แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 830 สวรรค์ยุติธรรม

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 830 สวรรค์ยุติธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 830 สวรรค์ยุติธรรม

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเฉียงยังอยู่ในช่วงถูกลดตำแหน่ง ไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตอนนี้เขาอยู่กับเธอตลอดเวลา เสี่ยวเชี่ยนจึงยากที่จะดำเนินแผนขั้นต่อไปได้

 

 

ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากห้องรับแขก ดูเหมือนพลโทอวี๋กับอวี๋หมิงหลางจะทะเลาะกัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่รีบออกไป พลโทอวี๋กำลังกระหน่ำตีอวี๋หมิงหลาง

 

 

“แกคิดจะขัดคำสั่งเหรอ? ทหารต้องยึดเอาคำสั่งเป็นที่ตั้ง แกไปตอนนี้ก็เหมาะแล้วไม่ใช่หรือไง?”

 

 

อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนแล้วเม้มปากแน่น เขาไม่พูดอะไรยอมให้พ่อตบตี

 

 

“เกิดอะไรขึ้นครับ?” พี่ใหญ่รีบเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์

 

 

“เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนทหารเก่า ประเทศEส่งมือสไนเปอร์มาสองคนต้องการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับทางเราหนึ่งสัปดาห์ เบื้องบนต้องการให้อวี๋หมิงหลางไป”

 

 

เอ๋? เสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่มองหน้ากัน กำลังกลุ้มอยู่พอดีว่าจะหาทางกันอวี๋หมิงหลางออกยังไง กลับมีเรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้น? แต่เรื่องนี้ทำไมแปลกประหลาดแบบนี้?

 

 

“นี่เป็นงานแลกเปลี่ยนความรู้ทางการทหารครั้งแรกนับตั้งแต่สร้างความสัมพันธ์ทางการทูต เบื้องบนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเล็กเคยไปเข้าร่วมแคมป์ฝึกรบในต่างประเทศ เคยรู้จักกับคนในนั้นอยู่ ทางนั้นจึงกำหนดชื่อมาว่าขอให้เจ้าเล็กไป หึ ไอ้พวกประเทศนักลงทุนแบบนี้ต่อให้ฝึกอีกกี่ปีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประเทศเรา” พลโทอวี๋ภูมิใจในประเทศตัวเองมาก

 

 

อวี๋หมิงหลางหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนทหารไม่นานได้ถูกส่งไปเข้าร่วมแคมป์ฝึกหน่วยรบพิเศษในต่างประเทศ ด้วยความที่มีพรสวรรค์เรื่องสไนเปอร์ทำให้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แถมยังได้รับตรารางวัลเทพแห่งการรบอันล้ำค่ามาด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าไวมาก

 

 

และทหารต่างชาติสองคนที่มาในครั้งนี้ มีคนหนึ่งที่แพ้อวี๋หมิงหลางในตอนนั้น พอกลับไปก็ฝึกซ้อมอย่างหนักแล้วได้มาอีกครั้ง หวังจะกู้ศักดิ์ศรีคืนในครั้งนี้

 

 

เรื่องนี้มาได้ประจวบเหมาะพอดี เบื้องบนกำลังเตรียมยึดตำแหน่งรักษาการหัวหน้าใหญ่ของอวี๋หมิงหลาง เอกสารยังไม่ทันเสร็จ ประเทศEก็ส่งข่าวนี้มา บอกว่าอยากให้การแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งนี้มีทหารที่ได้รับตราเกียรติยศเทพแห่งการรบในครั้งนั้นมาเข้าร่วมด้วย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยายามนึก ดูเหมือนในความทรงจำเธอจะเคยได้ยินเรื่องงานแลกเปลี่ยนความรู้นี้ ช่องข่าวทหารเหมือนเคยมีภาพกิจกรรมที่กลายเป็นคลาสนานาชาตินี้ ตอนนั้นทหารในประเทศที่อยู่ในคลิปข่าวถูกเบลอหน้าเอาไว้ เนื่องจากไม่อาจเปิดเผยสถานะตัวตนของทหารได้ นึกไม่ถึงว่าในนั้นจะมีอวี๋หมิงหลางด้วย

 

 

พอลองนับเวลาดูก็ประมาณช่วงนี้นี่แหละ เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่าเวลานี้เมื่อชาติก่อนเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแล้วเธอเห็นข่าวเข้าพอดี ปกติเธอไม่ดูข่าวทหารแต่ตอนนั้นกลับดูจนจบ เธอยังจำได้ว่ามีทหารคนหนึ่งที่เทพเรื่องปืนมาก ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น…อ๋า ที่แท้ก็อวี๋หมิงหลาง

 

 

เธอกับเขาเมื่อชาติก่อนเคยเดินเฉียดกันไปมากี่ครั้งกันนะ? ที่แท้ก็มีหลายครั้งที่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนั้น

 

 

“แกรีบไปเก็บของแล้วไปเข้าร่วมเลยนะ ถ้าแพ้ก็หิ้วหัวกลับมาให้ฉัน” พลโทอวี๋ชี้หน้าอวี๋หมิงหลาง แต่สายตาของอวี๋หมิงหลางกลับมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างเจ็บปวด

 

 

เมียเขาเพิ่งเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเขาไปมันจะเหมาะเหรอ?

 

 

คำสั่งทหารยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาจะขัดไม่ได้ แต่ใครจะดูแลเสียวเหม่ยของเขา?

 

 

ดอกไม้บานเต็มทุ่งในหัวใจเสี่ยวเชี่ยน เรื่องดีๆแบบนี้ถ้าปฏิเสธไม่เท่ากับสมองมีปัญหาเหรอ?

 

 

เธอรีบลากอวี๋หมิงหลางเข้าห้อง จากนั้นก็ขยับปากพูดเรื่องหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเขาส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลครอบครัวอยู่บ้าน ทุกอย่างล้วนพูดเพื่อให้กำลังใจเขา

 

 

ความหมายของเสี่ยวเชี่ยนคือ ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวก็มีคนในครอบครัวมาดูแลเธอ ให้เขารับคำสั่งแล้วไปแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยม จะได้ถือเป็นการชดเชยให้กับเรื่องนี้ด้วย คำพูดของเธอทำให้อวี๋หมิงหลางหวั่นไหว

 

 

ถ้าเขาต้องมาถูกลดตำแหน่งเพราะเธอ เธอจะรู้สึกผิดในใจ ถ้าจิตใจเธอมีเรื่องกังวลอาการก็จะแย่ ลูกผู้ชายที่ตั้งมั่นในปณิธานถ้ามาทำประเทศชาติเสียเรื่องเพียงเพราะคนรัก ไม่เท่ากับไม่รู้จักแยกแยะ เธอไม่กลายเป็นตัวหายนะหรอกเหรอ?

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเพราะคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน เขายิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้น เสียวเหม่ยบอกว่าขอแค่เขาได้ที่หนึ่งมาหัวใจเธอก็จะเป็นสุข อวี๋หมิงหลางตัดสินใจจะไปเพื่อเธอคนนี้ เขาจะต้องเอาที่หนึ่งอันทรงเกียรติกลับมาให้ได้

 

 

เขาไม่ได้แคร์เรื่องชดเชยไม่ชดเชย เขาคิดแค่ว่าอยากให้เธอสบายใจ

 

 

พออวี๋หมิงหลางไปปุ๊บเสี่ยวเชี่ยนก็จัดการตามแผนทันที พี่ใหญ่สืบข้อมูลมาได้ไวมาก รวมถึงบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ของครอบครัวคนบ้านั่น พอสืบก็ได้เรื่อง

 

 

คืนวันที่เสี่ยวเชี่ยนค้างบ้านหลิวเหมย ครอบครัวคนบ้าได้รับสายที่โทรมาจากเมืองหลิน ระยะเวลาการคุยสิบห้านาทีเต็มๆ เสี่ยวเชี่ยนให้พี่ใหญ่ไปสืบเบอร์นั้น เป็นเบอร์บ้าน และชื่อที่ใช้ลงทะเบียนเบอร์นั้นเป็นชื่อที่เสี่ยวเชี่ยนคุ้นเคยดีด้วย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคิดไว้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่ครอบครัวนั้นจะย้ายโรงพยาบาลโดยไม่มีสาเหตุ จะต้องมีเหตุผลแน่นอน เธอจึงให้พี่ใหญ่ไปสืบมาให้หมด ปรากฏว่าสืบไปสืบมาก็สืบได้ว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเวยเวย

 

 

ผู้อำนวยการเคยลงทะเบียนคนไข้ไว้ ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยชื่อนี้มาก แค่ฟังก็จำได้ทันที

 

 

ผู้อำนวยการเป็นคนเมืองหลิน พ่อแม่คนบ้าเป็นคนในเขตอำเภอบ้านนอก ปกติไม่น่ามีอะไรมาเชื่อมโยงกันได้ แล้วทำไมคุยกันตั้งสิบห้านาที?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตั้งข้อสมมติมากมาย สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า คนพวกนี้ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน คงมีแค่วันนั้นที่พวกเขาจะได้รู้จักกันตอนอยู่โรงพยาบาล และถ้าดูจากสถานการณ์ก่อนหน้านั้นที่ท่าทางของผู้อำนวยการผิดปกติ เสี่ยวเชี่ยนก็จับต้นชนปลายได้แล้ว

 

 

หึหึ…ผู้อำนวยการคิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าคนสินะ?

 

 

เรื่องนี้เธอเชื่อว่าถ้าอวี๋หมิงหลางไม่ได้รับภารกิจเขาเองก็ต้องสืบได้อย่างไวเช่นกัน จากนิสัยของเสี่ยวเฉียง เสี่ยวเชี่ยนเดาว่าเขาจะต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดแน่ ดีแล้วที่กันเขาออกไปได้

 

 

ผู้อำนวยการที่คิดว่าตัวเองทำได้แนบเนียนอย่างไม่มีช่องโหว่ไม่มีทางรู้เลยว่า เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาไม่ถึงวันก็สืบเรื่องนี้ได้แล้ว ผู้อำนวยการยังนั่งฉลองที่บ้านอยู่เลย

 

 

หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนสืบเรื่องทั้งหมดได้แล้วในใจเธอก็มีแผน เธอให้พี่ใหญ่ไปติดต่อเส้นสายในโรงพยาบาลเอกชนก่อน จากนั้นก็เชิญพ่ออวี๋แม่อวี๋กลับบ้าน

 

 

ขอแค่คนแก่สองคนนี้ไม่อยู่เธอก็จะทำทุกอย่างสะดวก แก้แค้นครอบครัวประหลาดนั่นได้อย่างเต็มที่

 

 

แม่อวี๋ดูแลเสี่ยวเชี่ยนอยู่สองวันก็เห็นว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อีกทั้งยังพูดได้ เพียงแต่เสียงจะแหบๆหน่อย เดิมคิดจะอยู่ยาวรอจนอวี๋หมิงหลางกลับมาจากเข้าร่วมกิจกรรม แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับขอร้องให้แม่อวี๋ไปช่วยจัดการเรื่องจัดงานแต่งงาน โดยบอกว่าตัวเองมีงานที่ต้องสะสางในมหาวิทยาลัยทำให้ไปไม่ได้ ถ้าแม่อวี๋ไม่กลับไปทำให้รอเธอกลับไปตอนปิดเทอมได้วุ่นวายแน่

 

 

แม่อวี๋คิดๆดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เห็นเสี่ยวเชี่ยนไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆจึงไม่อยู่ต่อแล้ว

 

 

พอแม่อวี๋กลับเสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มกลิ้งไปมาบนเตียง ตอนนี้เหลือแค่ต้าอีอยู่กับเธอ พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนอยู่ๆก็มีท่าทางแบบนี้ต้าอีก็ตกใจหน้าซีด ขณะที่กำลังคิดจะโทรหาแม่สามีเสี่ยวเชี่ยนก็ลุกขึ้นมานั่ง

 

 

“ห้ามโทรนะ”

 

 

“ประธานเชี่ยน…เธอ…” ต้าอีไม่เข้าใจ นี่มาไม้ไหนเนี่ย?

 

 

“ฉันปวดไปทั้งตัวเลย ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ” เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาให้ ต้าอีอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนมาตั้งหลายปี พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดว่าปวดไปทั้งตัวก็รู้เลยว่าประธานเชี่ยนแกล้งป่วย แต่ประเด็นคือ แกล้งป่วยทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 830 สวรรค์ยุติธรรม

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 830 สวรรค์ยุติธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 830 สวรรค์ยุติธรรม

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเฉียงยังอยู่ในช่วงถูกลดตำแหน่ง ไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ตอนนี้เขาอยู่กับเธอตลอดเวลา เสี่ยวเชี่ยนจึงยากที่จะดำเนินแผนขั้นต่อไปได้

 

 

ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากห้องรับแขก ดูเหมือนพลโทอวี๋กับอวี๋หมิงหลางจะทะเลาะกัน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่รีบออกไป พลโทอวี๋กำลังกระหน่ำตีอวี๋หมิงหลาง

 

 

“แกคิดจะขัดคำสั่งเหรอ? ทหารต้องยึดเอาคำสั่งเป็นที่ตั้ง แกไปตอนนี้ก็เหมาะแล้วไม่ใช่หรือไง?”

 

 

อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยนแล้วเม้มปากแน่น เขาไม่พูดอะไรยอมให้พ่อตบตี

 

 

“เกิดอะไรขึ้นครับ?” พี่ใหญ่รีบเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์

 

 

“เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนทหารเก่า ประเทศEส่งมือสไนเปอร์มาสองคนต้องการเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้กับทางเราหนึ่งสัปดาห์ เบื้องบนต้องการให้อวี๋หมิงหลางไป”

 

 

เอ๋? เสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่มองหน้ากัน กำลังกลุ้มอยู่พอดีว่าจะหาทางกันอวี๋หมิงหลางออกยังไง กลับมีเรื่องดีๆแบบนี้เกิดขึ้น? แต่เรื่องนี้ทำไมแปลกประหลาดแบบนี้?

 

 

“นี่เป็นงานแลกเปลี่ยนความรู้ทางการทหารครั้งแรกนับตั้งแต่สร้างความสัมพันธ์ทางการทูต เบื้องบนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเล็กเคยไปเข้าร่วมแคมป์ฝึกรบในต่างประเทศ เคยรู้จักกับคนในนั้นอยู่ ทางนั้นจึงกำหนดชื่อมาว่าขอให้เจ้าเล็กไป หึ ไอ้พวกประเทศนักลงทุนแบบนี้ต่อให้ฝึกอีกกี่ปีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประเทศเรา” พลโทอวี๋ภูมิใจในประเทศตัวเองมาก

 

 

อวี๋หมิงหลางหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนทหารไม่นานได้ถูกส่งไปเข้าร่วมแคมป์ฝึกหน่วยรบพิเศษในต่างประเทศ ด้วยความที่มีพรสวรรค์เรื่องสไนเปอร์ทำให้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แถมยังได้รับตรารางวัลเทพแห่งการรบอันล้ำค่ามาด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าไวมาก

 

 

และทหารต่างชาติสองคนที่มาในครั้งนี้ มีคนหนึ่งที่แพ้อวี๋หมิงหลางในตอนนั้น พอกลับไปก็ฝึกซ้อมอย่างหนักแล้วได้มาอีกครั้ง หวังจะกู้ศักดิ์ศรีคืนในครั้งนี้

 

 

เรื่องนี้มาได้ประจวบเหมาะพอดี เบื้องบนกำลังเตรียมยึดตำแหน่งรักษาการหัวหน้าใหญ่ของอวี๋หมิงหลาง เอกสารยังไม่ทันเสร็จ ประเทศEก็ส่งข่าวนี้มา บอกว่าอยากให้การแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งนี้มีทหารที่ได้รับตราเกียรติยศเทพแห่งการรบในครั้งนั้นมาเข้าร่วมด้วย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยายามนึก ดูเหมือนในความทรงจำเธอจะเคยได้ยินเรื่องงานแลกเปลี่ยนความรู้นี้ ช่องข่าวทหารเหมือนเคยมีภาพกิจกรรมที่กลายเป็นคลาสนานาชาตินี้ ตอนนั้นทหารในประเทศที่อยู่ในคลิปข่าวถูกเบลอหน้าเอาไว้ เนื่องจากไม่อาจเปิดเผยสถานะตัวตนของทหารได้ นึกไม่ถึงว่าในนั้นจะมีอวี๋หมิงหลางด้วย

 

 

พอลองนับเวลาดูก็ประมาณช่วงนี้นี่แหละ เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่าเวลานี้เมื่อชาติก่อนเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแล้วเธอเห็นข่าวเข้าพอดี ปกติเธอไม่ดูข่าวทหารแต่ตอนนั้นกลับดูจนจบ เธอยังจำได้ว่ามีทหารคนหนึ่งที่เทพเรื่องปืนมาก ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น…อ๋า ที่แท้ก็อวี๋หมิงหลาง

 

 

เธอกับเขาเมื่อชาติก่อนเคยเดินเฉียดกันไปมากี่ครั้งกันนะ? ที่แท้ก็มีหลายครั้งที่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนั้น

 

 

“แกรีบไปเก็บของแล้วไปเข้าร่วมเลยนะ ถ้าแพ้ก็หิ้วหัวกลับมาให้ฉัน” พลโทอวี๋ชี้หน้าอวี๋หมิงหลาง แต่สายตาของอวี๋หมิงหลางกลับมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างเจ็บปวด

 

 

เมียเขาเพิ่งเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเขาไปมันจะเหมาะเหรอ?

 

 

คำสั่งทหารยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาจะขัดไม่ได้ แต่ใครจะดูแลเสียวเหม่ยของเขา?

 

 

ดอกไม้บานเต็มทุ่งในหัวใจเสี่ยวเชี่ยน เรื่องดีๆแบบนี้ถ้าปฏิเสธไม่เท่ากับสมองมีปัญหาเหรอ?

 

 

เธอรีบลากอวี๋หมิงหลางเข้าห้อง จากนั้นก็ขยับปากพูดเรื่องหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเขาส่วนเธอมีหน้าที่ดูแลครอบครัวอยู่บ้าน ทุกอย่างล้วนพูดเพื่อให้กำลังใจเขา

 

 

ความหมายของเสี่ยวเชี่ยนคือ ตอนนี้เธอไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวก็มีคนในครอบครัวมาดูแลเธอ ให้เขารับคำสั่งแล้วไปแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยม จะได้ถือเป็นการชดเชยให้กับเรื่องนี้ด้วย คำพูดของเธอทำให้อวี๋หมิงหลางหวั่นไหว

 

 

ถ้าเขาต้องมาถูกลดตำแหน่งเพราะเธอ เธอจะรู้สึกผิดในใจ ถ้าจิตใจเธอมีเรื่องกังวลอาการก็จะแย่ ลูกผู้ชายที่ตั้งมั่นในปณิธานถ้ามาทำประเทศชาติเสียเรื่องเพียงเพราะคนรัก ไม่เท่ากับไม่รู้จักแยกแยะ เธอไม่กลายเป็นตัวหายนะหรอกเหรอ?

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันทีเพราะคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน เขายิ่งรู้สึกรักเธอมากขึ้น เสียวเหม่ยบอกว่าขอแค่เขาได้ที่หนึ่งมาหัวใจเธอก็จะเป็นสุข อวี๋หมิงหลางตัดสินใจจะไปเพื่อเธอคนนี้ เขาจะต้องเอาที่หนึ่งอันทรงเกียรติกลับมาให้ได้

 

 

เขาไม่ได้แคร์เรื่องชดเชยไม่ชดเชย เขาคิดแค่ว่าอยากให้เธอสบายใจ

 

 

พออวี๋หมิงหลางไปปุ๊บเสี่ยวเชี่ยนก็จัดการตามแผนทันที พี่ใหญ่สืบข้อมูลมาได้ไวมาก รวมถึงบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ของครอบครัวคนบ้านั่น พอสืบก็ได้เรื่อง

 

 

คืนวันที่เสี่ยวเชี่ยนค้างบ้านหลิวเหมย ครอบครัวคนบ้าได้รับสายที่โทรมาจากเมืองหลิน ระยะเวลาการคุยสิบห้านาทีเต็มๆ เสี่ยวเชี่ยนให้พี่ใหญ่ไปสืบเบอร์นั้น เป็นเบอร์บ้าน และชื่อที่ใช้ลงทะเบียนเบอร์นั้นเป็นชื่อที่เสี่ยวเชี่ยนคุ้นเคยดีด้วย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคิดไว้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่ครอบครัวนั้นจะย้ายโรงพยาบาลโดยไม่มีสาเหตุ จะต้องมีเหตุผลแน่นอน เธอจึงให้พี่ใหญ่ไปสืบมาให้หมด ปรากฏว่าสืบไปสืบมาก็สืบได้ว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเวยเวย

 

 

ผู้อำนวยการเคยลงทะเบียนคนไข้ไว้ ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยชื่อนี้มาก แค่ฟังก็จำได้ทันที

 

 

ผู้อำนวยการเป็นคนเมืองหลิน พ่อแม่คนบ้าเป็นคนในเขตอำเภอบ้านนอก ปกติไม่น่ามีอะไรมาเชื่อมโยงกันได้ แล้วทำไมคุยกันตั้งสิบห้านาที?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตั้งข้อสมมติมากมาย สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า คนพวกนี้ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน คงมีแค่วันนั้นที่พวกเขาจะได้รู้จักกันตอนอยู่โรงพยาบาล และถ้าดูจากสถานการณ์ก่อนหน้านั้นที่ท่าทางของผู้อำนวยการผิดปกติ เสี่ยวเชี่ยนก็จับต้นชนปลายได้แล้ว

 

 

หึหึ…ผู้อำนวยการคิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าคนสินะ?

 

 

เรื่องนี้เธอเชื่อว่าถ้าอวี๋หมิงหลางไม่ได้รับภารกิจเขาเองก็ต้องสืบได้อย่างไวเช่นกัน จากนิสัยของเสี่ยวเฉียง เสี่ยวเชี่ยนเดาว่าเขาจะต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดแน่ ดีแล้วที่กันเขาออกไปได้

 

 

ผู้อำนวยการที่คิดว่าตัวเองทำได้แนบเนียนอย่างไม่มีช่องโหว่ไม่มีทางรู้เลยว่า เสี่ยวเชี่ยนใช้เวลาไม่ถึงวันก็สืบเรื่องนี้ได้แล้ว ผู้อำนวยการยังนั่งฉลองที่บ้านอยู่เลย

 

 

หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนสืบเรื่องทั้งหมดได้แล้วในใจเธอก็มีแผน เธอให้พี่ใหญ่ไปติดต่อเส้นสายในโรงพยาบาลเอกชนก่อน จากนั้นก็เชิญพ่ออวี๋แม่อวี๋กลับบ้าน

 

 

ขอแค่คนแก่สองคนนี้ไม่อยู่เธอก็จะทำทุกอย่างสะดวก แก้แค้นครอบครัวประหลาดนั่นได้อย่างเต็มที่

 

 

แม่อวี๋ดูแลเสี่ยวเชี่ยนอยู่สองวันก็เห็นว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ อีกทั้งยังพูดได้ เพียงแต่เสียงจะแหบๆหน่อย เดิมคิดจะอยู่ยาวรอจนอวี๋หมิงหลางกลับมาจากเข้าร่วมกิจกรรม แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับขอร้องให้แม่อวี๋ไปช่วยจัดการเรื่องจัดงานแต่งงาน โดยบอกว่าตัวเองมีงานที่ต้องสะสางในมหาวิทยาลัยทำให้ไปไม่ได้ ถ้าแม่อวี๋ไม่กลับไปทำให้รอเธอกลับไปตอนปิดเทอมได้วุ่นวายแน่

 

 

แม่อวี๋คิดๆดูก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เห็นเสี่ยวเชี่ยนไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆจึงไม่อยู่ต่อแล้ว

 

 

พอแม่อวี๋กลับเสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มกลิ้งไปมาบนเตียง ตอนนี้เหลือแค่ต้าอีอยู่กับเธอ พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนอยู่ๆก็มีท่าทางแบบนี้ต้าอีก็ตกใจหน้าซีด ขณะที่กำลังคิดจะโทรหาแม่สามีเสี่ยวเชี่ยนก็ลุกขึ้นมานั่ง

 

 

“ห้ามโทรนะ”

 

 

“ประธานเชี่ยน…เธอ…” ต้าอีไม่เข้าใจ นี่มาไม้ไหนเนี่ย?

 

 

“ฉันปวดไปทั้งตัวเลย ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ” เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาให้ ต้าอีอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนมาตั้งหลายปี พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดว่าปวดไปทั้งตัวก็รู้เลยว่าประธานเชี่ยนแกล้งป่วย แต่ประเด็นคือ แกล้งป่วยทำไมต้องไปโรงพยาบาลด้วย?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+