แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1039 ห่วงโซ่มหันตภัย

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1039 ห่วงโซ่มหันตภัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โฮกก โฮกกก!”

ทันใดนั้น เสียงคำรามหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นพอดี ไม่นาน เสียงกรีดร้องมากมายดังระงมตามมาติดๆ อสุรกายนรกล้อวงกัน และรออยู่ข้างล่างอย่างอดทน…

“ชิท! จะกลัวอะไร! อย่างมากก็แค่สู้ตายเท่านั้นเอง!” เย่ไคคำรามเสียงต่ำอย่างเดือดดาล

“จะสู้ยังไง? บาดเจ็บก็เท่ากับตาย…นายคิดว่าตัวเองจะสู้ได้จริงหรอ?” มู่เฉินเหล่มองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดขึ้น

ถึงแม้ทั้งสองกำลังทะเลาะกัน แต่สายตาของทั้งคู่กลับหันไปมองหลิงม่อเป็นตาเดียว รอให้หัวหน้าทีมของพวกเขาเปิดปาก คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกัน…โดยไม่รู้ตัว ทีมเฉพาะกิจที่เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงกันมาโดยตลอด กลับมีความคิดเห็นที่ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ — เชื่อในตัวหลิงม่อ…

“เฮ้ย อย่ามาทำหน้าแบบ ‘เรื่องวุ่นวายพวกนี้เป็นหน้าที่ของนายแล้ว’ เหมือนมันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้วได้ไหม! ทำมาเป็นพูดให้ดูหรูว่าเชื่อใจ แต่ในใจพวกนาย ความจริงคงกำลังคิดว่า… ‘ยังไงนายก็เป็นหัวหน้า นายต้องหาทางรับมือ’ อย่างนี้ต่างหากล่ะ!” หลิงม่อพูดอย่างหงุดหงิด

“ใช่ที่ไหน…”

“ถึงจะใกล้เคียง…แต่นายพูดตรงขนาดนี้ทำเอาคนเขารู้สึกแย่หมดเลยนะ…”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! พวกฉันก็อุตส่าห์ก้มหน้ายอมให้นายชี้ชะตาได้เต็มที่แล้ว นายยังต้องการอะไรอีก…” มู่เฉินบ่นหน้าบึ้งตึง

“เอาเป็นว่า…ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนแล้วกัน” หลิงม่อบอก

ทั้งหมดต่างพากันเงียบอีกครั้ง…ถูกเขาพูดทำลายบรรยากาศอย่างนี้เข้า กลับทำให้พวกเขาตื่นจากความลนลาน อาการขวัญหนีดีฝ่อที่เกิดขึ้นตอนมองสัตว์ประหลาดพวกนั้น ก็ลดลงไปไม่น้อยแล้วเหมือนกัน…

“อวี่เหวิน ฝั่งนายยังต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” อยู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้น

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่อย่างน้อยก็ต้องห้านาที” อวี่เหวินซวนที่ไม่พูดไม่จามาตลอดเงยหน้า ดึงมือออกจากกระเป๋า แล้วตอบ

“ถ้าอย่างนั้น…ยืนหยัดสุดกำลังให้ได้ห้านาที” หลิงม่อหันไปมองทุกคน แล้วพูดขึ้น

ห้านาที…

ท่ามกลางวงล้อมสัตว์ประหลาดมากมายขนาดนี้ แค่หนึ่งวินาทีก็ทรมานแสนสาหัสแล้ว…ยิ่งกว่านั้น ห้านาทีนี้ต้องไม่ใช่แค่การคุมเชิงกันอย่างเดียวแน่นอน…อสุรกายพวกนั้น พวกมันจะรอได้นานแค่ไหนกันเชียว? หนึ่งนาที? หรือว่าสองนาที? ไม่ว่าอย่างไร ในห้านาทีนี้ พวกมันจะต้องวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าแห่งนี้แน่ๆ…

“อาคารข้างหน้าไม่เหมาะกับการต่อสู้มากกว่าที่นี่อีก…ถึงแม้พวกเราจะเคลื่อนย้ายต่อไป อย่างมากก็ถ่วงเวลาได้แค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น…ถ้าพวกมันไม่ปีนขึ้นมา เอาแต่วิ่งตามอยู่ข้างล่างอย่างเดียว วิธีการเคลื่อนย้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป” หลังจากสำรวจสถานการณ์ด้านล่างเสร็จ ซย่าน่าก็กระโดดลงจากรั้วกั้น แล้วพูดขึ้น “สรุปก็คือ…พวกเราอยู่ที่นี่ แล้วยืนหยัดให้ได้ห้านาทีกันเถอะ”

ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน…เป็นอย่างที่ซย่าน่าพูดจริงๆ การเคลื่อนย้ายต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว สู้อยู่บนดาดฟ้าที่ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ให้พวกเขา แล้วคิดหาทางที่จะผ่านห้านาทีอันยาวนานนี้ไปให้ได้ดีกว่า…แต่ว่า หลังจากผ่านห้านาทีนี้ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

“ทั้งหมด…ฟังคำสั่งของหัวหน้าทีม ไปสกัดกั้นประตูไว้ก่อน” มู่เฉินขัดจังหวะความคิดของทุกคน และดักทางไม่ให้พวกเขาถามอะไรด้วยเสียงเคร่งขรึม

หลังเงียบหนึ่งวินาที ทุกคนต่างเริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว…

“พี่หลิง…” เย่เลี่ยนที่มองข้างล่างอยู่ตลอดเอียงคอหันมามองหลิงม่อที่เดินมายืนข้างๆ พลางเรียกขานเสียงเบา

“หื้ม?” หลิงม่อรับคำ

“พี่ว่า…พวกมันตามอะไร…มา?” เย่เลี่ยนก้มลงไปมองอสุรกายนรกพวกนั้นต่อ…เส้นผมของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม บดบังสีหน้าของเธอในยามนี้ แต่จากน้ำเสียงของเธอ หลิงม่อกลับยังคงฟังออก ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่คำถาม…หรือว่าระหว่างที่สู้กับร่างดวงจิตร่างนั้น เย่เลี่ยนไปรู้อะไรมา?

“พี่หลิง พี่เคยบอกไม่ใช่หรอ…” เย่เลี่ยนพูดอย่างแช่มช้า “หลังจากพวกมันจับคนได้…พวกมันไม่กิน…แล้วทำไมถึงได้ไล่ตามไม่เลิก? ซอมลี้ไล่ล่าคน…เพราะว่าหิวโหย…แต่พวกมันไล่ล่าคน เพื่ออะไรกัน?”

หลิงม่ออึ้งงัน จากนั้นไม่นานก็ขมวดคิ้ว ถึงแม้มีอาคารสูงสิบกว่าชั้นกั้นขวางไว้ แต่เขายังคงรู้สึกได้ว่าอสุรกายนรกพวกนั้นมองเห็นเขา…และพวกมันก็กำลังจ้องเขม็งมาที่เขา…สายตาอย่างนั้นเหมือนกับซอมบี้ ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย…และละโมบ…

แล้วที่ไม่เหมือนล่ะ? ไม่เหมือนที่ตรงไหน?

หลิงม่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็เบิกตากว้างอย่างฉุกคิดขึ้นได้ ถูกต้องแล้ว ในสายตาของอสุรกายนรกพวกนี้ ไม่มีแววตาคลุ้มคลั่งปนอยู่…สายตาแบบนั้น มีแต่สัตว์ร้ายที่กำลังหิวโหยสุดขีดเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมาได้…

“เด็กโง่ เธอพูดถูกแล้ว…” หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่กินพวกเรา…บางทีพวกเราอาจถูกฆ่า อาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่เป้าหมายในการฆ่าของพวกมันต่างจากซอมบี้โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยจากจุดนี้ พวกมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์กับซอมบี้แล้ว…เป้าหมายของซอมบี้ อาจพูดได้ว่าคือการทำลายล้างมนุษย์…แล้วอสุรกายพวกนี้ล่ะ? เป้าหมายของพวกมันคืออะไร?”

“เรื่องนี้ง่ายจะตายไป” ทันใดนั้น เสียงเล็กแหลมของเด็กดังมาจากด้านข้าง ไม่นาน ก็เห็นเงาร่างของเฮยซือกระโดดขึ้นไปยืนบนรั้วกัน จากนั้นก็นั่งลงอย่างสบายใจ เหลือบมองข้างล่างด้วยสายตาเย็นชา แล้วหัวเราะพูดว่า “พวกมันอยากยึดอำนาจและเข้ามาแทนที่ยังไงล่ะ”

“แทนที่มนุษย์?”

“ใช่ พวกมันอยากเข้ามาแทนที่มนุษย์” เฮยซือบอก “เห็นฉันก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรอ? นี่คือทิศทางในการวิวัฒนาการของพวกมัน มีทั้งความแข็งแกร่งของซอมบี้ และรูปลักษณ์ภายนอกกับมันสมองของมนุษย์ สามารถสลับไปมา หรือใช้งานพร้อมกันก็ได้ เพราะอย่างนี้ พวกมันถึงได้เรียกตัวเองว่าอสุรกายนรก…อสุรกายที่มาจากนรก และสามารถสร้างบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแท้จริง แต่ในความจริง นี่เป็นเพียงระดับวิวัฒนาการที่ร่างแม่ตัวนั้นแบ่งแยกให้ตัวเอง…ระดับนรก ระดับที่เหนือกว่าระดับราชา…อย่างน้อยก่อนที่จะวิวัฒนาการจนกลายเป็นร่างแม่อย่างนี้ มันก็เคยเป็นซอมบี้ธรรมดามาก่อนแล้ว”

 “โลกใบนี้มีมนุษย์ก่อน จากนั้นเพราะมนุษย์ก็เลยมีซอมบี้ขึ้นมา และต่อมาเพราะซอมบี้ก็เลยมีอสุรกายนรก ถ้าหากพูดอย่างนี้ จะเข้าใจง่ายขึ้นหรือเปล่า? แต่ที่น่าตลกก็คือ สิ่งที่อสุรกายนรกอยากทำ กลับไม่ใช่ขึ้นเป็นฝ่ายเหนือกว่ามนุษย์กับซอมบี้ แต่กลับเป็นการรวมทั้งสองสายพันธุ์นี้เข้าด้วยกัน และสร้างห่วงโซ่ขึ้นมาใหม่…และในห่วงโซ่นี้ มนุษย์คือสายพันธุ์ที่อยู่เป็นอันดับแรกสุด แต่ก็อยู่อันดับสุดท้ายเช่นกัน…ทันทีที่ห่วงโซ่นี้สมบูรณ์แบบ พวกมนุษย์ก็จะถูกสรุปชะตากรรม” เฮยซือพูดถึงตรงนี้ ก็หันไปมองหลิงม่อ “ดังนั้น สิ่งที่อสุรกายนรกพวกนี้ต้องการ…ก็คือการทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนพวกนาย…”

“ทำยังไง?” หลิงม่อถามหน้าเครียด

เฮยซือเองก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาด้วย มันส่ายหน้า พูดเสียงค่อย “ไม่รู้…แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ หากอสุรกายนรกพวกนั้นออกมา เหล่ามนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกหลืบ จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป “…

“เรื่องนั้นยังพอมีเวลาให้ไตร่ตรอง…แต่ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่า พวกเราใกล้จะไม่ปลอดภัยแล้ว” ฟังมาถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลิงม่อกลับหันหลังไปตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมด! สกัดกั้นสี่ทิศ ห้ามปล่อยให้อสุรกายนรกปีนขึ้นมาได้แม้แต่ตัวเดียว! ช่างหัวพวกมันว่าพวกมันคิดจะทำอะไร ในห้านาทีนี้ โจมตีพวกมันให้ร่วงลงไปให้หมด!”

—————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 1039 ห่วงโซ่มหันตภัย

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 1039 ห่วงโซ่มหันตภัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โฮกก โฮกกก!”

ทันใดนั้น เสียงคำรามหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นพอดี ไม่นาน เสียงกรีดร้องมากมายดังระงมตามมาติดๆ อสุรกายนรกล้อวงกัน และรออยู่ข้างล่างอย่างอดทน…

“ชิท! จะกลัวอะไร! อย่างมากก็แค่สู้ตายเท่านั้นเอง!” เย่ไคคำรามเสียงต่ำอย่างเดือดดาล

“จะสู้ยังไง? บาดเจ็บก็เท่ากับตาย…นายคิดว่าตัวเองจะสู้ได้จริงหรอ?” มู่เฉินเหล่มองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดขึ้น

ถึงแม้ทั้งสองกำลังทะเลาะกัน แต่สายตาของทั้งคู่กลับหันไปมองหลิงม่อเป็นตาเดียว รอให้หัวหน้าทีมของพวกเขาเปิดปาก คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็มีปฏิกิริยาเดียวกัน…โดยไม่รู้ตัว ทีมเฉพาะกิจที่เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงกันมาโดยตลอด กลับมีความคิดเห็นที่ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมายเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นั่นก็คือ — เชื่อในตัวหลิงม่อ…

“เฮ้ย อย่ามาทำหน้าแบบ ‘เรื่องวุ่นวายพวกนี้เป็นหน้าที่ของนายแล้ว’ เหมือนมันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้วได้ไหม! ทำมาเป็นพูดให้ดูหรูว่าเชื่อใจ แต่ในใจพวกนาย ความจริงคงกำลังคิดว่า… ‘ยังไงนายก็เป็นหัวหน้า นายต้องหาทางรับมือ’ อย่างนี้ต่างหากล่ะ!” หลิงม่อพูดอย่างหงุดหงิด

“ใช่ที่ไหน…”

“ถึงจะใกล้เคียง…แต่นายพูดตรงขนาดนี้ทำเอาคนเขารู้สึกแย่หมดเลยนะ…”

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ! พวกฉันก็อุตส่าห์ก้มหน้ายอมให้นายชี้ชะตาได้เต็มที่แล้ว นายยังต้องการอะไรอีก…” มู่เฉินบ่นหน้าบึ้งตึง

“เอาเป็นว่า…ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนแล้วกัน” หลิงม่อบอก

ทั้งหมดต่างพากันเงียบอีกครั้ง…ถูกเขาพูดทำลายบรรยากาศอย่างนี้เข้า กลับทำให้พวกเขาตื่นจากความลนลาน อาการขวัญหนีดีฝ่อที่เกิดขึ้นตอนมองสัตว์ประหลาดพวกนั้น ก็ลดลงไปไม่น้อยแล้วเหมือนกัน…

“อวี่เหวิน ฝั่งนายยังต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” อยู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้น

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่อย่างน้อยก็ต้องห้านาที” อวี่เหวินซวนที่ไม่พูดไม่จามาตลอดเงยหน้า ดึงมือออกจากกระเป๋า แล้วตอบ

“ถ้าอย่างนั้น…ยืนหยัดสุดกำลังให้ได้ห้านาที” หลิงม่อหันไปมองทุกคน แล้วพูดขึ้น

ห้านาที…

ท่ามกลางวงล้อมสัตว์ประหลาดมากมายขนาดนี้ แค่หนึ่งวินาทีก็ทรมานแสนสาหัสแล้ว…ยิ่งกว่านั้น ห้านาทีนี้ต้องไม่ใช่แค่การคุมเชิงกันอย่างเดียวแน่นอน…อสุรกายพวกนั้น พวกมันจะรอได้นานแค่ไหนกันเชียว? หนึ่งนาที? หรือว่าสองนาที? ไม่ว่าอย่างไร ในห้านาทีนี้ พวกมันจะต้องวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าแห่งนี้แน่ๆ…

“อาคารข้างหน้าไม่เหมาะกับการต่อสู้มากกว่าที่นี่อีก…ถึงแม้พวกเราจะเคลื่อนย้ายต่อไป อย่างมากก็ถ่วงเวลาได้แค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น…ถ้าพวกมันไม่ปีนขึ้นมา เอาแต่วิ่งตามอยู่ข้างล่างอย่างเดียว วิธีการเคลื่อนย้ายก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป” หลังจากสำรวจสถานการณ์ด้านล่างเสร็จ ซย่าน่าก็กระโดดลงจากรั้วกั้น แล้วพูดขึ้น “สรุปก็คือ…พวกเราอยู่ที่นี่ แล้วยืนหยัดให้ได้ห้านาทีกันเถอะ”

ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน…เป็นอย่างที่ซย่าน่าพูดจริงๆ การเคลื่อนย้ายต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว สู้อยู่บนดาดฟ้าที่ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ให้พวกเขา แล้วคิดหาทางที่จะผ่านห้านาทีอันยาวนานนี้ไปให้ได้ดีกว่า…แต่ว่า หลังจากผ่านห้านาทีนี้ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

“ทั้งหมด…ฟังคำสั่งของหัวหน้าทีม ไปสกัดกั้นประตูไว้ก่อน” มู่เฉินขัดจังหวะความคิดของทุกคน และดักทางไม่ให้พวกเขาถามอะไรด้วยเสียงเคร่งขรึม

หลังเงียบหนึ่งวินาที ทุกคนต่างเริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว…

“พี่หลิง…” เย่เลี่ยนที่มองข้างล่างอยู่ตลอดเอียงคอหันมามองหลิงม่อที่เดินมายืนข้างๆ พลางเรียกขานเสียงเบา

“หื้ม?” หลิงม่อรับคำ

“พี่ว่า…พวกมันตามอะไร…มา?” เย่เลี่ยนก้มลงไปมองอสุรกายนรกพวกนั้นต่อ…เส้นผมของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม บดบังสีหน้าของเธอในยามนี้ แต่จากน้ำเสียงของเธอ หลิงม่อกลับยังคงฟังออก ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่คำถาม…หรือว่าระหว่างที่สู้กับร่างดวงจิตร่างนั้น เย่เลี่ยนไปรู้อะไรมา?

“พี่หลิง พี่เคยบอกไม่ใช่หรอ…” เย่เลี่ยนพูดอย่างแช่มช้า “หลังจากพวกมันจับคนได้…พวกมันไม่กิน…แล้วทำไมถึงได้ไล่ตามไม่เลิก? ซอมลี้ไล่ล่าคน…เพราะว่าหิวโหย…แต่พวกมันไล่ล่าคน เพื่ออะไรกัน?”

หลิงม่ออึ้งงัน จากนั้นไม่นานก็ขมวดคิ้ว ถึงแม้มีอาคารสูงสิบกว่าชั้นกั้นขวางไว้ แต่เขายังคงรู้สึกได้ว่าอสุรกายนรกพวกนั้นมองเห็นเขา…และพวกมันก็กำลังจ้องเขม็งมาที่เขา…สายตาอย่างนั้นเหมือนกับซอมบี้ ที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย…และละโมบ…

แล้วที่ไม่เหมือนล่ะ? ไม่เหมือนที่ตรงไหน?

หลิงม่อครุ่นคิดอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็เบิกตากว้างอย่างฉุกคิดขึ้นได้ ถูกต้องแล้ว ในสายตาของอสุรกายนรกพวกนี้ ไม่มีแววตาคลุ้มคลั่งปนอยู่…สายตาแบบนั้น มีแต่สัตว์ร้ายที่กำลังหิวโหยสุดขีดเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมาได้…

“เด็กโง่ เธอพูดถูกแล้ว…” หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เป้าหมายของพวกมันไม่ใช่กินพวกเรา…บางทีพวกเราอาจถูกฆ่า อาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แต่เป้าหมายในการฆ่าของพวกมันต่างจากซอมบี้โดยสิ้นเชิง อย่างน้อยจากจุดนี้ พวกมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตคนละสายพันธุ์กับซอมบี้แล้ว…เป้าหมายของซอมบี้ อาจพูดได้ว่าคือการทำลายล้างมนุษย์…แล้วอสุรกายพวกนี้ล่ะ? เป้าหมายของพวกมันคืออะไร?”

“เรื่องนี้ง่ายจะตายไป” ทันใดนั้น เสียงเล็กแหลมของเด็กดังมาจากด้านข้าง ไม่นาน ก็เห็นเงาร่างของเฮยซือกระโดดขึ้นไปยืนบนรั้วกัน จากนั้นก็นั่งลงอย่างสบายใจ เหลือบมองข้างล่างด้วยสายตาเย็นชา แล้วหัวเราะพูดว่า “พวกมันอยากยึดอำนาจและเข้ามาแทนที่ยังไงล่ะ”

“แทนที่มนุษย์?”

“ใช่ พวกมันอยากเข้ามาแทนที่มนุษย์” เฮยซือบอก “เห็นฉันก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรอ? นี่คือทิศทางในการวิวัฒนาการของพวกมัน มีทั้งความแข็งแกร่งของซอมบี้ และรูปลักษณ์ภายนอกกับมันสมองของมนุษย์ สามารถสลับไปมา หรือใช้งานพร้อมกันก็ได้ เพราะอย่างนี้ พวกมันถึงได้เรียกตัวเองว่าอสุรกายนรก…อสุรกายที่มาจากนรก และสามารถสร้างบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างแท้จริง แต่ในความจริง นี่เป็นเพียงระดับวิวัฒนาการที่ร่างแม่ตัวนั้นแบ่งแยกให้ตัวเอง…ระดับนรก ระดับที่เหนือกว่าระดับราชา…อย่างน้อยก่อนที่จะวิวัฒนาการจนกลายเป็นร่างแม่อย่างนี้ มันก็เคยเป็นซอมบี้ธรรมดามาก่อนแล้ว”

 “โลกใบนี้มีมนุษย์ก่อน จากนั้นเพราะมนุษย์ก็เลยมีซอมบี้ขึ้นมา และต่อมาเพราะซอมบี้ก็เลยมีอสุรกายนรก ถ้าหากพูดอย่างนี้ จะเข้าใจง่ายขึ้นหรือเปล่า? แต่ที่น่าตลกก็คือ สิ่งที่อสุรกายนรกอยากทำ กลับไม่ใช่ขึ้นเป็นฝ่ายเหนือกว่ามนุษย์กับซอมบี้ แต่กลับเป็นการรวมทั้งสองสายพันธุ์นี้เข้าด้วยกัน และสร้างห่วงโซ่ขึ้นมาใหม่…และในห่วงโซ่นี้ มนุษย์คือสายพันธุ์ที่อยู่เป็นอันดับแรกสุด แต่ก็อยู่อันดับสุดท้ายเช่นกัน…ทันทีที่ห่วงโซ่นี้สมบูรณ์แบบ พวกมนุษย์ก็จะถูกสรุปชะตากรรม” เฮยซือพูดถึงตรงนี้ ก็หันไปมองหลิงม่อ “ดังนั้น สิ่งที่อสุรกายนรกพวกนี้ต้องการ…ก็คือการทำให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนพวกนาย…”

“ทำยังไง?” หลิงม่อถามหน้าเครียด

เฮยซือเองก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมาด้วย มันส่ายหน้า พูดเสียงค่อย “ไม่รู้…แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ หากอสุรกายนรกพวกนั้นออกมา เหล่ามนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกหลืบ จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป “…

“เรื่องนั้นยังพอมีเวลาให้ไตร่ตรอง…แต่ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่า พวกเราใกล้จะไม่ปลอดภัยแล้ว” ฟังมาถึงตรงนี้ อยู่ๆ หลิงม่อกลับหันหลังไปตะโกนเสียงดัง “ทั้งหมด! สกัดกั้นสี่ทิศ ห้ามปล่อยให้อสุรกายนรกปีนขึ้นมาได้แม้แต่ตัวเดียว! ช่างหัวพวกมันว่าพวกมันคิดจะทำอะไร ในห้านาทีนี้ โจมตีพวกมันให้ร่วงลงไปให้หมด!”

—————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+