แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 621 โลกภายนอกที่ไม่เคยได้สัมผัส

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 621 โลกภายนอกที่ไม่เคยได้สัมผัส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 621 โลกภายนอกที่ไม่เคยได้สัมผัส

“อยู่ไหนเนี่ย ออกมาเดี๋ยวนี้นะ…”

สวี่ซูหานคลำมือบนพื้นเพื่อหาอาวุธของตัวเองอย่างร้อนใจ ขณะเดียวกันก็จ้องไปที่เย่เลี่ยนอย่างกังวล

ทว่าความคิดของเธอมีจุดที่ผิดไปเล็กน้อย ถึงแม้เย่เลี่ยนร่างกายผอมบาง ยิ่งเทียบกับซอมบี้ชายก็ยิ่งดูบอบบางอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เธอกลับเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว

ปืนไรเฟิลในมือเธอเปลี่ยนบทบาทไปได้เรื่อยๆ สวี่ซูหานเห็นกับตาว่าขณะที่เย่เลี่ยนกระโดดขึ้นกลางอากาศ เธอพลิกตัวใช้ด้ามปืนตีข้อมือของซอมบี้ชายตัวนั้น

“โฮกก!”

จากเสียงร้อง กาตีครั้งนั้นทำให้มันเจ็บไม่น้อย

บนร่างกายของซอมบี้ยักษ์ชายตัวนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แม้แต่กระสุนก็ยังยากที่จะเจาะทะลุ แต่ก็ยังมีบางจุดที่ค่อนข้างบอบบาง

อย่างเช่นตรงข้อต่อกระดูก และจุดที่เย่เลี่ยนมักโจมตีเสมอก็คือตำแหน่งเหล่านี้

เหยื่อถูกแย่งไปจากมือก็ทำให้ซอมบี้ยักษ์ชายตัวนี้โกรธมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อมันถูกตีอย่างนี้จะโกรธขนาดไหน

มันคลุ้มคลั่งขึ้นอีกหลายเท่าทันที ขณะเดียวกับที่ดำเนินการโจมตีอย่างบ้าคลั่ง มันก็ยังพยายามจะเข้ามาในตัวอาคารอีกด้วย

“ปล่อยให้มันเข้ามาไม่ได้นะ!” สวี่ซูหานหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอตะโกนบอกเสียงดัง

ถ้าหากปล่อยให้ซอมบี้สองตัวที่รู้จักร่วมมือกันลอบโจมตีมารวมตัวกัน พวกเขาคงไม่มีโอกาสรอดออกไปอย่างครบสามสิบสองแน่นอน

และสำหรับมนุษย์ที่ทั้งอ่อนแอและเปราะบาง “ถอยออกไปอย่างครบสามสิบสอง” ก็หมายถึงต้องไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว

เพราะถ้าหากได้รับบาดเจ็บก็หมายถึงต้องตัดแขนขาทิ้ง หรือไม่ก็ต้องฆ่าตัวตาย

แน่นอนความจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งทางเลือก นั่นก็คือหวังพึ่งโชคชะตา

ทว่าสำหรับการเดิมพันครั้งใหญ่ขนาดนี้ คนส่วนใหญ่ไม่มีใครแบกรับไหว

“หาเจอแล้ว!”

ในที่สุดสวี่ซูหานก็คลำหาปืนจนเจอ แต่เมื่อเธอลุกยืนแล้วยกปืนขึ้นเล็งไปที่ซอมบี้ยักษ์ชายตัวนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าแขนของตัวเองกำลังสั่นอย่างบ้าคลั่ง

สัตว์ประหลาดตัวนั้นเกือบฆ่าเธอแล้ว เกือบแล้วจริงๆ…

และเธอก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกที่เหมือนความตายอยู่แค่ตรงหน้ามานานมากแล้ว

เป็นความรู้สึกที่แย่สุดๆ และจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หัวใจที่เต้นรัวกลับมาสงบอีกครั้งได้

“ฟู่วว!”

เธอหายใจกระชั้นสองครั้ง แล้วยกเท้าขึ้นอย่างยากลำบาก

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีแขนข้างหนึ่งดึงตัวเธอไว้จากด้านข้าง

“ซย่าจื้อ?” สวี่ซูหานหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้นอย่างตกใจ

“ตึงง!”

เสียงตึงตังดังสะท้านไปทั่วห้องโถงอีกครั้ง ขณะเดียวกันเครื่องใช้ในบ้านก็แตกเป็นเสี่ยงๆ กระจัดกระจายไปทั่ว

และด้านเย่เลี่ยนก็มีเงาร่างของใครคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ความช่วยเหลือจากสาวเลือดผสมทำให้เธอกดดันน้อยลงมาก

แต่หลิงม่อและซย่าน่าที่กำลังคนน้อยลงไปหนึ่งคน กลับดูรับมือได้ยากลำบากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ซอมบี้ยักษ์สองตัวนั้นเองก็เหมือนจะสังเกตได้ พวกมันเริ่มโจมตีอย่างดุดันและรุนแรงมากขึ้น เพื่อที่จะได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

“ตอนนี้?” สวี่ซูหานแลดูตะลึงเล็กน้อย

ซย่าจื้อมองเธออย่างสงสัย แล้วพยักหน้าแรงๆ

“แต่ว่า…” สวี่ซูหานอ้าปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ใช่แล้ว ตอนนี้คือโอกาส และเป็นโอกาสที่จะไม่มีอีกเป็นหนที่สอง

ซอมบี้ธรรมดาจัดการได้ง่ายเกินไปสำหรับพวกหลิงม่อ ซอมบี้ฝูงใหญ่พวกเขาก็ไม่มีทางเข้าใกล้เด็ดขาก

แต่ปีศาจดุร้ายสองตัวนี้ กลับสามารถสร้างความเดือดร้อนครั้งใหญ่ให้พวกเขาได้

ทว่าพอคิดถึงตรงนี้ สวี่ซูหานกลับนึกถึงเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือตอนไหนพวกเขาไม่เคยอยากเจอกับปีศาจอย่างนี้ แต่พวกหลิงม่อกลับสามารถต่อกรกับพวกมันซึ่งๆ หน้าได้…

“ฉัน…”

สวี่ซูหานรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ จู่ๆ เธอก็เกิดลังเลขึ้นมา

แต่ซย่าจื้อที่ไม่ชอบเปิดปากพูดมาโดยตลอดกลับตัดบทเธอ “เธอคงไม่อยากตายใช่ไหม?”

คำพูดนี้ทำเอาสวี่ซูหานอึ้ง

เมื่อสิบวินาทีที่ผ่ามาเธอเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังจากการที่ความตายมาเยือน ตอนนี้เธอกลัวความตายยิ่งกว่าเวลาไหนๆ

“ฟู่ว…ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามแผน?” สวี่ซูหานสูดหายใจลึกๆ แล้วถาม

“อืม ฉันจะไปบอกเอง…” ซย่าจื้อยังพูดไม่ทันจบ ก็แนบตัวติดผนังแล้วเดินออกไป

“ฟู่ว…” สวี่ซูหานสูดหายใจลึกๆ แล้วหันไปมองเย่เลี่ยน จากนั้นก็กระชับปืนในมือแน่น…

“ชิบหายย!”

มู่เฉินสบถด่าเสียงดัง พลางยกมีดขึ้นตวัดไปมา เพื่อปัดป้องขาโต๊ะครึ่งท่อนที่ลอยเข้ามาทางเขา

ซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนี้ เหมือนเครื่องจักรทำลายล้างที่ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยชัดๆ!

ทั้งโต๊ะ กำแพง แผงกั้น ไม่มีอะไรที่ถูกมันมองว่าเป็นอุปสรรคเลยซักอย่าง!

กระทั่งสิ่งของเหล่านี้กลับกลายเป็นอาวุธของมัน ทำให้พวกหลิงม่อต้องคอยหลบอย่างน่าสมเพชขึ้นไปอีก

แม้แต่หลิงม่อก็เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพุดถึงมู่เฉินเลย

ความรู้สึกที่ทำได้เพียงหลบและถูกกระทำอย่างนี้ ทำให้มู่เฉินอยากจะคำรามออกมาเสียงดังๆ

“ตึงง!”

ซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนั้นเร่งความเร็วอีกครั้ง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากพวกหลิงม่อไม่มากนัก

โต๊ะตัวนั้นแหลกละเอียดคาที่ เศษชิ้นส่วนโต๊ะที่ปลิวว่อนไปทั่วราวกับลูกระเบิด มาพร้อมกับหมัดสองหมัดของมันที่จู่โจมมายังศีรษะของพวกเขาสองคนอย่างกะทันหัน

“ว๊ากกก!”

มู่เฉินร้องเสียงหลง พลางรีบกลิ้งตัวไปกับพื้น

แต่เขาเร่งรีบเกินไป ทำให้ถูกเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ล้มอยู่บนพื้นขวางไว้ระหว่างทาง

แต่ในตอนนั้นเองซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนั้นกลับเซ จนตัวของเธอโยกไปโยกมา

มู่เฉินฉวยโอกาสรีบถอยไปข้างหลัง ขณะเดียวกันก็มองไปที่หลิงม่อ

เทียบกับสภาพน่าสมเพชของเขา หลิงม่อดูสบายกว่ามาก

เขายังคงหยุดอยู่ที่เดิม มือข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้า นิ้วทั้งห้ารวบเข้าหากัน พลางบิดหมุนข้อมือช้าๆ

จากการกระทำของเขา ข้อเท้าข้างหนึ่งของซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนั้นราวกับถูกเชือกมัดไว้แน่น มันกำลังเหวี่ยงหมัดออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่หมัดเหล่านั้นกลับพลาดเป้าทุกครั้ง

“เทพมาจากไหนวะ!”

มู่เฉินลอบด่าในใจ แต่กลับต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลิงม่อร้ายกาจมากจริงๆ

สามารถต่อกรกับซอมบี้ประเภทนี้ซึ่งๆ หน้าได้ แล้วยังไม่เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ในสายตาของมู่เฉินเท่านี้ก็เจ๋งมากแล้ว

แต่ที่เจ๋งยิ่งกว่าก็คือ หลิงม่อสามารถต้านทานพวกมันไว้ได้…

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาทึ่งยิ่งกว่าก็คือการร่วมมือกันของหลิงม่อและซย่าน่า หลิงม่อเพิ่งจะพันธนาการซอมบี้ยักษ์หญิงไว้ได้ ซย่าน่าก็โฉบกายไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังมันทันที

เคียวดาบเล่มนั้นถูกยกขึ้นสูงดัง “ควับ” จากนั้นก็ถูกฟันลงไปเต็มแรง

“โฮกกก!”

ซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนั้นออกแรงกระโจนไปข้างหน้า พละกำลังมหาศาลทำให้มันสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการของหลิงม่อไปได้

ทว่าคมดาบยังคงเฉือนผ่านแผ่นหลังของมันไป หยาดเลือดพลันกระเซ็นขึ้นกลางอากาศ

“โฮกกก!”

ซอมบี้ยักษ์หญิงคำรามเจ็บปวด มันหมุนกายหันไปกระโจนใส่ซย่าน่า แต่ซย่าน่าได้กระโดดลอยออกไปข้างหลัง เพื่อถอยห่างจากซอมบี้ยักษ์หญิงก่อนแล้ว

เสียงโครมครามวุ่นวายดังขึ้นอีกครั้ง เศษชิ้นส่วนเครื่องใช้ในบ้านที่ลอยกระจายไปทั่วทุกที่

“ชิบบ…” หลิงม่อเซไปเซมาเล็กน้อย เขากัดฟันสบถเบาๆ

วิธีมัดข้อเท้าที่เคยใช้ได้ผลมาโดยตลอด พอเอามาใช้กับซอมบี้ยักษ์หญิงตัวนี้กลับทำให้มันล้มไม่ได้

และเมื่อกี้ตอนที่มันหลุดไปได้ หลิงม่อรู้สึกราวกับเส้นประสาทในสมองของตัวเองเกือบถูกกระชากออกไปด้วย

“ไม่ได้ผลอีกหรอ? เชี่ยแล้ว ทำยังไงดีๆ!” มู่เฉินตะโกนอย่างสติหลุด

“ช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม?” หลิงม่อกลอกตามองบน

เจ้าหมอนี่นี่มันเครื่องส่งเสียงรบกวนชัดๆ เลย เวลาต่อสู้โดยเฉพาะตอนนี้ น่ารำคาญยิ่งกว่าเฟิ่งจื่อซวนซะอีก

………..

“ฮะ…ฮะ…”

ขณะเดียวกัน ในห้องประชุมแห้งหนึ่ง ณ ฐานทัพฟอลคอนที่สอง

อวี่เหวินซวนที่นั่งอยู่ตำแหน่งสูงสุดกำลังอ้าปากกว้าง ย่นจมูก ใบหน้ากระตุกสั่นเบาๆ

ทว่าสุดท้ายเขาก็จามไม่ออก ทำได้เพียงสูดจมูกฟุดฟิด เอนกายพิงไปข้างหลัง แล้วถามว่า “ใช้สิ พวกเราพูดถึงไหนแล้วนะท”

คนที่เขาถาม คือผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะประชุม

แต่ผู้ชายคนนี้กลับกำลังมีสีหน้าที่แย่สุดๆ…

“เหมือนปวดไข่มาก แล้วก็เหมือนท้องผูก…” อวี่เหวินซวนพึมพำ

“ขอโทษด้วย หัวหน้าของเราเขาค่อนข้าง…” จางอวี่ถอนใจอย่างเจ็บปวด แล้วพูดเสียงเบาๆ อยู่อีกทางหนึ่ง

ชายคนนั้นหางตากระจุก แล้วพูดเสียงเบา “ไม่เป็นไร ชินเล้วล่ะ”

“นี่ พวกนายอย่านินทากันต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นสิ?” อวี่เหวนซวนบี้จมูกแดงๆ ของตัวเองไปมา แล้วบอก

“พวกเรามาคุยธุระกันดีกว่า…ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตามว่าทำไมต้องแยกคุยสองครั้งกับฟอลคอนทั้งสองแห่ง…” ชายคนนั้นหันหน้าไป แล้วบอกว่า “เมื่อกี้พวกเราพูดถึงเรื่อง การสร้างพื้นที่ผสานร่วมมือ…”

“อ้อใช่ เกือบลืมไปเลย แต่ทำไมคุณไม่มองผมล่ะ?” อวี่เหวินซวนถลึงตา แล้วถาม

“ตอนนี้พวกเราได้รวมตัวกับกลุ่มผู้รอดชีวิตเล็กๆ ส่วนมากของเมือง X แล้ว ที่เหลือ หลังจากที่พวกเราสร้างสายสัมพันธ์ขึ้นมา พวกคุณก็สามารถยื่นความช่วยเหลือเข้ามาได้ ทันทีที่รวมตัวกันสำเร็จ พื้นที่ย่านนี้ก็จะ…”

ชายคนนั้นเมินอวี่เหวินซวน เขายื่นมือออกไปชี้ตำแหน่งของเมือง X บนแผนที่ตรงหน้า จากนั้นก็ลากนิ้วออกเป็นวงกว้าง “ที่นี่ก็จะกลายเป็นถิ่นของมนุษย์อย่างพวกเรา”

“แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า…” อวี่เหวินซวนม้วนผมเล่น แล้วพูดขึ้น

ชายคนนั้นเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง เขาลากนิ้วชี้ไปยังเมืองข้างเคียง จากนั้นก็ลากออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็หยุดที่จุดจุดหนึ่ง “ถูกต้อง พวกเรามาจากค่ายผสานความร่วมมือตรงนี้”

“และที่นั่นก็คือโลกภายนอก ที่พวกคุณยังไม่เคยสัมผัส”

ชายคนนั้นพูดต่อ

อวี่เหวินซวนเม้มปาก แล้วจ้องไปที่จุดนั้น

แต่ในสายตาของเขา กลับประกายแววสนใจขึ้นมาแวบหนึ่ง…

“ถิ่นของมนุษย์…ดีมากเลย ดีมาก…แต่ว่า ผมอยากรู้ว่าถิ่นของซอมบี้อยู่ที่ไหน?” อวี่เหวินซวนยิ้มบาง แล้วถามขึ้น

ชายคนนั้นนิ่ง จากนั้นมุมปากก็กระตุกสั่น “ฉันฆ่านายซะเลยดีไหม…

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด