แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 714 คำบางคำใช้มั่วๆ ไม่ได้

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 714 คำบางคำใช้มั่วๆ ไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลางดึก ในบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองชุ่ยหู

ณ ห้องนอนห้องหนึ่งในชั้นสอง เงาร่างของคนสองคนกำลังนั่งอยู่คนละฟากของห้อง

สวี่ซูหานกำลังขดตัวกอดผ้าห่มอยู่ตรงมุมห้อง เธอกำลังหลับตาพักงีบ

ตอนนี้เธอถือว่าเป็นซอมบี้ไปครึ่งตัวแล้ว เธอสามารถอาศัยเชื้อไวรัสในร่างกายเพื่อฟื้นกำลังได้โดยหลับแค่วันละ 2 – 3 ชั่วโมงต่อวันก็พอ

ส่วนมู่เฉินกำลังนั่งพิงขอบหน้าต่าง เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วจ้องไปบนถนนด้านนอก

ที่นี่แทบไม่มีซอมบี้เลย แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงคำรามเสียดแทงแก้วหูดังแว่วมาจากที่ไกลๆ เป็นบางครั้ง

พอนึกถึงภาพศพที่นอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นในห้างฯ สวี่ซูหานก็นอนขดตัวเป็นวงกลมอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

คืนนี้ ที่นั่นจะต้องกลายเป็นงานเลี้ยงนองเลือดแน่ๆ…

แต่เทียบกับสวี่ซูหานแล้ว สีหน้าของมู่เฉินชัดเจนกว่ามาก

เขากำลังหงุดหงิด!

มู่เฉินอดหงุดหงิดไม่ได้…เขาอุตส่าห์ฟื้นขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ปรากฏว่าพอลืมตาก็เห็นตัวเองถูกลากมาอยู่ในที่แบบนี้แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาที่เขาหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแน่ เมื่อกี้พอไปเซ้าซี้ถามจากหลิงม่อ ก็ถูกสั่งให้มาเฝ้ายามอยู่ที่แทน…

เฝ้ายามตอนดึกไม่เท่าไหร่ แต่ยังต้องรับผิดชอบดูแลสวี่ซูหานด้วยนี่สิ

ชีวิตเขาไม่ดูสับสนงุนงงเกินไปหน่อยหรือ!

“สวี่…”

“หุบปาก” สวี่ซูหานตัดบทมู่เฉินทันที

“ชิบ พวกเธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ!” มู่เฉินพูดอย่างโมโห

สวี่ซูหานกลับเม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์ เธอใจร้ายงั้นหรอ? เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันนั่นแหละ!

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่หลิงม่อยืนกรานจะมาเมืองชุ่ยเหอให้ได้ เธอก็เริ่มสงสัยแล้ว

หาของเพิ่ม? ของอะไรกันที่ต้องอ้อมมาหาถึงเมืองชุ่ยเหอ? ที่นี่ไม่มีคลังแสงเก็บอาวุธหรืออะไรทำนองนั้นเสียหน่อย…

ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงพื้นที่จุดศูนย์กลางของเมืองชุ่ยเหอก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกะทันหัน หากจะบอกว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน สวี่ซูหานไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

และสิ่งที่พวกหลิงม่อทำต่อจากนั้น คือจงใจสั่งให้เธอไปอยู่นอกที่เกิดเหตุ แน่นอนด้านหนึ่งก็เพื่อปกป้องเธอ แต่ในอีกด้าน ก็เพื่อกันเธอออกมาให้ห่าง

พอกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง หลิงม่อกลับตอบเฉไฉไปมา บอกว่าไม่มีเรื่องอะไรน่าห่วง…

ไม่มีอะไรแล้วนายจะหัวเราะดีใจปานนั้นทำไม!

พอมาถึงที่นี่ หลิงม่อก็เร่งรีบพาสามสาวซอมบี้ขึ้นไปข้างบนอย่างไม่รีรออีก…

สวี่ซูหานเงยหน้ามองเพดานอย่างหงุดหงิด พวกหลิงม่อทำอะไรกันอยู่ข้างบนนั้นกันแน่นะ?

การกระทำพวกนั้นของหลิงม่อ คงจะมีเหตุผลสินะ…

“อันนี้ ของซย่าน่า”

หลิงม่อส่งไวรัสนางพญาของเจ้าหัวโตให้ซย่าน่าก่อน เมื่อ “อัญมณีสีม่วง” อันสุกสกาวก้อนนั้นถึงมือ ซย่าน่าก็อดเผยสีหน้าตื่นเต้นไม่ได้

สำหรับซอมบี้ตัวหนึ่งที่ถูกสัญชาตญาณขับเคลื่อนให้ไขว่คว้าการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องนั้น ไวรัสนางพญาของซอมบี้ระดับสูงเป็นเหมือนของล้ำค่าที่ดึงดูดใจที่สุด ถึงแม้จะเอาไปแกว่งข้างนอกแค่ครู่เดียว ก็อาจดึงดูดซอมบี้ของเมืองชุ่ยเหอมาได้ถึงครึ่งเมืองเลยทีเดียว

ถึงแม้ซอมบี้ระดับต่ำจะไม่มีความสามารถมากพอที่จะกลืนกิน แต่พวกมันก็จะยังคงกระโจนเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิต

ความต้องการต่อเชื้อไวรัสของซอมบี้ก็เหมือนกับการหายใจ มันเกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณ

ถึงแม้พวกเย่เลี่ยนจะติดตามหลิงม่อ แต่สัญชาตญาณของซอมบี้กลับไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะเรื่องนี้ เพียงแต่พวกเธอได้รับอิทธิพลจากหลิงม่อและการควบคุมในระยะแรกอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้พวกเธอมีความสามารถในการกดข่มสัญชาตญาณไว้ได้เท่านั้นเอง

แต่ตอนนี้เมื่อเห็นไวรัสนางพญาของซอมบี้ราชาอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แค่ซย่าน่า เย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลินเองก็กำลังจ้องอย่างไม่ละสายตา จนถึงขนาดที่ดวงตาเริ่มเปลี่ยนสีไปทีละน้อย

“ถ้าหากไม่ใช่ว่าเราสามัคคีกัน ก็คงไม่ได้ไวรัสนางพญาก้อนนี้มา แต่ดูจากสถานการณ์การวิวัฒนาการของเจ้าหัวโตแล้ว เจ้าก้อนนี้เหมาะกับซย่าน่าที่สุด ตอนนี้ซย่าน่ามีทิศทางกลายพันธุ์แล้ว แต่ผลการกลายพันธุ์ในตอนสุดท้ายยังเป็นเรื่องที่ยากจะเดาได้ ถึงเจ้าหัวโตจะบอกว่าทิศทางกลายพันธุ์ต้องอาศัยจิตใต้สำนึก แต่ความจริงเชื้อไวรัสที่กินเข้าไปก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันเหมือนกัน…”

หลิงม่อพูด จากนั้นก็ล้วงไวรัสนางพญาของเจ้า “วิกผม” ออกมา

ถึงแม้ไวรัสนางพญาของส่งมีชีวิตกลายพันธุ์จะอยู่ในระดับราชาแล้ว แต่สีก็ยังไม่เปลี่ยน ทว่าความล้ำค่าของไวรัสนางพญาสองก้อนนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับเดียวกัน

“สำหรับรุ่นพี่ สิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือไวรัสนางพญาของงูกลายพันธุ์ แต่สัตว์กลายพันธุ์หายากมาก ดังนั้นใช้ไวรัสนางพญาของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทดแทนก่อนก็ได้ ถึงแม้มันจะเหมาะกับเฮยซือและเสี่ยวป๋ายด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าหากเฮยซือวิวัฒนาการเร็วเกินไปจะทำให้ฉันควบคุมลำบาก ส่วนเสี่ยวป๋าย…ทิศทางในการกลายพันธุ์ของมันยังไม่แสดงออกมา ฉันกลัวว่าถ้ามันกินเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรแปลกๆ ขึ้นมา…”

หลิงม่อลูบจมูกเบาๆ จากนั้นก็ยื่นไวรัสนางพญาของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ให้หลี่ย่าหลิน “เพราะฉะนั้นก้อนนี้ให้รุ่นพี่กินแล้วกัน เจ้า “วิกผม” เป็นซอมบี้ประเภทที่สามารถคายเชื้อไวรัสได้ ซอมบี้ราชาหนึ่งในสองตัวที่ถือกำเนิดขึ้นจากผลกระทบของมัน ก็มีตัวหนึ่งเป็นแบบเดียวกันนี้…”

หลี่ย่าหลินจ้องไวรัสนางพญาของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ แล้วแลบลิ้นออกมาเลียปากเบา “ถ้าอย่างนั้น บางทีสิ่งที่ฉันหลั่งออกมาจากตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง…อาจกลายเป็นน้ำจุดจุดจุดที่มีประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ได้น่ะสิ…”

“อย่าใช้จุดจุดจุดในประโยคแบบนี้ได้ไหม มันฟังดูแปลกๆ…” หลิงม่อหางตากระตุก

“น้ำ X ?…” ซย่าน่าเสนอ

“ไม่ได้ดีขึ้นเลย…” หลิงม่อรู้สึกเหมือนบรรยากาศตึงเครียดที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นเมื่อกี้มลายหายไปในพริบตา การอยู่ร่วมกับซอมบี้ไม่มีทางทำตัวจริงจังได้เลยจริงๆ!

ทว่าหลังจากที่ซย่าน่าเปิดถุงถนอมอาหารแล้วดมกลิ่นดู เธอกลับบอกว่า “กินหมดในครั้งเดียวไม่ได้ ความจริงเจ้าก้อนนี้ต้องกินหลังก้าวข้ามถึงระดับเจ้าเมืองถึงจะได้ผลดีกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ถ้าหากจะกินเพื่อให้ก้าวข้ามเป็นซอมบี้เจ้าเมือง ก็ต้องค่อยๆ กินทีละนิดเป็นเวลานาน”

ในเมื่อซย่าน่าพูดอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าหลี่ย่าหลินก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน

หลิงม่อพยักหน้า หากกินเข้าไปส่งเดช สมดุลเชื้อไวรัสในร่างกายอาจถูกทำลายและอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการบาดเจ็บได้

ซอมบี้ก็ยังติดเชื้อได้เหมือนกัน เหมือนอย่างซอมบี้ที่สภาพร่างกายกลายร่างไป หรือซอมบี้ที่ต้านรับเชื้อไวรัสไม่ไหวจนร่างกายเกิดการเน่าเปื่อยขึ้นเป็นต้น…

หลังจากมีสติปัญญาในระดับหนึ่ง ตัวซอมบี้ก็จะมีความสามารถในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกกินที่เหมาะสม ไม่ละโมบโลภมากหรือกินส่งเดชอีกต่อไป

เปรียบเทียบกันแล้ว การอัพเกรดพลังของมนุษย์ผู้มีความสามารถพิเศษก็ได้แต่อาศัยความพยายามของตัวเองเพื่อก้าวหน้าเช่นกัน แทบไม่ต่างอะไรกับวิวัฒนาการของซอมบี้เลย

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็นอนกันเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเมืองเฮยสุ่ยกัน ดูจากบันทึกการใช้แอพฯ นำทาง นิพพานสาขาใหญ่น่าจะอยู่แถวๆ นั้น…”

………..

ณ เมืองเฮยสุ่ย

ในฐานะมณฑลที่ใหญ่อันดับ 1 ในบรรดาเมืองประตูสู่ทิศตะวันตก ประชากรในนครระดับจังหวัดแห่งนี้มีมากถึง 1 ใน 2 ของเมือง X แต่พื้นที่ของเมืองแห่งนี้กลับใหญ่แค่ 1 ใน 4 ของเมือง X เท่านั้น

การต้องจุประชากรมากขนาดนั้นด้วยพื้นที่เล็กๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัยและคึกคักอย่างยิ่งก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติขึ้น

แต่พอถึงตอนนี้ จำนวนประชากรมากก็เท่ากับจำนวนซอมบี้ที่มากเหมือนกัน

สถานที่อย่างเมืองเฮยสุ่ย ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่อันตรายมากแห่งหนึ่ง

ทว่าพื้นที่อุตสาหกรรมมากมายที่ถูกสร้างขึ้นโดยรอบกลับทำให้เมืองเฮยสุ่ยเต็มไปด้วยทรัพยากร ฉายาศูนย์กลางการขนส่งแห่งเมืองตะวันตกกลางก็ได้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรและความสะดวกสบายในด้านการขนส่ง

ทว่าเส้นทางหลักๆ ที่ใช้ขับเข้าเมือง อย่างเช่นทางด่วน กลับไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้ ที่ใช้ได้ กลับเป็นเหล่าถนนหลวงเก่าที่ถูกทิ้งให้หลงลืมเนื่องจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นในเมือง

ถนนหลวงอย่างนี้มักพบเห็นได้บ่อยในประเทศจีน และมักจะเป็นถนนที่เชื่อมโยงถึงกันได้ทุกที่

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหากใช้ถนนหลวงเก่าแล้วจะไม่เจอซอมบี้ ความจริงรถที่แล่นบนถนนเก่าก็มีไม่น้อยเหมือนกัน บวกกับข้างถนนยังมีอาคารก่อสร้างอยู่จำนวนมาก อย่างไรจำนวนซอมบี้ก็ไม่มีทางน้อยอย่างแน่นอน

ทว่าสำหรับผู้รอดชีวิต เส้นทางไหนเดินแล้วมีเปอร์เซ็นต์รอดชีวิตสูงกว่า ย่อมดูออกในแวบแรก

เวลานี้ บนถนนหลวงเก่าสู่เมืองเฮยสุ่ยเส้นหนึ่ง เงาสีขาวเงาหนึ่งกำลังวิ่งพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ซอมบี้ข้างทางคำรามเสียงดังและพุ่งตัวเข้ามา แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเส้นไหมสีเงินพุ่งเข้ารัดตัว และเหวี่ยงออกไปอย่างแรง

ส่วนซอมบี้ตัวที่เพิ่งจะกระโดดเข้ามาจากด้านหน้า ก็ถูกกรงเล็บแหลมคมขนาดใหญ่ตะปบจนร่างกระแทกพื้นอย่างแรง

“แกร๊ก!”

เสียงกระดูกหักดังลั่น พร้อมกับที่ซอมบี้ตัวนั้นเลือดเนื้อกระจุยกระจาย เหมือนกระสอบทรายขาดๆ ที่ถูกเหยียบจนแหลก …

“ไม่คิดเลยว่าใช้ถนนเส้นนี้แล้วจะสบายขนาดนี้”

คนที่พูดคือมู่เฉิน ตั้งแต่ออกจากเมืองชุ่ยเหอเขาก็เก็บความหงุดหงิดมาตลอดทาง แต่เพราะความผ่อนคลายในการเดินทางทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ต้องต่อสู้อยู่ตลอดเวลา เท่านี้ก็ทำให้เขาดีใจเหลือเกินแล้ว

สวี่ซูหานเองถึงแม้จะกลอกตาใส่ขาว แต่ก็ดูอารมณ์ดีไม่เลวเหมือนกัน

หากต้องอยู่ในการต่อสู้นองเลือด เธออาจสติหลุดง่ายยิ่งกว่า…

หลิงม่อมองออกไปยังที่ไกลๆ เขาเองก็รู้สึกพอใจเหมือนกัน

หลังจากที่เสี่ยวป๋านและเฮยซือวิวัฒนาการ พลังของพวกมันก็เพิ่มขึ้นมาก

เวลาอย่างนี้ก็ต้องพึ่งพาพวกมันให้ช่วยเปิดทางให้ ดีกว่าปล่อยให้ตามอยู่ข้างหลังอย่างเปล่าประโยชน์

โดยเฉพาะเสี่ยวป๋าย ภายใต้สถานการณ์ที่ขนาดร่างกายสามารถขยายตัวได้ในพริบตา ถึงแม้จะต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้จำนวนมาก มันก็จัดการได้อย่างสบายๆ

หลิงม่อเดาว่าพลังของมันน่าจะเทียบเท่าได้กับซอมบี้ชนชั้นสูงในระยะท้ายแล้ว ทว่าชนิดของสัตว์กลายพันธุ์ที่แตกต่างกัน พลังต่อสู้ก็จะไม่เหมือนกันด้วย จึงยากที่จะมั่นใจได้ว่าอยู่ในระดับไหนกันแน่

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด