แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 798 ประธานเชี่ยนให้โจทย์ยาก

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 798 ประธานเชี่ยนให้โจทย์ยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เพราะฉันเห็นสีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนั้นปกติมาก ไม่เหมือนคนติดยา คนติดการพนันก็คงไม่แต่งตัวเป็นทางการแบบนั้น เนื้อตัวไม่มีกลิ่นเหล้าก็คงไม่ใช่ขี้เมา ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่จะทำให้เธอพูดแบบนั้นออกมาได้ก็คงเป็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดออกมาทันทีว่าให้สู้กลับ ต้าอีจึงคิดว่าสองคนนั้นน่าจะมีปัญหาที่ใหญ่พอสมควร สำหรับชีวิตคู่ปัญหาที่พบบ่อยก็มียาเสพติด การพนัน แล้วก็การใช้ความรุนแรงในครอบครัว

 

 

“ใช้ได้นี่ พูดได้ดีมาก เธอยังละเอียดได้กว่านี้ มีความมั่นใจได้มากขึ้นอีก ตอนที่เขาคุยโทรศัพท์ยังได้จงใจบอกด้วยว่ามาคนเดียว ไม่ได้อยู่กับใคร ก็แสดงว่าสามีของเขาควบคุมทุกการเคลื่อนไหว และขอบตาของเขาก็มีบาดแผล สามีของเขาพอมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือดูว่ารอบตัวมีผู้ชายคนไหนหรือเปล่า ถึงเขาจะทำตัวมีมารยาทมาก แต่สายตากับบุคลิกยากที่จะปกปิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรง ความเป็นไปได้ที่จะใช้ความรุนแรงในครอบครัวคือ90%”

 

 

ต้าอีกพยักหน้า อันที่จริงเธอก็คิดแบบนี้ แต่ไม่ได้ไวเท่าประธานเชี่ยน

 

 

“ยี่สิบกับสองพันแตกต่างกันเยอะจริง” ต้าอีพูดจากใจ เธอรู้สึกนับถือท่าทางใจเย็น คำพูดมีพลังของเสี่ยวเชี่ยนเวลาที่เจอกับคนไข้ เธอพยายามจะฝึกแล้วก็ยังไม่ได้ผลเท่าไร ต้าอีคิดว่าหมอควรมีบุคลิกแบบเสี่ยวเชี่ยน ผู้ป่วยเจอหมอแบบนี้ก็จะมีความเชื่อมั่น

 

 

“ทุกคนเริ่มต้นที่ยี่สิบหมดแหละ เธอพยายามเข้ายังไงสักวันก็ต้องมาถึงจุดนี้ ตอนนี้เธอเหมาะกับจัดการเคสแบบนี้มาก ค่อยเป็นค่อยไปสั่งสมประสบการณ์”

 

 

“แต่เขาบอกแล้วว่าจะไม่มาหาฉัน”

 

 

“รอเขาโดนซ้อมครั้งหน้าก็จะไปหาเธอเอง ถึงตอนนั้นควรรักษายังไงเธอคงมีคำตอบในใจแล้ว จำไว้นะ รับมือกับผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่าถามพวกเขาว่าทำไมไม่หย่า”

 

 

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” มีเทศกิจคนหนึ่งได้ยินเข้าจึงถามด้วยความอยากรู้ ถูกใช้ความรุนแรงแบบนั้นทำไมถึงถามไม่ได้ว่าทำไมไม่หย่ากับผู้ชายเลวๆ

 

 

“สาเหตุที่ถูกใช้ความรุนแรงมีมากมาย วิธีจัดการของแต่ละคนก็ต่างกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไม่เลิกราไม่ใช่เพราะสาเหตุทางด้านจิตใจเพียงอย่างเดียว ยังมีสาเหตุจากอาการป่วยด้วย ถ้าผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวมีภาวะถูกกดดันจนต้องฆ่า หากไม่ได้รับการรักษาให้หายก่อนเขาก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตโดยลำพังได้ จะกลายเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมได้ง่าย คุณลองไปดูในคุกหญิงก็ได้ นักโทษหญิงที่ฆ่าสามีมีกี่คนที่เป็นอย่างที่ฉันพูด หรือจะไปลองดูคุกชายว่านักโทษชายที่ฆ่าภรรยาตัวเองก็มีความเป็นไปได้อย่างที่ฉันบอก มีผู้หญิงบางส่วนที่ไม่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเพียงลำพังได้เลย คุณให้เขาหย่าเขาจะรู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม ถ้าไม่รักษาจะยิ่งแย่กว่าเดิม”

 

 

เมื่อถูกกดดันจนถึงระดับที่ระเบิดออกมา ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงฆ่าผู้ชายก็ผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงทนไม่ไหวอยากจะไปเลยต้องฆ่าผู้หญิงทิ้งเสีย ดังนั้นคำถามที่มองดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรอย่างเช่นทำไมไม่หย่าจึงไม่ใช่คำถามที่จิตแพทย์มืออาชีพควรถาม

 

 

เทศกิจคนนั้นไม่ค่อยเข้าใจคำอธิบายของเสี่ยวเชี่ยน เขารู้สึกว่ามันซับซ้อน

 

 

“ยามที่เรื่องไม่ได้เกิดกับตัวคุณเองก็อย่าคิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องแล้วพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ถ้าช่วยเขาแก้ปัญหาไม่ได้ก็อย่าถามดีกว่าว่าทำไมไม่หย่า มีแค่การทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ ช่วยหาวิธีรับมือที่ถูกต้องทำให้เขากลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นจะหย่าหรือจะอะไรก็ดูไปตามสถานการณ์ แบบนี้ถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว”

 

 

การใช้ความรุนแรงในครอบครัวพบได้มากในสังคม ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่ซับซ้อนมากมาย แผนรับมือของจิตแพทย์แต่ละคนที่มีต่อผู้เข้ารับคำปรึกษาที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวหรือถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้นไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นแผนไหนล้วนไม่ปรากฏการตำหนิว่าทำไมไม่หย่า

 

 

ถึงในสายตาหลายคนจะรู้สึกว่าการถูกใช้ความรุนแรงแล้วไม่หย่าเป็นเรื่องที่น่าสมเพช แต่ทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง คนเหล่านั้นไม่มีทางรู้หรอกว่า การที่ไม่หย่าอาจเป็นเพราะถูกสามีข่มขู่ว่าถ้าไปจะฆ่าให้ตาย ฆ่าทั้งครอบครัว หรืออาจจะทนเพื่อลูก ไม่อยากทิ้งลูกไป หรือก็อาจเป็นอย่างที่เสี่ยวเชี่ยนพูดที่เกิดจากอาการป่วย ถูกใช้ความรุนแรงจนชินกลายเป็นวัฏจักร คล้ายๆกับอาการสตอกโฮล์มซินโดรม[1]

 

 

และถ้าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องต่อให้หย่าไปแล้วก็ยังคงโดนตามไปใช้ความรุนแรงอีก มีหลายเคสที่ผู้หญิงหย่าเพราะถูกใช้ความรุนแรง แต่ก็ยังโดนสามีเก่าตามรังควาน

 

 

หรือผู้หญิงบางคนไม่หย่า แต่กลับถูกสังคมประณาม สังคมสมัยนี้ยังไม่เปิดกว้างสำหรับผู้หญิงที่หย่าร้างนัก ถ้าใครหย่าก็จะถูกคนรอบตัวเอาไปนินทาลับหลัง ต่อให้ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้หญิงก็ยังถูกนินทาอยู่ดี

 

 

ตอนที่เรื่องไม่ได้เกิดกับตัวเองแล้วเอาไปพูดเหมือนรู้ดี เคยคิดบ้างไหมว่าการกระทำของตัวเองกลายเป็นดาบที่ทิ่มแทงคนอื่น

 

 

เสี่ยวเชี่ยนให้คำแนะนำกับต้าอี ถ้าเจอเคสแนวๆนี้ควรจัดการอย่างไร ต้าอีจดบันทึกอย่างจริงจัง

 

 

หลังจากพูดเรื่องความรุนแรงในครอบครัวจบประธานเชี่ยนก็นึกเรื่องหนึ่งออก

 

 

“ตอนที่เธอฝึกงานในโรงพยาบาลกลางได้เจอคนที่ฉันเคยพูดถึงไหม”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหมายถึงเย่ต้าเชียน และนี่ก็เป็นการบ้านที่เธอมอบหมายให้ต้าอีไป

 

 

ทั้งสองคนคุยกันพลางเดินไปยังห้องรับรองของสำนักงาน พวกเธอเดินรั้งท้าย คุยกันเสียงไม่ดัง แต่ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งจงใจเดินช้าลง พยายามเงี่ยหูฟังว่าเสี่ยวเชี่ยนกับต้าอีคุยอะไรกัน

 

 

“เมื่อวานฉันไปเจอมาแล้ว เขามีภาวะผิดปกติทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง ฝันว่าถูกหมากัดบ่อยๆ”

 

 

“เธอมีความคิดเห็นว่าไง” เสี่ยวเชี่ยนถาม

 

 

“โรคไม่ได้ยาก แต่ที่ยากคือความขัดแย้งในใจฉัน ด้านหนึ่งฉันเกิดความรู้สึกไม่พอใจในเรื่องที่เขาทำ ส่วนอีกด้านฉันเป็นหมอ เขาเป็นคนไข้ของฉัน ฉันจะไม่สนใจเขาก็ไม่ได้ ฉันควรทำไงดีประธานเชี่ยน”

 

 

เมื่อก่อนเวลามีเรื่องอะไรประธานเชี่ยนก็ช่วยจัดการได้ตลอด เวลาต้าอีมีปัญหาจึงนึกถึงประธานเชี่ยน

 

 

“เคสเย่ต้าเชียนฉันมอบให้เธอจัดการเอง ฉันจะไม่แนะนำอะไรทั้งนั้น ขอให้จำไว้ว่า ถ้าเธอปิดเคสนี้ได้ ต่อไปเธอก็เป็นจิตแพทย์ที่ผ่านเกณฑ์ได้”

 

 

จิตแพทย์ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร เคยทำอะไรมา เลวร้ายเพียงใด เมื่อมาอยู่ตรงหน้าจิตแพทย์ก็ต้องพยายามรักษาอย่างเต็มที่—นี่คือความคิดของต้าอีก่อนที่จะไปเจอเย่ต้าเชียน แต่หลังจากที่เจอเย่ต้าเชียนแล้ว ต้าอีทั้งสงสารทั้งโกรธคนที่เลวร้ายแบบนี้ ในฐานะคนปกติที่รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอไม่พอใจมากที่เย่ต้าเชียนทำพฤติกรรมเลวร้ายต่อเด็กผู้หญิง แต่ในฐานะที่เป็นหมอ จะไม่ช่วยก็ไม่ได้

 

 

ประธานเชี่ยนทิ้งโจทย์ยากๆให้เธอ ต้าอีรู้สึกเคว้งมากตอนนี้

 

 

“ฉันเคยถามพี่รองอ้อมๆ แต่ฉันไม่ได้บอกข้อมูลคนไข้นะ ก็แค่ถามเขา ว่าถ้าคนเลวมาให้ฉันรักษาฉันควรทำไง”

 

 

“พี่รองตอบว่าไง”

 

 

“เขาตอบว่า…ให้ฉันจัดการเอาเอง”

 

 

“อุ๊บ” เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ สมกับเป็นอวี๋หมิงอี้จริงๆ

 

 

“พวกเธอไม่ช่วยฉันเลย ฉันปวดหัวมาก” ต้าอีไม่เคยเจอเรื่องที่คิดไม่ตกแบบนี้ จรรยาบรรณแพทย์กับเรื่องศีลธรรมเมื่อมาอยู่ด้วยกันเธอควรจัดการไงดี นี่เป็นก้าวที่สำคัญมากสำหรับมือใหม่

 

 

เหมือนกับที่ประธานเชี่ยนคาดการณ์ไว้ ตอนนี้ต้าอีเจอทางตัน

 

 

“ต่อไปเธอต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้วยตัวเองแล้วนะ มีปัญหาสารพันให้ต้องแก้ เรื่องแค่นี้ล้มเธอไม่ได้หรอก ไปคิดเองเถอะ อันที่จริงพี่รองก็ให้คำตอบเธอไว้แล้วนะ เรื่องพวกนี้คนนอกอย่างพวกเราคงให้คำอธิบายอย่างละเอียดกับเธอไม่ได้ เธอลองไปหาทางเอานะ”

 

 

“…” เสี่ยวเชี่ยนยิ่งพูด ต้าอียิ่งเคว้ง พี่รองบอกคำตอบมาแล้วเหรอ อะไรอะ

 

 

 

 

 

 

[1] อาการทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวประกันหรือเชลยที่ถูกจับตัวไป และได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนร้ายในสถานที่อันจำกัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 798 ประธานเชี่ยนให้โจทย์ยาก

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 798 ประธานเชี่ยนให้โจทย์ยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เพราะฉันเห็นสีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนั้นปกติมาก ไม่เหมือนคนติดยา คนติดการพนันก็คงไม่แต่งตัวเป็นทางการแบบนั้น เนื้อตัวไม่มีกลิ่นเหล้าก็คงไม่ใช่ขี้เมา ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่จะทำให้เธอพูดแบบนั้นออกมาได้ก็คงเป็นการใช้ความรุนแรงในครอบครัว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดออกมาทันทีว่าให้สู้กลับ ต้าอีจึงคิดว่าสองคนนั้นน่าจะมีปัญหาที่ใหญ่พอสมควร สำหรับชีวิตคู่ปัญหาที่พบบ่อยก็มียาเสพติด การพนัน แล้วก็การใช้ความรุนแรงในครอบครัว

 

 

“ใช้ได้นี่ พูดได้ดีมาก เธอยังละเอียดได้กว่านี้ มีความมั่นใจได้มากขึ้นอีก ตอนที่เขาคุยโทรศัพท์ยังได้จงใจบอกด้วยว่ามาคนเดียว ไม่ได้อยู่กับใคร ก็แสดงว่าสามีของเขาควบคุมทุกการเคลื่อนไหว และขอบตาของเขาก็มีบาดแผล สามีของเขาพอมาถึงสิ่งแรกที่ทำคือดูว่ารอบตัวมีผู้ชายคนไหนหรือเปล่า ถึงเขาจะทำตัวมีมารยาทมาก แต่สายตากับบุคลิกยากที่จะปกปิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรง ความเป็นไปได้ที่จะใช้ความรุนแรงในครอบครัวคือ90%”

 

 

ต้าอีกพยักหน้า อันที่จริงเธอก็คิดแบบนี้ แต่ไม่ได้ไวเท่าประธานเชี่ยน

 

 

“ยี่สิบกับสองพันแตกต่างกันเยอะจริง” ต้าอีพูดจากใจ เธอรู้สึกนับถือท่าทางใจเย็น คำพูดมีพลังของเสี่ยวเชี่ยนเวลาที่เจอกับคนไข้ เธอพยายามจะฝึกแล้วก็ยังไม่ได้ผลเท่าไร ต้าอีคิดว่าหมอควรมีบุคลิกแบบเสี่ยวเชี่ยน ผู้ป่วยเจอหมอแบบนี้ก็จะมีความเชื่อมั่น

 

 

“ทุกคนเริ่มต้นที่ยี่สิบหมดแหละ เธอพยายามเข้ายังไงสักวันก็ต้องมาถึงจุดนี้ ตอนนี้เธอเหมาะกับจัดการเคสแบบนี้มาก ค่อยเป็นค่อยไปสั่งสมประสบการณ์”

 

 

“แต่เขาบอกแล้วว่าจะไม่มาหาฉัน”

 

 

“รอเขาโดนซ้อมครั้งหน้าก็จะไปหาเธอเอง ถึงตอนนั้นควรรักษายังไงเธอคงมีคำตอบในใจแล้ว จำไว้นะ รับมือกับผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่าถามพวกเขาว่าทำไมไม่หย่า”

 

 

“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” มีเทศกิจคนหนึ่งได้ยินเข้าจึงถามด้วยความอยากรู้ ถูกใช้ความรุนแรงแบบนั้นทำไมถึงถามไม่ได้ว่าทำไมไม่หย่ากับผู้ชายเลวๆ

 

 

“สาเหตุที่ถูกใช้ความรุนแรงมีมากมาย วิธีจัดการของแต่ละคนก็ต่างกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไม่เลิกราไม่ใช่เพราะสาเหตุทางด้านจิตใจเพียงอย่างเดียว ยังมีสาเหตุจากอาการป่วยด้วย ถ้าผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวมีภาวะถูกกดดันจนต้องฆ่า หากไม่ได้รับการรักษาให้หายก่อนเขาก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตโดยลำพังได้ จะกลายเป็นเรื่องโศกนาฏกรรมได้ง่าย คุณลองไปดูในคุกหญิงก็ได้ นักโทษหญิงที่ฆ่าสามีมีกี่คนที่เป็นอย่างที่ฉันพูด หรือจะไปลองดูคุกชายว่านักโทษชายที่ฆ่าภรรยาตัวเองก็มีความเป็นไปได้อย่างที่ฉันบอก มีผู้หญิงบางส่วนที่ไม่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเพียงลำพังได้เลย คุณให้เขาหย่าเขาจะรู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม ถ้าไม่รักษาจะยิ่งแย่กว่าเดิม”

 

 

เมื่อถูกกดดันจนถึงระดับที่ระเบิดออกมา ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงฆ่าผู้ชายก็ผู้ชายที่ชอบใช้ความรุนแรงทนไม่ไหวอยากจะไปเลยต้องฆ่าผู้หญิงทิ้งเสีย ดังนั้นคำถามที่มองดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรอย่างเช่นทำไมไม่หย่าจึงไม่ใช่คำถามที่จิตแพทย์มืออาชีพควรถาม

 

 

เทศกิจคนนั้นไม่ค่อยเข้าใจคำอธิบายของเสี่ยวเชี่ยน เขารู้สึกว่ามันซับซ้อน

 

 

“ยามที่เรื่องไม่ได้เกิดกับตัวคุณเองก็อย่าคิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องแล้วพูดออกมาได้หน้าตาเฉย ถ้าช่วยเขาแก้ปัญหาไม่ได้ก็อย่าถามดีกว่าว่าทำไมไม่หย่า มีแค่การทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ ช่วยหาวิธีรับมือที่ถูกต้องทำให้เขากลับมาเป็นตัวเองได้อีกครั้ง ถึงตอนนั้นจะหย่าหรือจะอะไรก็ดูไปตามสถานการณ์ แบบนี้ถึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว”

 

 

การใช้ความรุนแรงในครอบครัวพบได้มากในสังคม ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่ซับซ้อนมากมาย แผนรับมือของจิตแพทย์แต่ละคนที่มีต่อผู้เข้ารับคำปรึกษาที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัวหรือถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวนั้นไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นแผนไหนล้วนไม่ปรากฏการตำหนิว่าทำไมไม่หย่า

 

 

ถึงในสายตาหลายคนจะรู้สึกว่าการถูกใช้ความรุนแรงแล้วไม่หย่าเป็นเรื่องที่น่าสมเพช แต่ทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง คนเหล่านั้นไม่มีทางรู้หรอกว่า การที่ไม่หย่าอาจเป็นเพราะถูกสามีข่มขู่ว่าถ้าไปจะฆ่าให้ตาย ฆ่าทั้งครอบครัว หรืออาจจะทนเพื่อลูก ไม่อยากทิ้งลูกไป หรือก็อาจเป็นอย่างที่เสี่ยวเชี่ยนพูดที่เกิดจากอาการป่วย ถูกใช้ความรุนแรงจนชินกลายเป็นวัฏจักร คล้ายๆกับอาการสตอกโฮล์มซินโดรม[1]

 

 

และถ้าปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้องต่อให้หย่าไปแล้วก็ยังคงโดนตามไปใช้ความรุนแรงอีก มีหลายเคสที่ผู้หญิงหย่าเพราะถูกใช้ความรุนแรง แต่ก็ยังโดนสามีเก่าตามรังควาน

 

 

หรือผู้หญิงบางคนไม่หย่า แต่กลับถูกสังคมประณาม สังคมสมัยนี้ยังไม่เปิดกว้างสำหรับผู้หญิงที่หย่าร้างนัก ถ้าใครหย่าก็จะถูกคนรอบตัวเอาไปนินทาลับหลัง ต่อให้ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้หญิงก็ยังถูกนินทาอยู่ดี

 

 

ตอนที่เรื่องไม่ได้เกิดกับตัวเองแล้วเอาไปพูดเหมือนรู้ดี เคยคิดบ้างไหมว่าการกระทำของตัวเองกลายเป็นดาบที่ทิ่มแทงคนอื่น

 

 

เสี่ยวเชี่ยนให้คำแนะนำกับต้าอี ถ้าเจอเคสแนวๆนี้ควรจัดการอย่างไร ต้าอีจดบันทึกอย่างจริงจัง

 

 

หลังจากพูดเรื่องความรุนแรงในครอบครัวจบประธานเชี่ยนก็นึกเรื่องหนึ่งออก

 

 

“ตอนที่เธอฝึกงานในโรงพยาบาลกลางได้เจอคนที่ฉันเคยพูดถึงไหม”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหมายถึงเย่ต้าเชียน และนี่ก็เป็นการบ้านที่เธอมอบหมายให้ต้าอีไป

 

 

ทั้งสองคนคุยกันพลางเดินไปยังห้องรับรองของสำนักงาน พวกเธอเดินรั้งท้าย คุยกันเสียงไม่ดัง แต่ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งจงใจเดินช้าลง พยายามเงี่ยหูฟังว่าเสี่ยวเชี่ยนกับต้าอีคุยอะไรกัน

 

 

“เมื่อวานฉันไปเจอมาแล้ว เขามีภาวะผิดปกติทางจิตใจจากเหตุการณ์รุนแรง ฝันว่าถูกหมากัดบ่อยๆ”

 

 

“เธอมีความคิดเห็นว่าไง” เสี่ยวเชี่ยนถาม

 

 

“โรคไม่ได้ยาก แต่ที่ยากคือความขัดแย้งในใจฉัน ด้านหนึ่งฉันเกิดความรู้สึกไม่พอใจในเรื่องที่เขาทำ ส่วนอีกด้านฉันเป็นหมอ เขาเป็นคนไข้ของฉัน ฉันจะไม่สนใจเขาก็ไม่ได้ ฉันควรทำไงดีประธานเชี่ยน”

 

 

เมื่อก่อนเวลามีเรื่องอะไรประธานเชี่ยนก็ช่วยจัดการได้ตลอด เวลาต้าอีมีปัญหาจึงนึกถึงประธานเชี่ยน

 

 

“เคสเย่ต้าเชียนฉันมอบให้เธอจัดการเอง ฉันจะไม่แนะนำอะไรทั้งนั้น ขอให้จำไว้ว่า ถ้าเธอปิดเคสนี้ได้ ต่อไปเธอก็เป็นจิตแพทย์ที่ผ่านเกณฑ์ได้”

 

 

จิตแพทย์ต้องมีจรรยาบรรณ ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร เคยทำอะไรมา เลวร้ายเพียงใด เมื่อมาอยู่ตรงหน้าจิตแพทย์ก็ต้องพยายามรักษาอย่างเต็มที่—นี่คือความคิดของต้าอีก่อนที่จะไปเจอเย่ต้าเชียน แต่หลังจากที่เจอเย่ต้าเชียนแล้ว ต้าอีทั้งสงสารทั้งโกรธคนที่เลวร้ายแบบนี้ ในฐานะคนปกติที่รู้จักผิดชอบชั่วดี เธอไม่พอใจมากที่เย่ต้าเชียนทำพฤติกรรมเลวร้ายต่อเด็กผู้หญิง แต่ในฐานะที่เป็นหมอ จะไม่ช่วยก็ไม่ได้

 

 

ประธานเชี่ยนทิ้งโจทย์ยากๆให้เธอ ต้าอีรู้สึกเคว้งมากตอนนี้

 

 

“ฉันเคยถามพี่รองอ้อมๆ แต่ฉันไม่ได้บอกข้อมูลคนไข้นะ ก็แค่ถามเขา ว่าถ้าคนเลวมาให้ฉันรักษาฉันควรทำไง”

 

 

“พี่รองตอบว่าไง”

 

 

“เขาตอบว่า…ให้ฉันจัดการเอาเอง”

 

 

“อุ๊บ” เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ สมกับเป็นอวี๋หมิงอี้จริงๆ

 

 

“พวกเธอไม่ช่วยฉันเลย ฉันปวดหัวมาก” ต้าอีไม่เคยเจอเรื่องที่คิดไม่ตกแบบนี้ จรรยาบรรณแพทย์กับเรื่องศีลธรรมเมื่อมาอยู่ด้วยกันเธอควรจัดการไงดี นี่เป็นก้าวที่สำคัญมากสำหรับมือใหม่

 

 

เหมือนกับที่ประธานเชี่ยนคาดการณ์ไว้ ตอนนี้ต้าอีเจอทางตัน

 

 

“ต่อไปเธอต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้วยตัวเองแล้วนะ มีปัญหาสารพันให้ต้องแก้ เรื่องแค่นี้ล้มเธอไม่ได้หรอก ไปคิดเองเถอะ อันที่จริงพี่รองก็ให้คำตอบเธอไว้แล้วนะ เรื่องพวกนี้คนนอกอย่างพวกเราคงให้คำอธิบายอย่างละเอียดกับเธอไม่ได้ เธอลองไปหาทางเอานะ”

 

 

“…” เสี่ยวเชี่ยนยิ่งพูด ต้าอียิ่งเคว้ง พี่รองบอกคำตอบมาแล้วเหรอ อะไรอะ

 

 

 

 

 

 

[1] อาการทางจิตที่เกิดขึ้นกับตัวประกันหรือเชลยที่ถูกจับตัวไป และได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนร้ายในสถานที่อันจำกัดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+