แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1024 แผนการปะติดปะต่อความทรงจำ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1024 แผนการปะติดปะต่อความทรงจำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของหลิงม่อทำให้ทุกคนตกใจหนักมาก…เจ้าลิงผอมหายตัวไป? เพื่อนร่วมทีมที่อยู่กับพวกเขามาตลอดคนนี้ ความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้า? โดยเฉพาะเมื่อหลิงม่อถามคำถามสุดท้ายออกมา หัวใจของทุกคนต่างเต้น “ตึกตัก” ทันที ใช่แล้ว ถ้าหากเจ้าลิงผอมที่อยู่ตรงนี้เป็นตัวปลอม แล้วเจ้าลิงผอมตัวจริงอยู่ที่ไหนกันล่ะ…

“แต่ว่า…” ท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัด อยู่ๆ เจ้าลิงผอมส่ายหน้า แล้วค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว “ที่หัวหน้าพูดมาทั้งหมด มันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น…ตรงกันข้าม ความจริงอาจเป็นหัวหน้าก็ได้ที่น่าสงสัย…”.

ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงพลังกลุ่มหนึ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ ร่างกายเขาลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้ากระแทกเข้ากับหมัดของหลิงม่ออย่างแรง

“โอ๊ย!” เสียงลั่นร้องยังไม่ทันจบ อีกหนึ่งหมัดพลันพุ่งออกไปทันใด หลิงม่อสีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก เขายืนอยู่กับที่เหวี่ยงหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง ทุกหมัดของเขาพุ่งเล็งไปที่ใบหน้าของเจ้าลิงผอมอย่างแม่นยำ ส่วนเจ้าลิงผอมถูกต่อยจนกระเด็นออกไป และถูกลากกลับเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น เขาเหมือนกระสอบทรายในร่างคน ที่ถูกอัดอย่างบ้าคลั่งในเวลาสั้นๆ

“แล้วเมื่อกี้แกจะหนีทำไม!”

“ผมก็แค่…อั่ก!”

“แล้วทำไมสัตว์ประหลาดพวกนี้ถึงได้ตามพวกเรามาทันตลอด?”

“ผม…ไม่รู้…”

“เรื่องประจวบเหมาะพวกนั้นหมายความว่ายังไง?”

“ผมจะไปรู้…”

“น่าเสียดายนะ แกตอบผิดแล้วล่ะ”

“อั่ก!”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนอึ้งค้าง พวกเขายังไม่ทันได้คิดทบทวนคำพูดของหลิงม่อให้ดีเลยด้วยซ้ำ…กู่ซวงซวงอ้าปากอย่างลังเล แต่กลับถูกอวี่เหวินซวนห้ามไว้

“พวกเธอสงสัยหลิงม่อหรอ? ลองคิดดูสิ…” อวี่เหวินซวนพูดสีหน้าจริงจัง “แม้แต่ย่าหลินก็ยังเชื่อเขาเลย”

มู่เฉินได้ยิน ก็ได้สติและด่าเสียงเบา “เหตุผลบ้าบออะไรของนายวะ! แต่ว่า…ฉันก็เชื่อหลิงม่อเหมือนกัน”

“แต่ถ้าหากว่านี่เป็นเจ้าลิงผอมตัวจริง…” กู่ซวงซวงอดพูดขึ้นไม่ได้

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างพากันเงียบ ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่เฉินบอกว่า “ไม่มีถ้าหาก หลิงม่อตัดสินใจแล้ว ดังนั้น เขาต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน อย่าลืมสิ…ในหมู่พวกเรา มีแค่เจ้าลิงผอมคนเดียวเท่านั้นที่กลับมาจากข้างนอก”

“ใช่แล้ว…” สวี่ซูหานพูดเสริมด้วยอีกคน เธอกับอวี๋ซือหรานมองตากัน จากนั้นก็พยักหน้าให้กันเงียบๆ เหมือนกับที่ซย่าน่าและหลี่ย่าหลินทำ เธอกับอวี๋ซือหรานได้ยืนยันตัวตนของหลิงม่อผ่านการดมกลิ่นแล้ว แต่สำหรับเจ้าลิงผอม…

“เจ้าลิงผอม” คนนี้ไม่ว่าจะเรื่องกลิ่นหรือเรื่องอื่นๆ ล้วนดูเหมือนไม่แตกต่างจากมนุษย์…ทว่าเทียบกับจุดนี้ พวกเธอเชื่อในการตัดสินใจของหลิงม่อมากกว่า…

หลังจากอัดเจ้าลิงผอมไปหนึ่งยก หลิงม่อสะบัดมือไปมา จากนั้นก็กระชากคอเสื้อเขาแน่น ถามว่า “ร่างจริงของแกอยู่ที่ไหน? เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วแกน่าจะรู้ แสดงละครต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” เขาหันไปมองพวกมู่เฉิน ในสองนาทีที่ผ่านมา ไม่มีใครออกมาห้ามหลิงม่อซักคน นั่นน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ชัดเจนสำหรับเจ้าลิงผอมแล้ว

เจ้าลิงผอมดูเหมือนตระหนักได้ถึงข้อนี้ เขาหรี่ตาจ้องหลิงม่ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆๆๆ…แกลงมือกับฉันตอนนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอหรอ?” เขาพูดเสียงเบามาก แต่ดูจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปก็รู้แล้วว่าเขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะแสดงละครแล้ว

คนที่เหลือแม้ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ชัดนัก แต่ก็เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา

เย่ไคชะงัก เขาทำท่าจะพุ่งเข้าไปอย่างเดือดดาล ถามเสียงดัง “เชี่ย! เจ้าลิงผอมอยู่ที่ไหน?! แกเอาเขาไปไว้ที่ไหนวะ!”

“ลิงผอม…” กู่ซวงซวงยกมือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อกี้เธอยังใจอ่อน กระทั่งคิดจะห้ามหลิงม่อด้วยซ้ำ คิดแล้วเธอก็อดเอาหน้าซุกลงกลางฝ่ามือไม่ได้

จางซินเฉิงเองก็กัดฟันกรอด แต่สุดท้ายกลับไม่ทำอะไร ได้แต่ดึงตัวเย่ไคไว้แล้วเกลี้ยกล่อมเขา “ให้หัวหน้าจัดการเถอะ…”

“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกมเท่านั้น ตั้งแต่ที่เห็นศพพวกนั้นฉันก็คิดดีแล้ว เกมนี้ไม่ได้มีแค่แกที่กำลังเล่น ฉันก็กำลังเล่นเหมือนกัน เป็นไงล่ะ สนใจเล่นเกมใหม่กับฉันซักหน่อยไหม?” หลิงม่อถามเสียงเบา เสียงของเขาในตอนนี้ฟังดูเย็นชา สายตาเย็นเยียบหาที่เปรียบไม่ได้ “เหมือนแกจะยังไม่รู้นะ…สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด คือการที่มีใครมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน แกไม่เคยเรียนรู้สิ่งนี้มาจากการอ่านหนังสือจิตวิทยาบ้างหรอ?”

“ฮ่าฮ่า ตอนนี้ก็ได้เรียนรู้แล้วนี่ไง แกไม่เห็นหรอ นี่แหละส่วนที่น่าสนุกของเกม อีกอย่างถ้าหากมันเป็นไปอย่างราบรื่น ฉันก็คงได้เห็นว่าพวกแกสงสัยเคลือบแคลง และวางแผนทำร้ายกันเองไปแล้วล่ะ ก็เหมือนกับสามคนนั้นที่ปีนขึ้นมาจากใต้ดินไงล่ะ…ความจริงแล้ว ‘แก’ คนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะฝังพวกนั้นจริงๆ หรอก เพียงแต่พอพวกนั้นกระเสือกกระสนเอาตัวรอดจากความตายขึ้นมาได้แล้ว ตามแผนเดิมพวกนั้นต้องเกิดความหวาดกลัวและหวาดระแวงในตัวแกแล้ว…ไม่แน่ว่าตอนที่เจอนาย พวกนั้นอาจลงมือทันทีเลยก็ได้…” “เจ้าลิงผอม” พูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ฉันอุตส่าห์ตั้งตอรอว่าพวกนั้นจะอ้อนวอนร้องขอชีวิต หรือพูดถึงความทรงจำที่เคยมีกับแกหรือเปล่า…แต่ปรากฏว่ากลับถูกแกทำพังหมด”

“แกทำแบบนี้แล้วมันสนุกตรงไหน?” หลิงม่อถาม

“เจ้าลิงผอม” ส่ายหน้า “สนุก? แน่นอนว่าไม่ใช่…ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ผู้ล่าที่ดีต้องรู้จักสังเกตเหยื่อ ไม่ใช่หรอ?”

“แกหลงคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปหรือเปล่า…” หลิงม่อหัวเราะเย็นชา

“ใช่สิ ตอบอะไรฉันมาอย่างหนึ่งได้ไหม? แกทำอะไรกับ ‘แก’ ที่อยู่ในห้องนั้นกันแน่? ถ้าหากแกยอมบอก ไม่แน่ว่าฉันอาจยอมบอกแกก็ได้ว่าเราเจอกันครั้งแรกที่ไหน…ไม่สิ แกลองเดาได้หนึ่งครั้ง แต่ไม่ต้องเสียเวลาถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น หรือร่างจริงของร่างนี้หรอก…” “เจ้าลิงผอม” พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย

แต่หลังจากจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง หลิงม่อกลับกระชากร่างมันขึ้น “ฉันเก็บไว้ถามร่างจริงของแกดีกว่า ส่วนเรื่องที่ฉันทำอะไรมันนั้น อีกเดี๋ยวแกก็จะรู้เอง อ้อ ขอบอกด้วยความหวังดีก่อนแล้วกัน นี่ก็เป็นวิธีการเล่นเกมในแบบของฉันเหมือนกัน…” พูดไป เขาก็ลาก “เจ้าลิงผอม” เข้าไปในห้องนั้น…

เหมียวเจ๋อจ้องตากับซย่าน่าชั่วขณะ เขาหมายจะขยับตัว ทว่าทันใดนั้นกลับมีสายลมแรงปะทะเข้ามาจากข้างหลัง ขณะเดียวกัน ซย่าน่าสองคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว…

สามนาทีหลังจากที่เหมียวเจ๋อถูกลากเข้าไปในห้องนั้นด้วย หลิงม่อเดินออกมาอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเขาดูค่อนข้างซีดเซียว แต่สายตากลับเป็นประกายกว่าปกติ

“หลิงม่อ…นายฆ่าพวกนั้นไปทั้งอย่างนี้ จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ?” มู่เฉินเดินเข้ามา แล้วถามเขาอย่างวิตกกังวล

“นายคิดว่าพี่เย่เลี่ยนจะอยู่ในกำมือของสัตว์ประหลาดตัวนี้จริงหรอ?” ซย่าน่าถามแทรกขึ้น

หลี่ย่าหลินหัวเราะ บอกว่า “ถึงแม้เธอจะอยู่ในอาคารหลังนี้จริงๆ…แต่เธอไม่มีทางตกอยู่ในเงื้อมมือของสัตว์ประหลาดหรอก”

“ก็จริง ถ้าหากว่าอยู่ที่นี่จริงๆ…มันคงพาเธอออกมาด้วย จากนั้นก็สั่งให้พวกเราทำในสิ่งที่มันต้องการให้พวกเราทำไปแล้ว…แต่…” สิ่งที่เย่ไคต้องการจะบอกก็คือ พวกเขาไม่สามารถมั่นใจเรื่องนี้ได้…และเพราะไม่สามารถมั่นใจได้ ดังนั้นถึงไม่สามารถตัดสินใจทำอย่างอื่นได้ เทียบกับพวกเขา หลิงม่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกว่ามาก

“วางใจเถอะ” หลิงม่อกลับโบกมือไปมา บอกว่า “ฉันรู้แล้วว่ามันกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่…”

ขณะเดียวกันนั้น ณ ชั้นใดชั้นหนึ่งในอาคาร

“จะเอาไงดีล่ะ…” เจ้าของเสียงเล็กแหลมนั่งอยู่บนรั้วกั้น แกว่งขาทั้งสองข้างไปมา และก้มมองอาคารสิ่งก่อสร้างรกร้างวังเวงที่อยู่ข้างล่างเหล่านั้น ซอมบี้บางส่วนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่จากที่ไกลๆ เป้าหมายของพวกมันก็คือศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นข้างล่างพวกนั้นนั่นเอง กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ พัดโชยขึ้นมาพร้อมกับสายลม ทำให้มันสูดดมลึกๆ อย่างอดไม่ได้ “เฮ้อ จะเอาไงดีล่ะ…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เงาคนที่ยืนอยู่ในเงามืดพลันเปิดปากถาม

“เปล่า…แค่รู้สึกว่าสนุกมากเท่านั้นเอง” มันโบกมือไปมา “แกไปเถอะ”

“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”

“ทำอะไรล่ะ…แค่ล่าเหยื่อก็พอแล้ว” พูดจบ มันก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “เล่นให้สนุกหน่อยล่ะ”

หลังจากเงาคนเดินออกไป มันก็แกว่งขาไปมาต่อ รองเท้าหนังสีแดงคู่เล็กแกว่งหน้าแกว่งหลังอยู่กลางอากาศ “พวกเราเคยเจอกันมาตั้งนานแล้วน้า…ถ้าหากใช้คำพูดของพวกมนุษย์ ต้องบอกว่ายังไงดีล่ะ…อืมม ช่างเถอะ ฉันก็ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองบ้างแล้ว ใครใช้ให้เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่ฉันคิดไว้กันล่ะ” มันค่อยๆ ทิ้งตัวลงด้านหลังรั้วกั้น จากนั้นก็ใช้มือเล็กๆ ปัดกระโปรงตัวเอง แล้วอยู่ๆ ก็เริ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี “พี่สาว พี่สาว ตอนนี้พี่สาวอยู่ที่ไหนน้า…”

…บนบันได พวกหลิงม่อกำลังวิ่งขึ้นไปข้างบนด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่พวกเขาวิ่งขึ้นไปถึงอาคารแต่ละชั้น พวกเขาจะเริ่มออกค้นหาจนทั่ว เดิมพวกเย่ไคอยากเสนอให้แยกกันค้นหา แต่พอนึกถึงศพที่เหมือนกับพวกเขาทุกประการเหล่านั้นแล้ว ก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดนั้นไปอย่างหวาดผวาเงียบๆ ใครจะบอกได้ว่าหลังจากแยกตัวกันแล้ว คนที่มารวมตัวกันอีกครั้ง จะใช่ตัวจริงหรือเปล่า…

หลิงม่อกลับคิดแต่เรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้น…ดูจากพลังของมันที่แสดงออกมา รวมถึงกับดักเจ้าเล่ห์ร้ายกาจต่างๆ นานาเมื่อกี้แล้ว ร่างแม่ตัวนี้จะต้องรับมือยากมากอย่างแน่นอน ทันทีที่พวกเขาเปิดโอกาสให้มันแม้เพียงน้อยนิด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจต้องพบกับจุดจบพังพินาศเป็นเสี่ยงๆ

“พี่หลิง…พี่บอกว่าพี่รู้แล้วว่ามันกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ หมายความยังไงหรอ?” ซย่าน่าถามอย่างสงสัย

“เรื่องนี้น่ะ…ฉันยังไม่แน่ใจนักหรอก ดังนั้น…แต่ว่าฉันรู้แล้วว่าฉันควรเล่นเกมนี้ยังไง” หลิงม่อบอก “ ‘ร่างแยก’ พวกนั้นที่มันส่งมา ความจริงเป็นเบาะแสให้ฉันได้อย่างดีเลยล่ะ”

“พี่หมายความว่า…” ซย่าน่าครุ่นคิด ไม่นานก็ทำหน้าเหมือนถึงบางอ้อขึ้นมา มีเพียงหลี่ย่าหลินที่ยังคงถามอย่างมึนงงว่า “พูดอะไรกันน่ะ?”

ถูกต้องแล้ว เบาะแส… ความจริงแล้ว ‘ร่างแยก’ ทุกตัว ล้วนสามารถมอบความทรงจำส่วนหนึ่งของพวกมันให้หลิงม่อได้ทั้งนั้น ถึงแม้ความทรงจำพวกนั้นจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง แต่หลังจากปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน พวกมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาทีละน้อยๆ…

“ต่อไปเป็นชั้นที่ห้าแล้ว!” เย่ไคตะโกนบอก พลางพุ่งตัวขึ้นไป

แต่เพิ่งจะวิ่งไปถึงทางเลี้ยว เขาก็ต้องหยุดชะงัก พลางค่อยๆ เดินถอยหลัง…

“หัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว…” เย่ไคร่างกายค้างแข็ง พูดเสียงเบา

—————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1024 แผนการปะติดปะต่อความทรงจำ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1024 แผนการปะติดปะต่อความทรงจำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของหลิงม่อทำให้ทุกคนตกใจหนักมาก…เจ้าลิงผอมหายตัวไป? เพื่อนร่วมทีมที่อยู่กับพวกเขามาตลอดคนนี้ ความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้า? โดยเฉพาะเมื่อหลิงม่อถามคำถามสุดท้ายออกมา หัวใจของทุกคนต่างเต้น “ตึกตัก” ทันที ใช่แล้ว ถ้าหากเจ้าลิงผอมที่อยู่ตรงนี้เป็นตัวปลอม แล้วเจ้าลิงผอมตัวจริงอยู่ที่ไหนกันล่ะ…

“แต่ว่า…” ท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัด อยู่ๆ เจ้าลิงผอมส่ายหน้า แล้วค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว “ที่หัวหน้าพูดมาทั้งหมด มันก็เป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น…ตรงกันข้าม ความจริงอาจเป็นหัวหน้าก็ได้ที่น่าสงสัย…”.

ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ถึงพลังกลุ่มหนึ่งเข้ามากระชากคอเสื้อ ร่างกายเขาลอยไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้ากระแทกเข้ากับหมัดของหลิงม่ออย่างแรง

“โอ๊ย!” เสียงลั่นร้องยังไม่ทันจบ อีกหนึ่งหมัดพลันพุ่งออกไปทันใด หลิงม่อสีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก เขายืนอยู่กับที่เหวี่ยงหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง ทุกหมัดของเขาพุ่งเล็งไปที่ใบหน้าของเจ้าลิงผอมอย่างแม่นยำ ส่วนเจ้าลิงผอมถูกต่อยจนกระเด็นออกไป และถูกลากกลับเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น เขาเหมือนกระสอบทรายในร่างคน ที่ถูกอัดอย่างบ้าคลั่งในเวลาสั้นๆ

“แล้วเมื่อกี้แกจะหนีทำไม!”

“ผมก็แค่…อั่ก!”

“แล้วทำไมสัตว์ประหลาดพวกนี้ถึงได้ตามพวกเรามาทันตลอด?”

“ผม…ไม่รู้…”

“เรื่องประจวบเหมาะพวกนั้นหมายความว่ายังไง?”

“ผมจะไปรู้…”

“น่าเสียดายนะ แกตอบผิดแล้วล่ะ”

“อั่ก!”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนอึ้งค้าง พวกเขายังไม่ทันได้คิดทบทวนคำพูดของหลิงม่อให้ดีเลยด้วยซ้ำ…กู่ซวงซวงอ้าปากอย่างลังเล แต่กลับถูกอวี่เหวินซวนห้ามไว้

“พวกเธอสงสัยหลิงม่อหรอ? ลองคิดดูสิ…” อวี่เหวินซวนพูดสีหน้าจริงจัง “แม้แต่ย่าหลินก็ยังเชื่อเขาเลย”

มู่เฉินได้ยิน ก็ได้สติและด่าเสียงเบา “เหตุผลบ้าบออะไรของนายวะ! แต่ว่า…ฉันก็เชื่อหลิงม่อเหมือนกัน”

“แต่ถ้าหากว่านี่เป็นเจ้าลิงผอมตัวจริง…” กู่ซวงซวงอดพูดขึ้นไม่ได้

ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างพากันเงียบ ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่เฉินบอกว่า “ไม่มีถ้าหาก หลิงม่อตัดสินใจแล้ว ดังนั้น เขาต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน อย่าลืมสิ…ในหมู่พวกเรา มีแค่เจ้าลิงผอมคนเดียวเท่านั้นที่กลับมาจากข้างนอก”

“ใช่แล้ว…” สวี่ซูหานพูดเสริมด้วยอีกคน เธอกับอวี๋ซือหรานมองตากัน จากนั้นก็พยักหน้าให้กันเงียบๆ เหมือนกับที่ซย่าน่าและหลี่ย่าหลินทำ เธอกับอวี๋ซือหรานได้ยืนยันตัวตนของหลิงม่อผ่านการดมกลิ่นแล้ว แต่สำหรับเจ้าลิงผอม…

“เจ้าลิงผอม” คนนี้ไม่ว่าจะเรื่องกลิ่นหรือเรื่องอื่นๆ ล้วนดูเหมือนไม่แตกต่างจากมนุษย์…ทว่าเทียบกับจุดนี้ พวกเธอเชื่อในการตัดสินใจของหลิงม่อมากกว่า…

หลังจากอัดเจ้าลิงผอมไปหนึ่งยก หลิงม่อสะบัดมือไปมา จากนั้นก็กระชากคอเสื้อเขาแน่น ถามว่า “ร่างจริงของแกอยู่ที่ไหน? เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วแกน่าจะรู้ แสดงละครต่อไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” เขาหันไปมองพวกมู่เฉิน ในสองนาทีที่ผ่านมา ไม่มีใครออกมาห้ามหลิงม่อซักคน นั่นน่าจะเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ชัดเจนสำหรับเจ้าลิงผอมแล้ว

เจ้าลิงผอมดูเหมือนตระหนักได้ถึงข้อนี้ เขาหรี่ตาจ้องหลิงม่ออยู่ครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆๆๆ…แกลงมือกับฉันตอนนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอหรอ?” เขาพูดเสียงเบามาก แต่ดูจากสีหน้าที่เปลี่ยนไปก็รู้แล้วว่าเขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะแสดงละครแล้ว

คนที่เหลือแม้ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ชัดนัก แต่ก็เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา

เย่ไคชะงัก เขาทำท่าจะพุ่งเข้าไปอย่างเดือดดาล ถามเสียงดัง “เชี่ย! เจ้าลิงผอมอยู่ที่ไหน?! แกเอาเขาไปไว้ที่ไหนวะ!”

“ลิงผอม…” กู่ซวงซวงยกมือปิดปาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อกี้เธอยังใจอ่อน กระทั่งคิดจะห้ามหลิงม่อด้วยซ้ำ คิดแล้วเธอก็อดเอาหน้าซุกลงกลางฝ่ามือไม่ได้

จางซินเฉิงเองก็กัดฟันกรอด แต่สุดท้ายกลับไม่ทำอะไร ได้แต่ดึงตัวเย่ไคไว้แล้วเกลี้ยกล่อมเขา “ให้หัวหน้าจัดการเถอะ…”

“นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกมเท่านั้น ตั้งแต่ที่เห็นศพพวกนั้นฉันก็คิดดีแล้ว เกมนี้ไม่ได้มีแค่แกที่กำลังเล่น ฉันก็กำลังเล่นเหมือนกัน เป็นไงล่ะ สนใจเล่นเกมใหม่กับฉันซักหน่อยไหม?” หลิงม่อถามเสียงเบา เสียงของเขาในตอนนี้ฟังดูเย็นชา สายตาเย็นเยียบหาที่เปรียบไม่ได้ “เหมือนแกจะยังไม่รู้นะ…สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุด คือการที่มีใครมาแตะต้องผู้หญิงของฉัน แกไม่เคยเรียนรู้สิ่งนี้มาจากการอ่านหนังสือจิตวิทยาบ้างหรอ?”

“ฮ่าฮ่า ตอนนี้ก็ได้เรียนรู้แล้วนี่ไง แกไม่เห็นหรอ นี่แหละส่วนที่น่าสนุกของเกม อีกอย่างถ้าหากมันเป็นไปอย่างราบรื่น ฉันก็คงได้เห็นว่าพวกแกสงสัยเคลือบแคลง และวางแผนทำร้ายกันเองไปแล้วล่ะ ก็เหมือนกับสามคนนั้นที่ปีนขึ้นมาจากใต้ดินไงล่ะ…ความจริงแล้ว ‘แก’ คนนั้นไม่ได้ตั้งใจจะฝังพวกนั้นจริงๆ หรอก เพียงแต่พอพวกนั้นกระเสือกกระสนเอาตัวรอดจากความตายขึ้นมาได้แล้ว ตามแผนเดิมพวกนั้นต้องเกิดความหวาดกลัวและหวาดระแวงในตัวแกแล้ว…ไม่แน่ว่าตอนที่เจอนาย พวกนั้นอาจลงมือทันทีเลยก็ได้…” “เจ้าลิงผอม” พูดกลั้วเสียงหัวเราะ “ฉันอุตส่าห์ตั้งตอรอว่าพวกนั้นจะอ้อนวอนร้องขอชีวิต หรือพูดถึงความทรงจำที่เคยมีกับแกหรือเปล่า…แต่ปรากฏว่ากลับถูกแกทำพังหมด”

“แกทำแบบนี้แล้วมันสนุกตรงไหน?” หลิงม่อถาม

“เจ้าลิงผอม” ส่ายหน้า “สนุก? แน่นอนว่าไม่ใช่…ฉันเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น ผู้ล่าที่ดีต้องรู้จักสังเกตเหยื่อ ไม่ใช่หรอ?”

“แกหลงคิดว่าตัวเองสูงส่งเกินไปหรือเปล่า…” หลิงม่อหัวเราะเย็นชา

“ใช่สิ ตอบอะไรฉันมาอย่างหนึ่งได้ไหม? แกทำอะไรกับ ‘แก’ ที่อยู่ในห้องนั้นกันแน่? ถ้าหากแกยอมบอก ไม่แน่ว่าฉันอาจยอมบอกแกก็ได้ว่าเราเจอกันครั้งแรกที่ไหน…ไม่สิ แกลองเดาได้หนึ่งครั้ง แต่ไม่ต้องเสียเวลาถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น หรือร่างจริงของร่างนี้หรอก…” “เจ้าลิงผอม” พูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย

แต่หลังจากจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง หลิงม่อกลับกระชากร่างมันขึ้น “ฉันเก็บไว้ถามร่างจริงของแกดีกว่า ส่วนเรื่องที่ฉันทำอะไรมันนั้น อีกเดี๋ยวแกก็จะรู้เอง อ้อ ขอบอกด้วยความหวังดีก่อนแล้วกัน นี่ก็เป็นวิธีการเล่นเกมในแบบของฉันเหมือนกัน…” พูดไป เขาก็ลาก “เจ้าลิงผอม” เข้าไปในห้องนั้น…

เหมียวเจ๋อจ้องตากับซย่าน่าชั่วขณะ เขาหมายจะขยับตัว ทว่าทันใดนั้นกลับมีสายลมแรงปะทะเข้ามาจากข้างหลัง ขณะเดียวกัน ซย่าน่าสองคนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว…

สามนาทีหลังจากที่เหมียวเจ๋อถูกลากเข้าไปในห้องนั้นด้วย หลิงม่อเดินออกมาอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเขาดูค่อนข้างซีดเซียว แต่สายตากลับเป็นประกายกว่าปกติ

“หลิงม่อ…นายฆ่าพวกนั้นไปทั้งอย่างนี้ จะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ?” มู่เฉินเดินเข้ามา แล้วถามเขาอย่างวิตกกังวล

“นายคิดว่าพี่เย่เลี่ยนจะอยู่ในกำมือของสัตว์ประหลาดตัวนี้จริงหรอ?” ซย่าน่าถามแทรกขึ้น

หลี่ย่าหลินหัวเราะ บอกว่า “ถึงแม้เธอจะอยู่ในอาคารหลังนี้จริงๆ…แต่เธอไม่มีทางตกอยู่ในเงื้อมมือของสัตว์ประหลาดหรอก”

“ก็จริง ถ้าหากว่าอยู่ที่นี่จริงๆ…มันคงพาเธอออกมาด้วย จากนั้นก็สั่งให้พวกเราทำในสิ่งที่มันต้องการให้พวกเราทำไปแล้ว…แต่…” สิ่งที่เย่ไคต้องการจะบอกก็คือ พวกเขาไม่สามารถมั่นใจเรื่องนี้ได้…และเพราะไม่สามารถมั่นใจได้ ดังนั้นถึงไม่สามารถตัดสินใจทำอย่างอื่นได้ เทียบกับพวกเขา หลิงม่อตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกว่ามาก

“วางใจเถอะ” หลิงม่อกลับโบกมือไปมา บอกว่า “ฉันรู้แล้วว่ามันกำลังเล่นเกมอะไรอยู่กันแน่…”

ขณะเดียวกันนั้น ณ ชั้นใดชั้นหนึ่งในอาคาร

“จะเอาไงดีล่ะ…” เจ้าของเสียงเล็กแหลมนั่งอยู่บนรั้วกั้น แกว่งขาทั้งสองข้างไปมา และก้มมองอาคารสิ่งก่อสร้างรกร้างวังเวงที่อยู่ข้างล่างเหล่านั้น ซอมบี้บางส่วนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่จากที่ไกลๆ เป้าหมายของพวกมันก็คือศพที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นข้างล่างพวกนั้นนั่นเอง กลิ่นคาวเลือดฉุนๆ พัดโชยขึ้นมาพร้อมกับสายลม ทำให้มันสูดดมลึกๆ อย่างอดไม่ได้ “เฮ้อ จะเอาไงดีล่ะ…”

“เกิดอะไรขึ้น?” เงาคนที่ยืนอยู่ในเงามืดพลันเปิดปากถาม

“เปล่า…แค่รู้สึกว่าสนุกมากเท่านั้นเอง” มันโบกมือไปมา “แกไปเถอะ”

“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?”

“ทำอะไรล่ะ…แค่ล่าเหยื่อก็พอแล้ว” พูดจบ มันก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “เล่นให้สนุกหน่อยล่ะ”

หลังจากเงาคนเดินออกไป มันก็แกว่งขาไปมาต่อ รองเท้าหนังสีแดงคู่เล็กแกว่งหน้าแกว่งหลังอยู่กลางอากาศ “พวกเราเคยเจอกันมาตั้งนานแล้วน้า…ถ้าหากใช้คำพูดของพวกมนุษย์ ต้องบอกว่ายังไงดีล่ะ…อืมม ช่างเถอะ ฉันก็ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองบ้างแล้ว ใครใช้ให้เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่ฉันคิดไว้กันล่ะ” มันค่อยๆ ทิ้งตัวลงด้านหลังรั้วกั้น จากนั้นก็ใช้มือเล็กๆ ปัดกระโปรงตัวเอง แล้วอยู่ๆ ก็เริ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี “พี่สาว พี่สาว ตอนนี้พี่สาวอยู่ที่ไหนน้า…”

…บนบันได พวกหลิงม่อกำลังวิ่งขึ้นไปข้างบนด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่พวกเขาวิ่งขึ้นไปถึงอาคารแต่ละชั้น พวกเขาจะเริ่มออกค้นหาจนทั่ว เดิมพวกเย่ไคอยากเสนอให้แยกกันค้นหา แต่พอนึกถึงศพที่เหมือนกับพวกเขาทุกประการเหล่านั้นแล้ว ก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดนั้นไปอย่างหวาดผวาเงียบๆ ใครจะบอกได้ว่าหลังจากแยกตัวกันแล้ว คนที่มารวมตัวกันอีกครั้ง จะใช่ตัวจริงหรือเปล่า…

หลิงม่อกลับคิดแต่เรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้น…ดูจากพลังของมันที่แสดงออกมา รวมถึงกับดักเจ้าเล่ห์ร้ายกาจต่างๆ นานาเมื่อกี้แล้ว ร่างแม่ตัวนี้จะต้องรับมือยากมากอย่างแน่นอน ทันทีที่พวกเขาเปิดโอกาสให้มันแม้เพียงน้อยนิด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจต้องพบกับจุดจบพังพินาศเป็นเสี่ยงๆ

“พี่หลิง…พี่บอกว่าพี่รู้แล้วว่ามันกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ หมายความยังไงหรอ?” ซย่าน่าถามอย่างสงสัย

“เรื่องนี้น่ะ…ฉันยังไม่แน่ใจนักหรอก ดังนั้น…แต่ว่าฉันรู้แล้วว่าฉันควรเล่นเกมนี้ยังไง” หลิงม่อบอก “ ‘ร่างแยก’ พวกนั้นที่มันส่งมา ความจริงเป็นเบาะแสให้ฉันได้อย่างดีเลยล่ะ”

“พี่หมายความว่า…” ซย่าน่าครุ่นคิด ไม่นานก็ทำหน้าเหมือนถึงบางอ้อขึ้นมา มีเพียงหลี่ย่าหลินที่ยังคงถามอย่างมึนงงว่า “พูดอะไรกันน่ะ?”

ถูกต้องแล้ว เบาะแส… ความจริงแล้ว ‘ร่างแยก’ ทุกตัว ล้วนสามารถมอบความทรงจำส่วนหนึ่งของพวกมันให้หลิงม่อได้ทั้งนั้น ถึงแม้ความทรงจำพวกนั้นจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง แต่หลังจากปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน พวกมันก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาทีละน้อยๆ…

“ต่อไปเป็นชั้นที่ห้าแล้ว!” เย่ไคตะโกนบอก พลางพุ่งตัวขึ้นไป

แต่เพิ่งจะวิ่งไปถึงทางเลี้ยว เขาก็ต้องหยุดชะงัก พลางค่อยๆ เดินถอยหลัง…

“หัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว…” เย่ไคร่างกายค้างแข็ง พูดเสียงเบา

—————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+