แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 871 แบ่งกันทำ

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 871 แบ่งกันทำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลาค่อยๆผ่านไป       เสี่ยวเชี่ยนกำลังพูดชักจูงคนร้ายเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกมา การพูดคุยของเธอเหมือนการคุยไร้สาระทั่วไป ชาวบ้านที่มามุงดูบางคนเริ่มทนอากาศร้อนไม่ไหว บางคนถึงกับแอบซุบซิบกัน       นักเจรจาคนนี้ทำไมไม่เห็นเหมือนในหนังเลย ถึงจะพูดสำเนียงคล้ายกัน แต่ฟังดูเหมือนไม่มีสาระสำคัญอะไร       “จะไหวมั้ยเนี่ย?”       “นั่นสิ ทำไมไม่เข้าเรื่องซักทีล่ะ?”       “รัฐบาลดีแต่เอาเงินพวกเราไปใช้ฟุ่มเฟือย ดูคนพวกนี้ทำงานสิ ไม่เห็นมีความสามารถเลย”       ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆพากันวิพากษ์วิจารณ์จนไปถึงหูอวี๋หมิงหลาง เขาหันไปถลึงตาดุคนพวกนั้น คนนอกวงการก็ดีแต่วิจารณ์ เมียเขาจะพูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ได้ไง? นี่มันเทคนิคของเธอ       การเกลี้ยกล่อมของเสี่ยวเชี่ยนยังคงดำเนินต่อไป ทันใดนั้นโทรศัพท์ของแม่อวี๋ก็ดังขึ้น       ต้าอีโทรมา       “แม่คะ ทำไมประธานเชี่ยนยังมาไม่ถึงล่ะคะ?”       “ทางนี้เจอเรื่องนิดหน่อยจ้ะ”       “ทางฝ่ายจัดงานบอกว่า ถ้าอีกสิบนาทียังมาไม่ถึงเขาจะปิดไม่ให้เข้าแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ข้างในแล้วค่ะ ทำไงดีคะ”       น้ำเสียงของต้าอีดูร้อนใจมาก       แม่อวี๋เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อวี๋หมิงหลางขอโทรศัพท์มาพูดกับต้าอี       “ลูกเชี่ยนบอกว่า ถ้าเขาไปไม่ได้คุณก็เข้าแทน”       “หา? ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยนะ…” ต้าอีช็อค       “ลูกเชี่ยนบอกว่าเขาเชื่อใจคุณ ให้คุณตัดสินใจได้เลย”       อวี๋หมิงหลางพูดจบก็วางสาย       ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจะเสียสมาธิไม่ได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปถามเธอ ทำได้แค่แก้ปัญหาในมุมมองของเสี่ยวเชี่ยน       ต้าอีไปไม่ถูกเลยทีเดียว       เวลานี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เริ่มประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทยอยเข้าสนามแข่งแล้ว ต้าอียืนลังเลอยู่หน้าห้องถ่ายทอดสด       “เสี่ยวเชี่ยนไม่มาแล้วเหรอ?” พี่รองจูงพ่านพ่าน วันนี้เขาหยุดจึงมาดูแลครอบครัวได้       ต้าอีร้อนใจจนหน้าซีด       “ใช่ค่ะ หมิงหลางบอกให้ฉันเข้าแทนประธานเชี่ยน แต่ฉันจะทำแทนประธานเชี่ยนได้ไงคะ?”       เธอการศึกษาต่ำสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แถมไม่ได้มีประสบการณ์การรักษามากมายเลยด้วย       และที่สำคัญกว่าคือ เธอเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน       ถ้าประธานเชี่ยนไม่มา เธอเป็นตัวแทนประธานเชี่ยนเข้าสู้กับอีกฝ่ายที่มีสองคน จะทำได้จริงๆเหรอ?       แล้วแบบนี้จะยังอยู่ในกติกาหรือเปล่า?       ต้าอีเดินไปมาอย่างร้อนใจ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หัวใจร้อนรุ่มดั่งมีไฟแผดเผา       “เขาให้คุณเข้าแทนคุณเข้าแทนก็จบ”       ถึงพี่รองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่โทรหาเสี่ยวเชี่ยนไม่ติด กลายเป็นอวี๋หมิงหลางคุยกับต้าอี นั่นก็แสดงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น       ในเวลาแบบนี้เป็นการทดสอบจิตใจสุดๆ ถึงต้าอีจะมีความคิดความอ่านโตกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่อย่างไรเสียก็ยังขาดประสบการณ์ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงฝึกงาน พอเจอเรื่องใหญ่แบบนี้เลยร้อนใจใหญ่       “ฉันจะทำแทนเขายังไงคะ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับประธานเชี่ยนมาก ถ้าฉันทำผิดพลาดกลายเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยนจะทำไงล่ะคะ จนถึงตอนนี้ประธานเชี่ยนยังไม่พลาดเลยนะคะ ทำไงดีพี่รอง…”       ต้าอีทำเสียงเหมือนจะร้องไห้       เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยน       ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่สู้หารุ่นพี่มาเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนดีกว่า ถ้าผู้ช่วยของประธานเชี่ยนเป็นดอกเตอร์หรือนักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้       ได้รับภารกิจอย่างกะทันหัน อยู่ๆต้องมาแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่       มืออุ่นๆของอวี๋หมิงอี้แนบไปที่หน้าเธอ อุณหภูมิในร่างกายของเขาที่ต่ำกว่าคนทั่วไปทำให้ต้าอีคลายความวิตกกังวลลง เธอมองเขาอย่างคนอับจนหนทาง       “ผมมักจะพูดกับนักบินใหม่บ่อยๆว่า ความมั่นใจที่เชื่อว่าจะชนะจะช่วยกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากที่สุด คุณต้องเชื่อว่าอุปสรรคก็คือสปริง คุณแข็งแกร่งมันก็อ่อนแอ คุณอ่อนแอมันก็แข็งแกร่ง คุณต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ถึงจะทำได้สำเร็จ”       “แต่ระดับการศึกษาฉันต่ำนะ ฉันไม่มีประสบการณ์การรักษาด้วย…ทำไมฉันถึงได้รับปากเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนนะ”       ต้าอีรู้สึกเสียใจมากที่ตอบรับเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน ทุกคนต่างเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เชื่อว่าต่อให้เสี่ยวเชี่ยนไม่หารุ่นพี่ที่เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาเป็นผู้ช่วย เธอก็ยังคงแข่งได้อย่างสบายๆอยู่ดี การที่เถ้าแก่ใหญ่กับเสี่ยวเชี่ยนให้ต้าอีมา อันที่จริงก็เพื่ออยากให้ต้าอีมีประสบการณ์แข่งขัน อีกหน่อยเธอจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ไม่น้อยแน่นอน       ตัวประกอบที่เคยยืนดูอยู่ข้างๆอยู่ๆต้องมาเป็นตัวเอก ต้าอีรู้สึกว่าสถิติไม่แพ้ของประธานเชี่ยนต้องมาพลั้งพลาดในมือเธอแน่แล้ว เธอคือตัวซวยของประธานเชี่ยน ตัวซวยของตระกูลอวี๋ หรือแม้กระทั่งเป็นตัวซวยของมหาวิทยาลัย ประวัติศาสตร์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่…       ตัวแทนของมหาวิทยาลัยที่มาเข้าร่วมแข่งขันมีหลายคน แต่ก็ตกรอบแรกไปหลายคนแล้ว เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน แต่เสี่ยวเชี่ยนเป็นตัวเก็ง       วันแรกประธานเชี่ยนได้คะแนนเต็ม ทิ้งห่างอันดับสองชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น ทุกคนกำลังรอดูทีเด็ดของประธานเชี่ยน ใครจะไปรู้ว่าวันที่สองเธอจะขาดแข่ง ต้าอีเกลียดตัวเองที่ทำไมไม่มีความรู้มากกว่านี้ ทำไมรับมือแทนประธานเชี่ยนตามลำพังไม่ได้       “ตื่นนอนตีห้าครึ่งเป๊ะทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนปิดเทอม อ่านหนังสือก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปทำอาหารเช้าให้คนในบ้าน ระหว่างทางไปเรียนก็อ่านเคสคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนให้ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา คุณเคยนั่งเลยป้ายเกินยี่สิบครั้งเพราะอ่านจนเพลิน หลังจากที่เรียนมาทั้งวันแล้วคุณก็กลับมาทำอาหารให้คนในบ้าน เล่านิทานให้พ่านพ่านฟัง เวลาสามทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มถ้าผมอยู่บ้านเราก็จะใช้เวลาด้วยกัน แต่วันต่อมาคุณก็จะตื่นเช้าหน่อยเพื่ออ่านหนังสือชดเชย”       พี่รองพูดตรงทุกอย่าง ต้าอีมองเขาอย่างอึ้งๆ       พี่รองพูดต่อ       “บางครั้งผมก็เกิดความขัดแย้งในใจ ผมอยากให้คุณไม่สบายเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คุณป่วย เพราะถ้าคุณไม่สบายขึ้นมาก็ต้องพักสองวัน ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไร ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”       ดังนั้นหากเขาอยู่บ้านก็จะคอยคิดหาวิธีลากต้าอีไปออกกำลังกายหรือไม่ก็ลากไปที่เตียง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นเธอถึงจะไม่ต้องเหนื่อย       ต้าอีไม่นึกว่าพี่รองจะพูดแบบนี้ออกมา ดวงตาเธอเริ่มแดงเล็กน้อย       “ฉันคิดว่าคุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้เสียอีก…”       ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขาคอยมองเธออยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งจำรายละเอียดการใช้ชีวิตของเธอได้เป๊ะขนาดนี้       “ผมไม่เคยเจอนักเรียนที่ขยันแบบคุณมาก่อน คุณอยากเป็นเบอร์สองต่อจากเฉินเสี่ยวเชี่ยน เป้าหมายของคุณคือเป็นแบบเขา คุณถึงได้พยายามมากกว่าคนทั่วไป แต่ในสายตาของผม ไม่ว่าในอนาคตคุณจะทำได้ถึงระดับไหนนั่นไม่สำคัญ ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขก็พอ”       “หมิงอี้…”       น้ำตาเธอพรั่งพรูออกมา       น้อยครั้งที่เธอจะเรียกชื่อเขาเวลาอยู่ข้างนอก มีแค่ตอนอยู่บนเตียงเวลาอารมณ์ถึงขีดสุดเท่านั้นเธอถึงจะเรียกชื่อเขาออกมา แต่เวลานี้ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้กอดกัน แต่หัวใจกลับใกล้กัน       เรื่องที่มีความสุขที่สุดคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่มีคนเข้าใจเรา มีคนรู้ว่าเราพยายามมาตลอด       “ความมั่นใจมาจากความพยายามตอนปกติ และคุณพยายามมาตลอดแบบนี้ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกลัวหรือเครียดอะไร แค่ทำเหมือนตอนปกติเป็นพอ การที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนให้คุณมาก็แสดงว่าเขาเชื่อในความสามารถของคุณ บนโลกนี้อัจฉริยะอย่างเฉินเสี่ยวเชี่ยนมีน้อย แต่ในสายตาของผม มีคุณเพียงคนเดียว ไปเถอะ”       พี่รองจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ ต้าอีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ประหนึ่งได้ยากระตุ้นเข้าร่างกาย  

เวลาค่อยๆผ่านไป  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกำลังพูดชักจูงคนร้ายเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกมา การพูดคุยของเธอเหมือนการคุยไร้สาระทั่วไป ชาวบ้านที่มามุงดูบางคนเริ่มทนอากาศร้อนไม่ไหว บางคนถึงกับแอบซุบซิบกัน  

 

 

นักเจรจาคนนี้ทำไมไม่เห็นเหมือนในหนังเลย ถึงจะพูดสำเนียงคล้ายกัน แต่ฟังดูเหมือนไม่มีสาระสำคัญอะไร  

 

 

“จะไหวมั้ยเนี่ย?”  

 

 

“นั่นสิ ทำไมไม่เข้าเรื่องซักทีล่ะ?”  

 

 

“รัฐบาลดีแต่เอาเงินพวกเราไปใช้ฟุ่มเฟือย ดูคนพวกนี้ทำงานสิ ไม่เห็นมีความสามารถเลย”  

 

 

ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆพากันวิพากษ์วิจารณ์จนไปถึงหูอวี๋หมิงหลาง เขาหันไปถลึงตาดุคนพวกนั้น คนนอกวงการก็ดีแต่วิจารณ์ เมียเขาจะพูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ได้ไง? นี่มันเทคนิคของเธอ  

 

 

การเกลี้ยกล่อมของเสี่ยวเชี่ยนยังคงดำเนินต่อไป ทันใดนั้นโทรศัพท์ของแม่อวี๋ก็ดังขึ้น  

 

 

ต้าอีโทรมา  

 

 

“แม่คะ ทำไมประธานเชี่ยนยังมาไม่ถึงล่ะคะ?”  

 

 

“ทางนี้เจอเรื่องนิดหน่อยจ้ะ”  

 

 

“ทางฝ่ายจัดงานบอกว่า ถ้าอีกสิบนาทียังมาไม่ถึงเขาจะปิดไม่ให้เข้าแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ข้างในแล้วค่ะ ทำไงดีคะ”  

 

 

น้ำเสียงของต้าอีดูร้อนใจมาก  

 

 

แม่อวี๋เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อวี๋หมิงหลางขอโทรศัพท์มาพูดกับต้าอี  

 

 

“ลูกเชี่ยนบอกว่า ถ้าเขาไปไม่ได้คุณก็เข้าแทน”  

 

 

“หา? ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยนะ…” ต้าอีช็อค  

 

 

“ลูกเชี่ยนบอกว่าเขาเชื่อใจคุณ ให้คุณตัดสินใจได้เลย”  

 

 

อวี๋หมิงหลางพูดจบก็วางสาย  

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจะเสียสมาธิไม่ได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปถามเธอ ทำได้แค่แก้ปัญหาในมุมมองของเสี่ยวเชี่ยน  

 

 

ต้าอีไปไม่ถูกเลยทีเดียว  

 

 

เวลานี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เริ่มประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทยอยเข้าสนามแข่งแล้ว ต้าอียืนลังเลอยู่หน้าห้องถ่ายทอดสด  

 

 

“เสี่ยวเชี่ยนไม่มาแล้วเหรอ?” พี่รองจูงพ่านพ่าน วันนี้เขาหยุดจึงมาดูแลครอบครัวได้  

 

 

ต้าอีร้อนใจจนหน้าซีด  

 

 

“ใช่ค่ะ หมิงหลางบอกให้ฉันเข้าแทนประธานเชี่ยน แต่ฉันจะทำแทนประธานเชี่ยนได้ไงคะ?”  

 

 

เธอการศึกษาต่ำสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แถมไม่ได้มีประสบการณ์การรักษามากมายเลยด้วย  

 

 

และที่สำคัญกว่าคือ เธอเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน  

 

 

ถ้าประธานเชี่ยนไม่มา เธอเป็นตัวแทนประธานเชี่ยนเข้าสู้กับอีกฝ่ายที่มีสองคน จะทำได้จริงๆเหรอ?  

 

 

แล้วแบบนี้จะยังอยู่ในกติกาหรือเปล่า?  

 

 

ต้าอีเดินไปมาอย่างร้อนใจ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หัวใจร้อนรุ่มดั่งมีไฟแผดเผา  

 

 

“เขาให้คุณเข้าแทนคุณเข้าแทนก็จบ”  

 

 

ถึงพี่รองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่โทรหาเสี่ยวเชี่ยนไม่ติด กลายเป็นอวี๋หมิงหลางคุยกับต้าอี นั่นก็แสดงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น  

 

 

ในเวลาแบบนี้เป็นการทดสอบจิตใจสุดๆ ถึงต้าอีจะมีความคิดความอ่านโตกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่อย่างไรเสียก็ยังขาดประสบการณ์ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงฝึกงาน พอเจอเรื่องใหญ่แบบนี้เลยร้อนใจใหญ่  

 

 

“ฉันจะทำแทนเขายังไงคะ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับประธานเชี่ยนมาก ถ้าฉันทำผิดพลาดกลายเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยนจะทำไงล่ะคะ จนถึงตอนนี้ประธานเชี่ยนยังไม่พลาดเลยนะคะ ทำไงดีพี่รอง…”  

 

 

ต้าอีทำเสียงเหมือนจะร้องไห้  

 

 

เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยน  

 

 

ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่สู้หารุ่นพี่มาเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนดีกว่า ถ้าผู้ช่วยของประธานเชี่ยนเป็นดอกเตอร์หรือนักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้  

 

 

ได้รับภารกิจอย่างกะทันหัน อยู่ๆต้องมาแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่  

 

 

มืออุ่นๆของอวี๋หมิงอี้แนบไปที่หน้าเธอ อุณหภูมิในร่างกายของเขาที่ต่ำกว่าคนทั่วไปทำให้ต้าอีคลายความวิตกกังวลลง เธอมองเขาอย่างคนอับจนหนทาง  

 

 

“ผมมักจะพูดกับนักบินใหม่บ่อยๆว่า ความมั่นใจที่เชื่อว่าจะชนะจะช่วยกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากที่สุด คุณต้องเชื่อว่าอุปสรรคก็คือสปริง คุณแข็งแกร่งมันก็อ่อนแอ คุณอ่อนแอมันก็แข็งแกร่ง คุณต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ถึงจะทำได้สำเร็จ”  

 

 

“แต่ระดับการศึกษาฉันต่ำนะ ฉันไม่มีประสบการณ์การรักษาด้วย…ทำไมฉันถึงได้รับปากเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนนะ”  

 

 

ต้าอีรู้สึกเสียใจมากที่ตอบรับเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน ทุกคนต่างเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เชื่อว่าต่อให้เสี่ยวเชี่ยนไม่หารุ่นพี่ที่เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาเป็นผู้ช่วย เธอก็ยังคงแข่งได้อย่างสบายๆอยู่ดี การที่เถ้าแก่ใหญ่กับเสี่ยวเชี่ยนให้ต้าอีมา อันที่จริงก็เพื่ออยากให้ต้าอีมีประสบการณ์แข่งขัน อีกหน่อยเธอจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ไม่น้อยแน่นอน  

 

 

ตัวประกอบที่เคยยืนดูอยู่ข้างๆอยู่ๆต้องมาเป็นตัวเอก ต้าอีรู้สึกว่าสถิติไม่แพ้ของประธานเชี่ยนต้องมาพลั้งพลาดในมือเธอแน่แล้ว เธอคือตัวซวยของประธานเชี่ยน ตัวซวยของตระกูลอวี๋ หรือแม้กระทั่งเป็นตัวซวยของมหาวิทยาลัย ประวัติศาสตร์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่…  

 

 

ตัวแทนของมหาวิทยาลัยที่มาเข้าร่วมแข่งขันมีหลายคน แต่ก็ตกรอบแรกไปหลายคนแล้ว เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน แต่เสี่ยวเชี่ยนเป็นตัวเก็ง  

 

 

วันแรกประธานเชี่ยนได้คะแนนเต็ม ทิ้งห่างอันดับสองชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น ทุกคนกำลังรอดูทีเด็ดของประธานเชี่ยน ใครจะไปรู้ว่าวันที่สองเธอจะขาดแข่ง ต้าอีเกลียดตัวเองที่ทำไมไม่มีความรู้มากกว่านี้ ทำไมรับมือแทนประธานเชี่ยนตามลำพังไม่ได้  

 

 

“ตื่นนอนตีห้าครึ่งเป๊ะทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนปิดเทอม อ่านหนังสือก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปทำอาหารเช้าให้คนในบ้าน ระหว่างทางไปเรียนก็อ่านเคสคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนให้ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา คุณเคยนั่งเลยป้ายเกินยี่สิบครั้งเพราะอ่านจนเพลิน หลังจากที่เรียนมาทั้งวันแล้วคุณก็กลับมาทำอาหารให้คนในบ้าน เล่านิทานให้พ่านพ่านฟัง เวลาสามทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มถ้าผมอยู่บ้านเราก็จะใช้เวลาด้วยกัน แต่วันต่อมาคุณก็จะตื่นเช้าหน่อยเพื่ออ่านหนังสือชดเชย”  

 

 

พี่รองพูดตรงทุกอย่าง ต้าอีมองเขาอย่างอึ้งๆ  

 

 

พี่รองพูดต่อ  

 

 

“บางครั้งผมก็เกิดความขัดแย้งในใจ ผมอยากให้คุณไม่สบายเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คุณป่วย เพราะถ้าคุณไม่สบายขึ้นมาก็ต้องพักสองวัน ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไร ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”  

 

 

ดังนั้นหากเขาอยู่บ้านก็จะคอยคิดหาวิธีลากต้าอีไปออกกำลังกายหรือไม่ก็ลากไปที่เตียง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นเธอถึงจะไม่ต้องเหนื่อย  

 

 

ต้าอีไม่นึกว่าพี่รองจะพูดแบบนี้ออกมา ดวงตาเธอเริ่มแดงเล็กน้อย  

 

 

“ฉันคิดว่าคุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้เสียอีก…”  

 

 

ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขาคอยมองเธออยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งจำรายละเอียดการใช้ชีวิตของเธอได้เป๊ะขนาดนี้  

 

 

“ผมไม่เคยเจอนักเรียนที่ขยันแบบคุณมาก่อน คุณอยากเป็นเบอร์สองต่อจากเฉินเสี่ยวเชี่ยน เป้าหมายของคุณคือเป็นแบบเขา คุณถึงได้พยายามมากกว่าคนทั่วไป แต่ในสายตาของผม ไม่ว่าในอนาคตคุณจะทำได้ถึงระดับไหนนั่นไม่สำคัญ ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขก็พอ”  

 

 

“หมิงอี้…”  

 

 

น้ำตาเธอพรั่งพรูออกมา  

 

 

น้อยครั้งที่เธอจะเรียกชื่อเขาเวลาอยู่ข้างนอก มีแค่ตอนอยู่บนเตียงเวลาอารมณ์ถึงขีดสุดเท่านั้นเธอถึงจะเรียกชื่อเขาออกมา แต่เวลานี้ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้กอดกัน แต่หัวใจกลับใกล้กัน  

 

 

เรื่องที่มีความสุขที่สุดคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่มีคนเข้าใจเรา มีคนรู้ว่าเราพยายามมาตลอด  

 

 

“ความมั่นใจมาจากความพยายามตอนปกติ และคุณพยายามมาตลอดแบบนี้ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกลัวหรือเครียดอะไร แค่ทำเหมือนตอนปกติเป็นพอ การที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนให้คุณมาก็แสดงว่าเขาเชื่อในความสามารถของคุณ บนโลกนี้อัจฉริยะอย่างเฉินเสี่ยวเชี่ยนมีน้อย แต่ในสายตาของผม มีคุณเพียงคนเดียว ไปเถอะ”  

 

 

พี่รองจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ ต้าอีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ประหนึ่งได้ยากระตุ้นเข้าร่างกาย  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 871 แบ่งกันทำ

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 871 แบ่งกันทำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลาค่อยๆผ่านไป       เสี่ยวเชี่ยนกำลังพูดชักจูงคนร้ายเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกมา การพูดคุยของเธอเหมือนการคุยไร้สาระทั่วไป ชาวบ้านที่มามุงดูบางคนเริ่มทนอากาศร้อนไม่ไหว บางคนถึงกับแอบซุบซิบกัน       นักเจรจาคนนี้ทำไมไม่เห็นเหมือนในหนังเลย ถึงจะพูดสำเนียงคล้ายกัน แต่ฟังดูเหมือนไม่มีสาระสำคัญอะไร       “จะไหวมั้ยเนี่ย?”       “นั่นสิ ทำไมไม่เข้าเรื่องซักทีล่ะ?”       “รัฐบาลดีแต่เอาเงินพวกเราไปใช้ฟุ่มเฟือย ดูคนพวกนี้ทำงานสิ ไม่เห็นมีความสามารถเลย”       ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆพากันวิพากษ์วิจารณ์จนไปถึงหูอวี๋หมิงหลาง เขาหันไปถลึงตาดุคนพวกนั้น คนนอกวงการก็ดีแต่วิจารณ์ เมียเขาจะพูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ได้ไง? นี่มันเทคนิคของเธอ       การเกลี้ยกล่อมของเสี่ยวเชี่ยนยังคงดำเนินต่อไป ทันใดนั้นโทรศัพท์ของแม่อวี๋ก็ดังขึ้น       ต้าอีโทรมา       “แม่คะ ทำไมประธานเชี่ยนยังมาไม่ถึงล่ะคะ?”       “ทางนี้เจอเรื่องนิดหน่อยจ้ะ”       “ทางฝ่ายจัดงานบอกว่า ถ้าอีกสิบนาทียังมาไม่ถึงเขาจะปิดไม่ให้เข้าแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ข้างในแล้วค่ะ ทำไงดีคะ”       น้ำเสียงของต้าอีดูร้อนใจมาก       แม่อวี๋เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อวี๋หมิงหลางขอโทรศัพท์มาพูดกับต้าอี       “ลูกเชี่ยนบอกว่า ถ้าเขาไปไม่ได้คุณก็เข้าแทน”       “หา? ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยนะ…” ต้าอีช็อค       “ลูกเชี่ยนบอกว่าเขาเชื่อใจคุณ ให้คุณตัดสินใจได้เลย”       อวี๋หมิงหลางพูดจบก็วางสาย       ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจะเสียสมาธิไม่ได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปถามเธอ ทำได้แค่แก้ปัญหาในมุมมองของเสี่ยวเชี่ยน       ต้าอีไปไม่ถูกเลยทีเดียว       เวลานี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เริ่มประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทยอยเข้าสนามแข่งแล้ว ต้าอียืนลังเลอยู่หน้าห้องถ่ายทอดสด       “เสี่ยวเชี่ยนไม่มาแล้วเหรอ?” พี่รองจูงพ่านพ่าน วันนี้เขาหยุดจึงมาดูแลครอบครัวได้       ต้าอีร้อนใจจนหน้าซีด       “ใช่ค่ะ หมิงหลางบอกให้ฉันเข้าแทนประธานเชี่ยน แต่ฉันจะทำแทนประธานเชี่ยนได้ไงคะ?”       เธอการศึกษาต่ำสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แถมไม่ได้มีประสบการณ์การรักษามากมายเลยด้วย       และที่สำคัญกว่าคือ เธอเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน       ถ้าประธานเชี่ยนไม่มา เธอเป็นตัวแทนประธานเชี่ยนเข้าสู้กับอีกฝ่ายที่มีสองคน จะทำได้จริงๆเหรอ?       แล้วแบบนี้จะยังอยู่ในกติกาหรือเปล่า?       ต้าอีเดินไปมาอย่างร้อนใจ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หัวใจร้อนรุ่มดั่งมีไฟแผดเผา       “เขาให้คุณเข้าแทนคุณเข้าแทนก็จบ”       ถึงพี่รองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่โทรหาเสี่ยวเชี่ยนไม่ติด กลายเป็นอวี๋หมิงหลางคุยกับต้าอี นั่นก็แสดงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น       ในเวลาแบบนี้เป็นการทดสอบจิตใจสุดๆ ถึงต้าอีจะมีความคิดความอ่านโตกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่อย่างไรเสียก็ยังขาดประสบการณ์ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงฝึกงาน พอเจอเรื่องใหญ่แบบนี้เลยร้อนใจใหญ่       “ฉันจะทำแทนเขายังไงคะ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับประธานเชี่ยนมาก ถ้าฉันทำผิดพลาดกลายเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยนจะทำไงล่ะคะ จนถึงตอนนี้ประธานเชี่ยนยังไม่พลาดเลยนะคะ ทำไงดีพี่รอง…”       ต้าอีทำเสียงเหมือนจะร้องไห้       เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยน       ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่สู้หารุ่นพี่มาเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนดีกว่า ถ้าผู้ช่วยของประธานเชี่ยนเป็นดอกเตอร์หรือนักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้       ได้รับภารกิจอย่างกะทันหัน อยู่ๆต้องมาแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่       มืออุ่นๆของอวี๋หมิงอี้แนบไปที่หน้าเธอ อุณหภูมิในร่างกายของเขาที่ต่ำกว่าคนทั่วไปทำให้ต้าอีคลายความวิตกกังวลลง เธอมองเขาอย่างคนอับจนหนทาง       “ผมมักจะพูดกับนักบินใหม่บ่อยๆว่า ความมั่นใจที่เชื่อว่าจะชนะจะช่วยกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากที่สุด คุณต้องเชื่อว่าอุปสรรคก็คือสปริง คุณแข็งแกร่งมันก็อ่อนแอ คุณอ่อนแอมันก็แข็งแกร่ง คุณต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ถึงจะทำได้สำเร็จ”       “แต่ระดับการศึกษาฉันต่ำนะ ฉันไม่มีประสบการณ์การรักษาด้วย…ทำไมฉันถึงได้รับปากเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนนะ”       ต้าอีรู้สึกเสียใจมากที่ตอบรับเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน ทุกคนต่างเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เชื่อว่าต่อให้เสี่ยวเชี่ยนไม่หารุ่นพี่ที่เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาเป็นผู้ช่วย เธอก็ยังคงแข่งได้อย่างสบายๆอยู่ดี การที่เถ้าแก่ใหญ่กับเสี่ยวเชี่ยนให้ต้าอีมา อันที่จริงก็เพื่ออยากให้ต้าอีมีประสบการณ์แข่งขัน อีกหน่อยเธอจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ไม่น้อยแน่นอน       ตัวประกอบที่เคยยืนดูอยู่ข้างๆอยู่ๆต้องมาเป็นตัวเอก ต้าอีรู้สึกว่าสถิติไม่แพ้ของประธานเชี่ยนต้องมาพลั้งพลาดในมือเธอแน่แล้ว เธอคือตัวซวยของประธานเชี่ยน ตัวซวยของตระกูลอวี๋ หรือแม้กระทั่งเป็นตัวซวยของมหาวิทยาลัย ประวัติศาสตร์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่…       ตัวแทนของมหาวิทยาลัยที่มาเข้าร่วมแข่งขันมีหลายคน แต่ก็ตกรอบแรกไปหลายคนแล้ว เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน แต่เสี่ยวเชี่ยนเป็นตัวเก็ง       วันแรกประธานเชี่ยนได้คะแนนเต็ม ทิ้งห่างอันดับสองชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น ทุกคนกำลังรอดูทีเด็ดของประธานเชี่ยน ใครจะไปรู้ว่าวันที่สองเธอจะขาดแข่ง ต้าอีเกลียดตัวเองที่ทำไมไม่มีความรู้มากกว่านี้ ทำไมรับมือแทนประธานเชี่ยนตามลำพังไม่ได้       “ตื่นนอนตีห้าครึ่งเป๊ะทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนปิดเทอม อ่านหนังสือก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปทำอาหารเช้าให้คนในบ้าน ระหว่างทางไปเรียนก็อ่านเคสคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนให้ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา คุณเคยนั่งเลยป้ายเกินยี่สิบครั้งเพราะอ่านจนเพลิน หลังจากที่เรียนมาทั้งวันแล้วคุณก็กลับมาทำอาหารให้คนในบ้าน เล่านิทานให้พ่านพ่านฟัง เวลาสามทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มถ้าผมอยู่บ้านเราก็จะใช้เวลาด้วยกัน แต่วันต่อมาคุณก็จะตื่นเช้าหน่อยเพื่ออ่านหนังสือชดเชย”       พี่รองพูดตรงทุกอย่าง ต้าอีมองเขาอย่างอึ้งๆ       พี่รองพูดต่อ       “บางครั้งผมก็เกิดความขัดแย้งในใจ ผมอยากให้คุณไม่สบายเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คุณป่วย เพราะถ้าคุณไม่สบายขึ้นมาก็ต้องพักสองวัน ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไร ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”       ดังนั้นหากเขาอยู่บ้านก็จะคอยคิดหาวิธีลากต้าอีไปออกกำลังกายหรือไม่ก็ลากไปที่เตียง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นเธอถึงจะไม่ต้องเหนื่อย       ต้าอีไม่นึกว่าพี่รองจะพูดแบบนี้ออกมา ดวงตาเธอเริ่มแดงเล็กน้อย       “ฉันคิดว่าคุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้เสียอีก…”       ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขาคอยมองเธออยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งจำรายละเอียดการใช้ชีวิตของเธอได้เป๊ะขนาดนี้       “ผมไม่เคยเจอนักเรียนที่ขยันแบบคุณมาก่อน คุณอยากเป็นเบอร์สองต่อจากเฉินเสี่ยวเชี่ยน เป้าหมายของคุณคือเป็นแบบเขา คุณถึงได้พยายามมากกว่าคนทั่วไป แต่ในสายตาของผม ไม่ว่าในอนาคตคุณจะทำได้ถึงระดับไหนนั่นไม่สำคัญ ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขก็พอ”       “หมิงอี้…”       น้ำตาเธอพรั่งพรูออกมา       น้อยครั้งที่เธอจะเรียกชื่อเขาเวลาอยู่ข้างนอก มีแค่ตอนอยู่บนเตียงเวลาอารมณ์ถึงขีดสุดเท่านั้นเธอถึงจะเรียกชื่อเขาออกมา แต่เวลานี้ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้กอดกัน แต่หัวใจกลับใกล้กัน       เรื่องที่มีความสุขที่สุดคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่มีคนเข้าใจเรา มีคนรู้ว่าเราพยายามมาตลอด       “ความมั่นใจมาจากความพยายามตอนปกติ และคุณพยายามมาตลอดแบบนี้ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกลัวหรือเครียดอะไร แค่ทำเหมือนตอนปกติเป็นพอ การที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนให้คุณมาก็แสดงว่าเขาเชื่อในความสามารถของคุณ บนโลกนี้อัจฉริยะอย่างเฉินเสี่ยวเชี่ยนมีน้อย แต่ในสายตาของผม มีคุณเพียงคนเดียว ไปเถอะ”       พี่รองจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ ต้าอีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ประหนึ่งได้ยากระตุ้นเข้าร่างกาย  

เวลาค่อยๆผ่านไป  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกำลังพูดชักจูงคนร้ายเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกมา การพูดคุยของเธอเหมือนการคุยไร้สาระทั่วไป ชาวบ้านที่มามุงดูบางคนเริ่มทนอากาศร้อนไม่ไหว บางคนถึงกับแอบซุบซิบกัน  

 

 

นักเจรจาคนนี้ทำไมไม่เห็นเหมือนในหนังเลย ถึงจะพูดสำเนียงคล้ายกัน แต่ฟังดูเหมือนไม่มีสาระสำคัญอะไร  

 

 

“จะไหวมั้ยเนี่ย?”  

 

 

“นั่นสิ ทำไมไม่เข้าเรื่องซักทีล่ะ?”  

 

 

“รัฐบาลดีแต่เอาเงินพวกเราไปใช้ฟุ่มเฟือย ดูคนพวกนี้ทำงานสิ ไม่เห็นมีความสามารถเลย”  

 

 

ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆพากันวิพากษ์วิจารณ์จนไปถึงหูอวี๋หมิงหลาง เขาหันไปถลึงตาดุคนพวกนั้น คนนอกวงการก็ดีแต่วิจารณ์ เมียเขาจะพูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ได้ไง? นี่มันเทคนิคของเธอ  

 

 

การเกลี้ยกล่อมของเสี่ยวเชี่ยนยังคงดำเนินต่อไป ทันใดนั้นโทรศัพท์ของแม่อวี๋ก็ดังขึ้น  

 

 

ต้าอีโทรมา  

 

 

“แม่คะ ทำไมประธานเชี่ยนยังมาไม่ถึงล่ะคะ?”  

 

 

“ทางนี้เจอเรื่องนิดหน่อยจ้ะ”  

 

 

“ทางฝ่ายจัดงานบอกว่า ถ้าอีกสิบนาทียังมาไม่ถึงเขาจะปิดไม่ให้เข้าแล้วค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ข้างในแล้วค่ะ ทำไงดีคะ”  

 

 

น้ำเสียงของต้าอีดูร้อนใจมาก  

 

 

แม่อวี๋เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อวี๋หมิงหลางขอโทรศัพท์มาพูดกับต้าอี  

 

 

“ลูกเชี่ยนบอกว่า ถ้าเขาไปไม่ได้คุณก็เข้าแทน”  

 

 

“หา? ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยนะ…” ต้าอีช็อค  

 

 

“ลูกเชี่ยนบอกว่าเขาเชื่อใจคุณ ให้คุณตัดสินใจได้เลย”  

 

 

อวี๋หมิงหลางพูดจบก็วางสาย  

 

 

ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจะเสียสมาธิไม่ได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปถามเธอ ทำได้แค่แก้ปัญหาในมุมมองของเสี่ยวเชี่ยน  

 

 

ต้าอีไปไม่ถูกเลยทีเดียว  

 

 

เวลานี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เริ่มประกาศให้ผู้เข้าแข่งขันทยอยเข้าสนามแข่งแล้ว ต้าอียืนลังเลอยู่หน้าห้องถ่ายทอดสด  

 

 

“เสี่ยวเชี่ยนไม่มาแล้วเหรอ?” พี่รองจูงพ่านพ่าน วันนี้เขาหยุดจึงมาดูแลครอบครัวได้  

 

 

ต้าอีร้อนใจจนหน้าซีด  

 

 

“ใช่ค่ะ หมิงหลางบอกให้ฉันเข้าแทนประธานเชี่ยน แต่ฉันจะทำแทนประธานเชี่ยนได้ไงคะ?”  

 

 

เธอการศึกษาต่ำสุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน แถมไม่ได้มีประสบการณ์การรักษามากมายเลยด้วย  

 

 

และที่สำคัญกว่าคือ เธอเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่ผู้เข้าแข่งขัน  

 

 

ถ้าประธานเชี่ยนไม่มา เธอเป็นตัวแทนประธานเชี่ยนเข้าสู้กับอีกฝ่ายที่มีสองคน จะทำได้จริงๆเหรอ?  

 

 

แล้วแบบนี้จะยังอยู่ในกติกาหรือเปล่า?  

 

 

ต้าอีเดินไปมาอย่างร้อนใจ เธอไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน หัวใจร้อนรุ่มดั่งมีไฟแผดเผา  

 

 

“เขาให้คุณเข้าแทนคุณเข้าแทนก็จบ”  

 

 

ถึงพี่รองจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่โทรหาเสี่ยวเชี่ยนไม่ติด กลายเป็นอวี๋หมิงหลางคุยกับต้าอี นั่นก็แสดงว่าคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น  

 

 

ในเวลาแบบนี้เป็นการทดสอบจิตใจสุดๆ ถึงต้าอีจะมีความคิดความอ่านโตกว่าคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่อย่างไรเสียก็ยังขาดประสบการณ์ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงฝึกงาน พอเจอเรื่องใหญ่แบบนี้เลยร้อนใจใหญ่  

 

 

“ฉันจะทำแทนเขายังไงคะ การแข่งขันครั้งนี้สำคัญกับประธานเชี่ยนมาก ถ้าฉันทำผิดพลาดกลายเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยนจะทำไงล่ะคะ จนถึงตอนนี้ประธานเชี่ยนยังไม่พลาดเลยนะคะ ทำไงดีพี่รอง…”  

 

 

ต้าอีทำเสียงเหมือนจะร้องไห้  

 

 

เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงประธานเชี่ยน  

 

 

ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่สู้หารุ่นพี่มาเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนดีกว่า ถ้าผู้ช่วยของประธานเชี่ยนเป็นดอกเตอร์หรือนักศึกษาปริญญาโทปริญญาเอกคงไม่มีทางเกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้  

 

 

ได้รับภารกิจอย่างกะทันหัน อยู่ๆต้องมาแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่  

 

 

มืออุ่นๆของอวี๋หมิงอี้แนบไปที่หน้าเธอ อุณหภูมิในร่างกายของเขาที่ต่ำกว่าคนทั่วไปทำให้ต้าอีคลายความวิตกกังวลลง เธอมองเขาอย่างคนอับจนหนทาง  

 

 

“ผมมักจะพูดกับนักบินใหม่บ่อยๆว่า ความมั่นใจที่เชื่อว่าจะชนะจะช่วยกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากที่สุด คุณต้องเชื่อว่าอุปสรรคก็คือสปริง คุณแข็งแกร่งมันก็อ่อนแอ คุณอ่อนแอมันก็แข็งแกร่ง คุณต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ถึงจะทำได้สำเร็จ”  

 

 

“แต่ระดับการศึกษาฉันต่ำนะ ฉันไม่มีประสบการณ์การรักษาด้วย…ทำไมฉันถึงได้รับปากเป็นผู้ช่วยประธานเชี่ยนนะ”  

 

 

ต้าอีรู้สึกเสียใจมากที่ตอบรับเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน ทุกคนต่างเชื่อมั่นในความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เชื่อว่าต่อให้เสี่ยวเชี่ยนไม่หารุ่นพี่ที่เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันมาเป็นผู้ช่วย เธอก็ยังคงแข่งได้อย่างสบายๆอยู่ดี การที่เถ้าแก่ใหญ่กับเสี่ยวเชี่ยนให้ต้าอีมา อันที่จริงก็เพื่ออยากให้ต้าอีมีประสบการณ์แข่งขัน อีกหน่อยเธอจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ไม่น้อยแน่นอน  

 

 

ตัวประกอบที่เคยยืนดูอยู่ข้างๆอยู่ๆต้องมาเป็นตัวเอก ต้าอีรู้สึกว่าสถิติไม่แพ้ของประธานเชี่ยนต้องมาพลั้งพลาดในมือเธอแน่แล้ว เธอคือตัวซวยของประธานเชี่ยน ตัวซวยของตระกูลอวี๋ หรือแม้กระทั่งเป็นตัวซวยของมหาวิทยาลัย ประวัติศาสตร์ไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่…  

 

 

ตัวแทนของมหาวิทยาลัยที่มาเข้าร่วมแข่งขันมีหลายคน แต่ก็ตกรอบแรกไปหลายคนแล้ว เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน แต่เสี่ยวเชี่ยนเป็นตัวเก็ง  

 

 

วันแรกประธานเชี่ยนได้คะแนนเต็ม ทิ้งห่างอันดับสองชนิดที่ไม่เห็นฝุ่น ทุกคนกำลังรอดูทีเด็ดของประธานเชี่ยน ใครจะไปรู้ว่าวันที่สองเธอจะขาดแข่ง ต้าอีเกลียดตัวเองที่ทำไมไม่มีความรู้มากกว่านี้ ทำไมรับมือแทนประธานเชี่ยนตามลำพังไม่ได้  

 

 

“ตื่นนอนตีห้าครึ่งเป๊ะทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่ตอนปิดเทอม อ่านหนังสือก่อนครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ไปทำอาหารเช้าให้คนในบ้าน ระหว่างทางไปเรียนก็อ่านเคสคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนให้ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา คุณเคยนั่งเลยป้ายเกินยี่สิบครั้งเพราะอ่านจนเพลิน หลังจากที่เรียนมาทั้งวันแล้วคุณก็กลับมาทำอาหารให้คนในบ้าน เล่านิทานให้พ่านพ่านฟัง เวลาสามทุ่มครึ่งถึงห้าทุ่มถ้าผมอยู่บ้านเราก็จะใช้เวลาด้วยกัน แต่วันต่อมาคุณก็จะตื่นเช้าหน่อยเพื่ออ่านหนังสือชดเชย”  

 

 

พี่รองพูดตรงทุกอย่าง ต้าอีมองเขาอย่างอึ้งๆ  

 

 

พี่รองพูดต่อ  

 

 

“บางครั้งผมก็เกิดความขัดแย้งในใจ ผมอยากให้คุณไม่สบายเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้คุณป่วย เพราะถ้าคุณไม่สบายขึ้นมาก็ต้องพักสองวัน ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไร ผมไม่อยากให้คุณลำบาก”  

 

 

ดังนั้นหากเขาอยู่บ้านก็จะคอยคิดหาวิธีลากต้าอีไปออกกำลังกายหรือไม่ก็ลากไปที่เตียง มีเพียงแบบนี้เท่านั้นเธอถึงจะไม่ต้องเหนื่อย  

 

 

ต้าอีไม่นึกว่าพี่รองจะพูดแบบนี้ออกมา ดวงตาเธอเริ่มแดงเล็กน้อย  

 

 

“ฉันคิดว่าคุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้เสียอีก…”  

 

 

ส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขาคอยมองเธออยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งจำรายละเอียดการใช้ชีวิตของเธอได้เป๊ะขนาดนี้  

 

 

“ผมไม่เคยเจอนักเรียนที่ขยันแบบคุณมาก่อน คุณอยากเป็นเบอร์สองต่อจากเฉินเสี่ยวเชี่ยน เป้าหมายของคุณคือเป็นแบบเขา คุณถึงได้พยายามมากกว่าคนทั่วไป แต่ในสายตาของผม ไม่ว่าในอนาคตคุณจะทำได้ถึงระดับไหนนั่นไม่สำคัญ ผมแค่อยากให้คุณมีความสุขก็พอ”  

 

 

“หมิงอี้…”  

 

 

น้ำตาเธอพรั่งพรูออกมา  

 

 

น้อยครั้งที่เธอจะเรียกชื่อเขาเวลาอยู่ข้างนอก มีแค่ตอนอยู่บนเตียงเวลาอารมณ์ถึงขีดสุดเท่านั้นเธอถึงจะเรียกชื่อเขาออกมา แต่เวลานี้ถึงทั้งสองคนจะไม่ได้กอดกัน แต่หัวใจกลับใกล้กัน  

 

 

เรื่องที่มีความสุขที่สุดคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่มีคนเข้าใจเรา มีคนรู้ว่าเราพยายามมาตลอด  

 

 

“ความมั่นใจมาจากความพยายามตอนปกติ และคุณพยายามมาตลอดแบบนี้ ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องกลัวหรือเครียดอะไร แค่ทำเหมือนตอนปกติเป็นพอ การที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนให้คุณมาก็แสดงว่าเขาเชื่อในความสามารถของคุณ บนโลกนี้อัจฉริยะอย่างเฉินเสี่ยวเชี่ยนมีน้อย แต่ในสายตาของผม มีคุณเพียงคนเดียว ไปเถอะ”  

 

 

พี่รองจูบเบาๆที่หน้าผากเธอ ต้าอีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ประหนึ่งได้ยากระตุ้นเข้าร่างกาย  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+