แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 748 ตกลงว่าใครเป็นตัวการกันแน่

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 748 ตกลงว่าใครเป็นตัวการกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเคสที่เธอรับปากพี่ใหญ่ไว้ จากนั้นก็มองไป๋จิ่นที่กำลังรอคอยคำตอบของเธอ  

 

 

“เธออยากเขียนรายงานข่าวเรื่องนี้เหรอ”  

 

 

“อยากฟังคำอธิบายในมุมมองของจิตแพทย์น่ะค่ะ—รบกวนเวลาหรือเปล่าคะ”  

 

 

“ถ้าเธอมีเวลารอฉันเอาหนังสือไปคืน แล้วฉันจะมาคุยกับเธอส่วนตัวหนึ่งชั่วโมง เป็นไง” เสี่ยวเชี่ยนใจกว้างเสมอกับคนที่เคยช่วยเหลือเธอ  

 

 

“เยี่ยมเลยค่ะ” ไป๋จิ่นดีใจมาก  

 

 

หลายนาทีต่อมาเสี่ยวเชี่ยนกับไป๋จิ่นก็นั่งอยู่ในร้านกาแฟแถวๆมหาวิทยาลัย ไป๋จิ่นวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คบนโต๊ะ ทำท่าทางเหมือนกำลังบันทึกข้อมูลสำคัญ  

 

 

“เธอรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับรักร่วมเพศบ้าง อยากให้ฉันเล่าเคสคนไข้ให้ฟังไหม” เสี่ยวเชี่ยนถาม  

 

 

“ฉันอยากถามคุณว่า รักร่วมเพศมันคืออาการแบบไหนกันแน่คะ” สายตาของไป๋จิ่นจริงจัง  

 

 

“ในปี1993องค์การอนามัยโลกได้แยกรักร่วมเพศออกจากรายชื่อโรคที่มีอาการผิดปกติทางประสาท ส่วนในบ้านเราเพิ่งมีกระเปลี่ยนแปลงทางด้านการแพทย์เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ปี 2001เริ่มไม่ถือว่ารักร่วมเพศเป็นโรคประสาท แต่ในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น หลายคนมองว่ารักร่วมเพศไม่ต่างจากโรคประสาท ในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ที่สำคัญๆหลังการสร้างประเทศ รักร่วมเพศถูกตัดสินโทษตายไม่ต่างจากคนที่เป็นอันธพาล สังคมก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่เยอะพอควร”  

 

 

สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดล้วนเป็นข้อมูลจากเอกสารสำคัญ   

 

 

“ทำไมเธอไม่จดล่ะ ข้อมูลพวกนี้เธอหาเองมันยุ่งยากมากเลยนะ”  

 

 

“ในฐานะจิตแพทย์ทำการรักษาคนไข้รักร่วมเพศยังไงคะ”  

 

 

“ฉันขอบอกเธอด้วยความเสียดายว่า จิตแพทย์คนอื่นอาจรักษาได้ แต่ฉันทำไม่ได้ ในความเป็นจริง ฉันเพิ่งปฏิเสธไปหนึ่งเคส และการปฏิเสธเคสนี้อาจทำให้พี่ชายของฉันเสียโปรเจ็คต์ไป”  

 

 

“ไอดอลก็มีโรคที่รักษาไม่ได้ด้วยเหรอคะ”  

 

 

“ไม่ใช่ว่ารักษาไม่ได้ แต่ฉันไม่อยากสร้างโศกนาฏกรรมไปมากกว่านี้”  

 

 

“ทำไมไม่รับล่ะคะ” ไป๋จิ่นไม่เข้าใจ  

 

 

“เคสนี้เหมือนตั้งใจเอาเงินมาให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะตั้งใจรักษาหรือไม่ คนไข้ที่เป็นลูกชายคนเดียวคนนี้จะต้องแสร้งทำเป็นให้ความร่วมมือกับฉันอย่างแน่นอน รักษาไปครั้งสองครั้งเขาก็คงไปบอกที่บ้านว่าหายแล้ว คนในครอบครัวของเขาก็รู้อยู่แล้วว่าอาการเป็นมาตั้งแต่เด็กๆรักษาไม่ได้หรอก มาหาฉันก่อนแต่งงานก็มีแค่ต้องการยืนยันกับฝ่ายหญิง ถ้าฉันรับงานนี้ เขาก็จะแต่งงานกับผู้หญิง”  

 

 

“หาคนต่างเพศมาแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตปกติ คุณก็ได้ทำหน้าที่ของแพทย์แล้วไม่ใช่เหรอคะ ยังไงซะในสายตาของใครหลายคนก็มองว่าการแต่งงานของคนต่างเพศเป็นเรื่องปกติ” ไป๋จิ่นจับปากกาแน่น นึกถึงครอบครัวเธอที่เร่งให้เธอแต่งงานแล้วก็เหนื่อยใจ  

 

 

“ใช่ ในสายตาของคนนอกเขาเป็นคน ‘ปกติ’ แต่ความเป็นจริงล่ะ หลังจากเขาแต่งงานไปก็คงไปแอบหาผู้ชายลับหลัง ภรรยาของเขาก็จะกลายเป็น ‘ภรรยาร่วม’ ต้องทนกับชีวิตสมรสที่เหมือนตกนรกทั้งเป็น”  

 

 

“อ่า…ที่แท้ก็แบบนี้” พอไป๋จิ่นคิดทัน เธอก็รู้สึกเห็นด้วยในจุดยืนของเสี่ยวเชี่ยน ไอดอลเกลียดรักร่วมเพศหรือเปล่า  

 

 

นั่นสิ…กลุ่มคนที่น่า ‘ขยะแขยง’ แบบนั้นใครไม่รังเกียจบ้าง เธอยังจะคาดหวังให้มาเข้าใจอะไรอีก ไป๋จิ่นก้มหน้า รู้สึกในใจหนักอึ้ง  

 

 

“อันที่จริงคุณ…ก็ไม่ชอบคน ‘จิตวิปริต’ แบบนี้ใช่หรือเปล่า ยังไงซะพวกเราก็ไม่ใช่ ไม่สิ ฉันหมายถึงพวกเขา ไม่เหมือนกับคนอื่น”  

 

 

“ฉันไม่ได้รู้สึกเหยียดอะไรคนที่เป็นรักร่วมเพศนะ พูดให้ถูกก็คือ แม้แต่โรคจิตเวชฉันก็ไม่ได้คิดดูถูก แล้วนับประสาอะไรกับการที่รักร่วมเพศถูกถอดออกจากโรคประสาทชนิดหนึ่ง จะชอบผู้ชายหรือชอบผู้หญิงมันไม่ใช่เรื่องที่เราควบคุมได้ และก็ใช่ว่าแพทย์จะรักษาได้ด้วย”  

 

 

“งั้นคุณ…” ไป๋จิ่นเงยหน้า รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ยังมีคนเข้าใจเธอหรือเปล่า  

 

 

“ฉันไม่ได้มีความคิดดูถูกคนกลุ่มนี้ ใครจะชอบผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่เกี่ยวกับฉัน คนที่ฉันเหยียดก็คือคนที่รู้ว่าตัวเองเบี่ยงเบนทางเพศแล้วยังไปหลอกคนอื่นแต่งงาน แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงที่ถูกหลอก บ้านเรามีคนที่ต้องทนใช้ชีวิตคู่ในฐานะภรรยาร่วมเป็นล้านคน และที่น่าอดสูกว่าก็คือ คนที่เป็นแรงกระตุ้นทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ใครอื่น ก็เป็นคนปกติที่ปากเอาแต่พูดว่าตัวเองเกลียดรักร่วมเพศนั่นแหละ เพราะสายตาเหยียดหยามของคนปกติ ทำให้รักร่วมเพศส่วนหนึ่งจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนปกติแต่งงานมีลูก สำหรับคนที่ถูกหลอกให้แต่งงานด้วยแล้วมันคือโศกนาฏกรรมชัดๆ”  

 

 

“ดังนั้นการเหยียดไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง รักร่วมเพศควรได้รับการเข้าใจใช่ไหมคะ” ไป๋จิ่นเริ่มขอบตาแดงๆ  

 

 

“ควรเข้าใจแต่ไม่ควรให้กำลังใจ สิ่งสำคัญก็คือถ้าคนปกติลดการดูถูกก็จะช่วยลดอัตราการที่รักร่วมเพศไปหลอกคนอื่นแต่งงานได้ สายตาที่เราดูถูกรักร่วมเพศในวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เกิด ‘ภรรยาร่วม’ ที่น่าเวทนาก็เป็นได้ ตกลงว่าใครเป็นตัวการที่แท้จริง ปัญหานี้ก็น่าคิดนะ”  

 

 

ในยุคสมัยนี้ หากใครบอกว่าตัวเองเป็นรักร่วมเพศคนรอบตัวก็จะแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาทันที อยู่ให้ห่างประหนึ่งเป็นเชื้อโรคร้ายแรง คล้ายกับกลัวว่าจะติดเอดส์  

 

 

คนที่มีหัวรุนแรงอาจแอบเอาสีไปสาดที่ประตูบ้านคนอื่น ลับหลังก็คอยนินทาว่าร้าย นี่นับเป็นเรื่องที่ปกติมาก  

 

 

การดูถูกรักร่วมเพศโดยบอกว่า น่าขยะแขยง วิปริตผิดเพศ มันช่วยแก้ให้การเบี่ยงเบนทางเพศหายเหรอ การเหยียดคนอื่นมันช่วยให้เรามีอวัยวะงอกเพิ่มเอาไปขายได้เงินหรืออย่างไร  

 

 

ก็ไม่  

 

 

“ความคิดแบบเก่ามาจากมุมมองที่คับแคบ เกิดมาจากการทำเพื่อการขยายเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ จะเป็นชายหรือหญิงก็ต้องแต่งงาน เมื่อถึงวัยหนึ่งถ้ายังไม่มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ผู้ใหญ่ก็จะบ่นไม่หยุด ดังนั้นจึงเกิดการทำเพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนปกติ ทำในสิ่งที่คนปกติเขาทำกัน แต่กลับยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ไม่ปกติ” ไป๋จิ่นพูดประสบการณ์ของตัวเอง  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “ถูกต้อง พวกผู้ใหญ่บ้านเรามีความเชื่องมงายเรื่อง ‘ความปกติ’ มาก ยอมสร้างเปลือกที่ดูเป็นคนปกติมากกว่าที่จะยอมเผชิญหน้ากับความจริง ตรรกะนี้ไม่เพียงแต่จะดำรงอยู่ในหมู่รักร่วมเพศที่หลอกคนอื่นแต่งงาน ยังอารมณ์ประมาณเดียวกับเคสที่ครอบครัวคนเป็นโรคประสาทปิดบังอาการผู้ป่วยแล้วไปหลอกคนอื่นแต่งงานเพื่อให้มีลูกสืบสกุล”  

 

 

‘ความปกติ’ ผิวเผินไปบีบบังคับให้คนที่ ‘ผิดปกติ’ อยู่แล้วแต่งงานกับคนปกติที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จากนั้นก็ทำให้สังคมผิดเพี้ยน นี่แหละความเป็นจริง  

 

 

“หมอเฉินคะ อันที่จริงคุณมองออกแล้วใช่ไหมคะ อันที่จริงฉันเป็น—” หลังจากที่ไป๋จิ่นฟังคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนจบก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา เธออยากเปิดเผยกับเสี่ยวเชี่ยน  

 

 

“ฉันดูออก นั่นเป็นอิสระของเธอ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย เลือกใช้ชีวิตแบบไหนแล้วก็ต้องแบกรับเรื่องยุ่งยากที่ตามมา ถ้าในอนาคตเธอมีปมในใจที่แก้ไม่ออก มาหาฉันได้ตลอดเวลา ฉันไม่คิดเงิน”  

 

 

ไป๋จิ่นร้องไห้ออกมา  

 

 

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนแสดงความเข้าใจไม่แคร์เรื่องแบบนี้ เธอพยายามลองคบกับผู้ชายตามที่ทางบ้านสั่ง ลองไปนัดดูตัว แต่ก็ไม่มีประโยชน์ เธอหมดหวังแล้ว  

 

 

ในขณะที่กำลังหมดหวังแล้วได้ยินไอดอลตัวเองพูดคำพูดที่เข้าอกเข้าใจแบบนี้ เป็นการช่วยให้ชีวิตของเธอมีกำลังใจยิ่งขึ้น  

 

 

“แต่มีอยู่นิดนึง เธอจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ห้ามชอบฉัน ฉันรู้ว่าเสน่ห์ของตัวเองสยบได้ทั้งชายและหญิง แต่ฉันแต่งงานแล้ว ถ้าแอบชอบฉันล่ะก็ เสี่ยวเฉียงไปจัดการแน่ จริงๆนะ เขาน่ะกับผู้หญิงก็ไม่เว้น”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนล้อเล่นทีเล่นทีจริง  

 

 

ไป๋จิ่นขำทั้งน้ำตา แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถ้าไอดอลไม่พูดดักไว้ก่อน ไม่แน่เธออาจคิดกับไอดอลไปในทางอื่นก็เป็นได้ พูดออกมาแบบนี้เป็นการป้องกันไว้ก่อน  

 

 

“ประธานเชี่ยน ทำอะไรน่ะ รังแกผู้หญิงเหรอ” ฉิวฉิวพาผู้หญิงคนหนึ่งมาดื่มกาแฟ เหลือบมาเห็นประธานเชี่ยนอยู่มุมหนึ่งกำลังทำผู้หญิงร้องไห้พอดี  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด