แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 802 หมายถึงนายนั่นแหละ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 802 หมายถึงนายนั่นแหละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหล่าเจิ้งไม่ได้พูดเพื่อเป็นการรำพึงรำพันเท่านั้น แต่เขายังต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง แถมพอพูดจบ เขาก็หันไปจ้องหน้าหลิงม่ออย่างมีความนัยแฝง

“ฉันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ นายน่าจะเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อแล้วนะ! ตอนนี้เรื่องก็จบแล้ว นายน่าจะให้คำอธิบายอะไรกับฉันหน่อยไหม ไอ้ลูกพี่!”

จู่ๆ ก็ต้องเสียพันธมิตรไปอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ถึงแม้หลิงม่อจะเป็นตัวแทนของฟอลคอนที่ 2 แต่เขาก็ไม่ควรทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนี้!

เหล่าเจิ้งไม่ใช่หวังหลิ่น เขากับหลิงม่อเป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ปรากฏว่าจู่ๆ ก็ถูกเขาหลอกใช้ให้ช่วยกำจัดศัตรู แถมยังติดร่างแหพลอยซวยไปด้วยอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีก

ตอนนี้ที่เหล่าเจิ้งต้องการเพียงคำอธิบาย ถือว่าเขายอมต่อให้มากที่สุดแล้ว!

ถึงแม้เหล่าเจิ้งจะทำเป็นมองข้ามเรื่องนี้ไปได้ แต่อย่างไรเขาก็ต้องรายงายเรื่องนี้ให้บรรดาบุคคลระดับสูงในค่ายกลางรู้อยู่ดี!

แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าเจิ้งคาดไม่ถึงก็คือ หลิงม่อที่ถูกเหล่าเจิ้งจ้องด้วยสายตาแฝงความนัย กลับกำลังทำหน้างุนงง!

“ทำไมหรอ?” หลิงม่อถามอย่างตรงไปตรงมา

แต่คำถามสั้นๆ นี้ กลับแทบจะทำให้เหล่าเจิ้งกระอักเลือด

ยังมีหน้ามาถามอีกหรอ! คนที่ต้องถามคือฉันต่างหากล่ะโว้ย! ถึงฉันจะเข้าใจจุดประสงค์ของนายแล้ว แต่นายจะไม่ช่วยปลอบโยนความรู้สึกที่เจ็บปวดของฉันหน่อยเรอะ!

เหล่าเจิ้งรู้สึกเหมือนเลือดพุ่งพล่านขึ้นสู่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว เขาอ้าปากหมายจะพ่นคำพูดออกไป แต่วินาทีที่คำพูดกำลังจะหลุดออกจากปาก จู่ๆ เขาก็ชะงักไปอีก

จริงสิ…หลิงม่อไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?

เขาแกล้งโง่งั้นหรอ?

แน่นอนว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ…

“งั้น…หรือว่าเราทำผิด?”

เหล่าเจิ้งกำลังคิดอย่างเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ใจเย็นลง

“ใช่แล้ว…คนคนนี้ความคิดรอบคอบ ตอนที่เขาวางแผนนี้ขึ้นมา เขาต้องคิดเผื่อค่ายกลางของพวกเราแล้วแน่นอน…ความจริงสำหรับฉัน เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็ก แต่สำหรับบุคคลระดับสูงมันกลับเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว ถึงแม้พวกเขาอาจไม่ถึงขั้นตัดขาดความร่วมมือกับฟอลคอนที่ 2 เพราะเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ต้องมีคำวิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำของเขาตามมามากมายอย่างแน่นอน และนั่นอาจทำให้กระทบความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย…ความเสียหายที่รุนแรงขนาดนี้ ไม่มีทางที่เขาจะไม่คิดไว้ก่อน…หรือว่าเขาต้องการให้ฉันช่วยปิดความลับ?”

ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา เขาก็รีบปฏิเสธทันควันอีกครั้ง “ไม่หรอก ถึงฉันจะไม่พูด แต่ฝั่งนิพพานจะต้องปล่อยข่าวออกมาแน่นอน ถึงทางค่ายกลางจะยังไม่ได้ข่าวในเร็ววัน แต่ไม่ช้าอย่างไรก็ต้องรู้ความจริงเข้าซักวัน…จุดนี้เขาก็น่าจะคิดได้เหมือนกันนี่นา…อีกอย่างเรื่องในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นการสร้างความบาดหมางกับนิพพานครั้งใหญ่เลยทีเดียว ถ้าหากนิพพานมีบัญชีดำ ชื่อของหลิงม่อคงกลายเป็นรายชื่อแรกในบัญชีนั้นแน่นอน! ฉันก็ไม่อาจปล่อยให้ค่ายกลางเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ชีวิตเล็กๆ ของฉันก็คงรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้นอย่างไรชื่อของเขาก็ต้องหลุดออกไปอย่างแน่นอน…ถ้าอย่างนั้น วิธีเดียวที่เขาจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบตามมา ก็คงเหลือวิธีเดียว…”

“ไม่หรอก! ไม่มีทางหรอก!”

เหล่าเจิ้งช็อก เขามองหลิงม่ออย่างไม่อยากจะเชื่อความคิดตัวเอง

แต่พอนึกถึงการกระทำทุกอย่างของหลิงม่อเมื่อกี้ เขาก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้

“คนอื่นอาจจะไม่ทำ…แต่เขาน่ะไม่แน่!”

“วิธีตัดปัญหาที่ดีที่สุด ก็คือทำให้นิพพานล่มสลาย…หรือไม่ก็ผนวกเข้าด้วยกันซะ!”

เมื่อนึกถึงทรัพยากรและกำลังคนที่นิพพานสั่งสมมา ลมหายใจของเหล่าเจิ้งพลันหอบถี่ขึ้นมาทันที

เขาต้องคิดผนวกกำลังแน่นอน!

ความทะเยอทะยานของหลิงม่อ ใหญ่หลวงถึงขนาดนี้เชียวหรือ!

นิพพานเต็มไปด้วยขวากหนาม หากคิดจะสร้างปัญหาเล็กน้อยให้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากคิดจะกลืนกิน คงไม่ง่ายขนาดนั้น!

ค่ายผู้รอดชีวิตที่สามารถพัฒนามาไกลได้ถึงขนาดนี้ อำนาจและพละกำลังในมือย่อมมีมากจนไม่อาจมองข้ามได้อย่างแน่นอน!

แต่หลิงม่อ…

เรื่องภายในของฟอลคอนที่ 2 เหล่าเจิ้งก็พอรู้มาบ้างไม่มากก็น้อย

ปัจจุบัน ฟอลคอนที่ 2 ถือเป็นเพียงค่ายผู้รอดชีวิตกึ่งอิสระ โดยมีฐานทัพฟอลคอนที่แท้จริงคอยหนุนหลังอยู่

และถึงแม้หลิงม่อจะเป็นหนึ่งในผู้กุมอำนาจแห่งฟอลคอนที่ 2 แต่ในสายตาคนใหญ่คนโตแห่งฐานทัพฟอลคอน เขากลับเป็นเหมือนเสี้ยนหนามตำใจ

ไม่มีใครยินดีถูกคนนอกแย่งอำนาจไปจากมือ ถึงแม้คนคนนั้นจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องการบริหารก็ตาม!

แต่เพราะมีอวี่เหวินซวนอยู่ เรื่องนี้จึงยังไม่ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นปัญหาอย่างโจ่งแจ้ง แต่ตอนนี้หลิงม่อกลับสร้างความบาดหมางกับนิพพาน สถานการณ์จึงย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หากฐานทัพฟอลคอนไม่ยอม การสนับสนุนที่ฟอลคอนที่ 2 จะมอบให้หลิงม่อได้ ก็ย่อมมีจำกัด!

กระทั่งอาจเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ขึ้น นั่นก็คือฐานทัพฟอลคอนบันดาลโทสะ จึงใช้หลิงม่อเป็นเบี้ยต่อรองเพื่อคืนดีกับนิพพาน!

“ไม่ว่าจะดูยังไงเขาก็ไม่น่าจะทำสำเร็จ หรือว่าเขามีไพ่ตายซ่อนอยู่?”

ยิ่งเหล่าเจิ้งคิดไปไกล คำถามก็ยิ่งมากขึ้น

อย่างน้อยหากมองจากจุดที่เขายืนอยู่ การที่หลิงม่อทำอย่างนี้ไม่ต่างอะไรจากรนหาที่ตายเลยซักนิด!

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลิงม่อกลับร้อง “อ๋อ” ขึ้นมา แล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วง โยนความผิดทั้งหมดมาที่ฉันคนเดียวได้เลย แล้วก็อย่าเอ่ยถึงชื่อของหวังหลิ่นต่อหน้าหัวหน้าของพวกนายล่ะ”

“ห๊ะ? ได้…” เหล่าเจิ้งรับคำโดยอัตโนมัติ แต่พอได้สติ เขาก็นึกอยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ซักที

เขามีอะไรต้องห่วงที่ไหน!

พอเปลี่ยนเป็นหมอนี่พูด กลับกลายเป็นตัวเขาเสียเองที่ลุกลี้ลุกลน!

“ไม่รนหาที่ ก็จะไม่ตาย คำพูดนี้ก็เหมาะกับนายเหมือนกัน! คนอะไร…ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลย!”

เหล่าเจิ้งเดินฟึดฟัดไปอีกทาง เขากำลังขุ่นเคืองอยู่ จึงจำเป็นต้องอยู่ห่างจากหลิงม่อซักพัก…

ตอนนี้เอง จู่ๆ สวี่ซูหานก็เปิดปากพูดขึ้น “จะเอายังไงกับเขา?”

ขายหนุ่มที่กำลังถูกสวี่ซูหานบีบคออยู่ ถือว่ายังมีหน้านิ่งเฉยอยู่ เพียงแต่พอหลิงม่อมองมา เขากลับเกร็งร่างทันทีอย่างไม่รู้ตัว

สำหรับแผนการเหล่านั้นของหลิงม่อ ความจริงเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่การตอบสนองและการเคลื่อนไหวที่เร็วดังสายฟ้าของหลิงม่อ กลับสามารถทำให้ชายคนนี้ยอมจำนน

ถึงแม้เขาไม่เคยประมือกับหลิงม่อโดยตรง แต่เขากลับรู้จักพลังและความสามารถของเหอหงเยี่ยนเป็นอย่างดี…

คนที่สามารถทำให้เหอหงเยี่ยนไร้พลังต่อต้านและไม่มีโอกาสเอาคืนได้ ถ้าเขาต้องประมือด้วย ก็คงจะต้องพบกับจุดจบที่ถูกสังหารในหนึ่งวินาทีอย่างไม่ต้องสงสัย

ยอดฝีมือ นี่แหละคือยอดฝีมือตัวจริง!

ตอนที่เหอหงเยี่ยนถูกหวังเลิ่นลากตัวไป แม้ว่าเขาจะหวาดกลัวและลนลานอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่าคือความสงสาร

ตอนที่เธอมองเห็นหลิงม่อเป็นผักปลา เกรงว่าหลิงม่อคงมองเธอเป็นตัวตลกมากกว่า

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขามองไม่เห็นวี่แววความโกรธหรืออัปยศจากใบหน้าของหลิงม่อเลย สายตาที่หลิงม่อมองเหอหงเยี่ยนก็ช่างเฉยเมยเสียยิ่งกว่ามองสิ่งใด

ตอนแรกเขาคิดว่าหมอนี่คงยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง หรือคิดว่า ช่างรู้จักสไตล์การทำงานของเหอหงเยี่ยนน้อยไปซะแล้ว…แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หลิงม่อรู้สึกเฉยมากจริงๆ เขาเฉยเมยราวกับกำลังมองมดตัวเล็กๆ แยกเขี้ยวแยกเล็บอยู่ต่อหน้าเขา

เมื่อถึงคราวตัวเองต้องเผชิญหน้ากับคำตัดสินแห่งชะตาชีวิต ชายหนุ่มก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

คนที่มีชีวิตรอดมาได้จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครไม่รักตัวกลับตายหรอก แม้แต่เหอหงเยี่ยนก็เช่นกัน ถึงเธอจะไม่เห็นค่าชีวิตคนอื่น แต่เธอก็หวงแหนชีวิตตัวเองมาก และหากมองจากบางมุม นิสัยใจคอที่ชั่วร้ายก็เป็นการแสดงออกถึงการรักตัวกลัวตายอย่างหนึ่งของเธอ…

หลังจากที่ยืนตัวสั่น มือไม้เย็นเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็กลืนน้ำลาย แล้วมองหลิงม่อเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ

“ฉัน…”

“ปล่อยเขาเถอะ” หลิงม่อบอก

ชายหนุ่มเบิกตากว้าง เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว สวี่ซูหานก็คลายมือออก และถอยห่างจากเขาทันที จากนั้นเธอก็เดินก้มหน้าไปยืนข้างหลังหลิงม่อเหมือนเดิม

แต่ท่าทางแปลกๆ ของเธอกลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเอะใจแต่อย่างใด เพราะเขากำลังมองหน้าหลิงม่ออย่างเหนือความคาดหมาย

“ฉันไม่ใช่พวกฆาตกรโรคจิตซักหน่อย นายกลัวอะไร” หลิงม่อเอือม

เขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาแฝงตัวเข้ามา เขาเองก็ได้ยินชายหนุ่มเกลี้ยกล่อมเหอหงเยี่ยนแล้ว

เพียงแต่เขาไม่กล้าต่อต้านเหอหงเยี่ยนจริงๆ ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไม่มีผลอะไรมากนัก แต่จากแค่จุดนี้ ก็แสดงถึงความบ้าอำนาจและเอาแต่ใจของเหอหงเยี่ยนได้อย่างชัดเจนแล้ว

“นะ…นั่นสินะ” ชายหนุ่มฝืนกระตุกปากยิ้มฝืดอย่างลนๆ

“แต่ฉันมีเรื่องให้นายช่วยเรื่องหนึ่ง” หลิงม่อมองชายหนุ่มที่กำลังตื่นตระหนก แล้วหัวเราะบอกว่า “วางใจ ฉันไม่ให้นายไปทำเรื่องเสี่ยงตายหรอก ไม่แน่นายอาจได้สร้างผลงานด้วยซ้ำ แต่ถ้าบอสใหญ่ของนายยังมีอารมณ์แจกรางวัลล่ะก็นะ”

หลิงม่ออาจดูเหมือนกำลังพูดเล่น แต่เหล่าเจิ้งกลับเริ่มขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง

“เมื่อกี้ได้ยินเขาบอกว่า ‘เขามีหนี้เยอะอยู่แล้ว ไม่กลัวหรอก’ ด้วย…หรือว่าเขาบาดหมางกับนิพพานไปแล้ว? ไม่เข้าใจเลยแฮะ…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด