แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1017 ได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1017 ได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านหลังประตูเป็นช่องทางเดินที่จมอยู่ใต้น้ำครึ่งหนึ่งเหมือนกัน…หลิงม่อดันประตูให้ปิดเหมือนเดิม จากนั้นก็ถือไฟฉายเดินลึกเข้าไป

“ติ๋ง…”

เสียงหยดน้ำกระทบดังไม่ขาดสาย ส่งผลให้บรรยากาศชวนกดดัน ไม่กี่วินาทีต่อมา หลิงม่อเดินเลี้ยวไปตามช่องทางเดิน

“…”

หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองกำลงช็อกหนักมาก…เขากระทั่งก้าวถอยกลับไปอยู่หลังทางเลี้ยวอีกครั้ง หลังจากสะบัดหัวไปมา จึงค่อยเดินกลับไปอีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่า…

“啧!”

“!!!”

ที่นี่คือช่องทางเดินที่เป็นเส้นโค้ง และมีสภาพแวดล้อมแบบปิด แต่ประเด็นคือ ในช่องทางเดินที่ยาวเกือบสิบเมตรเส้นนี้ กลับมีตู้กระจกถูกแขวนไว้เต็มไปหมด บนเพดานที่อยู่ตรงกลางถึงขั้นมีเตียงหลังหนึ่งถูกแขวนไว้…การที่มาเจอสถานที่แห่งนี้ในสถานการณ์แปลกๆ อย่างนี้ มันช่าง…ประหลาดมาก…

หลิงม่อเดินปากอ้าตาค้างเข้าไปใน “ห้อง” ห้องนี้ เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้ที่อยู่ใกล้เขาที่สุด จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเปิดประตูตู้ที่สั่นไปสั่นมาแต่แรกอยู่แล้ว…ตู้ใบนี้ถูกตอกติดกับผนัง จึงมั่นใจได้ว่ามันจะไม่จมอยู่ใต้น้ำแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าของที่อยู่ข้างในตู้ จะถูกค้นก่อนแล้ว…

“《คนกับจิตวิทยา》…《ร้อยแปดวิธีอ่านสีหน้า》…《อย่าโกหกฉัน》…《ทำไมหล่อนถึงขึ้นเตียงคุณ》” หลิงม่อค้นเจอหนังสือสี่เล่ม เขาอดพึมพำเสียงเบาขึ้นมาไม่ได้ “เฮอะ…นี่กำลังล้อเล่นหรือไง…”

สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ซึ่งอ่านหนังสือเป็น ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก…แต่ที่หมกมุ่นศึกษาเรื่องนิสัยของมนุษย์ ถือว่าเพิ่งเคยเจอครั้งแรกเลยทีเดียว ลองนึกถึงถึงสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว หลิงม่อก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นอีกนิด…

เสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่ว…สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิต… “ห้องหนังสือ” ที่ถูกซ่อนไว้ในสถานที่แบบนี้…และประตูห้องบานนั้นที่อาจเป็นไปได้ว่ามีไว้เพื่อสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสัตว์ประหลาดใต้น้ำ รวมถึงใช้เพื่อเข้าออกบานนั้น…

“เดี๋ยวก่อน…ถ้าหากมันใช้ประตูบานนี้ ถ้าอย่างนั้นทุกครั้งที่มันเข้ามาหรือออกไป ก็เลี่ยงตัวเปียกไม่ได้น่ะสิ? อีกอย่าง…บันไดนั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกใช้มานานแล้ว!” หลิงม่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที เขาทิ้งหนังสือ ถือไฟฉายเดินเข้าไปข้างใน “ห้องหนังสือ”

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ในห้องนี้ จะต้องมี…

“เอี๊ยดอ๊าด…”

หลิงม่อยกมือผลักเตียงหลังนั้นออก แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากข้างบน…เขาเงยหน้าขึ้น สายตาฉายแววแปลกไป “ใช่แล้ว ที่นี่จะต้องมีทางออกที่ใหม่…และสะดวกกว่าอยู่แน่ๆ”

ขณะเดียวกับที่กำลังครุ่นคิด หลิงม่อก็กัดไฟฉายปีนขึ้นไปบนเตียง เขาไต่ขึ้นไปตามเชือกที่แขวนเตียงไว้จนถึงเพดาน แล้วก็ค้นพบรอยแยกที่ไม่สะดุดตารอยหนึ่งอย่างที่คิดไว้…และจุดที่ปลายเชือกแขวนเตียงถูกมัดติดไว้ ก็คือขอบของรอยแยกนั้นนั่นเอง เพียงแต่หากอยู่ข้างล่าง ก็ยากที่จะสังเกตเห็นรายละเอียดที่ไม่สะดุดตานี้…

“เอี๊ยด…” หลิงม่อพยายามทรงตัวอยู่บนเพดานอย่างยากลำบากชั่วคราว จากนั้นก็รีบดันเพดานขึ้นไปตามขอบรอยแยกเร็วๆ ผ่านไปไม่นาน ฝาปูนซีเมนต์ก็ขยับ และถูกหลิงม่อดันไปไว้อีกด้าน เขารีบปีนออกไป แล้วถึงได้พบว่า ที่แท้มือจับของฝาปูนนี้อยู่อีกด้านหนึ่งนี่เอง…

“นั่นก็แสดงว่า ข้างล่างนี้เป็นบ่อพักน้ำหรืออะไรทำนองนั้นสินะ? มีฝาปูนอย่างนี้อยู่ด้วย พนักงานซ่อมบำรุงก็สามารถลงไปตรวจสอบความเรียบร้อยได้…” หลิงม่อหันหลังมองลงไปข้างล่างอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ ทว่าไม่นานเขาก็ค้นพบว่า ความจริงแล้วที่นี่เป็นช่องทางเดินที่สั้นมาก และห่างออกไปไม่ไกลข้างหน้านั้น ก็มีแสงอาทิตย์ส่องลงมา…

หลิงม่อปิดไฟฉายอย่างเหนือความคาดหมาย…เขาลอบคาดเดาในใจว่าที่นี่คือที่ไหน จะใช่บริเวณใกล้เคียงกับฐานที่มั่นของผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นไหม? แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ข้างนอกทางออกนี้ จะต้องมีซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินอยู่แน่ๆ…

…………

“สามสิบวิ!” ความจริงอวี๋ซือหรานนับจบตั้งแต่ที่หลิงม่อผลักประตูบานนั้นแล้ว เธอรออีกสองวินาที จากนั้นจึงค่อยหมุนตัวหันหลัง เร่งความเร็ววิ่งขึ้นบันไดไป…

“แกว๊กๆๆ!”

พอวิ่งขึ้นมาถึงช่องทางเดิน อวี๋ซือหรานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องประหลาดเสียงหนึ่ง…เสียงนั้นเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่หลังจากที่เสียงนี้หายไป เสียง “สวบๆๆ” ก็ดังระงมขึ้นมาทันที…

“แปลกจัง…” อวี๋ซือหรานมองไปทางนั้น จากนั้นก็หันไปมองยังทิศที่ตั้งของทางออก “ช่างเถอะ หลิงม่อบอกแล้วว่าจะหาวิธีเอง ฉันเชื่อใจเขาก็พอแล้ว เชื่อใจ…เชื่อใจ…ฮี่ฮี่ มนุษย์ผู้น่าสนใจ…”

“แกว๊กๆๆ!”

เสียงกรีดร้องประหลาดนั้นดังมาจากอีกฝั่งของช่องทางเดินอีกครั้ง…ทว่าสิ่งที่อวี๋ซือหรานไม่ทันสังเกตก็คือ เสียง “สวบๆ” ที่ดังตามหลังเสียงกรีดร้องนั้น เหมือนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย…

…………

เคร้งง—

ทันใดนั้น ฝาท่อน้ำทิ้งใบหนึ่งพลันกระตุกสั่น ไม่นาน มันก็ค่อยๆ ขยับออกไปด้านข้าง…

“คงไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกนะ…อีกอย่างทางฝั่งหุ่นซอมบี้น่าจะช่วยพวกอวี่เหวินซวนถ่วงเวลาได้นานขึ้นหน่อย แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปโผล่ที่ไหน…” หลิงม่อครุ่นคิด พลางค่อยๆ ชะโงกมองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่คิดเลยว่าพวกแกจะหนีได้เร็วขนาดนี้! แต่มันบอกไว้แล้ว สองนาที…ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเหลือแค่หนึ่งนาทีแล้ว…ไม่ๆ ห้าสิบวินาทีสุดท้ายแล้ว! ถ้าหากตอนนั้นพวกฉันยังมีชีวิตอยู่ ยัยผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็จะต้องตาย! ตอนนี้พวกแกยังฆ่าไปได้แค่คนเดียว แถมยังล่อซอมบี้สิบกว่าตัวเข้ามาได้อย่างบังเอิญอีก…”

“เป็นยังไงล่ะ? ที่แบบนี้พวกแกยังจะล่ออะไรเข้ามาได้อีก? ถึงฉันจะตะโกนแหกปากเสียงดัง ซอมบี้ก็มาไม่ถึงที่นี่หรอก…ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งพลันเงียบหายไป

พวกมู่เฉินที่กำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าพากันหยุดทันที พวกเขาหันกลับไปมองข้างหลัง เพียงแต่ในขณะที่หันกลับไป มู่เฉินยังคงพูดอย่างระแวดระวัง “ระวังหน่อย พวกมันอาจจะเล่นสกปรกอีกก็ได้…ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม”

“แม่งเอ๊ย! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันจะเข้าไปฟันพวกมันให้ตายแล้วนะ! ถ้าไม่ใช่ว่าถูกกฎห้ามโต้กลับขัดขวางไว้ พวกมันตายไปเป็นร้อยครั้งแล้ว…” เย่ไคด่ากราด

หนึ่งนาทีที่แล้ว เมื่อเกมเริ่ม พวกเขาก็คาดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางง่ายแน่นอน…และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว เกมนี้คือการทรมานคนอื่นอย่างโรคจิตและบ้าคลั่งอยู่ฝ่ายเดียว! อย่างแรกคือเรื่องกฎ แค่เรื่องนี้พวกเขาก็ถูกควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว อย่างที่สองคือเรื่องเส้นทาง เรื่องนี้พวกเขาก็ถูกกลั่นแกล้งอย่างโหดร้ายไม่ต่างกัน…ในเวลาสองนาทีต้องวิ่งไปให้ถึงที่หมาย แล้วยังต้องคิดหาวิธีฆ่าคนพวกนี้อีก วิธีเดียวที่พวกเขาสามารถใช้ได้ ก็คือล่อซอมบี้เข้ามาจัดการพวกนั้น…แต่ความจริงแล้ว วิธีนี้ก็ไม่ได้ได้ผลดีขนาดนั้น

ซอมบี้ที่ล่อเข้ามาจะทำการโจมตีพวกเขาทุกคนอย่างไม่เลือกหน้า แล้วอีกฝ่ายก็ยังสามารถแปลงร่างเป็นซอมบี้ได้ในเวลาสั้นๆ ทั้งด้านลมหายใจและรูปร่างภายนอก…นี่มันโกงกันเห็นๆ!

แต่ว่า…พวกเขาก็มีทางเลือกเหมือนกัน…นั่นคือการทิ้งเพื่อมร่วมทีมหลังจากที่ล่อซอมบี้เข้ามาได้สำเร็จ อย่างเช่นคนที่มีความสามรถงสูงอย่างมู่เฉิน กับเย่ไค พวกเขาสามารถไปถึงที่หมายในเวลาสองนาทีได้อย่างง่ายดาย…แต่หากจางซินเฉิงใช้พลังตีนตุ๊กแกของตัวเอง ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในผู้รอดได้

แต่ทางเลือกอย่างนี้ เห็นชัดว่าพวกเขาไม่มีทางสนใจแน่นอน และในความเป็นจริง พวกเขาทุกคนรู้ดีแก่ใจ สัตว์ประหลาดที่กำลังดูเกมนี้อยู่ที่ไหนซักแห่งตัวนั้น อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และสิ่งที่มันต้องการ ก็คือบีบบังคับให้พวกเขาเลือกทางเลือกนี้ กระทั่งบีบบังคับให้พวกเขาเสียสละชีวิตตัวเอง…

และสาเหตุที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ต้องแสดงละครดราม่าหลายฉากให้พวกเขาดู ก็เพื่อจุดประสงค์นี้เช่นกัน แน่นอนว่า ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พวกนั้นก็น่าเวทนามากเช่นกัน…

“เชี่ย แม่งเอ๊ย…” เย่ไคเพิ่งจะหันกลับไปมอง ก็อดตะโกนด่าเสียงดังลั่นไม่ได้

ผู้รอดชีวิตที่เมื่อกี้ยังตะโกนแหกปากข่มขวัญพวกเขานอนล้มอยู่บนพื้น ร่างกายครึ่งท่อนตกลงไปในท่อน้ำทิ้งท่อหนึ่ง เขานิ่งไม่ไหวติง มีดในมือก็ลอยออกไปอยู่อีกด้านแล้ว

“วิ่งไม่ระวังเลยตกท่อ? คิดได้! เมื่อกี้ตอนที่พวกเราวิ่งผ่านมา ฝาท่อตรงนั้นยังปิดดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรอ! ขอร้องล่ะก่อนจะเล่นละครตบตาช่วยใช้สมองหน่อย…โค้ช พวกเราไปเถอะ…” เย่ไคเดือดดาลมาก ถึงแม้จะรู้ว่าพวกนั้นอาจเล่นละครตบตา แต่ฝั่งตัวเองก็เสียเวลาไปกับเรื่องนี้แล้ว…

ผู้รอดชีวิตอีกคนนอนแบ็บอยู่บนพื้น ทันใดนั้นเขาไล่ตามมาโดยวิ่งผ่านผู้รอดชีวิตที่ตกท่อ แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะวิ่งผ่านไป ขาข้างหนึ่งของเขากลับตกลงไปในท่อ เขาพยายามตะเกียกตะกายปีนขึ้นมา…แต่ไม่นาน เลือดสีแดงกองโตก็ล้นขึ้นมาจากร่างกายท่อนล่างของเขา…

เย่ไคที่กำลังจะก้าวเท้าออกวิ่งพลันชะงัก คนที่เหลือเองก็ต่างพากันมองไปที่ท่อน้ำทิ้งท่อนั้น

เห็นชัดว่า นี่ไม่ใช่การแสดงละคร…

แต่ทว่า…ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของผู้รอดชีวิตที่ตกไปเป็นคนแรก เขาอาจลอบฆ่าพวกตัวเอง เพื่อลวงพวกเขาเข้าไป…ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนมองตากัน จึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“เชี่ย แกเลิกเล่นละครได้แล้ว!”

“คิดจะหลอกให้พวกฉันเดินเข้าไป? หึหึหึ…”

มู่เฉินหัวเราะเย็นชา พลางส่งสายตาให้กู่ซวงซวง ให้เธอแอบตรวจสอบเงียบๆ

แต่ในขณะที่กู่ซวงซวงเดินออกไปอย่างหวาดกลัว ศพที่แน่นิ่งไม่ไหวติงนั้นกลับเคลื่อนไหวขึ้นมาทันใด ขณะเดียวกันเสียง “เคร้งง” ก็ดังขึ้นพร้อมกัน

“กรี๊ดดด!”

กู่ซวงซวงกรีดร้องโดยอัตโนมัติ เจ้าลิงผอมโผกอดจางซินเฉิงที่อยู่ข้างๆ ผลปรากฏว่าถูกอีกฝ่ายผลักกระเด็น

ศพขยับเขยื้อนต่อเนื่องไปอีกครู่หนึ่ง ไม่นานก็ถูกดันไปไว้อีกฝั่ง และจากนั้น มือคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงขอบท่อ…

“เอื้อกก…” มู่เฉินที่กำลังจ้องมองอย่างลุ้นระทึกลอบกลืนน้ำลาย

นี่มันอะไรกัน? หรือว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพิ่มรายการใหม่เข้ามากะทันหัน?

สัตว์ประหลาดที่มุดออกมาจากใต้ดิน…รังสีอำมหิตกระจายตามคาด…

“เตรียมตัวให้ดี!” เย่ไคพูดเสียงเบา ทว่าสัตว์ประหลาดที่สามารถกำจัดผู้รอดชีวิตสองคนนั้นได้ในพริบตา เขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าจะปลอดภัยจากการไล่ล่าของอีกฝ่ายไหม แล้วไหนจะต้องหันกลับมาฆ่ามันอีก…

ในตอนนั้นเอง “สัตว์ประหลาด” ตัวนั้นก็มุดออกมา พร้อมกับเสียงพึมพำ…

“ฮ่า…วิธีขัดขานี่แหละได้ผลตามคาด นี่มันได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าเลยนะเนี่ย…แถมยังสบายกว่าตั้งเยอะ” หลังจากเสยผม “สัตว์ประหลาด” ตัวนั้นก็หันมามองพวกมู่เฉิน พูดว่า “พวกนายมัวทำอะไรอยู่? อีกอย่าง… เมื่อกี้พวกนายไม่เห็น…”

————————————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1017 ได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1017 ได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านหลังประตูเป็นช่องทางเดินที่จมอยู่ใต้น้ำครึ่งหนึ่งเหมือนกัน…หลิงม่อดันประตูให้ปิดเหมือนเดิม จากนั้นก็ถือไฟฉายเดินลึกเข้าไป

“ติ๋ง…”

เสียงหยดน้ำกระทบดังไม่ขาดสาย ส่งผลให้บรรยากาศชวนกดดัน ไม่กี่วินาทีต่อมา หลิงม่อเดินเลี้ยวไปตามช่องทางเดิน

“…”

หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองกำลงช็อกหนักมาก…เขากระทั่งก้าวถอยกลับไปอยู่หลังทางเลี้ยวอีกครั้ง หลังจากสะบัดหัวไปมา จึงค่อยเดินกลับไปอีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่า…

“啧!”

“!!!”

ที่นี่คือช่องทางเดินที่เป็นเส้นโค้ง และมีสภาพแวดล้อมแบบปิด แต่ประเด็นคือ ในช่องทางเดินที่ยาวเกือบสิบเมตรเส้นนี้ กลับมีตู้กระจกถูกแขวนไว้เต็มไปหมด บนเพดานที่อยู่ตรงกลางถึงขั้นมีเตียงหลังหนึ่งถูกแขวนไว้…การที่มาเจอสถานที่แห่งนี้ในสถานการณ์แปลกๆ อย่างนี้ มันช่าง…ประหลาดมาก…

หลิงม่อเดินปากอ้าตาค้างเข้าไปใน “ห้อง” ห้องนี้ เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้ที่อยู่ใกล้เขาที่สุด จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเปิดประตูตู้ที่สั่นไปสั่นมาแต่แรกอยู่แล้ว…ตู้ใบนี้ถูกตอกติดกับผนัง จึงมั่นใจได้ว่ามันจะไม่จมอยู่ใต้น้ำแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าของที่อยู่ข้างในตู้ จะถูกค้นก่อนแล้ว…

“《คนกับจิตวิทยา》…《ร้อยแปดวิธีอ่านสีหน้า》…《อย่าโกหกฉัน》…《ทำไมหล่อนถึงขึ้นเตียงคุณ》” หลิงม่อค้นเจอหนังสือสี่เล่ม เขาอดพึมพำเสียงเบาขึ้นมาไม่ได้ “เฮอะ…นี่กำลังล้อเล่นหรือไง…”

สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ซึ่งอ่านหนังสือเป็น ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก…แต่ที่หมกมุ่นศึกษาเรื่องนิสัยของมนุษย์ ถือว่าเพิ่งเคยเจอครั้งแรกเลยทีเดียว ลองนึกถึงถึงสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้ว หลิงม่อก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นอีกนิด…

เสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดไปทั่ว…สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิต… “ห้องหนังสือ” ที่ถูกซ่อนไว้ในสถานที่แบบนี้…และประตูห้องบานนั้นที่อาจเป็นไปได้ว่ามีไว้เพื่อสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสัตว์ประหลาดใต้น้ำ รวมถึงใช้เพื่อเข้าออกบานนั้น…

“เดี๋ยวก่อน…ถ้าหากมันใช้ประตูบานนี้ ถ้าอย่างนั้นทุกครั้งที่มันเข้ามาหรือออกไป ก็เลี่ยงตัวเปียกไม่ได้น่ะสิ? อีกอย่าง…บันไดนั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกใช้มานานแล้ว!” หลิงม่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที เขาทิ้งหนังสือ ถือไฟฉายเดินเข้าไปข้างใน “ห้องหนังสือ”

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ในห้องนี้ จะต้องมี…

“เอี๊ยดอ๊าด…”

หลิงม่อยกมือผลักเตียงหลังนั้นออก แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากข้างบน…เขาเงยหน้าขึ้น สายตาฉายแววแปลกไป “ใช่แล้ว ที่นี่จะต้องมีทางออกที่ใหม่…และสะดวกกว่าอยู่แน่ๆ”

ขณะเดียวกับที่กำลังครุ่นคิด หลิงม่อก็กัดไฟฉายปีนขึ้นไปบนเตียง เขาไต่ขึ้นไปตามเชือกที่แขวนเตียงไว้จนถึงเพดาน แล้วก็ค้นพบรอยแยกที่ไม่สะดุดตารอยหนึ่งอย่างที่คิดไว้…และจุดที่ปลายเชือกแขวนเตียงถูกมัดติดไว้ ก็คือขอบของรอยแยกนั้นนั่นเอง เพียงแต่หากอยู่ข้างล่าง ก็ยากที่จะสังเกตเห็นรายละเอียดที่ไม่สะดุดตานี้…

“เอี๊ยด…” หลิงม่อพยายามทรงตัวอยู่บนเพดานอย่างยากลำบากชั่วคราว จากนั้นก็รีบดันเพดานขึ้นไปตามขอบรอยแยกเร็วๆ ผ่านไปไม่นาน ฝาปูนซีเมนต์ก็ขยับ และถูกหลิงม่อดันไปไว้อีกด้าน เขารีบปีนออกไป แล้วถึงได้พบว่า ที่แท้มือจับของฝาปูนนี้อยู่อีกด้านหนึ่งนี่เอง…

“นั่นก็แสดงว่า ข้างล่างนี้เป็นบ่อพักน้ำหรืออะไรทำนองนั้นสินะ? มีฝาปูนอย่างนี้อยู่ด้วย พนักงานซ่อมบำรุงก็สามารถลงไปตรวจสอบความเรียบร้อยได้…” หลิงม่อหันหลังมองลงไปข้างล่างอีกครั้ง จากนั้นก็ใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ ทว่าไม่นานเขาก็ค้นพบว่า ความจริงแล้วที่นี่เป็นช่องทางเดินที่สั้นมาก และห่างออกไปไม่ไกลข้างหน้านั้น ก็มีแสงอาทิตย์ส่องลงมา…

หลิงม่อปิดไฟฉายอย่างเหนือความคาดหมาย…เขาลอบคาดเดาในใจว่าที่นี่คือที่ไหน จะใช่บริเวณใกล้เคียงกับฐานที่มั่นของผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้นไหม? แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ข้างนอกทางออกนี้ จะต้องมีซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินอยู่แน่ๆ…

…………

“สามสิบวิ!” ความจริงอวี๋ซือหรานนับจบตั้งแต่ที่หลิงม่อผลักประตูบานนั้นแล้ว เธอรออีกสองวินาที จากนั้นจึงค่อยหมุนตัวหันหลัง เร่งความเร็ววิ่งขึ้นบันไดไป…

“แกว๊กๆๆ!”

พอวิ่งขึ้นมาถึงช่องทางเดิน อวี๋ซือหรานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องประหลาดเสียงหนึ่ง…เสียงนั้นเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่หลังจากที่เสียงนี้หายไป เสียง “สวบๆๆ” ก็ดังระงมขึ้นมาทันที…

“แปลกจัง…” อวี๋ซือหรานมองไปทางนั้น จากนั้นก็หันไปมองยังทิศที่ตั้งของทางออก “ช่างเถอะ หลิงม่อบอกแล้วว่าจะหาวิธีเอง ฉันเชื่อใจเขาก็พอแล้ว เชื่อใจ…เชื่อใจ…ฮี่ฮี่ มนุษย์ผู้น่าสนใจ…”

“แกว๊กๆๆ!”

เสียงกรีดร้องประหลาดนั้นดังมาจากอีกฝั่งของช่องทางเดินอีกครั้ง…ทว่าสิ่งที่อวี๋ซือหรานไม่ทันสังเกตก็คือ เสียง “สวบๆ” ที่ดังตามหลังเสียงกรีดร้องนั้น เหมือนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย…

…………

เคร้งง—

ทันใดนั้น ฝาท่อน้ำทิ้งใบหนึ่งพลันกระตุกสั่น ไม่นาน มันก็ค่อยๆ ขยับออกไปด้านข้าง…

“คงไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกนะ…อีกอย่างทางฝั่งหุ่นซอมบี้น่าจะช่วยพวกอวี่เหวินซวนถ่วงเวลาได้นานขึ้นหน่อย แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะไปโผล่ที่ไหน…” หลิงม่อครุ่นคิด พลางค่อยๆ ชะโงกมองออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่คิดเลยว่าพวกแกจะหนีได้เร็วขนาดนี้! แต่มันบอกไว้แล้ว สองนาที…ไม่สิ ตอนนี้น่าจะเหลือแค่หนึ่งนาทีแล้ว…ไม่ๆ ห้าสิบวินาทีสุดท้ายแล้ว! ถ้าหากตอนนั้นพวกฉันยังมีชีวิตอยู่ ยัยผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็จะต้องตาย! ตอนนี้พวกแกยังฆ่าไปได้แค่คนเดียว แถมยังล่อซอมบี้สิบกว่าตัวเข้ามาได้อย่างบังเอิญอีก…”

“เป็นยังไงล่ะ? ที่แบบนี้พวกแกยังจะล่ออะไรเข้ามาได้อีก? ถึงฉันจะตะโกนแหกปากเสียงดัง ซอมบี้ก็มาไม่ถึงที่นี่หรอก…ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งพลันเงียบหายไป

พวกมู่เฉินที่กำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าพากันหยุดทันที พวกเขาหันกลับไปมองข้างหลัง เพียงแต่ในขณะที่หันกลับไป มู่เฉินยังคงพูดอย่างระแวดระวัง “ระวังหน่อย พวกมันอาจจะเล่นสกปรกอีกก็ได้…ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อนก็ตาม”

“แม่งเอ๊ย! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันจะเข้าไปฟันพวกมันให้ตายแล้วนะ! ถ้าไม่ใช่ว่าถูกกฎห้ามโต้กลับขัดขวางไว้ พวกมันตายไปเป็นร้อยครั้งแล้ว…” เย่ไคด่ากราด

หนึ่งนาทีที่แล้ว เมื่อเกมเริ่ม พวกเขาก็คาดไว้แล้วว่ามันไม่มีทางง่ายแน่นอน…และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว เกมนี้คือการทรมานคนอื่นอย่างโรคจิตและบ้าคลั่งอยู่ฝ่ายเดียว! อย่างแรกคือเรื่องกฎ แค่เรื่องนี้พวกเขาก็ถูกควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว อย่างที่สองคือเรื่องเส้นทาง เรื่องนี้พวกเขาก็ถูกกลั่นแกล้งอย่างโหดร้ายไม่ต่างกัน…ในเวลาสองนาทีต้องวิ่งไปให้ถึงที่หมาย แล้วยังต้องคิดหาวิธีฆ่าคนพวกนี้อีก วิธีเดียวที่พวกเขาสามารถใช้ได้ ก็คือล่อซอมบี้เข้ามาจัดการพวกนั้น…แต่ความจริงแล้ว วิธีนี้ก็ไม่ได้ได้ผลดีขนาดนั้น

ซอมบี้ที่ล่อเข้ามาจะทำการโจมตีพวกเขาทุกคนอย่างไม่เลือกหน้า แล้วอีกฝ่ายก็ยังสามารถแปลงร่างเป็นซอมบี้ได้ในเวลาสั้นๆ ทั้งด้านลมหายใจและรูปร่างภายนอก…นี่มันโกงกันเห็นๆ!

แต่ว่า…พวกเขาก็มีทางเลือกเหมือนกัน…นั่นคือการทิ้งเพื่อมร่วมทีมหลังจากที่ล่อซอมบี้เข้ามาได้สำเร็จ อย่างเช่นคนที่มีความสามรถงสูงอย่างมู่เฉิน กับเย่ไค พวกเขาสามารถไปถึงที่หมายในเวลาสองนาทีได้อย่างง่ายดาย…แต่หากจางซินเฉิงใช้พลังตีนตุ๊กแกของตัวเอง ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในผู้รอดได้

แต่ทางเลือกอย่างนี้ เห็นชัดว่าพวกเขาไม่มีทางสนใจแน่นอน และในความเป็นจริง พวกเขาทุกคนรู้ดีแก่ใจ สัตว์ประหลาดที่กำลังดูเกมนี้อยู่ที่ไหนซักแห่งตัวนั้น อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และสิ่งที่มันต้องการ ก็คือบีบบังคับให้พวกเขาเลือกทางเลือกนี้ กระทั่งบีบบังคับให้พวกเขาเสียสละชีวิตตัวเอง…

และสาเหตุที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ต้องแสดงละครดราม่าหลายฉากให้พวกเขาดู ก็เพื่อจุดประสงค์นี้เช่นกัน แน่นอนว่า ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ พวกนั้นก็น่าเวทนามากเช่นกัน…

“เชี่ย แม่งเอ๊ย…” เย่ไคเพิ่งจะหันกลับไปมอง ก็อดตะโกนด่าเสียงดังลั่นไม่ได้

ผู้รอดชีวิตที่เมื่อกี้ยังตะโกนแหกปากข่มขวัญพวกเขานอนล้มอยู่บนพื้น ร่างกายครึ่งท่อนตกลงไปในท่อน้ำทิ้งท่อหนึ่ง เขานิ่งไม่ไหวติง มีดในมือก็ลอยออกไปอยู่อีกด้านแล้ว

“วิ่งไม่ระวังเลยตกท่อ? คิดได้! เมื่อกี้ตอนที่พวกเราวิ่งผ่านมา ฝาท่อตรงนั้นยังปิดดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรอ! ขอร้องล่ะก่อนจะเล่นละครตบตาช่วยใช้สมองหน่อย…โค้ช พวกเราไปเถอะ…” เย่ไคเดือดดาลมาก ถึงแม้จะรู้ว่าพวกนั้นอาจเล่นละครตบตา แต่ฝั่งตัวเองก็เสียเวลาไปกับเรื่องนี้แล้ว…

ผู้รอดชีวิตอีกคนนอนแบ็บอยู่บนพื้น ทันใดนั้นเขาไล่ตามมาโดยวิ่งผ่านผู้รอดชีวิตที่ตกท่อ แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะวิ่งผ่านไป ขาข้างหนึ่งของเขากลับตกลงไปในท่อ เขาพยายามตะเกียกตะกายปีนขึ้นมา…แต่ไม่นาน เลือดสีแดงกองโตก็ล้นขึ้นมาจากร่างกายท่อนล่างของเขา…

เย่ไคที่กำลังจะก้าวเท้าออกวิ่งพลันชะงัก คนที่เหลือเองก็ต่างพากันมองไปที่ท่อน้ำทิ้งท่อนั้น

เห็นชัดว่า นี่ไม่ใช่การแสดงละคร…

แต่ทว่า…ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของผู้รอดชีวิตที่ตกไปเป็นคนแรก เขาอาจลอบฆ่าพวกตัวเอง เพื่อลวงพวกเขาเข้าไป…ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนมองตากัน จึงเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

“เชี่ย แกเลิกเล่นละครได้แล้ว!”

“คิดจะหลอกให้พวกฉันเดินเข้าไป? หึหึหึ…”

มู่เฉินหัวเราะเย็นชา พลางส่งสายตาให้กู่ซวงซวง ให้เธอแอบตรวจสอบเงียบๆ

แต่ในขณะที่กู่ซวงซวงเดินออกไปอย่างหวาดกลัว ศพที่แน่นิ่งไม่ไหวติงนั้นกลับเคลื่อนไหวขึ้นมาทันใด ขณะเดียวกันเสียง “เคร้งง” ก็ดังขึ้นพร้อมกัน

“กรี๊ดดด!”

กู่ซวงซวงกรีดร้องโดยอัตโนมัติ เจ้าลิงผอมโผกอดจางซินเฉิงที่อยู่ข้างๆ ผลปรากฏว่าถูกอีกฝ่ายผลักกระเด็น

ศพขยับเขยื้อนต่อเนื่องไปอีกครู่หนึ่ง ไม่นานก็ถูกดันไปไว้อีกฝั่ง และจากนั้น มือคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงขอบท่อ…

“เอื้อกก…” มู่เฉินที่กำลังจ้องมองอย่างลุ้นระทึกลอบกลืนน้ำลาย

นี่มันอะไรกัน? หรือว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพิ่มรายการใหม่เข้ามากะทันหัน?

สัตว์ประหลาดที่มุดออกมาจากใต้ดิน…รังสีอำมหิตกระจายตามคาด…

“เตรียมตัวให้ดี!” เย่ไคพูดเสียงเบา ทว่าสัตว์ประหลาดที่สามารถกำจัดผู้รอดชีวิตสองคนนั้นได้ในพริบตา เขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าจะปลอดภัยจากการไล่ล่าของอีกฝ่ายไหม แล้วไหนจะต้องหันกลับมาฆ่ามันอีก…

ในตอนนั้นเอง “สัตว์ประหลาด” ตัวนั้นก็มุดออกมา พร้อมกับเสียงพึมพำ…

“ฮ่า…วิธีขัดขานี่แหละได้ผลตามคาด นี่มันได้ผลดีไม่ต่างจากซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าเลยนะเนี่ย…แถมยังสบายกว่าตั้งเยอะ” หลังจากเสยผม “สัตว์ประหลาด” ตัวนั้นก็หันมามองพวกมู่เฉิน พูดว่า “พวกนายมัวทำอะไรอยู่? อีกอย่าง… เมื่อกี้พวกนายไม่เห็น…”

————————————–

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+