แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 774 สายตาพิฆาต

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 774 สายตาพิฆาต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สะ…เสี่ยวพาน?”

ภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน

บนขั้นบันไดด้านหน้าที่มีแสงสว่างอันน้อยนิด เสี่ยวพานกำลังยืนนิ่งอยู่บนนั้น ราวกับไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลังเลยแม้แต่น้อย

แต่พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหันไปมอง จู่ๆ เสี่ยวพานก็ขยับตัว

เขาถอยหลังลงมาช้าๆ โดยที่ไม่หันหน้ากลับมา ร่างกายท่อนบนแข็งทื่อไปหมด

ขณะที่เสี่ยวพานกำลังก้าวถอย เงาร่างเลือนรางของใครคนหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในครรลองสายตาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เงาร่างบอบบางปรากฏชัดเจนขึ้นช้าๆ มองแวบแรกดูเหมือนไม่มีพิษภัย แต่เมื่อเงาวาบวับของอาวุธในมือเธอสะท้อนแสง เขาก็รู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัว

มีมาอีกคนแล้ว!

คนพวกนี้เคลื่อนไหวด้วยวิธีลึกลับอย่างนี้ตลอดเลยหรือ!

แล้วจะสู้กับคนแบบนี้ได้ยังไงกัน? เมื่อกี้เขาอุตส่าห์คิดว่าหากระวังตัวหน่อย ก็อาจจะสามารถถอยหนีได้อย่างปลอดภัยครบสามสิบประการ!

แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้านี้ได้พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้ว ว่าความระมัดระวังไม่มีประโยชน์อะไรเลย…

นับตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเข้ามาในตึกนี้ ก็เท่ากับพวกเขาได้ก้าวเท้าเข้ามาในกับดักที่อีกฝ่ายเปิดอ้าไว้แล้ว…

要什么?

แต่เพราะอะไรกัน? ทำไมคนพวกนี้ไม่รีบหนี แต่กลับยังวนเวียนอยู่ในสถานที่แบบนี้อีก…พวกเขาอยากได้อะไรอีกงั้นหรือ?

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสูดหายใจถี่ระรัว พลางมองหลิงม่อ

หลิงม่อที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดไม่แสดงสีหน้าบ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายมาก

หรือคนคนนี้คิดจะจับพวกเขาเป็นตัวประกัน? หรือว่า…อยากล้วงข้อมูลอะไร?

หรือไม่ก็…คิดจะฆ่าพวกเขาเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู? แก้แค้น?

ด้วยความหวาดกลัวและลนลาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขย่งปลายเท้ากับพื้นหลายครั้ง ตามสัญชาตญาณ จนร่างกายของเขาแทบจะสิงเข้าไปในผนังด้านหลังแล้ว

“อย่าพยายามเลย ใช่ว่านายจะมีวิชาทะลุกำแพงซักหน่อยนี่นา” จู่ๆ หลิงม่อก็พูดขึ้น

“แก…แกคิดจะทำอะไร!”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตะคอกถามเสียงหลง ในทางเดินอันเงียบสงัด น้ำเสียงที่ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกของเขาจึงค่อนข้างดังแสบหู

ขณะเดียวกัน แววตาของเขาดูหม่นหมองลง ราวกับว่ามองเห็นจุดจบที่ไม่ค่อยสวยได้ล่วงหน้า

แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแปลกใจคือ เขาไม่คิดว่าหลิงม่อจะหัวเราะออกมา

“แกหัวเราะอะไร…”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นหลิงม่อนั่งลงบนขั้นบันได จากนั้นก็ยกแขนขึ้น

โดยไม่ทันตั้งตัว สัมผัสเย็นๆ ก็แผ่มาจากหน้าผาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ แล้วเขาก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง

ปากปืนดำๆ นั่น กำลังจ่ออยู่ที่หน้าผากของเขา!

“อย่านะๆๆ! อย่าฆ่าฉันเลย!”

สมองของเขาขาวโพลนไปทันที…

จะลงมือกันอย่างนี้เลยหรือ? แต่เมื่อกี้เขาบอกว่าอยากคุยกันไม่ใช่หรือ?!

อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่หลิงม่อมีปืนอยู่ในมือเลย ถึงเขาจะไม่มีอาวุธ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เขาไม่กล้าขัดขืน แต่เขาก็ไม่อยากตายไปง่ายๆ อย่างนี้เหมือนกันนี่นา!

คนบางคนมักชอบว่างท่า “ข้าไม่กลัวตายหรอก” แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตายเข้าจริงๆ จะยังมีคนทำตัวกล้าหาญได้จริงๆ ซักกี่คนกัน? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลย…เพราะเขากลัวตายมากมาตั้งแต่แรกแล้ว!

เวลาสั้นๆ เพียงสองวินาที แต่ในความรู้สึกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมันกลับยาวนานราวผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว

จนกระทั่งเมื่อหลิงม่อลดแขนลง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงเพิ่งรู้ตัวว่าแผ่นหลังของตัวเองเปียกเหงื่อไปหมดแล้ว…

เขามองหน้าหลิงม่อด้วยริมฝีปากสั่นเทา พร้อมกับพึมพำประโยคเดิมซ้ำๆ “อย่าฆ่าฉันเลย…”

สายตาที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองหลิงม่อในตอนนี้ ดูหวาดกลัวยิ่งกว่าเมื่อกี้มาก

ถึงแม้หลิงม่อจะไม่ได้ลั่นไก แต่วินาทีที่ปากปืนจ่ออยู่บนหน้าผาก เขากลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางจิตใจได้อย่างชัดเจน!

ความรู้สึกกดดันนั้นทำให้เขารู้สึกเย็นสะท้านเหมือนอยู่ท่ามกลางโรงน้ำแข็ง เหมือนมีงูพิษตัวหนึ่งกัดคอเขาไว้ ในขณะที่เขาต้องสัมผัสกับความรู้สึกที่พิษกำลังไหลเข้าสู่ร่างกาย และกระจายตัวไปตามกระแสเลือดช้าๆ อย่างชัดเจน…

ความรู้สึกที่เหมือนเพิ่งเฉียดความตายมาหมาดๆ อย่างนี้ เกือบทำเขาฉี่ราดแล้ว!

“นี่คงจะเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งเหมือนกันสินะ? ไม่สิ…ไม่ค่อยเหมือนเลย…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคิดอย่างหวาดกลัว

ขณะเดียวกัน จู่ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ตระหนักได้ว่า สายตาที่หลิงม่อมองเขา กลับเหมือนกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างอยู่

“ถึงแม้เราจะไม่ถือว่าเป็นผู้มีพลังจิตที่แท้จริง แต่ก็ยังพอลอกเลียบแบบพลังของเจ้าแว่นดำนั้นได้ง่ายๆ…มีพลังก่อกวนทางจิตเป็นพื้นฐาน บวกกับการถ่ายเทพลังงานทางจิตบางส่วนไปให้อีกฝ่าย เพียงเท่านี้ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังลนลานเราก็สามารถทำให้ผลกระทบทวีคุณขึ้น…จะว่าไปแล้วนี่ถือว่าเป็นการพลิกแพลงพลังใหม่เลยก็ว่าได้ ไม่เหมือนพลังของเจ้าแว่นดำที่ทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันเฉยๆ”

“วิธีของเราได้ผลดีกว่ามาก อย่างเช่นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้เขากลัวความตายอยู่แล้ว หลังจากได้รับผลกระทบ เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะตายแล้วจริงๆ…อืม ดูจากคลื่นดวงจิตบวกกับสีหน้าของเขาแล้ว น่าจะเป็นอย่างนี้ไม่ผิดแน่…”

“ถ้าหากพลังนี้แกร่งขึ้นกว่านี้อีกหน่อย จะสามารถทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองตายไปแล้วจริงๆ ได้ไหมนะ? ถ้าหากทำได้ถึงขั้นนั้น ก็เท่ากับสามารถฆ่าคนด้วยสายตาได้น่ะสิ…”

“แต่พอคิดดูดีๆ แล้ว พลังนี้ก็ยังมีข้อจำกัดมากเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรพื้นฐานที่จะสามารถทำให้เกิดผลกระทบได้ก็คืออารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่าย…ถ้าหากว่าเมื่อกี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังคิดจะหัวเราะ ผลที่ออกมาคงจะกลายเป็นเขาหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปเลย แล้วถ้าเกิดอยากฉิ้งฉ่องล่ะ?”

“อีกอย่างต้องอยู่ใกล้กันมากถึงจะได้ผล จุดนี้ถือว่าด้อยกว่าพลังของเจ้าแว่นดำ…เมื่อไหร่ที่แค่ถลึงตาก็สามารถทำให้กลุ่มเด็กหมีตกใจจนร้องไห้ได้ เมื่อนั้นถึงจะถือว่าบรรลุถึงจุดสูงสุดของพลังสินะ…”

หลิงม่อคิดพลางถอนหายใจ

ในอีกด้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกหลิงม่อจ้องกำลังลนลานจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว

ในตอนนั้นเอง หลิงม่อก็หันมาทางเขา แล้วถามว่า “นายคือคนนำทีมสินะ?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสะดุ้ง จากนั้นก็กัดฟันพยักหน้า

“ฉลาดไม่เบาเลยนี่” จู่ๆ หลิงม่อก็พูดขึ้น

“ฉัน…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าซีดกว่าเดิม “ฉันไม่เข้าใจ…”

“ถึงนายจะกลัวมาก แต่กลับมีไหวพริบไม่เลว เมื่อกี้ที่จงใจพูดเสียงดัง ก็เพื่อบอกให้สองคนที่เฝ้าประตูรู้ตัวไม่ใช่หรือ?” หลิงม่อพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวแข็งทื่อ สายตาฉายแววแห่งความสิ้นหวัง

ไม่คิดเลยว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินอย่างนี้…

และการที่เขาติดอยู่ในอาคารเล็กๆ ลับตาคนนี่ ก็เท่ากับความช่วยเหลือไม่สามารถเข้าถึง…

“อย่าฆ่าฉันเลย…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้อนวอน

“เอาล่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าแค่จะมาคุย” หลิงม่อโบกมือไปมา แต่กลับพูดขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า “แต่ถ้าหากนายยังคิดจะตุกติกอีก…”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่ายหน้าสุดชีวิต : “ฉันไม่กล้าแล้ว! นายอยากคุยอะไร ฉันจะฟังนายทุกอย่างเลย!”

“คนนั้นเป็นผู้มีความสามารถพิเศษใช่ไหม?” หลิงม่อหันไปมองเสี่ยวพาน

“ใช่ เขาเป็นสายกลายพันธุ์! เซลล์รับกลิ่น…ไม่สิ ระบบประสาทการรับกลิ่นของเขาเกิดการกลายพันธุ์…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดระรัว

ขณะเดียวกัน เสี่ยวพานหันกลับมา แล้วตอบด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “เขาพูดถูกแล้ว ระบบประสาทรับกลิ่นและเส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ของฉันเกิดการกลายพันธุ์ การรับรสก็เช่นกัน ดังนั้นฉันจึงมีสัมผัสต่อกลิ่นที่อยู่ทั้งใกล้และไกลแตกต่างจากคนทั่วไป และมีสัมผัสที่ว่องไวกว่าคนทั่วไปมาก…พูดง่ายๆ ก็คือ กลิ่นและรสที่ฉันสัมผัสได้ล้วนต่างจากคนธรรมดา”

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…การกลายพันธุ์อย่างนี้ถือเป็นโชคร้ายของพวกชอบกินสินะ” หลิงม่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

แต่เสี่ยวพานกลับถามขึ้นว่า “นายใช้น้ำหอมหรอ? กลิ่นมันแปลกมาก แต่คิดว่าน่าจะใช่ อีกอย่างนายไม่ได้แค่ฉีดบนร่างกายตัวเอง แต่ยังฉีดไว้ข้างบนนั้นเยอะมาก ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายน่าจะเตรียมอุบายล่อพวกฉันให้เข้ามาไว้อีกมากสินะ? อย่างเช่นใช้พลังจิต…”

“นายเดาเอาเองละกัน” หลิงม่อยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางถามต่อ “มีคนถูกส่งออกมาตามล่าพวกฉันกี่คน?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลังเล ไม่นานก็ตอบว่า “ตอนนี้มีสองทีม…”

“บอกละเอียดหน่อย” หลิงม่อทิ้งตัวนั่งลงบนขั้นบันได จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดหนึ่งมวน

“ทีมแรกคือพวกฉัน ส่วนอีกทีมแยกตัวไปตามหาข้างนอก และรับผิดชอบเฝ้าถนนแถวนั้น…น่าจะมีคนคอยสังเกตการณ์อยู่บนที่สูงด้วย ฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก…” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดมาถึงตรงนี้ ก็ยังไม่ลืมพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ความจริงฉันแค่ถูกลากให้มาร่วมด้วยเท่านั้น ฉันไม่ใช่หัวหน้าทีมจริงๆ หรอกนะ…”

“เขาเลือกหัวหน้าทีมได้ไม่เลวเลยนี่” หลิงม่อกลับพูดขึ้น

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขี้ขลาดแต่รอบคอบ แล้วยังกลัวตายมากด้วย แต่เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งง่ายๆ

ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะกล้าเข้ามาในอาคารหลังนี้ได้อย่างไร?

ในสถานการณ์วุ่นวายขนาดนั้น สมาชิกระดับสูงของนิพพานกลับสามารถเลือกคนอย่างนี้มารับคำสั่งได้ นี่เป็นการเตือนสติหลิงม่อให้ระแวดระวังตัวให้มากกว่าเดิม

นิพพานช่างเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากจริงๆ…

“รู้เรื่องอื่นบ้างไหม?” หลิงม่อถามอีกครั้ง

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสีหน้าลำบากใจ “ตำแหน่งของฉันไม่สูง จึงไม่รู้อะไรมากนัก…”

“เอาอย่างนี้” หลิงม่อหันไปหยิบสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วส่งปากกาให้เขาหนึ่งด้าม “เขียนเรื่องเกี่ยวกับบรรดาสมาชิกระดับสูงที่นายรู้มาให้หมด อีกอย่าง เขียนเรื่องเกี่ยวกับทีมรักษาความปลอดภัยด้วย”

หลิงม่อไม่ได้เชื่อข้อมูลในแบบฟอร์มลงทะเบียนทั้งหมด

ขนาดตัวเขาเองยังสร้างเรื่องโกหกได้ คนอื่นก็อาจเขียนกำกวมไม่ชัดเจนด้วยก็ได้

แต่หากคิดจะทำความรู้จักผู้มีความสามารถพิเศษพวกนั้นทุกคน ก็ดูจะห่างไกลความจริงไปอีก…

ทว่าทีมรักษาความปลอดภัยก็เป็นกองกำลังที่ไม่อาจมองข้ามได้เหมือนกัน จากการกระทำของนิพพานในครั้งนี้ได้บ่งบอกชัดเจนแล้วว่า ทีมรักษาความปลอดภัยเป็นกองกำลังที่พวกเขาเชื่อมั่นที่สุด

ในอนาคต หากพวกเขาส่งคนออกมาไล่ล่าพวกหลิงม่อ คนกลุ่มนี้อาจมีบทบาทสำคัญมาก

ถึงแม้จุดประสงค์หลักคือซื้อเวลา แต่หลิงม่อก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสในการล้วงข้อมูลให้หลุดมือไปแน่นอน

และถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้จะไม่รู้จักสมาชิกคนอื่น แต่เขาต้องรู้จักเพื่อนร่วมทีมของตัวเองเป็นอย่างดีแน่นอน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับปากกาไปด้วยมือสั่นเทา เขาเปิดฝาปากกาออกอย่างยากลำบาก แต่จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“คะ…คือว่า ฉัน…มองไม่เห็น”

เขาเองก็หงุดหงิดเหมือนกัน ทำไมพวกหลิงม่อถึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมล่ะ…

ทว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่รู้เลย ว่าหลิงม่อกำลังเชื่อมต่อการมองเห็นของตัวเองเข้ากับสายตาของเย่เลี่ยนที่อยู่ทางนั้น และเขาก็ไมรู้ความจริงที่ว่าเด็กสาวรูปร่างผอมบางที่กำลังใช้มีดจ่อเสี่ยวพานอยู่ เป็นซอมบี้เจ้าเมือง!

“เอา ไฟฉาย”

หลิงม่อยื่นของให้เขาอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “อย่าคิดจะใช้แสงไฟส่งสัญญาณเตือนล่ะ ตรงนี้เป็นมุมอับพอดี”

มือที่เพิ่งรับไฟฉายไปของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชะงักเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็คิดอย่างขวัญหนีดีฝ่อ “หมอนี่มีพลังอ่านใจคนหรือไงนะ! ทำไมฉันคิดอะไรเขาก็รู้หมด!”

“แค่พูดให้ตกใจเล่นๆ ไม่นึกว่าเขาคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ…” หลิงม่อลูบคางขณะที่กำลัง “จ้อง” ดวงแสงแห่งจิตของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด