แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1012 ความจริงแล้วยัยโง่คือชื่อเล่นอย่างหนึ่ง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1012 ความจริงแล้วยัยโง่คือชื่อเล่นอย่างหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพราะฉุกละหุก หลิงม่อจึงมองเห็นเพียงเค้าโครงรางๆ แต่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินแน่นอน…

ไม่รอให้เขาอ้าปากพูดอะไร อีกฝ่ายกระชากเขาเข้าไปในส่วนลึกของรูผนัง

“มนุษย์หน้าอืด” ที่อยู่ข้างหลังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ แต่ที่ทำให้หลิงม่อเหนือคาดคือ เงาร่างนี้เองก็วิ่งเร็วจนน่าทึ่งเช่นกัน…และในระหว่างเคลื่อนไหว หลิงม่อก็ค่อยๆ รู้สึกได้ว่า รอบด้านมีไอหมอกมืดเพิ่มขึ้นมาชั้นหนึ่ง…

นี่มัน…สัตว์ประหลาดไอหมอกมืด?!

หลิงม่อช็อก เขาจ้องผ่านไอหมอกมืดเพื่อมองอีกฝ่าย จากนั้นก็สะบัดหัวที่กำลังมึนเบลอแรงๆ คงเป็นเพราะร่างกายร่างนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นสายตาของหลิงม่อถึงได้เริ่มพร่ามัว…

“ไม่สิ ไม่ได้เป็นเพราะปัญหาสายตาอย่างเดียว…” หลิงม่อตระหนักได้ถึงข้อนี้อย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าไอหมอกมืดจะถูก “ขับ” ออกมาทางรูขุมขนของเงาร่างนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะดูอย่างไร อีกฝ่ายจึงดูเหมือนถูกปกคลุมอยู่ในไอหมอกมืดชั้นหนึ่ง…

หลังจากวิ่งด้วยความเร็วสูงมาเกือบสองร้อยเมตร ในที่สุดเงาร่างนี้ก็หยุดอยู่ตรงมุมหนึ่ง และกดตรึงร่างหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อ เมื่อเสียงฝีเท้าอื้ออึงราวกระแสน้ำขึ้นซัดสาดผ่านหน้าพวกเขาไป สิบกว่าวินาทีต่อมา ในที่สุดหลิงม่อก็พ่นลมหายใจยาวๆ ในขณะที่อีกฝ่ายปล่อยตัวเขา

เมื่อเงาร่างนี้จ้องมองมาทางเขา หัวใจหลิงม่อเต้นอย่างบ้าคลั่ง

เขาเห็นลูกตาสีแดงโลหิต ไร้ซึ่งเปลือกตาคู่หนึ่ง…เหมือนกับในภาพวิดิโอที่ถ่ายได้จากในไอหมอกมืดตอนนั้น เวลานี้พอได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งน่ากลัวกว่า…ดวงตาคู่นั้นเหมือนสามารถกลอกหมุนได้ 360 องศา ทำให้รู้สึกเหมือนถูกคนหลายคนจ้องจากหลายทิศพร้อมกัน…ไม่ว่ากำลังคิดจะทำอะไร หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าแม้เพียงน้อยนิด ล้วนไม่สามารถเล็ดลอดสายตาคู่นี้ไปได้…

“แกเป็นใคร?” หลิงม่อได้สติทันที ขมวดคิ้วถาม

เขาไม่คิดจะปิดบังเรื่องที่ตัวเอง “พูดได้”…ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาหนีออกมา แล้วยังส่งสัญญาณมือเป็นอีก ก็แสดงว่าสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดตัวนี้ไม่ได้รู้จักเขาอย่างเดียว แต่ยังมีสติปัญญาสูงอีกด้วย…ปัญหาตอนนี้ก็คือ มันเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่?

“แกว๊กๆ…” อีกฝ่ายยกไม้ยกมือไปมา แล้วร้องเสียงประหลาดขึ้นมา

เห็นหลิงม่อไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันก็ทำซ้ำอีกหนึ่งรอบ “แกว๊กๆๆ…”

“รู้เรื่องก็แปลกแล้ว…แต่ตอบคำถามเป็น ก็แสดงว่าแกเข้าใจที่ฉันพูด?” หลิงม่อถาม

สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดตัวนี้กลับดูร้อนรนขึ้นมา มันชี้ไปที่ปากตัวเอง แล้วเริ่มส่งเสียงร้องโวยวาย “แกว๊กๆ” อีกครั้ง

“นี่แกกำลังพยายามบอกฉันว่า…แกพูดไม่ได้?” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วถาม

“แกว๊กๆ!” สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดพยักหน้าทันที

หลิงม่อจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็ยื่นมือไปหามัน

พอเห็นนิ้วมือของเขายื่นเข้ามาในไอหมอกมืดที่ดำราวน้ำหมึก อีกฝ่ายกลับฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นยืนทันใด

เวลานี้หุ่นซอมบี้แทบไม่เหลือแรงขัดขืนอีกแล้ว หลังระเบิดพลังครั้งนั้น ร่างกายของเขาในตอนนี้ได้เสียหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ร่างกายร่างนี้กลับไม่เหมือนหุ่นซอมบี้ตัวก่อนๆ ที่เมื่อถูกใช้งานจนถึงขีดจำกัดก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านโดยสัญชาตญาณ เพื่อพยายามตัดขาดสายสัมพันธ์ทางจิตจากเขา หลิงม่อครุ่นคิด พลางคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสถานการณ์พิเศษใต้ดินแห่งนี้แน่นอน ถึงแม้ว่าที่นี่จะจำกัดพลังจิตของเขา แต่ขณะเดียวกันก็ได้บังคับให้พลังบางอย่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วย สำหรับหลิงม่อ นี่เป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิด

“แกจะทำอะไร?” ความจริงเสียงของหุ่นซอมบี้ก็แหบพร่ามากเหมือนกัน แต่เวลาพูดก็ยังถือว่าฟ้งรู้เรื่อง

แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงลากเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ

หลิงม่อจึงเพิ่งค้นพบว่า จุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ กลับเป็นลานโล่งกว้างแห่งนั้น…

เดินไปได้ไม่ไกล หลิงม่อก็รู้สึกว่าในโคลนใต้เท้ามีอะไรผสมอยู่ด้วย เขาก้มหน้ามองอย่างทุกลักทุเล แล้วก้ต้องตกใจเมื่อเห็นโครงกระดูกจมอยู่ในโคลนเหล่านี้…โคลนบนพื้นบางจุดถึงขั้นถูกย้อมจนกลายเป็นสีประหลาด นั่นทำให้หลิงม่อจินตนาการไปถึงสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้เกิดอาการมวนท้องขึ้นมาทันที แน่นอน ว่าคนที่เกิดอาการมวนท้องในตอนนี้ ย่อมต้องเป็นร่างจริงของเขา…หุ่นซอมบี้แม้มีอาการ แต่ด้วยสภาพของมันในตอนนี้ คงไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้แล้ว…

“นี่…”

อีกฝ่ายหันขวับกลับมา ถลึงดวงตาน่ากลัวคู่นั้นจ้องเขา แล้วทำสัญญาณมือให้เงียบ

“เฮยซือ?” หลิงม่อลองถามหยั่งเชิง

อีกฝ่ายยังคงจ้องเขา…แต่หนึ่งวินาทีต่อมา มันก็หันหน้ากลับไป แล้วเดินหน้าต่อไป

“ชิท…”

นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย…สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งพาเขาไปนู่นมี่อยู่ในสถานที่แบบนี้ แถมยังเอาแต่ลากเขาตลอด…ถึงแม้ดูจากขนาดมือและสัมผัสที่รู้สึก จะคาดเดาได้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นเพศหญิง แต่พอคิดได้ว่าสัตว์ประหลาดที่มีไอหมอกมืดอยู่รอบตัวกำลังจูงมือกับเขา…หลิงม่อก็ขนลุกขนพอง

ที่แย่ที่สุดคือ เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร และเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…

“ช่างเถอะ…อย่างน้อยภารกิจถ่วงเวลามนุษย์หน้าอืดก็สำเร็จแล้ว รอดูไปก่อนแล้วกัน ถ้าหากมันคิดร้าย เราจะตัดสายสัมพันธ์ทางจิตเมื่อไหร่ก็ได้…” หลิงม่อลอบคิด

ในตอนนั้นเอง สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดกลับหยุดเดินกะทันหัน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า

“ให้ฉันดูหรอ?” หลิงม่อเดาความหมายของมัน พลางหันไปมองตาม

“โครม…”

เสียงครึกโครมหนึ่งพลันดังขึ้น หลิงม่อสะดุ้ง ความจริงเสียงนี้ไม่ได้ดังมาก แต่ในสถานที่ที่เงียบและประหลาดเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรจากเสียงฟ้าผ่าเลย…

สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดกลับเหมือนชินแล้ว มันกระตุกหลิงม่อหนึ่งที แล้วลากหลิงม่อเดินไปยังทิศทางที่เสียงดังมา…

“หลิงม่อ?” อวี่เหวินซวนตะโกนเรียก

หลิงม่อได้สติ จับมืออวี๋ซือหราน “ถ้าอย่างนั้นพวกฉันไปก่อนล่ะ”

เวลานี้ฝั่งหุ่นซอมบี้ถึงช่วงคับขันแล้ว แต่ฝั่งซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินก็จะช้าไม่ได้เหมือนกัน…อีกอย่างสัตว์ประหลาดลึกลับตัวนั้นก็ไม่สำคัญเท่าพวกซย่าน่าเลย…เพียงแต่หลิงม่อคาดเดาได้รางๆ ว่าต่อไปเขาอาจหาโอกาสพิสูจน์ได้…

ถ้าหากการคาดเดาเป็นจริง ถ้าอย่างนั้น…

“อื่ม…ถ้าหากสัตว์ประหลาดข้างหน้าถึงก่อน พวกเราจะหาวิธีถ่วงเวลาไว้เอง ดังนั้น…ในสองนาที…ไม่สิ ในเวลาหนึ่งนาทีครึ่งพวกนายต้องกลับมาให้ทันนะ” อวี่เหวินซวนเสยผม แล้วพูด

สวี่ซูหานเองก็พยักหน้ากำชับด้วย “อืม…”

นี่เป็นการคาดคะเนที่ดีที่สุดแล้ว…การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ในสภาพแวดล้อมคับแคบอย่างนี้ แถมยังในสถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธร้อยเลย การให้สัญญาหนึ่งนาทีครึ่ง ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดของพวกเขาแล้ว

ถ้าหากอวี่เหวินซวนคนเดียว เขาอาจเพิ่มเวลาได้อีกยี่สิบวินาที แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ…เป็นตายเท่ากัน

สวี่ซูหานเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าหากมีเธอแค่คนเดียว บางทีเธออาจยืนหยัดได้นานกว่านี้อีกหน่อย…

ความจริงแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เธอพยักหน้า ประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอ ทำไมต้องรับปาก? ตอนแรกเธอแค่ตั้งใจมาช่วย…แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่า มันเป็นผลจากความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แต่…เรื่องราวระหว่างคนเรา บางครั้งก็ไม่ได้วัดกันแค่ว่าคุ้มค่าหรือไม่…

“ไม่สิ…” สวี่ซูหานสะบัดหน้าไปมา “ตอนนี้ฉันเป็นคนแล้ว…ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องระหว่างคนกับซอมบี้สิ…”

ในขณะที่เธอกำลังคิดฟุ้งซ่าน หลิงม่อก็ได้เปิดปากพูดว่า “ตอนที่พูดคำนี้ออกมา นายดูเท่ห์ไม่เบาเลยนะ ถาหากไม่ใช่เพราะสภาพของนายทำลายบรรยากาศนั้นหมดล่ะก็…”

“อุวะฮ่าฮ่าฮ่า…รีบไปเถอะน่า!” อวี่เหวินซวนเร่ง จากนั้นก็พูดเสริมอีกครั้งว่า “ระวังร่างแม่ตัวนั้นไว้ให้ดี…”

ความจริงหลังพูดประโยคนั้นจบ หลิงม่อก็ได้จูงมืออวี๋ซือหรานหันหลังไปแล้ว…

“ไอหมอกมืดตรงนี้จางลงมาก ยัยโง่ เธอสามารถมองหาช่องทางเดินทั้งหมดได้ไหม? จะรูบนผนังซีเมนต์…หรือทางแยกอะไรก็ได้” หลิงม่อวิ่ง พลางพูดอย่างร้อนรน

“ฉันจะลองดู…แต่ว่า นายไม่เรียกฉันว่ายัยโง่ได้ไหม?” อวี๋ซือหรานบอก

“มันเป็นการเรียกชื่อเล่นอย่างหนึ่ง…”

“อย่าคิดว่าฉันอายุสิบสองแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ…อ๊ะ ข้างหน้า! แล้วก็ข้างซ้ายด้วย!”

ทั้งสองค้นหาไปตามช่องทางเดินอย่างรวดเร็ว และในขณะที่อยู่ในช่องทางเดิน เสียงอื้ออึงของสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก็กำลังดังก้องอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งนาทีสามวิสิบวินาที…ทางเข้าออกที่ทะลุไปยังบ่อน้ำแห่งนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่?

————————————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1012 ความจริงแล้วยัยโง่คือชื่อเล่นอย่างหนึ่ง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1012 ความจริงแล้วยัยโง่คือชื่อเล่นอย่างหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพราะฉุกละหุก หลิงม่อจึงมองเห็นเพียงเค้าโครงรางๆ แต่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินแน่นอน…

ไม่รอให้เขาอ้าปากพูดอะไร อีกฝ่ายกระชากเขาเข้าไปในส่วนลึกของรูผนัง

“มนุษย์หน้าอืด” ที่อยู่ข้างหลังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ แต่ที่ทำให้หลิงม่อเหนือคาดคือ เงาร่างนี้เองก็วิ่งเร็วจนน่าทึ่งเช่นกัน…และในระหว่างเคลื่อนไหว หลิงม่อก็ค่อยๆ รู้สึกได้ว่า รอบด้านมีไอหมอกมืดเพิ่มขึ้นมาชั้นหนึ่ง…

นี่มัน…สัตว์ประหลาดไอหมอกมืด?!

หลิงม่อช็อก เขาจ้องผ่านไอหมอกมืดเพื่อมองอีกฝ่าย จากนั้นก็สะบัดหัวที่กำลังมึนเบลอแรงๆ คงเป็นเพราะร่างกายร่างนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นสายตาของหลิงม่อถึงได้เริ่มพร่ามัว…

“ไม่สิ ไม่ได้เป็นเพราะปัญหาสายตาอย่างเดียว…” หลิงม่อตระหนักได้ถึงข้อนี้อย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าไอหมอกมืดจะถูก “ขับ” ออกมาทางรูขุมขนของเงาร่างนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะดูอย่างไร อีกฝ่ายจึงดูเหมือนถูกปกคลุมอยู่ในไอหมอกมืดชั้นหนึ่ง…

หลังจากวิ่งด้วยความเร็วสูงมาเกือบสองร้อยเมตร ในที่สุดเงาร่างนี้ก็หยุดอยู่ตรงมุมหนึ่ง และกดตรึงร่างหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อ เมื่อเสียงฝีเท้าอื้ออึงราวกระแสน้ำขึ้นซัดสาดผ่านหน้าพวกเขาไป สิบกว่าวินาทีต่อมา ในที่สุดหลิงม่อก็พ่นลมหายใจยาวๆ ในขณะที่อีกฝ่ายปล่อยตัวเขา

เมื่อเงาร่างนี้จ้องมองมาทางเขา หัวใจหลิงม่อเต้นอย่างบ้าคลั่ง

เขาเห็นลูกตาสีแดงโลหิต ไร้ซึ่งเปลือกตาคู่หนึ่ง…เหมือนกับในภาพวิดิโอที่ถ่ายได้จากในไอหมอกมืดตอนนั้น เวลานี้พอได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งน่ากลัวกว่า…ดวงตาคู่นั้นเหมือนสามารถกลอกหมุนได้ 360 องศา ทำให้รู้สึกเหมือนถูกคนหลายคนจ้องจากหลายทิศพร้อมกัน…ไม่ว่ากำลังคิดจะทำอะไร หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าแม้เพียงน้อยนิด ล้วนไม่สามารถเล็ดลอดสายตาคู่นี้ไปได้…

“แกเป็นใคร?” หลิงม่อได้สติทันที ขมวดคิ้วถาม

เขาไม่คิดจะปิดบังเรื่องที่ตัวเอง “พูดได้”…ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยเขาหนีออกมา แล้วยังส่งสัญญาณมือเป็นอีก ก็แสดงว่าสัตว์ประหลาดไอหมอกมืดตัวนี้ไม่ได้รู้จักเขาอย่างเดียว แต่ยังมีสติปัญญาสูงอีกด้วย…ปัญหาตอนนี้ก็คือ มันเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่?

“แกว๊กๆ…” อีกฝ่ายยกไม้ยกมือไปมา แล้วร้องเสียงประหลาดขึ้นมา

เห็นหลิงม่อไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันก็ทำซ้ำอีกหนึ่งรอบ “แกว๊กๆๆ…”

“รู้เรื่องก็แปลกแล้ว…แต่ตอบคำถามเป็น ก็แสดงว่าแกเข้าใจที่ฉันพูด?” หลิงม่อถาม

สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดตัวนี้กลับดูร้อนรนขึ้นมา มันชี้ไปที่ปากตัวเอง แล้วเริ่มส่งเสียงร้องโวยวาย “แกว๊กๆ” อีกครั้ง

“นี่แกกำลังพยายามบอกฉันว่า…แกพูดไม่ได้?” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วถาม

“แกว๊กๆ!” สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดพยักหน้าทันที

หลิงม่อจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็ยื่นมือไปหามัน

พอเห็นนิ้วมือของเขายื่นเข้ามาในไอหมอกมืดที่ดำราวน้ำหมึก อีกฝ่ายกลับฉุดแขนเขาให้ลุกขึ้นยืนทันใด

เวลานี้หุ่นซอมบี้แทบไม่เหลือแรงขัดขืนอีกแล้ว หลังระเบิดพลังครั้งนั้น ร่างกายของเขาในตอนนี้ได้เสียหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ร่างกายร่างนี้กลับไม่เหมือนหุ่นซอมบี้ตัวก่อนๆ ที่เมื่อถูกใช้งานจนถึงขีดจำกัดก็จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้านโดยสัญชาตญาณ เพื่อพยายามตัดขาดสายสัมพันธ์ทางจิตจากเขา หลิงม่อครุ่นคิด พลางคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสถานการณ์พิเศษใต้ดินแห่งนี้แน่นอน ถึงแม้ว่าที่นี่จะจำกัดพลังจิตของเขา แต่ขณะเดียวกันก็ได้บังคับให้พลังบางอย่างของเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วย สำหรับหลิงม่อ นี่เป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิด

“แกจะทำอะไร?” ความจริงเสียงของหุ่นซอมบี้ก็แหบพร่ามากเหมือนกัน แต่เวลาพูดก็ยังถือว่าฟ้งรู้เรื่อง

แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงลากเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ

หลิงม่อจึงเพิ่งค้นพบว่า จุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ กลับเป็นลานโล่งกว้างแห่งนั้น…

เดินไปได้ไม่ไกล หลิงม่อก็รู้สึกว่าในโคลนใต้เท้ามีอะไรผสมอยู่ด้วย เขาก้มหน้ามองอย่างทุกลักทุเล แล้วก้ต้องตกใจเมื่อเห็นโครงกระดูกจมอยู่ในโคลนเหล่านี้…โคลนบนพื้นบางจุดถึงขั้นถูกย้อมจนกลายเป็นสีประหลาด นั่นทำให้หลิงม่อจินตนาการไปถึงสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้เกิดอาการมวนท้องขึ้นมาทันที แน่นอน ว่าคนที่เกิดอาการมวนท้องในตอนนี้ ย่อมต้องเป็นร่างจริงของเขา…หุ่นซอมบี้แม้มีอาการ แต่ด้วยสภาพของมันในตอนนี้ คงไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้แล้ว…

“นี่…”

อีกฝ่ายหันขวับกลับมา ถลึงดวงตาน่ากลัวคู่นั้นจ้องเขา แล้วทำสัญญาณมือให้เงียบ

“เฮยซือ?” หลิงม่อลองถามหยั่งเชิง

อีกฝ่ายยังคงจ้องเขา…แต่หนึ่งวินาทีต่อมา มันก็หันหน้ากลับไป แล้วเดินหน้าต่อไป

“ชิท…”

นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย…สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งพาเขาไปนู่นมี่อยู่ในสถานที่แบบนี้ แถมยังเอาแต่ลากเขาตลอด…ถึงแม้ดูจากขนาดมือและสัมผัสที่รู้สึก จะคาดเดาได้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นเพศหญิง แต่พอคิดได้ว่าสัตว์ประหลาดที่มีไอหมอกมืดอยู่รอบตัวกำลังจูงมือกับเขา…หลิงม่อก็ขนลุกขนพอง

ที่แย่ที่สุดคือ เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร และเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…

“ช่างเถอะ…อย่างน้อยภารกิจถ่วงเวลามนุษย์หน้าอืดก็สำเร็จแล้ว รอดูไปก่อนแล้วกัน ถ้าหากมันคิดร้าย เราจะตัดสายสัมพันธ์ทางจิตเมื่อไหร่ก็ได้…” หลิงม่อลอบคิด

ในตอนนั้นเอง สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดกลับหยุดเดินกะทันหัน จากนั้นก็ชี้นิ้วไปข้างหน้า

“ให้ฉันดูหรอ?” หลิงม่อเดาความหมายของมัน พลางหันไปมองตาม

“โครม…”

เสียงครึกโครมหนึ่งพลันดังขึ้น หลิงม่อสะดุ้ง ความจริงเสียงนี้ไม่ได้ดังมาก แต่ในสถานที่ที่เงียบและประหลาดเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรจากเสียงฟ้าผ่าเลย…

สัตว์ประหลาดไอหมอกมืดกลับเหมือนชินแล้ว มันกระตุกหลิงม่อหนึ่งที แล้วลากหลิงม่อเดินไปยังทิศทางที่เสียงดังมา…

“หลิงม่อ?” อวี่เหวินซวนตะโกนเรียก

หลิงม่อได้สติ จับมืออวี๋ซือหราน “ถ้าอย่างนั้นพวกฉันไปก่อนล่ะ”

เวลานี้ฝั่งหุ่นซอมบี้ถึงช่วงคับขันแล้ว แต่ฝั่งซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินก็จะช้าไม่ได้เหมือนกัน…อีกอย่างสัตว์ประหลาดลึกลับตัวนั้นก็ไม่สำคัญเท่าพวกซย่าน่าเลย…เพียงแต่หลิงม่อคาดเดาได้รางๆ ว่าต่อไปเขาอาจหาโอกาสพิสูจน์ได้…

ถ้าหากการคาดเดาเป็นจริง ถ้าอย่างนั้น…

“อื่ม…ถ้าหากสัตว์ประหลาดข้างหน้าถึงก่อน พวกเราจะหาวิธีถ่วงเวลาไว้เอง ดังนั้น…ในสองนาที…ไม่สิ ในเวลาหนึ่งนาทีครึ่งพวกนายต้องกลับมาให้ทันนะ” อวี่เหวินซวนเสยผม แล้วพูด

สวี่ซูหานเองก็พยักหน้ากำชับด้วย “อืม…”

นี่เป็นการคาดคะเนที่ดีที่สุดแล้ว…การเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ในสภาพแวดล้อมคับแคบอย่างนี้ แถมยังในสถานการณ์ที่ไม่มีอาวุธร้อยเลย การให้สัญญาหนึ่งนาทีครึ่ง ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดของพวกเขาแล้ว

ถ้าหากอวี่เหวินซวนคนเดียว เขาอาจเพิ่มเวลาได้อีกยี่สิบวินาที แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ…เป็นตายเท่ากัน

สวี่ซูหานเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าหากมีเธอแค่คนเดียว บางทีเธออาจยืนหยัดได้นานกว่านี้อีกหน่อย…

ความจริงแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เธอพยักหน้า ประโยคหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอ ทำไมต้องรับปาก? ตอนแรกเธอแค่ตั้งใจมาช่วย…แต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่า มันเป็นผลจากความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แต่…เรื่องราวระหว่างคนเรา บางครั้งก็ไม่ได้วัดกันแค่ว่าคุ้มค่าหรือไม่…

“ไม่สิ…” สวี่ซูหานสะบัดหน้าไปมา “ตอนนี้ฉันเป็นคนแล้ว…ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องระหว่างคนกับซอมบี้สิ…”

ในขณะที่เธอกำลังคิดฟุ้งซ่าน หลิงม่อก็ได้เปิดปากพูดว่า “ตอนที่พูดคำนี้ออกมา นายดูเท่ห์ไม่เบาเลยนะ ถาหากไม่ใช่เพราะสภาพของนายทำลายบรรยากาศนั้นหมดล่ะก็…”

“อุวะฮ่าฮ่าฮ่า…รีบไปเถอะน่า!” อวี่เหวินซวนเร่ง จากนั้นก็พูดเสริมอีกครั้งว่า “ระวังร่างแม่ตัวนั้นไว้ให้ดี…”

ความจริงหลังพูดประโยคนั้นจบ หลิงม่อก็ได้จูงมืออวี๋ซือหรานหันหลังไปแล้ว…

“ไอหมอกมืดตรงนี้จางลงมาก ยัยโง่ เธอสามารถมองหาช่องทางเดินทั้งหมดได้ไหม? จะรูบนผนังซีเมนต์…หรือทางแยกอะไรก็ได้” หลิงม่อวิ่ง พลางพูดอย่างร้อนรน

“ฉันจะลองดู…แต่ว่า นายไม่เรียกฉันว่ายัยโง่ได้ไหม?” อวี๋ซือหรานบอก

“มันเป็นการเรียกชื่อเล่นอย่างหนึ่ง…”

“อย่าคิดว่าฉันอายุสิบสองแล้วจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ…อ๊ะ ข้างหน้า! แล้วก็ข้างซ้ายด้วย!”

ทั้งสองค้นหาไปตามช่องทางเดินอย่างรวดเร็ว และในขณะที่อยู่ในช่องทางเดิน เสียงอื้ออึงของสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก็กำลังดังก้องอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งนาทีสามวิสิบวินาที…ทางเข้าออกที่ทะลุไปยังบ่อน้ำแห่งนั้น อยู่ที่ไหนกันแน่?

————————————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+