แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 809 แน่จริงเข้ามาตีเลยสิ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 809 แน่จริงเข้ามาตีเลยสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ก่อนจะออกไปกับเจสัน จู่ๆ สวี่ซูหานก็ดึงแขนหลิงม่อ แล้วพูดด้วยสีหน้าวิงวอนเล็กน้อยว่า “อย่าทิ้งฉันไปนะ…”

หลิงม่อรู้สึกจนใจขึ้นมาทันที ด้วยนิสัยขี้กลัวของซอมบี้สาวตัวนี้ คงไม่เหมาะจริงๆ หากจะทิ้งเธอไว้กับคนจำนวนมากอย่างนี้…

หวังหลิ่นกับหลันหลันก็งอแงจะไปด้วย แต่สุดท้ายก็ถูกหลิงม่อปฏิเสธอย่างจริงจัง นอกนั้น สามสาวซอมบี้ต้องไปกับหลิงม่อด้วย เพราะฟังจากที่เจสันบอก พวกเขาต้องขนเชื้อเพลิงด้วยจริงๆ…

เจสันไม่ได้ขัดข้องอะไรกับการตัดสินใจของหลิงม่อ เขาแค่มองสวี่ซูหานอย่างสงสัยเล็กน้อย เพราะท่าทางกล้าๆ กลัวๆ และหมวกผ้าคลุมหน้าของอีกฝ่ายดูสะดุดตาเล็กน้อย เจสันจึงอดมองเธออยู่นานสองนานไม่ได้ แต่ไม่นานเขาก็หันไปมองพวกเย่เลี่ยนสามคนแทน โดยเฉพาะหลี่ย่าหลิน

“สาวสวย “ลูกครึ่ง” หุ่นร้อนแรงคนนี้ก็คือน้องสาวของผู้สั่งการ…แต่หน้าตากับนิสัย ไม่ค่อยเหมือนกันเลยแฮะ…แต่พี่หลิงช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ผู้หญิงของเขาแต่ละคนรูปร่างหน้าตาและบุคลิกสุดยอดทั้งนั้น สมัยนี้จะเจอผู้หญิงแบบนี้ได้ซักคนยังยากเลย แต่เขากลับมีตั้งสามคน…ผู้หญิงทั่วทั้งฟอลคอนที่พอจะสูสีกับพวกเธอได้ ก็คงจะมีแต่ผู้บัญชาการซูของฟอลคอนที่ 1 เท่านั้นล่ะมั้ง…” เจสันอดคิดไม่ได้

คลังน้ำมันอยู่ที่โซน B ซึ่งอยู่ไกลจากโซน A ซึ่งเป็นที่พักคนงานพอสมควร หรือพูดอีกอย่างก็คือ โซน A เป็นโซนที่ค่อนข่างห่างไกลจากผู้คนนั่นเอง

ขณะที่เจสันเอาถังน้ำมันลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาก็พกกระสุนปืนไปด้วยจำนวนหนึ่ง พร้อมกับปืนพกสองกระบอกที่ยื่นให้หลิงม่อ

“ที่นั้นจะมีซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์โผล่มาบ้างเป็นบางครั้ง…” เจสันเดินนำทาง พลางอธิบายสถานการณ์ที่นี่ให้หลิงม่อฟังอย่างละเอียด “แต่ในคลังน้ำมันห้ามยิงปืน ดังนั้นทันทีที่เจอสัตว์ประหลาดพวกนั้น ก็ให้ใช้เสียงปืนล่อพวกมันออกมาในที่โล่งก็พอแล้ว ที่ที่เราจะไปครั้งนี้ค่อนข้างอยู่ลึกพอสมควร ตามปกติแล้ว น่าจะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง แต่ครั้งนี้เราต้องเร็วกว่านั้น ผมเชื่อว่ามีพี่หลิงอยู่ แค่หนึ่งชั่วโมงน่าจะไม่มีปัญหา”

“แต่ว่า ทำไมต้องเข้าไปในที่ลึกๆ ด้วย? อีกอย่างคลังน้ำมันนี้ก็ถูกพวกคุณใช้งานมานานแล้ว ทำไมจนถึงป่านนี้ก็ยังมีซอมบี้โผล่มาอีกล่ะ?” ซย่าน่าหันมาถาม

สิ่งที่เธอถามหลิงม่อก็อยากรู้อยู่พอดี ไม่ว่าจะในแง่มุมไหน เขากับสาวๆ ซอมบี้ถือว่ามีจิตใจที่ตรงกันทุกเรื่อง…

เจสันส่งยิ้มไมตรีจิตให้ซย่าน่าทันที แล้วเขาก็ตอบว่า “เป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่ผ่านมาพวกเราหวังว่าจะขนน้ำมันกลับไปได้มากหน่อย แต่กลับสามารถส่งคนมาได้ในจำนวนที่จำกัด บวกกับสภาพแวดล้อมที่นี่ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ได้เริ่มกำจัดซอมบี้และพัฒนาที่นี่ใหม่ซักที ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล คือทุกครั้งที่เรากำจัดซอมบี้กลุ่มหนึ่งเสร็จ ก็จะมีซอมบี้กลุ่มใหม่มาอีก กระทั่งมีซอมบี้ทารกโผล่มาด้วย…”

“โซน A เป็นโซนที่เราค้นพบอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้ ดังนั้น…”

พอฟังเขาพูดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็เริ่มอยากพูดตัดบทเขาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้แล้ว ทำไมอวี่เหวินซวนถึงได้ตัดสินใจส่งพวกเขามาสถานที่แบบนี้อย่างกะทันหัน? แต่ดูท่าทางเหมือนเจสันยังมีอะไรจะพูดอีกหลายอย่าง หลิงม่อจึงทำได้เพียงอดทนไว้ก่อน ถึงอย่างไร พวกเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกซักระยะ ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมโดยรอบไว้บ้างก็ไม่เสียหาย

“ที่ต้องเข้าไปในจุดลึกๆ ก็เพราะว่าที่นั่นมีเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องบินโดยเฉพาะอยู่ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเราขอเฮลิคอปเตอร์ออกมาได้ ถ้าหากแค่ขนเชื้อเพลิงธรรมดา พวกเราคงได้เวลามาไม่มากขนาดนี้แล้ว” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเจสันก็ตึงเครียดขึ้นมา เขาจ้องหลิงม่อ แล้วบอกว่า “พี่หลิง จากมุมมองส่วนตัวของผม ที่พวกพี่กลับมาครั้งนี้ ช่างกลับมาได้ถูกจังหวะเหลือเกิน”

หลิงม่อนิ่งไป แต่หลังจากสบตากับเจสันครู่หนึ่ง เขากลับหัวใจเต้นตึกตัก แล้วบอกว่า “ช่วยบอกอย่างละเอียดหน่อย”

“แต่ว่าเรื่องนี้กลับทำให้ผู้สั่งการปวดหัวมาก ถึงแม้ผมจะไม่ได้เจอผู้สั่งการด้วยตัวเอง แต่ตอนที่หัวหน้าทีมโทมัสมอบหมายคำสั่งให้ผม เขาก็มีสีหน้ากังวลมากเหมือนกัน พูดตามตรง ความจริงผมก็ไม่ได้รู้เรื่องมากเท่าไหร่ แต่ก็พอจะเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้ฟังได้บ้าง แต่ก่อนหน้านั้น ผมต้องบอกอะไรบางอย่างกับพี่ก่อน”

เจสันหยุดพูดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ท่องประโยคนั้นออกมาอย่างระมัดระวังและครบถ้วน “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน ในช่วงที่ยังไม่ได้ส่งคนไปรับ ห้ามเข้าใกล้ฟอลคอนเด็ดขาด” พูดเสร็จเขาก็ถอนหายใจ แล้วบอกว่า “เขาฝากมาบอกอย่างนี้ครับ”

“สถานการณ์ไม่ชัดเจน…” หลิงม่อขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วถาม “ใครเป็นคนฝากมาบอก?”

“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่หัวหน้าทีมโทมัสเป็นคนสั่งผมมาอีกที” เจสันตอบอย่างตรงไปตรงมา

“เขาฝากมาบอกเท่านี้หรอ?”

“ครับ ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว”

“ฟังดูไม่เหมือนคำพูดของเจ้าเฟิ้งจื่อซวนนั่นเท่าไหร่ คงจะมาจากจางอวี่…” หลิงม่อพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็มองเจสัน “ในเมื่อรายงานคำพูดเสร็จแล้ว คุณช่วยเล่าสถานการณ์ในฟอลคอนให้ฟังหน่อย ทำไมคุณถึงได้คิดต่างจากพวกเขาล่ะ?”

“เพราะว่า…พวกเขากำลังคำนึงถึงคุณอยู่ แต่ส่วนตัวผม…ผมคำนึงถึงฟอลคอนที่ 2 ของพวกเรามากกว่า” เจสันใจกล้าแสดงความคิดเห็นออกมาตรงๆ แล้วเขาก็รีบพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “พี่หลิง หวังว่าพี่คงจะไม่โกรธที่ผมคิดอย่างนี้…”

หลิงม่อโบกมือไปมา “ไม่หรอก คุณพูดตรงๆ ก็ดีแล้ว เล่าต่อเถอะ”

เจสันโล่งใจ แล้วรอยยิ้มจริงใจก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าเขาอีกครั้ง “ความจริงแล้ว เบื้องบนต่างพากันปิดเรื่องนี้ไว้ แต่คนอย่างพวกผมที่ต้องอยู่ที่นั่นตลอดเวลา ยังไงก็ต้องได้ยินข่าวที่เล็ดลอดออกมาบ้างไม่มากก็น้อย และส่วนตัวผมก็ค่อนข้างรู้เรื่องนี้ค่อนข้างดีกว่าคนทั่วไป เพราะไม่นานมานี้ ผมเพิ่งได้ไปฐานทัพที่ 1 มาครั้งหนึ่ง…พูดไปแล้วพี่อาจจะไม่เชื่อ ท่าทีที่ฐานทัพที่ 1มีต่อพวกเราในตอนนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติมากแล้วล่ะ…”

เขามองหลิงม่อด้วยแววตาแฝงความนัย แล้วบอกว่า “และสาเหตุหลัก ก็เป็นเพราะพี่หลิง…”

………..

“ยาถูกส่งมาหรือยัง?”

เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนลานกว้าง คนของฟอลคอนที่ 1 สองสามคนก็รีบเดินเข้าไป แล้วเจ้าหน้าที่ทหารหนึ่งในนั้นก็ถามเสียงดัง

เจสันเดินออกมาจากประตูเครื่องเป็นคนแรก จากนั้นก็หันกลับไปขนย้ายกล่องยา “จำนวนในครั้งนี้”

เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นเดินเข้ามาดู สีหน้าเขาบึ้งตึงทันที “แค่นี้เองหรอ? นี่พวกนายกำลังล้อฉันเล่นหรือไง?”

“ยาประเภทนี้หายากมาก…”

เจสันเพิ่งจะพูดจบ เจ้าหน้าที่ทหารคนนี้ก็ถีบกล่องยาจนพลิกคว่ำ พร้อมทั้งตะคอกด่า “หายาก? พวกแกฮุบเครื่องบินไว้เป็นของตัวเองไม่ใช่หรอ? มีที่ไหนบ้างที่ไปไม่ถึง? หายากแค่ไหน ก็คงไม่ยากเท่าพวกฉันที่ต้องออกไปเสี่ยงตายอยู่ทุกวัน”

ไม่นาน คนของฟอลคอนที่ 2 อีกคนที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ก็กระโดดลงมา และคนคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือโทมัสนั่นเอง…

เจสันกำลังจะยันดาลโทสะ แต่ก็ถูกโทมัสตะโกนห้าม “อย่าหาเรื่อง! พี่ชายคนนี้ อย่าพูดจาให้มันเกินไปนัก ฮุบไว้เป็นของตัวเองที่ไหนกัน? อีกอย่างแค่มีเครื่องบิน ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเหมือนกัน เครื่องบินเป็นแค่ยานพาหนะอำนวยความสะดวก แต่ถึงยังไงพวกเราก็ยังต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปในอาคารสิ่งก่อสร้างและโกดังเก็บของพวกนั้นด้วยตัวเองอยู่ดี!”

เสียงคำรามคุกรุ่นของหลิงม่อทำให้เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นนิ่งงันไปได้ชั่วขณะ แต่ไม่นาน อีกฝ่ายก็แค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้นะ ว่าของดีจริงๆ ถูกพวกนายฮุบไว้หมดแล้วน่ะ…เวลาที่พวกนายเอาเสบียงอาหารไปจากที่นี่ไม่เห็นเคยเกรงใจ แต่เวลาต้องส่งของให้พวกเราบ้างกลับอ้างโน้นอ้างนี่สารพัด ดูท่า พวกนายคงคิดจะก่อ…”

“จะตดที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ควรพ่นคำพูดสั่วๆ ออกมามั่วๆ” โทมัสตะคอกกลับด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

“อย่าคิดว่าเจ้าหลิงม่ออะไรนั้นเป็นคนยึดได้ แล้วมันจะกลายเป็นของของพวกนายล่ะ…” เจ้าหน้าที่ทหารถ่มน้ำลายดัง “ถุย” แล้วหมุนกายหมายจะเดินกลับไป ทหารนายหนึ่งที่อยู่ข้างเขาเดินเข้ามา เตรียมจะยกกล่องยากลับไปด้วย

แต่ในตอนนั้นเอง บนกล่องยากลับมีเท้าข้างหนึ่งเหยียบไว้แน่น และสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงพูดที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะของโทมัส “ฐานทัพอากาศแห่งนี้ เป็นสิ่งที่น้องหลิงแลกมาด้วยชีวิต ยากล่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิตเหมือนกัน พวกแม่เอ็งคิดจะเตะแล้วเอากลับไปด้วย?”

“โอ๊ะ งั้นหรอ? แล้วแกจะทำไมล่ะ?” เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นหันกลับมาด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท แล้วถาม

คนพวกนี้แต่เดิมไม่ใช่ทหารจริงๆ ส่วนมากได้รับตำแหน่งหลังจากที่เข้ามาในฟอลคอน และฐานทัพฟอลคอนก็ใช้ “ระบบยศทหาร” มาโดยตลอด แต่ในความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารคนนี้แค่สวมหมวกที่มีสัญลักษณ์ประจำยศไว้ก็เท่านั้น

บุคลิกและท่าทางของเขา ก็ไม่ได้แสดงออกถึงลักษณะของทหารเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับเหมือนนักเลงหัวไม้ข้างถนนมากกว่า

“ก้มลงแล้วอุ้มขึ้นมาเดี๋ยวนี้” โทมัสเป็นทหารกองกำลังพิเศษตัวจริง ดวงตาที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตของเขาจ้องหน้าเจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นเขม็ง จากนั้นเขาก็พูดเสียงต่ำ

“แม่เอ็งเอ๊ย…ข้าไม่ก้มแล้วเอ็งจะทำไม? แน่จริงก็เข้ามาตีข้าเลยสิวะ!” เจ้าหน้าที่ทหารเดือดดาล และตะโกนท้าทายด้วยรอยยิ้มกวนประสาท

………..

เจสันเล่าเรื่องมาถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลิงม่อจึงถามต่อ “แล้วจากนั้นล่ะ?”

“จากนั้น…เขาก็ถูกตีจริงๆ”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด