แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 875 ไม่ได้รับยา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 875 ไม่ได้รับยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ที่นั่งของเสี่ยวเชี่ยนอยู่ห่างจากเวทีระยะหนึ่ง หากต้าอีเงยหน้าก็น่าจะเห็นเธอ แต่เวลานี้ต้าอีกำลังรวบรวมสมาธิ สายตาเธอไม่วอกแวก เธอมองแค่คำถามที่อยู่บนหน้าจอตรงหน้าเท่านั้น บุคลิกแบบนี้เหมือนเสี่ยวเชี่ยนมาก  

 

 

สมกับเป็นลูกศิษย์ที่เสี่ยวเชี่ยนปั้นมากับมือ แทนเธอได้ในช่วงเวลาสำคัญ เสี่ยวเชี่ยนแสดงออกอย่างพอใจ สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการแข่งแล้ว ต้าอีในเวลานี้ทำได้ดีมาก  

 

 

มีข้อความเข้าเสี่ยวเชี่ยนจึงกดดู อวี๋หมิงหลางส่งมา  

 

 

ไม่ต้องโมโห  

 

 

เธอยิ้มมุมปาก เข้าใจความหมายของเขาแล้ว  

 

 

เสียงกริ่งเรียกความสนใจของเสี่ยวเชี่ยนกลับมา เธอลบข้อความนั้นทิ้งแล้วเงยหน้ามองจอใหญ่ พิธีประกาศเนื้อหาการแข่งของต้าอีในรอบนี้  

 

 

สำหรับคนอื่นแล้วไม่ค่อยยาก แต่สำหรับต้าอีกลับเหมือนถูกเอาปืนจ่อหัว  

 

 

หัวข้อที่ต้าอีได้คือ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องข้อพิพาทระหว่างคนไข้กับนักจิตวิทยาบำบัด?  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนขมวดคิ้ว คำถามที่ดูเหมือนง่ายแบบนี้แต่กลับเป็นคำถามที่ยากจะได้คะแนนสูง  

 

 

หลังจากที่ประกาศคำถามเสร็จก็จะให้เวลาเตรียมตัวครึ่งชั่วโมง ต้าอีคิดคำตอบพลางจดโน้ตเอาไว้คร่าวๆ  

 

 

สมองของเธอเกิดอาการสับสนเล็กน้อย คำถามนี้ดูเหมือนง่าย แต่คิดคำตอบไม่ง่าย  

 

 

อีกทั้งเธอจับฉลากได้ลำดับการออกคนท้ายๆ กลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน เธอออกมาลำดับที่สาม  

 

 

ถึงทุกคนจะแยกกันตอบ ไม่มีใครได้ยินอีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น แต่ในสายตาของคณะกรรมการย่อมมีลำดับคนมาก่อนหลัง ถ้าความคิดของเธอไม่แปลกใหม่แถมยังซ้ำกับคนก่อนหน้า เธอก็คงได้คะแนนไม่สูง ต้าอีพยายามคิดหาทาง  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนั่งจ้องต้าอีจากด้านล่างเวที เธอวิเคราะห์ระดับความมั่นใจของต้าอีในตอนนี้ผ่านทางสีหน้า  

 

 

เธอรู้สึกได้ว่าต้าอีพอมีแนวทางแล้ว คิดหาคำตอบของตัวเองได้อย่างแน่นอน  

 

 

ถ้าต้าอีเขียนต่อย่อมทำทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวเองได้อย่างไม่มีปัญหาแน่ แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยขึ้นในเวลานี้  

 

 

แสงไฟในห้องออกอากาศกระพริบเล็กน้อย ต้าอีจึงมองไปรอบๆโดยอัตโนมัติ  

 

 

แล้วเธอก็เห็นประธานเชี่ยนนั่งอยู่ในหมู่คนดู แม้แต่แม่สามีเธอก็ยังมองข้ามไป  

 

 

ต้าอีก้าวไปทางเสี่ยวเชี่ยนหนึ่งก้าวด้วยความตื่นเต้น แต่เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าให้เธอ เธอจึงถอยกลับไป  

 

 

ต้าอีเข้าใจทันที  

 

 

เธอรู้ว่าการที่ประธานเชี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้นก็แสดงว่าขึ้นมาไม่ได้แล้ว  

 

 

วินาทีที่เสี่ยวเชี่ยนสบตากับต้าอีนั้นอยู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้  

 

 

แย่แล้ว  

 

 

ถ้าต้าอีไม่เห็นเธอเวลานี้ก็คงคิดหาคำตอบได้แล้ว แต่พอเห็นว่าประธานเชี่ยนอยู่ความคิดของต้าอีก็ขาดตอนไปชั่วขณะ มัวแต่คิดว่าทำไงดีประธานเชี่ยน  

 

 

หลักการนี้คนที่เคยเลี้ยงเด็กจะรู้ เวลาที่มีผู้ปกครองอยู่ข้างๆเด็กก็จะงี่เง่าเอาแต่ใจสารพัด แต่ถ้าผู้ปกครองไม่อยู่ด้วยทิ้งไว้กับคนอื่น เด็กหลายคนก็จะพึ่งพาตัวเองได้ขึ้นมาทันที  

 

 

ความเลื่อมใสในตัวประธานเชี่ยนของต้าอีนั้นมีมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พอเห็นประธานเชี่ยนคำตอบที่คิดไว้ก็หายไป  

 

 

ตอนนี้ประธานเชี่ยนนั่งเป็นผู้ชม…ต้าอีมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความร้อนใจ หวังว่าเสี่ยวเชี่ยนที่ไม่อาจขึ้นมาบนเวทีได้จะพอทำให้เธอเกิดความคิดอะไรได้บ้าง  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็กำลังหาทางว่าทำอย่างไรถึงจะเรียกสมาธิต้าอีกลับมา…คิดออกแล้ว  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกำหมัดแล้วทำท่าเหมือนชกหน้าตัวเอง จากนั้นก็กลับไปทำตัวปกติ ไม่ว่าต้าอีจะมองเธออย่างไรเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาแล้ว  

 

 

นี่มันหมายความว่าไง…  

 

 

ถ้าหากเป็นคนที่อยู่ด้วยกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน แต่ถ้าเป็นคนอื่นอาจคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนหมายความว่า ถ้าทำไม่ดีโดนอัดแน่  

 

 

แต่ต้าอีรู้จักนิสัยของเสี่ยวเชี่ยนดี ท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนแบบนั้นจะต้องเป็นคำตอบแน่ แล้วมันคืออะไร…  

 

 

หากวิเคราะห์จากนิสัยประธานเชี่ยนที่ปกติไม่พูดไร้สาระ ท่าทางแบบนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการเรียนหรือไม่ก็การทำงานของเธอแน่นอน ช่วงนี้เธอไม่ได้เรียนทฤษฎีอะไรเลย ก็มีแค่ฝึกงานในโรงพยาบาล…ฝึกงาน  

 

 

ต้าอีนึกออกแล้ว ดวงตาเธอเปล่งประกายขึ้นมาทันที  

 

 

ใช่ การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  

 

 

ประธานเชี่ยนแนะนำเธอว่าคำตอบของข้อนี้ให้อ้างอิงจากเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว  

 

 

ในบรรดาเคสการใช้ความรุนแรงในครอบครัว สิ่งที่ประธานเชี่ยนต้องการให้เธอตระหนักถึงก็คือ การเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมา  

 

 

ถ้าอย่างนั้นในเวลานี้ประธานเชี่ยนก็น่าจะหมายความว่า ให้เธอเขียนไปตามความคิดเดิมที่คิดไว้ หรือจะเข้าใจว่าให้เธอเอาศีลธรรมของหมอเป็นที่ตั้งก็ได้  

 

 

พอมีแนวคิดทุกอย่างก็ราบรื่น ต้าอีจดลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเชี่ยนเองก็โล่งอก  

 

 

“เมื่อกี้หนูพูดอะไรกับเขาเหรอ?” แม่อวี๋เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำท่าทางใส่ต้าอี หลังจากนั้นต้าอีก็เหมือนมีพลังขึ้นมาทันที  

 

 

“บอกให้เขาเขียนให้เต็มที่ค่ะ ไม่ต้องกั๊ก”  

 

 

“…แค่นั้นเองเหรอ?” แม่อวี๋รู้สึกเหลือเชื่อมาก  

 

 

“นี่ก็ล้วนอยู่บนพื้นฐานความรู้ที่แน่นมากของเขาค่ะ ถ้าปกติเขาไม่เป็นคนขยันหนูทำท่าอะไรไปเขาก็คงไม่เข้าใจ”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกผ่อนคลาย เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางมองคนผิด  

 

 

การแข่งขันในวันนี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละคนก็ผลัดกันขึ้นเวทีไปตอบคำถาม ตอบเสร็จก็ไปรอฟังผลในจุดที่จัดไว้ จะไม่ได้ยินผู้เข้าแข่งขันคนอื่นตอบ  

 

 

แต่ผู้ชมจะได้ยินคำตอบของทุกคน  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตั้งใจฟังคำตอบสองคนก่อนหน้าในกลุ่มต้าอี พอไหว ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ถ้าประธานเชี่ยนเป็นกรรมการมากสุดก็ให้แค่ผ่าน  

 

 

ถึงต้าอีแล้ว ประธานเชี่ยนกับแม่อวี๋ตั้งใจดูมาก ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังรอดูศิษย์รักแสดงความสามารถอยู่นั้น อยู่ๆก็มีขวดน้ำโซดาถูกยื่นมาตรงหน้า  

 

 

“Hi~” ชีอวี่เซวียนสวมชุดขาวมาอีกแล้ว เขาดูจะชื่นชอบสีขาวเป็นพิเศษ  

 

 

เขาแกว่งขวดโซดาไปมาต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนรับมาแล้วส่งให้แม่อวี๋  

 

 

“ผมคิดว่าจะได้เห็นคุณอยู่บนเวทีเสียอีก”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่ “คนกำหนดหรือจะสู้ฟ้าลิขิต”  

 

 

“นี่คือ…?” แม่อวี๋ไม่เคยเจอชีอวี่เซวียนมาก่อน  

 

 

“นี่คือศาสตราจารย์ชีอวี่เซวียนที่มีชื่อเสียงมากในแวดวงประสาทวิทยาค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนแนะนำให้รู้จัก แถมพูดเสริมในใจ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาเพราะไม่รู้ว่าเป็นโรคประสาทอะไร  

 

 

“สวัสดีครับคุณแม่” ชีอวี่เซวียนโบกมือทักทายแม่อวี๋  

 

 

แม่อวี๋อึ้งกับคำเรียก ชีอวี่เซวียนรีบอธิบาย  

 

 

“ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของเสี่ยวเชี่ยนครับ เรียกว่าคุณแม่คงไม่ว่าอะไรนะครับ?”  

 

 

“เอ่อ…” แม่อวี๋ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่า?  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนปวดขมับตุบๆ  

 

 

“เขาโตที่เมืองนอกน่ะค่ะเลยไม่ค่อยเข้าใจมารยาทในบ้านเราเท่าไร อีกอย่างอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของฉันก็ไม่ใช่คุณด้วยค่ะ”  

 

 

“ฮี่ๆ~” ศาสตราจารย์ชียิ้มไม่พูดอะไร  

 

 

แม่อวี๋เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำท่าทางเย็นชาใส่ศาสตราจารย์ชีก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ช่างเถอะ เรื่องของเด็กๆปล่อยให้จัดการกันเองแล้วกัน  

 

 

“คนสวย ผมนั่งด้วยได้ไหมครับ?” ศาสตราจารย์ชีถามผู้หญิงที่อยู่ข้างเสี่ยวเชี่ยน  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะบอกว่ามีคนนั่ง แต่ศาสตราจารย์ชีที่หันหลังให้เสี่ยวเชี่ยนก็ยัดคูปองเงินสดให้ผู้หญิงคนนั้นสองใบแล้วชี้ไปที่นั่งเดิมของตัวเอง ซึ่งเป็นที่นั่งใกล้เวทีมากกว่าตรงนี้  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้น ศาสตราจารย์ชีจึงได้นั่งข้างเสี่ยวเชี่ยนสมใจ  

 

 

“ตรงนี้ถือเป็นที่นั่งวีไอพีแล้ว ทำไมคุณถึงได้กล้าใช้เงินยั่วโมโหคนอื่น?” ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่เห็นตอนศาสตราจารย์ชียัดเงิน แต่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นกำคูปองแล้วเดินออกไป  

 

 

“ง่ายมาก ถึงฐานะทางบ้านของเขาจะใช้ได้ แต่กลับมีนิสัยชอบช้อปปิ้ง แล้วคนแบบนี้มีเหรอจะปฏิเสธคูปองเงินสด?” ศาสตราจารย์ชียิ้มตาหยีให้เสี่ยวเชี่ยน  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอึ้งพลางหันไปมองเขา  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นนั่งข้างเธอมาสักพักเธอยังดูไม่ออกเลยว่ามีนิสัยชอบช้อปปิ้ง แต่ชีอวี่เซวียนที่เพิ่งมากลับดูออก?  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 875 ไม่ได้รับยา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 875 ไม่ได้รับยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

 

ที่นั่งของเสี่ยวเชี่ยนอยู่ห่างจากเวทีระยะหนึ่ง หากต้าอีเงยหน้าก็น่าจะเห็นเธอ แต่เวลานี้ต้าอีกำลังรวบรวมสมาธิ สายตาเธอไม่วอกแวก เธอมองแค่คำถามที่อยู่บนหน้าจอตรงหน้าเท่านั้น บุคลิกแบบนี้เหมือนเสี่ยวเชี่ยนมาก  

 

 

สมกับเป็นลูกศิษย์ที่เสี่ยวเชี่ยนปั้นมากับมือ แทนเธอได้ในช่วงเวลาสำคัญ เสี่ยวเชี่ยนแสดงออกอย่างพอใจ สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการแข่งแล้ว ต้าอีในเวลานี้ทำได้ดีมาก  

 

 

มีข้อความเข้าเสี่ยวเชี่ยนจึงกดดู อวี๋หมิงหลางส่งมา  

 

 

ไม่ต้องโมโห  

 

 

เธอยิ้มมุมปาก เข้าใจความหมายของเขาแล้ว  

 

 

เสียงกริ่งเรียกความสนใจของเสี่ยวเชี่ยนกลับมา เธอลบข้อความนั้นทิ้งแล้วเงยหน้ามองจอใหญ่ พิธีประกาศเนื้อหาการแข่งของต้าอีในรอบนี้  

 

 

สำหรับคนอื่นแล้วไม่ค่อยยาก แต่สำหรับต้าอีกลับเหมือนถูกเอาปืนจ่อหัว  

 

 

หัวข้อที่ต้าอีได้คือ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องข้อพิพาทระหว่างคนไข้กับนักจิตวิทยาบำบัด?  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนขมวดคิ้ว คำถามที่ดูเหมือนง่ายแบบนี้แต่กลับเป็นคำถามที่ยากจะได้คะแนนสูง  

 

 

หลังจากที่ประกาศคำถามเสร็จก็จะให้เวลาเตรียมตัวครึ่งชั่วโมง ต้าอีคิดคำตอบพลางจดโน้ตเอาไว้คร่าวๆ  

 

 

สมองของเธอเกิดอาการสับสนเล็กน้อย คำถามนี้ดูเหมือนง่าย แต่คิดคำตอบไม่ง่าย  

 

 

อีกทั้งเธอจับฉลากได้ลำดับการออกคนท้ายๆ กลุ่มนี้มีทั้งหมดสี่คน เธอออกมาลำดับที่สาม  

 

 

ถึงทุกคนจะแยกกันตอบ ไม่มีใครได้ยินอีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น แต่ในสายตาของคณะกรรมการย่อมมีลำดับคนมาก่อนหลัง ถ้าความคิดของเธอไม่แปลกใหม่แถมยังซ้ำกับคนก่อนหน้า เธอก็คงได้คะแนนไม่สูง ต้าอีพยายามคิดหาทาง  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนั่งจ้องต้าอีจากด้านล่างเวที เธอวิเคราะห์ระดับความมั่นใจของต้าอีในตอนนี้ผ่านทางสีหน้า  

 

 

เธอรู้สึกได้ว่าต้าอีพอมีแนวทางแล้ว คิดหาคำตอบของตัวเองได้อย่างแน่นอน  

 

 

ถ้าต้าอีเขียนต่อย่อมทำทุกอย่างได้สำเร็จลุล่วงด้วยตัวเองได้อย่างไม่มีปัญหาแน่ แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยขึ้นในเวลานี้  

 

 

แสงไฟในห้องออกอากาศกระพริบเล็กน้อย ต้าอีจึงมองไปรอบๆโดยอัตโนมัติ  

 

 

แล้วเธอก็เห็นประธานเชี่ยนนั่งอยู่ในหมู่คนดู แม้แต่แม่สามีเธอก็ยังมองข้ามไป  

 

 

ต้าอีก้าวไปทางเสี่ยวเชี่ยนหนึ่งก้าวด้วยความตื่นเต้น แต่เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าให้เธอ เธอจึงถอยกลับไป  

 

 

ต้าอีเข้าใจทันที  

 

 

เธอรู้ว่าการที่ประธานเชี่ยนนั่งอยู่ตรงนั้นก็แสดงว่าขึ้นมาไม่ได้แล้ว  

 

 

วินาทีที่เสี่ยวเชี่ยนสบตากับต้าอีนั้นอยู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้  

 

 

แย่แล้ว  

 

 

ถ้าต้าอีไม่เห็นเธอเวลานี้ก็คงคิดหาคำตอบได้แล้ว แต่พอเห็นว่าประธานเชี่ยนอยู่ความคิดของต้าอีก็ขาดตอนไปชั่วขณะ มัวแต่คิดว่าทำไงดีประธานเชี่ยน  

 

 

หลักการนี้คนที่เคยเลี้ยงเด็กจะรู้ เวลาที่มีผู้ปกครองอยู่ข้างๆเด็กก็จะงี่เง่าเอาแต่ใจสารพัด แต่ถ้าผู้ปกครองไม่อยู่ด้วยทิ้งไว้กับคนอื่น เด็กหลายคนก็จะพึ่งพาตัวเองได้ขึ้นมาทันที  

 

 

ความเลื่อมใสในตัวประธานเชี่ยนของต้าอีนั้นมีมากแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พอเห็นประธานเชี่ยนคำตอบที่คิดไว้ก็หายไป  

 

 

ตอนนี้ประธานเชี่ยนนั่งเป็นผู้ชม…ต้าอีมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความร้อนใจ หวังว่าเสี่ยวเชี่ยนที่ไม่อาจขึ้นมาบนเวทีได้จะพอทำให้เธอเกิดความคิดอะไรได้บ้าง  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็กำลังหาทางว่าทำอย่างไรถึงจะเรียกสมาธิต้าอีกลับมา…คิดออกแล้ว  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกำหมัดแล้วทำท่าเหมือนชกหน้าตัวเอง จากนั้นก็กลับไปทำตัวปกติ ไม่ว่าต้าอีจะมองเธออย่างไรเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาแล้ว  

 

 

นี่มันหมายความว่าไง…  

 

 

ถ้าหากเป็นคนที่อยู่ด้วยกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน แต่ถ้าเป็นคนอื่นอาจคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนหมายความว่า ถ้าทำไม่ดีโดนอัดแน่  

 

 

แต่ต้าอีรู้จักนิสัยของเสี่ยวเชี่ยนดี ท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนแบบนั้นจะต้องเป็นคำตอบแน่ แล้วมันคืออะไร…  

 

 

หากวิเคราะห์จากนิสัยประธานเชี่ยนที่ปกติไม่พูดไร้สาระ ท่าทางแบบนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการเรียนหรือไม่ก็การทำงานของเธอแน่นอน ช่วงนี้เธอไม่ได้เรียนทฤษฎีอะไรเลย ก็มีแค่ฝึกงานในโรงพยาบาล…ฝึกงาน  

 

 

ต้าอีนึกออกแล้ว ดวงตาเธอเปล่งประกายขึ้นมาทันที  

 

 

ใช่ การใช้ความรุนแรงในครอบครัว  

 

 

ประธานเชี่ยนแนะนำเธอว่าคำตอบของข้อนี้ให้อ้างอิงจากเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว  

 

 

ในบรรดาเคสการใช้ความรุนแรงในครอบครัว สิ่งที่ประธานเชี่ยนต้องการให้เธอตระหนักถึงก็คือ การเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมา  

 

 

ถ้าอย่างนั้นในเวลานี้ประธานเชี่ยนก็น่าจะหมายความว่า ให้เธอเขียนไปตามความคิดเดิมที่คิดไว้ หรือจะเข้าใจว่าให้เธอเอาศีลธรรมของหมอเป็นที่ตั้งก็ได้  

 

 

พอมีแนวคิดทุกอย่างก็ราบรื่น ต้าอีจดลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเชี่ยนเองก็โล่งอก  

 

 

“เมื่อกี้หนูพูดอะไรกับเขาเหรอ?” แม่อวี๋เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำท่าทางใส่ต้าอี หลังจากนั้นต้าอีก็เหมือนมีพลังขึ้นมาทันที  

 

 

“บอกให้เขาเขียนให้เต็มที่ค่ะ ไม่ต้องกั๊ก”  

 

 

“…แค่นั้นเองเหรอ?” แม่อวี๋รู้สึกเหลือเชื่อมาก  

 

 

“นี่ก็ล้วนอยู่บนพื้นฐานความรู้ที่แน่นมากของเขาค่ะ ถ้าปกติเขาไม่เป็นคนขยันหนูทำท่าอะไรไปเขาก็คงไม่เข้าใจ”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกผ่อนคลาย เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางมองคนผิด  

 

 

การแข่งขันในวันนี้แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละคนก็ผลัดกันขึ้นเวทีไปตอบคำถาม ตอบเสร็จก็ไปรอฟังผลในจุดที่จัดไว้ จะไม่ได้ยินผู้เข้าแข่งขันคนอื่นตอบ  

 

 

แต่ผู้ชมจะได้ยินคำตอบของทุกคน  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตั้งใจฟังคำตอบสองคนก่อนหน้าในกลุ่มต้าอี พอไหว ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ถ้าประธานเชี่ยนเป็นกรรมการมากสุดก็ให้แค่ผ่าน  

 

 

ถึงต้าอีแล้ว ประธานเชี่ยนกับแม่อวี๋ตั้งใจดูมาก ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังรอดูศิษย์รักแสดงความสามารถอยู่นั้น อยู่ๆก็มีขวดน้ำโซดาถูกยื่นมาตรงหน้า  

 

 

“Hi~” ชีอวี่เซวียนสวมชุดขาวมาอีกแล้ว เขาดูจะชื่นชอบสีขาวเป็นพิเศษ  

 

 

เขาแกว่งขวดโซดาไปมาต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนรับมาแล้วส่งให้แม่อวี๋  

 

 

“ผมคิดว่าจะได้เห็นคุณอยู่บนเวทีเสียอีก”  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่ “คนกำหนดหรือจะสู้ฟ้าลิขิต”  

 

 

“นี่คือ…?” แม่อวี๋ไม่เคยเจอชีอวี่เซวียนมาก่อน  

 

 

“นี่คือศาสตราจารย์ชีอวี่เซวียนที่มีชื่อเสียงมากในแวดวงประสาทวิทยาค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนแนะนำให้รู้จัก แถมพูดเสริมในใจ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาเพราะไม่รู้ว่าเป็นโรคประสาทอะไร  

 

 

“สวัสดีครับคุณแม่” ชีอวี่เซวียนโบกมือทักทายแม่อวี๋  

 

 

แม่อวี๋อึ้งกับคำเรียก ชีอวี่เซวียนรีบอธิบาย  

 

 

“ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของเสี่ยวเชี่ยนครับ เรียกว่าคุณแม่คงไม่ว่าอะไรนะครับ?”  

 

 

“เอ่อ…” แม่อวี๋ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่า?  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนปวดขมับตุบๆ  

 

 

“เขาโตที่เมืองนอกน่ะค่ะเลยไม่ค่อยเข้าใจมารยาทในบ้านเราเท่าไร อีกอย่างอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของฉันก็ไม่ใช่คุณด้วยค่ะ”  

 

 

“ฮี่ๆ~” ศาสตราจารย์ชียิ้มไม่พูดอะไร  

 

 

แม่อวี๋เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำท่าทางเย็นชาใส่ศาสตราจารย์ชีก็อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด ช่างเถอะ เรื่องของเด็กๆปล่อยให้จัดการกันเองแล้วกัน  

 

 

“คนสวย ผมนั่งด้วยได้ไหมครับ?” ศาสตราจารย์ชีถามผู้หญิงที่อยู่ข้างเสี่ยวเชี่ยน  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะบอกว่ามีคนนั่ง แต่ศาสตราจารย์ชีที่หันหลังให้เสี่ยวเชี่ยนก็ยัดคูปองเงินสดให้ผู้หญิงคนนั้นสองใบแล้วชี้ไปที่นั่งเดิมของตัวเอง ซึ่งเป็นที่นั่งใกล้เวทีมากกว่าตรงนี้  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้น ศาสตราจารย์ชีจึงได้นั่งข้างเสี่ยวเชี่ยนสมใจ  

 

 

“ตรงนี้ถือเป็นที่นั่งวีไอพีแล้ว ทำไมคุณถึงได้กล้าใช้เงินยั่วโมโหคนอื่น?” ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่เห็นตอนศาสตราจารย์ชียัดเงิน แต่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นกำคูปองแล้วเดินออกไป  

 

 

“ง่ายมาก ถึงฐานะทางบ้านของเขาจะใช้ได้ แต่กลับมีนิสัยชอบช้อปปิ้ง แล้วคนแบบนี้มีเหรอจะปฏิเสธคูปองเงินสด?” ศาสตราจารย์ชียิ้มตาหยีให้เสี่ยวเชี่ยน  

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอึ้งพลางหันไปมองเขา  

 

 

ผู้หญิงคนนั้นนั่งข้างเธอมาสักพักเธอยังดูไม่ออกเลยว่ามีนิสัยชอบช้อปปิ้ง แต่ชีอวี่เซวียนที่เพิ่งมากลับดูออก?  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+