายเฝ้าแต่คิดถึงในช่วงไม่กี่เดือนมานี้”

 

 

“ฉันไป…จะเหมาะเหรอ?”

 

 

นี่เป็นข้อเสนอที่ทำให้ฉิวฉิวหวั่นไหวมาก เขากำลังลังเล เสี่ยวเชี่ยนแบมือออก ในมือมีมาชิมาโร่นอนอยู่

 

 

คล้ายกับเสียงยังก้องอยู่ข้างหู ฉิวฉิวพอเห็นก็จำได้ทันที เขากับจิงจิงรู้จักกันก็เพราะกระต่ายตัวนี้

 

 

จิงจิงในตอนนั้นยังอยู่ในสภาวะหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย เขาเก็บกระต่ายที่เธอทำตกได้ พอซ่อมเสร็จแล้วจึงเอาไปคืน จากนั้นก็ได้เริ่มความรักที่ทั้งแสนหวานและขมขื่น เป็นความรักที่คลุมเครือแบบที่ไม่ต้องพูดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าใจกัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่รับค่ารักษาจากพ่อแม่ของจิงจิง แต่เธอกลับขอสิ่งนี้มา

 

 

ของสิ่งนี้ทำให้หัวใจฉิวฉิวกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง เขาหยิบกระต่ายมากำไว้ในมือ เสี่ยวเชี่ยนดึงให้เขาลุกขึ้น

 

 

“ไปเถอะ ไปดูสักหน่อยอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ถ้าไม่ไปจะเสียใจไปตลอดชีวิต ต้องเผชิญหน้าเท่านั้นถึงจะเจอกับอนาคตได้ ไปเร็ว”

 

 

ทั้งสองคนเรียกรถไปที่สถานีรถไฟ แล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตา รอคอยการมาของจิงจิงอย่างเงียบๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด