แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 848 นานเท่าไร อีกนานเท่าไรกันแน่

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 848 นานเท่าไร อีกนานเท่าไรกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

“ฉิวฉิว พ่อป่วย พ่อคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานแล้ว ช่วยเป็นคนปกติให้พ่อได้ไหม? เรื่องในอดีตพ่อไม่ดีเอง กลับไปกับพ่อเถอะ ต่อให้พ่อต้องหมดตัวก็จะรักษาแกให้ได้”  

 

 

พ่อฉิวฉิวหลังจากที่สะเทือนใจเรื่องถูกหลอกก็ไม่พูดจาอวดดีแล้ว ทำสีหน้าขอร้องเห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ  

 

 

แสงไฟที่ส่องสว่างทำให้เห็นผมขาวของเขา ฉิวฉิวเห็นริ้วรอยบนใบหน้าของพ่อ เขารู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ แต่เรื่องฝังใจในวัยเด็ก ชีวิตที่ผิดเพี้ยน จะถูกยกโทษให้เพียงเพราะริ้วรอยแค่นี้เหรอ?  

 

 

“ป่วยเหรอ? ฮ่าๆๆ คิดว่าหลอกเด็กอยู่เหรอ? เคยได้ยินคำพูดหนึ่ง คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนเป็นพันปี แค่เรื่องแย่ๆที่พ่อเคยทำก็เพียงพอที่จะทำให้พ่ออายุยืนถึงหมื่นปีแล้ว”  

 

 

“แก” พ่อฉิวฉิวโมโหจนต้องเอามือจับหน้าอก  

 

 

คนที่อยู่ข้างตัวต้องรีบเข้าไปพยุง “อาสาม”  

 

 

“หึหึ เสแสร้ง ทำต่อสิ นอกจากวิธีพวกนี้แล้วพ่อยังเป็นอะไรอีก? พอเห็นเอาผมไม่อยู่ เพื่อนๆผมมากันเต็ม ใช้ไม้แข็งไม่ได้เลยใช้ไม้อ่อนสินะ? ไม่มีประโยชน์หรอก จะบอกให้นะ เซียวหมีชิวชาตินี้จะเป็นผู้ชายแน่แล้ว ต่อให้พ่อฆ่าผมให้ตายผมก็จะยังเป็นผู้ชายอยู่ดี”  

 

 

“แกมันเลอะเลือน” พ่อฉิวฉิวโมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เมื่อดูจากสีหน้าที่ซีดเผือด เหมือนคนเป็นโรคร้ายแรงจริงๆ  

 

 

“ที่เขาเลอะเลือนก็เพราะใครล่ะ? อาการกระบวนการรับรู้เรื่องเพศผิดปกติถ้าเกิดตอนที่ยังเป็นเด็กทำไมไม่พาเขาไปรักษาล่ะ? ทำไมยังคงกรอกความคิดที่ว่าเป็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงใส่หัวเขา? ตอนนี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าการที่ฉิวฉิวเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะใคร?”  

 

 

พ่อฉิวฉิวมองเสี่ยวเชี่ยน แล้วเอาความโกรธที่ถูกฉิวฉิวปฏิเสธไปลงกับเสี่ยวเชี่ยน “แกเป็นใครกัน”  

 

 

“ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน ฉันพูดกับคุณอย่างรับผิดชอบได้เลยว่า ฉิวฉิวเป็นแบบนี้เพราะคุณ”  

 

 

“แกเป็น…ผู้เชี่ยวชาญเหรอ?” พ่อฉิวฉิวยากที่จะเชื่อมโยงคำว่าผู้เชี่ยวชาญกับเสี่ยวเชี่ยนได้  

 

 

เพราะเสี่ยวเชี่ยนดูเด็กเกินไป  

 

 

“อาการของฉิวฉิวในตอนนี้ ไม่ใช่การที่ต้องมารักษาเขาเรื่องเบี่ยงเบนทางเพศหรือกระบวนการรับรู้เรื่องเพศที่ผิดปกติ แต่ควรมานั่งหาวิธีให้เขาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข ถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดของฉัน ไปถามผู้เชี่ยวชาญจากเมืองนอกถึงเคสคล้ายๆกันนี้เลยก็ได้ ว่าถ้ามาถึงขั้นแบบฉิวฉิวแล้ว มีหน่วยงานไหนบ้างที่สามารถทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงได้?”  

 

 

“ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเหรอ?” พ่อฉิวฉิวเชื่อมโยงฉิวฉิวที่ทำตัวเกเรชอบยั่วโมโหเขากับเรื่องฆ่าตัวตายไม่ได้  

 

 

“ความร่าเริงสดใสที่คุณเห็น ความเข้มแข็งที่คุณได้สัมผัส ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากการที่เขาผ่านความทุกข์ทรมานมาอย่างแสนสาหัส คุณเห็นเขาหัวเราะอย่างร่าเริง แต่ทุกครั้งเขาใช้กำลังของตัวเองทั้งหมดที่มี เขาไม่ขอร้องให้คนอื่นมาเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือก หวังแค่เพียงไม่ทำผิดต่อตัวเอง นอกจากต้องอดทนต่อสายตาแปลกๆของคนภายนอกแล้ว สิ่งที่เขาเจ็บปวดที่สุดก็คือความไม่เข้าใจของคนเป็นพ่อ”  

 

 

“เขาทำไม่ถูก มันไม่ถูก”  

 

 

“เขาเลือกไม่เหมือนคนปกติก็จริง แต่ถูกหรือไม่ถูกมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ คุณเป็นพ่อที่ล้มเหลวตั้งแต่แรก แล้วจะไปบังคับให้เขา ‘บรรลุผลสำเร็จ’ อย่างที่คุณต้องการได้ยังไง? ไปหาเคสที่คล้ายๆกันอ่านแล้วคุณจะเข้าใจว่าคุณทำเรื่องเลวร้ายไปมากแค่ไหน คนเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกตั้งแต่เกิดมา ต่อให้เป็นพ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์แย่งชิงอำนาจการตัดสินใจของเขา และก็ไม่มีสิทธิ์ให้ลูกทำอย่างที่ใจตัวเองต้องการ อย่าเอาความคิดที่ตัวเองคิดว่าดีไปยัดเยียดให้คนอื่น ถ้าคุณยังคิดไม่ได้อีกล่ะก็มีแต่จะบีบเขาให้เจอทางตัน”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็หันตัวเดินออก  

 

 

คนของเธอก็เดินตามเธอออกไป  

 

 

ฉิวฉิวไม่หันกลับไปมอง   

 

 

เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับชายแก่คนนี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่ความเกลียดชัง  

 

 

มีแค่ไป๋จิ่นเท่านั้นที่หันกลับไปมองบ่อยๆ  

 

 

เธอเห็นพ่อฉิวฉิวยืนอยู่ที่เดิม แต่ในสมองกลับนึกถึงแม่ตัวเองที่ร้องไห้ตีเธอ ร้องไห้บ่นเธอ  

 

 

พวกเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปซื้อตั๋วในสนามบินแล้วไปนั่งรอขึ้นเครื่อง ต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาบิน ฉิวฉิวหันไปคิดจะคุยกับไป๋จิ่น แต่กลับเห็นไป๋จิ่นที่ไม่รู้น้ำตานองหน้าตั้งแต่เมื่อไร  

 

 

“ร้องไห้ทำไม?”  

 

 

“ฉันนึกถึงแม่…ลูกหนัง ไม่ไปดูพ่อหน่อยจริงๆเหรอ? ฉันว่าเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนไม่แคร์นายนะ”  

 

 

“จะให้ผมไปดูเขาทำไม? ให้เขาจับผมไปขัง แล้วเอาไฟฟ้าช็อตเหรอ?” ทุกคนเห็นแต่พ่อเขาร้องไห้ มีใครบ้างที่เห็นฉิวฉิวต้องร้องไห้ในวัยเด็กมากแค่ไหนหลังจากถูกพ่อตี?  

 

 

“เขาบอกว่าเขาป่วย…”  

 

 

“เฮอะ คำพูดตาแก่นั่นคุณก็เชื่อเหรอ? มีแต่คำหลอกลวง ไม่เคยพูดจริงสักอย่าง คุณรู้ไหมว่าเขาจับผมกลับมายังไง? เขาสั่งให้คนมาบอกว่าเขาป่วย ผมก็เชื่อเลยกลับไปดู แล้วเป็นไง? คุณดมกลิ่นบนตัวผมสิ”  

 

 

ฉิวฉิวยื่นแขนให้ไป๋จิ่น วันๆให้กินแต่หม้อไฟซุปผักจนเหงื่อออก น้ำก็ไม่ให้อาบ  

 

 

“เห้อ…” ไป๋จิ่นถอนหายใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของฉิวฉิว แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนอ่อนไหวง่าย เลยรู้สึกสงสารพ่อฉิวฉิวตอนที่เห็นเขาเมื่อครู่  

 

 

“พวกเราทำอะไรผิดกันแน่ ทำไมสวรรค์ถึงได้ทำกับพวกเราแบบนี้…ทำไมพวกเราไม่เหมือนคนอื่น การที่พวกเราเป็นแบบคนอื่นไม่ได้พวกเราก็ทุกข์เหมือนกันนะ ฉันพยายามแล้วแต่ก็เอาชนะความทุกข์ในจิตใจไม่ได้ นานเท่าไร อีกนานเท่าไรพวกเราถึงจะมีความสุข อีกนานเท่าไรถึงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ทำไมความพยายามทุกอย่างมันถึงไม่มีประโยชน์ ทำไมพวกเราดูเป็นเนื้อร้ายในสายตาคนอื่น ทำไมญาติๆของพวกเราถึงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมฉันต้องมีชีวิตแบบนี้ด้วย”  

 

 

คนที่บาดเจ็บคือฉิวฉิว แต่คนที่พูดระบายความในใจกลับเป็นไป๋จิ่น  

 

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉิวฉิวก็เหมือนกับเธอ เธอเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ หัวใจที่อ่อนไหวง่ายของเธอทำให้เธอยากที่จะไม่คิดมาก เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน  

 

 

“ฉันเคยเยียวยาจิตใจให้ผู้พิการหลายคน รวมถึงคนที่เกิดอุบัติเหตุจนต้องกลายเป็นคนพิการอย่างกะทันหันด้วย พวกเขาก็เกิดความสงสัยเหมือนกับเธอ มักจะถามว่าทำไม ใช่ทำไมล่ะ? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสี่ยวเชี่ยนพูด  

 

 

ฉิวฉิวตบบ่าไป๋จิ่นอยากปลอบใจเธอ แต่ตอนที่ตบบ่าเธอเขาเองก็เจ็บปวดใจ  

 

 

“ความจริงอันโหดร้ายมักจะตรงข้ามกับสิ่งที่ปรารถนา คนดีใช่ว่าชีวิตจะสงบสุข ไม่มีใครรู้หรอกว่าวินาทีต่อไปใครจะซวย ฉันเคยเห็นคนที่เป็นเสาหลักของครอบครัวขยันขันแข็งทำงานหาเงินแต่กลับถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้ยืนขึ้นไม่ได้อีก ฉันยังเคยเห็นคนที่ซวยแบบไม่มีสัญญาณเตือนอีกมากมาย ฉันเคยสูญเสียสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตไป ซึ่งก่อนหน้านั้นฉันก็ไม่เคยทำร้ายใคร”  

 

 

สิ่งสำคัญที่เสี่ยวเชี่ยนพูดถึงก็คือความทุกข์จากการสูญเสียลูกสาว  

 

 

คนจิตใจดีใช่ว่าชีวิตจะราบรื่น นี่แหละชีวิตคนเรา  

 

 

“ฉันรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันโหดร้ายสำหรับพวกเธอ เพราะการทำร้ายจากโลกนี้มันเยอะมากจริงๆ ไม่มีความทุกข์ไหนที่จะรู้สึกได้แบบเดียวกันหรอก เอาพวกเธอไปเทียบกับคนอื่นก็ไม่ยุติธรรม ฉันไม่สามารถตัดสินได้ว่าแรงกดดันที่พวกเธอได้รับจากโลกภายนอกจะเบากว่าคนที่เขาสูญเสียแขนขา แต่ถ้าร่างกายต้องพิการแล้วยังเข้มแข็งอยู่ต่อไปได้แล้วพวกเธอมีเหตุผลอะไรที่จะล้มเลิกการตามหาความสุขเพียงเพราะตัวเองไม่เหมือนคนอื่นล่ะ? ฉิวฉิว เธอยังจำคำพูดของฉันตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม?”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 848 นานเท่าไร อีกนานเท่าไรกันแน่

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 848 นานเท่าไร อีกนานเท่าไรกันแน่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

“ฉิวฉิว พ่อป่วย พ่อคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นานแล้ว ช่วยเป็นคนปกติให้พ่อได้ไหม? เรื่องในอดีตพ่อไม่ดีเอง กลับไปกับพ่อเถอะ ต่อให้พ่อต้องหมดตัวก็จะรักษาแกให้ได้”  

 

 

พ่อฉิวฉิวหลังจากที่สะเทือนใจเรื่องถูกหลอกก็ไม่พูดจาอวดดีแล้ว ทำสีหน้าขอร้องเห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ  

 

 

แสงไฟที่ส่องสว่างทำให้เห็นผมขาวของเขา ฉิวฉิวเห็นริ้วรอยบนใบหน้าของพ่อ เขารู้สึกหวั่นไหวไปชั่วขณะ แต่เรื่องฝังใจในวัยเด็ก ชีวิตที่ผิดเพี้ยน จะถูกยกโทษให้เพียงเพราะริ้วรอยแค่นี้เหรอ?  

 

 

“ป่วยเหรอ? ฮ่าๆๆ คิดว่าหลอกเด็กอยู่เหรอ? เคยได้ยินคำพูดหนึ่ง คนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนเป็นพันปี แค่เรื่องแย่ๆที่พ่อเคยทำก็เพียงพอที่จะทำให้พ่ออายุยืนถึงหมื่นปีแล้ว”  

 

 

“แก” พ่อฉิวฉิวโมโหจนต้องเอามือจับหน้าอก  

 

 

คนที่อยู่ข้างตัวต้องรีบเข้าไปพยุง “อาสาม”  

 

 

“หึหึ เสแสร้ง ทำต่อสิ นอกจากวิธีพวกนี้แล้วพ่อยังเป็นอะไรอีก? พอเห็นเอาผมไม่อยู่ เพื่อนๆผมมากันเต็ม ใช้ไม้แข็งไม่ได้เลยใช้ไม้อ่อนสินะ? ไม่มีประโยชน์หรอก จะบอกให้นะ เซียวหมีชิวชาตินี้จะเป็นผู้ชายแน่แล้ว ต่อให้พ่อฆ่าผมให้ตายผมก็จะยังเป็นผู้ชายอยู่ดี”  

 

 

“แกมันเลอะเลือน” พ่อฉิวฉิวโมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เมื่อดูจากสีหน้าที่ซีดเผือด เหมือนคนเป็นโรคร้ายแรงจริงๆ  

 

 

“ที่เขาเลอะเลือนก็เพราะใครล่ะ? อาการกระบวนการรับรู้เรื่องเพศผิดปกติถ้าเกิดตอนที่ยังเป็นเด็กทำไมไม่พาเขาไปรักษาล่ะ? ทำไมยังคงกรอกความคิดที่ว่าเป็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงใส่หัวเขา? ตอนนี้คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าการที่ฉิวฉิวเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะใคร?”  

 

 

พ่อฉิวฉิวมองเสี่ยวเชี่ยน แล้วเอาความโกรธที่ถูกฉิวฉิวปฏิเสธไปลงกับเสี่ยวเชี่ยน “แกเป็นใครกัน”  

 

 

“ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน ฉันพูดกับคุณอย่างรับผิดชอบได้เลยว่า ฉิวฉิวเป็นแบบนี้เพราะคุณ”  

 

 

“แกเป็น…ผู้เชี่ยวชาญเหรอ?” พ่อฉิวฉิวยากที่จะเชื่อมโยงคำว่าผู้เชี่ยวชาญกับเสี่ยวเชี่ยนได้  

 

 

เพราะเสี่ยวเชี่ยนดูเด็กเกินไป  

 

 

“อาการของฉิวฉิวในตอนนี้ ไม่ใช่การที่ต้องมารักษาเขาเรื่องเบี่ยงเบนทางเพศหรือกระบวนการรับรู้เรื่องเพศที่ผิดปกติ แต่ควรมานั่งหาวิธีให้เขาใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข ถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดของฉัน ไปถามผู้เชี่ยวชาญจากเมืองนอกถึงเคสคล้ายๆกันนี้เลยก็ได้ ว่าถ้ามาถึงขั้นแบบฉิวฉิวแล้ว มีหน่วยงานไหนบ้างที่สามารถทำให้เขากลายเป็นผู้หญิงได้?”  

 

 

“ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเหรอ?” พ่อฉิวฉิวเชื่อมโยงฉิวฉิวที่ทำตัวเกเรชอบยั่วโมโหเขากับเรื่องฆ่าตัวตายไม่ได้  

 

 

“ความร่าเริงสดใสที่คุณเห็น ความเข้มแข็งที่คุณได้สัมผัส ทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากการที่เขาผ่านความทุกข์ทรมานมาอย่างแสนสาหัส คุณเห็นเขาหัวเราะอย่างร่าเริง แต่ทุกครั้งเขาใช้กำลังของตัวเองทั้งหมดที่มี เขาไม่ขอร้องให้คนอื่นมาเข้าใจในสิ่งที่เขาเลือก หวังแค่เพียงไม่ทำผิดต่อตัวเอง นอกจากต้องอดทนต่อสายตาแปลกๆของคนภายนอกแล้ว สิ่งที่เขาเจ็บปวดที่สุดก็คือความไม่เข้าใจของคนเป็นพ่อ”  

 

 

“เขาทำไม่ถูก มันไม่ถูก”  

 

 

“เขาเลือกไม่เหมือนคนปกติก็จริง แต่ถูกหรือไม่ถูกมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ คุณเป็นพ่อที่ล้มเหลวตั้งแต่แรก แล้วจะไปบังคับให้เขา ‘บรรลุผลสำเร็จ’ อย่างที่คุณต้องการได้ยังไง? ไปหาเคสที่คล้ายๆกันอ่านแล้วคุณจะเข้าใจว่าคุณทำเรื่องเลวร้ายไปมากแค่ไหน คนเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกตั้งแต่เกิดมา ต่อให้เป็นพ่อแม่ก็ไม่มีสิทธิ์แย่งชิงอำนาจการตัดสินใจของเขา และก็ไม่มีสิทธิ์ให้ลูกทำอย่างที่ใจตัวเองต้องการ อย่าเอาความคิดที่ตัวเองคิดว่าดีไปยัดเยียดให้คนอื่น ถ้าคุณยังคิดไม่ได้อีกล่ะก็มีแต่จะบีบเขาให้เจอทางตัน”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็หันตัวเดินออก  

 

 

คนของเธอก็เดินตามเธอออกไป  

 

 

ฉิวฉิวไม่หันกลับไปมอง   

 

 

เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับชายแก่คนนี้เลยแม้แต่น้อย มีแต่ความเกลียดชัง  

 

 

มีแค่ไป๋จิ่นเท่านั้นที่หันกลับไปมองบ่อยๆ  

 

 

เธอเห็นพ่อฉิวฉิวยืนอยู่ที่เดิม แต่ในสมองกลับนึกถึงแม่ตัวเองที่ร้องไห้ตีเธอ ร้องไห้บ่นเธอ  

 

 

พวกเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปซื้อตั๋วในสนามบินแล้วไปนั่งรอขึ้นเครื่อง ต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาบิน ฉิวฉิวหันไปคิดจะคุยกับไป๋จิ่น แต่กลับเห็นไป๋จิ่นที่ไม่รู้น้ำตานองหน้าตั้งแต่เมื่อไร  

 

 

“ร้องไห้ทำไม?”  

 

 

“ฉันนึกถึงแม่…ลูกหนัง ไม่ไปดูพ่อหน่อยจริงๆเหรอ? ฉันว่าเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนไม่แคร์นายนะ”  

 

 

“จะให้ผมไปดูเขาทำไม? ให้เขาจับผมไปขัง แล้วเอาไฟฟ้าช็อตเหรอ?” ทุกคนเห็นแต่พ่อเขาร้องไห้ มีใครบ้างที่เห็นฉิวฉิวต้องร้องไห้ในวัยเด็กมากแค่ไหนหลังจากถูกพ่อตี?  

 

 

“เขาบอกว่าเขาป่วย…”  

 

 

“เฮอะ คำพูดตาแก่นั่นคุณก็เชื่อเหรอ? มีแต่คำหลอกลวง ไม่เคยพูดจริงสักอย่าง คุณรู้ไหมว่าเขาจับผมกลับมายังไง? เขาสั่งให้คนมาบอกว่าเขาป่วย ผมก็เชื่อเลยกลับไปดู แล้วเป็นไง? คุณดมกลิ่นบนตัวผมสิ”  

 

 

ฉิวฉิวยื่นแขนให้ไป๋จิ่น วันๆให้กินแต่หม้อไฟซุปผักจนเหงื่อออก น้ำก็ไม่ให้อาบ  

 

 

“เห้อ…” ไป๋จิ่นถอนหายใจ เธอเข้าใจความรู้สึกของฉิวฉิว แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนอ่อนไหวง่าย เลยรู้สึกสงสารพ่อฉิวฉิวตอนที่เห็นเขาเมื่อครู่  

 

 

“พวกเราทำอะไรผิดกันแน่ ทำไมสวรรค์ถึงได้ทำกับพวกเราแบบนี้…ทำไมพวกเราไม่เหมือนคนอื่น การที่พวกเราเป็นแบบคนอื่นไม่ได้พวกเราก็ทุกข์เหมือนกันนะ ฉันพยายามแล้วแต่ก็เอาชนะความทุกข์ในจิตใจไม่ได้ นานเท่าไร อีกนานเท่าไรพวกเราถึงจะมีความสุข อีกนานเท่าไรถึงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ ทำไมความพยายามทุกอย่างมันถึงไม่มีประโยชน์ ทำไมพวกเราดูเป็นเนื้อร้ายในสายตาคนอื่น ทำไมญาติๆของพวกเราถึงเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมฉันต้องมีชีวิตแบบนี้ด้วย”  

 

 

คนที่บาดเจ็บคือฉิวฉิว แต่คนที่พูดระบายความในใจกลับเป็นไป๋จิ่น  

 

 

เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉิวฉิวก็เหมือนกับเธอ เธอเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ หัวใจที่อ่อนไหวง่ายของเธอทำให้เธอยากที่จะไม่คิดมาก เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน  

 

 

“ฉันเคยเยียวยาจิตใจให้ผู้พิการหลายคน รวมถึงคนที่เกิดอุบัติเหตุจนต้องกลายเป็นคนพิการอย่างกะทันหันด้วย พวกเขาก็เกิดความสงสัยเหมือนกับเธอ มักจะถามว่าทำไม ใช่ทำไมล่ะ? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสี่ยวเชี่ยนพูด  

 

 

ฉิวฉิวตบบ่าไป๋จิ่นอยากปลอบใจเธอ แต่ตอนที่ตบบ่าเธอเขาเองก็เจ็บปวดใจ  

 

 

“ความจริงอันโหดร้ายมักจะตรงข้ามกับสิ่งที่ปรารถนา คนดีใช่ว่าชีวิตจะสงบสุข ไม่มีใครรู้หรอกว่าวินาทีต่อไปใครจะซวย ฉันเคยเห็นคนที่เป็นเสาหลักของครอบครัวขยันขันแข็งทำงานหาเงินแต่กลับถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้ยืนขึ้นไม่ได้อีก ฉันยังเคยเห็นคนที่ซวยแบบไม่มีสัญญาณเตือนอีกมากมาย ฉันเคยสูญเสียสิ่งที่สำคัญมากในชีวิตไป ซึ่งก่อนหน้านั้นฉันก็ไม่เคยทำร้ายใคร”  

 

 

สิ่งสำคัญที่เสี่ยวเชี่ยนพูดถึงก็คือความทุกข์จากการสูญเสียลูกสาว  

 

 

คนจิตใจดีใช่ว่าชีวิตจะราบรื่น นี่แหละชีวิตคนเรา  

 

 

“ฉันรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันโหดร้ายสำหรับพวกเธอ เพราะการทำร้ายจากโลกนี้มันเยอะมากจริงๆ ไม่มีความทุกข์ไหนที่จะรู้สึกได้แบบเดียวกันหรอก เอาพวกเธอไปเทียบกับคนอื่นก็ไม่ยุติธรรม ฉันไม่สามารถตัดสินได้ว่าแรงกดดันที่พวกเธอได้รับจากโลกภายนอกจะเบากว่าคนที่เขาสูญเสียแขนขา แต่ถ้าร่างกายต้องพิการแล้วยังเข้มแข็งอยู่ต่อไปได้แล้วพวกเธอมีเหตุผลอะไรที่จะล้มเลิกการตามหาความสุขเพียงเพราะตัวเองไม่เหมือนคนอื่นล่ะ? ฉิวฉิว เธอยังจำคำพูดของฉันตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม?”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+