แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 762 มีลับลมคมใน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 762 มีลับลมคมใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉวยโอกาสขณะที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายทำการกลืนกินดวงจิตของบอสใหญ่แห่งนิพพาน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ

พอโจมตีสำเร็จหลิงม่อก็รีบถอยเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ถูกใครจับได้

เหล่าซอมบี้คลุ้มคลั่งขึ้นมากะทันหัน แต่จำนวนสมาชิกที่เข้ามาขวางกลับมีจำกัด เจ้าหน้าที่ยามส่วนมากถอยไปทางรถโรงเรียนอย่างรวดเร็ว บางคนกระทั่งพุ่งเข้าไปในรถ และตะโกนถามถึงสถานการณ์ในรถเสียงดัง สมาชิกระดับสูงหลายคนที่กำลังขวัญกระเจิงเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นบอสใหญ่ของตัวเองที่ดูแปลกไป

พอถูกหนวดสัมผัสของหลิงม่อโจมตี ใบหน้าของบอสใหญ่ก็แดงเถือกไปทั้งดวง ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเบิกตากว้างอ้าปากค้าง มือทั้งสองข้างกำลังสั่นเหมือนเส้นเอ็นกระตุก การที่มีอาการอย่างนี้ได้ เพราะดวงแสงแห่งจิตมีปัญหา ทำให้ความสามรถในการควบคุมร่างกายของเขาลดฮวบลง การเคลื่อนไหวหลุดการควบคุม เท่านี้ยังเป็นแค่ผลข้างเคียงเล็กน้อย ถ้าหากหลิงม่อทำการกลืนกินต่อไป ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็คงจะล้มลงไปนอนกระตุกอยู่กับพื้นแล้ว

หัวหน้าทีมวิจัยพุ่งตัวเข้าไปบังบอสใหญ่ไว้ จากนั้นก็หันมาตะโกนสั่ง “เรียกคนมาที่นี่!”

เจ้าหน้าที่ยามที่อยู่ตรงประตูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ได้ยินเสียงตะโกนก็รีบส่งคนเข้าไปหนึ่งคนอย่างเร่งรีบ

กลับเป็นบอสใหญ่ที่กำลังสะบัดหัวไปมาอย่างยากลำยาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

สมาชิกระดับสูงต่างมองหน้ากัน สีหน้าแต่ละคนตึงเครียดสุดๆ

ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ผู้มีความสามารถพิเศษ แต่ดูจากรูปการก็รู้ว่ามีคนลงมือทำอะไรบางอย่างแล้ว

หน้าต่างรถพวกนั้นถูกพลังพิเศษโจมตีจนแตก ไม่อย่างนั้นหน้าต่างประเภทนี้ หากไม่ใช้ค้อนนิรภัยทุบทั้งสี่มุม ก็ยากที่จะแตกออกมาทั้งแฝงอย่างนี้ได้

คนที่ลงมือ…เป็นใครกันแน่?

ก่อนหน้านี้บอสใหญ่ยังมั่นอกมั่นใจว่าจะลากตัวอีกฝ่ายออกมาเหมือนหนูให้ได้ แต่ทำไมพริบตาเดียวกลับถูกอีกฝ่ายหมายหัวซะได้?

เสี้ยววินาทีหนึ่ง บรรดาสมาชิกระดับสูงต่างรู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัว…

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เขาคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่!

สามารถลงมือเด็ดขาดได้ในสถานการณ์อย่างนี้ บุกสถานที่สั่งการที่ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาต่อหน้าต่อตาทุกคน แล้วยังโจมตีผู้นำสูงสุดของสำนักงานใหญ่ได้ ผลงานและความร้ายกาจเหล่านี้ น่าทึ่งมากจริงๆ!

และตอนนี้ หน้าตาของนิพพานสำนักงานใหญ่ก็ได้แตกดัง “เพล้งๆๆ” ไปแล้ว

เมื่อกี้พวกเขายังคิดจะกู้หน้ากลับมาอยู่เลย ผลปรากฏว่าผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเดียว บนหน้าของพวกเขาก็มีรอยเท้าปรากฏขึ้นมาอีกรอยเสียแล้ว

บรรดาสมาชิกระดับสูงเงียบกริบไร้เสียงพูด แต่พวกเขากลับลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่ต้องพูดออกมา

เรื่องนี้ ต้องปิดให้มิด!

ทว่าหัวหน้าทีมวิจัยยังคงหันไปคำรามเสียงดังลั่น “สั่งให้ทุกคนถอยไปรวมตัวกันให้หมด!”

“ซอมบี้พวกนั้น…” เจ้าหน้าที่ยามถามกลับโดยอัตโนมัติ

“ให้ทุกคนถอยไปรวมตัวกันก่อน แล้วล่อซอมบี้เข้าไปข้างในให้หมด!”

พอคำสั่งนี้ออกมาจากปากของหัวหน้าทีม เจ้าหน้าที่ยามก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ

ข้างใน? ข้างในนั้นยังมีคนอยู่อีกเยอะนะ…

แม้แต่หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของพวกเขา ก็ยังอยู่ข้างในอยู่เลยนะ

“กลัวจะล่อเข้าไปไม่ได้น่ะสิครับ ข้างนอกมีคนเยอะมาก” เขาฝืนตอบออกไปอย่างนั้น

“ยืดเวลาไปได้ซักสองนาทีก็ยังดี! นายไม่รู้จักปิดประตูรึไงเล่า!” สมาชิกระดับสูงอ้าปากตะโกนด่าเสียงดัง

“ปิดประตู…” เจ้าหน้าที่ยามคนนั้นทวนคำซ้ำอย่างตกตะลึง แต่พอสบเข้ากับสายตาเย็นชาของหัวหน้าทีม เขาก็ตัวสั่นไปทันที

กระจกแตกแล้ว แต่ดูเหมือนข้างในก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตนี่นา…

ทำไมจู่ๆ เหล่าคนระดับสูงพวกนี้ถึงได้ดูสติแตกกระเจิงอย่างนี้ล่ะ…

ปิดประตูในเวลาแบบนี้ จะต้องทำให้หลายๆ คนไม่พอใจแน่ๆ แต่ตัวการที่ลงมือกำลังแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคน พวกเขาต้องหาวิธรลากตัวเขาคนนั้นออกมาให้ได้

เวลานี้กลับมีคนคิดขึ้นมาได้ “คนของสาขาย่อยเมืองตงหมิงสองคนนั้น เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขามาที่นี่”

“เป็นฝีมือพวกเขาหรอ?” ชายคนหนึ่งคิดอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็ตะโกนเสียงโกรธแค้น “ใช่แล้ว เจ้าคนที่ชื่อมู่เฉิน! เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่ๆ!”

“คิดดูแล้ว เรื่องที่สาขาย่อยล่มสลายต้องเป็นเพราะเขาสมคบคิดกับคนนอกแน่ๆ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน! พวกเราถูกวางแผนหลอกมาตั้งนานแล้ว!” หัวหน้าทีมวิจัยพูดขึ้น จากนั้นก็หันไปตะโกน “ไปตามตัวหัวหน้าฝ่ายบุคคลมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ เขาเป็นคนรับสองคนนั้นเข้ามา สั่งให้เขายืนยันตัวตนของสองคนนั้น! ลากตัวพวกมันออกมาก่อน จากนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะลากตัวการออกมาไม่ได้!”

เรื่องราวเริ่มบานปลายจนควบคุมไม่อยู่ แต่เหล่าสมาชิกระดับสูงกลับค่อยๆ ใจเย็นลงจากความตื่นตระหนก

เวลานี้ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของค่ายผู้รอดชีวิตก็ได้แสดงออกมาให้เห็น

ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกของเจ้าหน้าที่ยาม เหล่าสมาชิกนิพพานที่เดิมถูกโจมตีจนแตกกระเจิงและต่างคนต่างสู้ ถูกเรียกให้ไปรวมตัวกันที่มุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ซอมบี้พวกนั้นถูกคนกลุ่มนี้ดึงดูดความสนใจ และค่อยๆ เดินไปทางประตูใหญ่

ผู้มีความสามรถพิเศษที่ค่อนข้างเก่งหลายคนถูกเรียกตัวออกมา แต่เพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้รถบัสโรงเรียน พวกเขาต้องผ่านการตรวจสอบจากหัวหน้าฝ่ายบุคคลเสียก่อน

ในฐานะสมาชิกผู้บริหารระดับกลาง หัวหน้าฝ่ายบุคคลแซ่หลีผู้นี้ไม่ได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นไปหลบภัยในรถด้วย ทว่าเขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ยามหลายคนล้อมไว้ให้อยู่วงใน ตอนนี้พอถูกตะโกนเรียก เขาก็รีบเสนอหน้าออกไปด้วยความลนลาน

หลิงม่อค่อยๆ ถอยหนีท่ามกลางกลุ่มคน แต่กลับมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถบัสโรงเรียนอย่างชัดเจน

พอเห็นชายแซ่หลีเดินไปถึงหน้าประตูรถ และพยักหน้าเป็นพักๆ เหมือนกำลังคุยกับคนในรถอยู่ หลิงม่อก็เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

ในตอนนั้นเอง ฝั่งรถยนต์คันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกลก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว บริเวณนั้นมีรถจอดอยู่หลายคัน และรถคันนี้ก็ไม่ได้ดูสะดุดตาเมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มรถยนต์เหล่านั้น

ถ้าหากหลิงม่อไม่ได้จับตามองมาตั้งแต่แรก ตอนนี้เขาอาจไม่สังเกตเห็นก็ได้

ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีการซุ่มโจมตี หลิงม่อก็เริ่มมองหาสถานที่ที่พวกเขาอาจใช้เป็นที่ซ่อนตัวแล้ว

หนึ่งคือเจ้าหน้าที่ยามที่อยู่ตรงประตูใหญ่นั่น พวกเขาเป็นทหารยามที่อยู่ในที่แจ้ง สองคือรถยนต์พวกนี้และบริเวณพุ่มหญ้านั่นเอง

แต่หากคิดจะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้า พวกเขาก็ต้องสวมชุดเกราะทั้งตัว

ไม่อย่างนั้นกว่าจะวิ่งออกมาพร้อมอาวุธ เสื้อผ้าของพวกเขาคงถูกข่วนจนขาด ไม่แน่ใบหน้าอาจถูกข่วนเป็นแผลด้วยก็ได้…

ด้วยสภาพน่าอนาถอย่างนั้น คงไม่ต้องตะโกนว่า “ยอมจำนนซะ” อะไรทำนองนั้นแล้ว แต่ฉวยโอกาสทิ้งอาวุธแล้วหนีไปจะดีกว่า…

สิ่งที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในพุ่มหญ้าเหล่านี้ได้ ก็มีแค่ซอมบี้กับสัตว์กลายพันธุ์เท่านั้น คนธรรมดาลองใช้มือเปล่าแหวกหญ้าดูสิ? แล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร…

ประตูรถยนต์ถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็มีคนกระโดดออกมาจากข้างในสองสามคน

หนึ่งในนั้นกำลังนั่งพิงประตูรถ เขาสวมแว่นกันแดด ดูท่าทางอาการไม่ค่อยดี

เหล่าคนที่ถูกต้อนรวมกันยืนอยู่ไม่ไกล และคอยชะเง้อคอมองชายแซ่หลีกวาดตามองสำรวจกลุ่มคน

หลิงม่อก้มหน้าลงเล็กน้อย ในใจนึกโชคดีเล็กน้อย

โชคดีที่เขาไม่ให้มู่เฉินมาด้วย ไม่อย่างนั้นแค่ท่าทางสะดุดตาที่ไม่ว่าใครก็จำได้ของมู่เฉิน หมอนั่นต้องถูกจับได้เป็นคนแรกแน่ๆ

ส่วนหลิงม่อ ตอนนั้นเขาสวมหมวก ชายแซ่หลีจึงจำเขาไม่ค่อยได้ บวกกับตอนนี้ท้องฟ้ามืดมัว จึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะจำหลิงม่อได้

ทว่าการรับมือของนิพพาน ทำให้หลิงม่อรู้สึกลำบากขึ้นไม่น้อย

เขาคนเดียวต้องเดิมพันกับนิพพานสำนักงานใหญ่เพียงลำพัง ดังนั้นแรงกดดันที่ต้องแบกรับย่อมต้องมหาศาล

แต่แรงกดดันที่มากที่สุด มาจาทางบอสใหญ่คนนั้น

ทว่าแรงกดดันนี้ กลับแปลกๆ เล็กน้อย…

ตามหลัก การใช้พลังกลืนกินกับมนุษย์อย่างนี้ น่าจะต้องต่อสู้กับแรงต่อต้านอันมหาศาลเลยทีเดียว

จิตสำนึกต่อต้านของมนุษย์แข็งแกร่งกว่าซอมบี้มาก คลื่นดวงจิตก็รุนแรงกว่ามากเช่นกัน การใช้พลังกลืนกินในขณะที่อีกฝ่ายยังอยู่ในสภาวะปกติดี ถึงแม้จะทำสำเร็จแต่เขาก็ต้องได้รับพลังสะท้อนกลับที่รุนแรงมากอยู่ดี

หากหลิงม่อมีพลังจิตที่ไม่แกร่งพอ ไม่แน่ลำพังแค่จิตสำนึกต่อต้านของอีกฝ่ายก็อาจมากพอที่จะทำให้เขาล้มได้แล้ว

ทว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะเผาผลาญพลังจิตไปมาก แต่ก็ยังสามารถแบกรับอันตรายที่จะเกิดจากการใช้พลังกลืนกินได้

ก็แค่สามารถแบกรับได้เท่านั้น แต่การที่เขาไม่เจอจิตสำนึกต่อต้านเลยนี่มัน…หมายความว่าอย่างไรกัน?

ไม่ผิดแน่ ระหว่างที่หลิงม่อกำลังใช้พลังกลืนกินกับบอสใหญ่ เขาไม่รับรู้ถึงอุปสรรคใดๆ เลยแม้แต่น้อย!

ตรงกันข้าม เขากลืนกินได้อย่างราบรื่นมาก ราวกับว่าบอสใหญ่ท่านนั้นกำลังให้ความร่วมมือกับเขา

แต่ในความเป็นจริง พลังจิตที่หลิงม่อกลืนกินได้กลับน้อยนิดเหลือเกิน ขณะเดียวกันข้อมูลที่ได้มาจากการใช้พลังกลืนกินก็น้อยมากจนน่าใจหายด้วยเช่นกัน!

ที่หลิงม่ออุทานออกมาอย่างตกใจในตอนแรก ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้

เพราะพลังกลืนกินของเขาไม่แกร่งพอ? นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่เป็นเพราะในสมองของบอสใหญ่ท่านนี้ ไม่ได้มีพลังจิตมากมายเลย!

เรื่องนี้ทำให้หลิงม่อตกตะลึงมา คำว่าสมองว่างเปล่าเป็นแค่คำเปรียบเปรยเฉยๆ นะ!ทำไมสมองของบอสใหญ่แห่งนิพพานสำนักงานใหญ่ถึงได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไปได้ล่ะ!

ไม่นานหลิงม่อก็เข้าใจทันที บอสใหญ่คนนี้…มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล!

พอนึกไปถึงข่าวลือที่ได้ยินเกี่ยวกับบอสใหญ่มา ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจของหลิงม่อก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่า นี่เป็นกับดักซ้อนกับดัก!

บอสใหญ่คนนี้ ไม่ได้โหดเหี้ยมธรรมดาตามคาดจริงๆ…

เมื่อชายแซ่หลีหัวหน้าฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาในฝูงชนภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หลิงม่อก็ตัดสินใจดึงหนวดสัมผัสทางจิตกลับมาทันที ขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดคำสั่งออกไปให้เจ้ามาสเตอร์บอลอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อไม่ได้อะไรจากการกลืนกิน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องเปลืองพลังจิตสำหรับวิธีนี้อีกต่อไป

เจ้ามาสเตอร์บอลมุดออกมาจากคอเสื้อด้านหลังของบอสใหญ่ และกระโดดออกนอกตัวรถอย่างรวดเร็วในพริบตา

มันกระโดดเข้าไปในพุ่มหญ้าโดยตรง จากนั้นก็มุดออกจากตาข่ายเหล็กไป

เมื่อเป็นอย่างนี้ เบาะแสสุดท้ายก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

ทว่ากลุ่มคนเริ่มเบียดเสียดกันแน่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วหลิงม่อจะหนีออกไปท่ามกลางฝูงชนได้อย่างไร?

สีหน้าของมู่เฉินในตอนนี้ดูตึงเครียดมาก เขากำลังซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบระหว่างรถยนต์อย่างสุดความสามารถ และได้แต่หวังว่าจะไม่ถูกใครจับได้

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดมาก แต่แสงจากเปลวเพลิงและแสงจากหลอดไฟก็ยังคงทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีแสงสว่างเล็กน้อยอยู่ดี

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ หากมีคนเดินมาตามหาแถวๆ นี้ จะต้องเจอตัวพวกเขาอย่างแน่นอน

“มุดเข้าไปใต้ท้องรถเถอะ อย่างน้อยก็หาเจอได้ยากหน่อย” มู่เฉินพูดเสียงเบา

หลันหลันขมวดคิ้วพลางก้มตัวคลานเข้าไปใต้ท้องรถคันหนึ่ง แล้วถามขึ้น “เจ้าหลิงม่อนั่นไปทำอะไรอยู่?”

“ก็ต้องกำลังไปสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่แล้ว!” มู่เฉินตอบอย่างหงุดหงิด

หลันหลันแค่นเสียงไม่พอใจ “ฉันว่าแล้วว่าเขาเชื่อใจไม่ได้”

ทว่าถึงจะพูดอย่างนี้ แต่เธอก็ยังนอนหมอบอยู่ใต้ท้องรถอย่างว่าง่าย และรอดูว่าหลิงม่อจะผละตัวออกมาได้อย่างไร

เหล่าหลันเองก็คลานเข้ามาพร้อมหอบฮั่กๆ สองพ่อลูกมองออกไปยังฝูงชนข้างนอก โดยที่นอนหมอบอยู่ใต้ท้องรถคันหนึ่ง

มู่เฉินกระวนกระวายจนเหงื่อไหลอาบศีรษะ เขารู้ว่าหลิงม่ออยู่ตรงนั้น และเขาก็เห็นชายแซ่หลีแล้วด้วย

ทว่าในใจเขาก็ลอบร้องยินดีเล็กน้อย โชคดีที่ชายแซ่หลีไม่รู้จักหลิงม่อ

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ชายแซ่หลีก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาคำหนึ่ง “ทุกคนหันไปมองคนที่อยู่ข้างๆ หากมีใครที่ไม่รู้จักก็บอกฉันด้วย!”

“เชี่ยแล้ว!”

มู่เฉินและหลิงม่อต่างพากันสะดุ้งตัวโยน โดยเฉพาะมู่เฉิน เขาเกร็งไปทั้งตัว เหงื่อไหลอาบไปทั่วร่าง

เจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่านั่น!

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด