แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 836 ทำลายล้าง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 836 ทำลายล้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ร้ายกาจ! หมอนี่ช่างร้ายกาจ!

“หลิงม่อ แกเล่นแผนชาวประมงตกปลา…” ชายแว่นดำร่างกายสั่นสะท้าน กัดฟันกรอดด่า “แต่แหล่งทรัพยากรเหล่านั้น แกไม่มีทาง…” (ชาวประมงตกปลา มาจากสำนวนจีน นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้รับประโยชน์ มักใช้เพื่อตักเตือนว่า ยามที่ต้องทะเลาะ หรือมีปากเสียงกับผู้อื่น ควรใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาแทนที่จะใช้อารมณ์ มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ปล่อยให้มือที่ 3 ได้รับประโยชน์ไปฟรีๆ)

“นั่นไม่ใช่ปัญหาที่แกต้องห่วงแล้วมั้ง…” หลิงม่อพูดเสียงเรียบ

“ห่วง? ฉันห่วงปู่แกน่ะสิ!” อยู่ๆ ชายแว่นดำก็ฉายสีหน้าโหดเหี้ยม เขาพลันยื่นมือออกไปหมายกระชากเหล่าหลันที่อยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นยังซ่อนอยู่ในผมของเขา ดังนั้นชายแว่นดำจึงยอมแพ้เรื่องการใช้พลังพิเศษ แล้วหันมาใช้วิธีที่ง่ายดายตรงไปตรงมาแทน

ระยะใกล้ขนาดนี้ อีกฝ่ายยังเป็นคนอ่อนเรื่องความสามารถในการต่อสู้อีก ชายแว่นดำมั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางลงมือพลาด!

นับตั้งแต่ที่ได้ยินบทสนทนาของหลิงม่อกับเหล่าเจิ้ง เขาก็เริ่มรอจังหวะนี้แล้ว…ขอเพียงจับตัวเหล่าหลันได้ เขาก็มีเบี้ยต่อรองแล้ว ไม่ว่าจะเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป หรือเพื่อหาทางส่งข่าวไปให้นิพพานก็ตาม…เขาล้วนต้องการเบี้ยต่อรองโดยด่วน!

“นับจากตอนที่ได้รับสัญญาณไปจนถึงตอนมีปฏิกิริยาตอบโต้ ระหว่างนี้ต้องใช้เวลา…ฉันไม่ได้ใช้พลังจิต เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเล็กนี้ก็จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที…อีกอย่างดูจากท่าทางของหลิงม่อแล้ว มันคงจะเสียพลังงานไปไม่น้อย…ส่วนผู้หญิงสามคนนั้น พวกมันอยู่ห่างเกินไป…โอกาสมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าฉันไม่ลงมือตอนนี้ ต่อไปคงไม่มีอีกแล้ว!”

เห็นว่าฝ่ามือใกล้จะเอื้อมถึงตัวเหล่าหลัน ชายแว่นดำใจเต้นแรงตามไปด้วย

“ฉึบ!”

ทันใดนั้น ประกายดาบสายหนึ่งฟาดฟันลงตามแนวร่างของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเสียง “พลั่ก” ดัง แขนข้างหนึ่งก็ร่วงลงพื้นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว

ประกายวาบจากเคียวดาบของซย่าน่าวาดผ่าน พร้อมกับกระชากตัวเหล่าหลันมายืนข้างกาย ดวงตาข้างหนึ่งของเธอสะท้อนแสงสีแดงวูบหนึ่ง จากนั้นเธอก็แสยะยิ้ม บอกว่า “ช้าเกินไปนะ…”

ชายแว่นดำเซไปเล็กน้อย ก้มมองแขนขาดที่อยู่บนพื้น พลันกรีดร้องสุดเสียงขึ้นมา เขาใช้มืออีกข้างกุมบาดแผลแล้วกลิ้งไปกับพื้นอย่างเจ็บปวด ความเร็วของซย่าน่าอยู่เหนือความคาดหมายของเขา และในเสี้ยววินาทีนั้น เขากระทั่งรู้สึกเหมือนพลังจิตของตัวเองก็ถูกฟันหนึ่งดาบเหมือนกัน

“ไม่! ทั้งที่หล่อนไม่ได้มองฉันอยู่แท้ๆ ทำไมถึงได้ตอบโต้เร็วนัก! ความเร็วนี้มัน…แม้แต่ซอมบี้ก็ยังไม่เร็วเท่านี้!” ชายแว่นดำเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับจะขาดใจ แต่กลับถูกบังคับให้มีสติชัดเจนอยู่ตลอดเวลา หลังโดนดาบนั้นโจมตี เขากระทั่งรู้สึกว่าสมองของตัวเองกำลังบิดมวนอย่างบ้าคลั่ง เหมือนมันกำลังกลับสู่สภาพเดิมโดยอัตโนมัติหลังจากที่ถูกปั่นสมองให้เละ…ทว่าความเจ็บปวดนี้ แทบไม่ต่างจากความเจ็บปวดตอนโดนตัดแขนเลย!

“ดูเหมือนจิตใจของแกคงคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของ ‘บอสใหญ่’จริงๆ สินะ…” หลิงม่อเดินนวดหว่างคิ้วเข้าไปหา แล้วพูดเสียงเบา “แกคงติดใจการเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว?”

“อ๊ากกกกก!” ชายแว่นดำกรีดร้องไม่หยุด แต่ดวงตาเหลือกขาวคู่นั้นของเขากลับจดจ้องไปที่หลิงม่ออย่างไม่ยอมละสายตา “ฉันไม่หวังว่าแกจะปล่อยฉันไปอยู่แล้ว! แต่ว่าแก…แกเองก็ไม่มีทางมีชีวิตที่ดีแน่นอน กองกำลังสองกอง แกจะ…รับมือไหวงั้นหรอ? ถึงตอนนี้แกจะฆ่าฉันไปคนหนึ่ง แต่ก็ยังมี ‘ฉัน’อีกหลายคนรอแกอยู่…”

ดูเหมือนเขาต้องการแสยะยิ้มเย็นชา แต่เพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง รอยยิ้มนั้นกลับกลายเป็นกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกแทน…

“มาหนึ่งคน ก็ฆ่าหนึ่งคน มีปัญญาก็รวมร่างกันไปเรื่อยๆ สิ ส่วนเรื่องที่ทำให้แกค้นหาตัวเองคนเก่าจนเจอ…ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนะ” อยู่ๆ หลิงม่อก็หัวเราะ แล้วพูดขึ้น

“หึหึหึ…” ชายแว่นดำยังอยากพูดอะไรต่อ แต่หลิงม่อกลับใช้มือกดไปที่หน้าผากเขาก่อน

ขณะเดียวกัน เสียง “เจี๊ยบ” ดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้ามาสเตอร์บอลปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของหลิงม่อ

“แก…แกจะทำอะไร?” ชายแว่นดำหน้าถอดสีครั้งใหญ่ เขาพลันรู้สึกขึ้นมาว่า หลิงม่อ…อาจรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดจะเล่นตุกติก…

“แกยังไม่เข้าใจอีกหรอ? เจ้ามาสเตอร์บอลจับตาดูพลังจิตของแกอยู่ตลอด ความจริงนอกจากความทรงจำของบอสใหญ่แล้ว แกก็น่าจะนึกถึงความทรงจำส่วนนั้นของแกขึ้นมาด้วยเหมือนกันใช่ไหม? แต่แกแค่ไม่ยอมรับมัน แกยอมที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้กุมอำนาจ ดีกว่ายอมกลับไปยังจุดเริ่มต้นแล้วเป็นแค่ผู้มีความสามารถพิเศษธรรมดาคนหนึ่ง…นี่คือสิ่งที่แกเลือก” หลิงม่อบอก

“แกมองออกแล้ว?” ชายแว่นดำร่างกายสั่นสะท้าน ทว่าไม่นานเขาก็ตะโกนออกมา “แล้วยังไง? ยังไงฉันก็แยกไม่ออกอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร! แต่อย่างน้อยฉันในตอนนี้ แข็งแกร่งกว่าตัวเองเมื่อก่อนมาก! ใครบ้างไม่อยากเป็นคนที่แกร่งกว่า!”

“แกร่ง? ก็อาจจะนะ…แต่ฉันเชื่อในพลังของตัวเองมากกว่า หากคิดจะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ ก็ต้องมีสิ่งที่เป็นของตัวเองจริงๆ…ไม่อย่างนั้น ช้าเร็วต้องถูกกำจัด”

พูดไป หลิงม่อก็หยิบวัตถุก้อนเหนียวหนืดสีแดงก้อนหนึ่งออกมา ของสิ่งนี้มีขนาดเท่าเล็บมือ แต่คล้ายถูกหลอมรวมจากเลือดข้นๆ จนกลายเป็นรูปร่าง ชายแว่นดำสะดุ้งไปทันทีที่เห็น “ไว…ไวรัส…”

เขาเงยหน้ามอง แล้วก็ค้นพบอย่างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตรงนี้เหลือแค่หลิงม่อกับผู้หญิงสามคนนั้น ส่วนเหล่าเจิ้งกับคนอื่นๆ กลับถอยห่างออกไปและมองเขาจากที่ไกลๆ…

“เหล่าหลัน พ่อว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่?” หลันหลันถามเสียงเบา

“ไม่รู้สิ…” เหล่าหลันส่ายหน้า เขาลูบแขนเสื้อตัวเองอย่างยังไม่หายกลัว ดาบนั้นฟันลงมาระหว่างตัวเขาและชายแว่นดำพอดี ลงมือได้อย่างฉับไวราวสายฟ้าฟาด ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไปเอาความสามารถในการควบคุมดาบที่แม่นยำขนาดนั้นมาจากไหน…

เหล่าเจิ้งเห็นเขามองมา ก็รีบโบกมือบอกว่า “อย่าถามฉัน ตอนนี้ฉันต้องตั้งสมาธิ…”

“ใช่สิ นายเป็นคนแปลกหน้านี่…” หลันหลันหันไปมองจางเฉิงฮุย

จางเฉิงฮุยฝืนยิ้ม แล้วพยักหน้าบอกว่า “สวัสดี ฉันมาใหม่! เพิ่งถูกจับเมื่อกี้…ฉัน…ฉันเป็นคนของฟอลคอน” พอคำพูดนี้หลุดออกไป เขาก็รู้สึกแปลกๆ เสียเอง ทว่าไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกเหมือนคนพวกนี้ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหลิงม่อจริงๆ…

“อ้อ…” ทั้งสามขานรับพร้อมกัน

“เฮ้ยๆๆ อย่างนี้มันไม่ถูกต้องนี่ พวกนายจะไม่คัดค้านอะไรหน่อยหรอ? ท่าทีเรียบเฉยแปลกๆ นี่มันอะไรกัน! ทำอย่างกับว่าชินกับเรื่องอย่างนี้แล้วอย่างนั้นแหละ! พูดอะไรหน่อยสิ…”

“อ๊ากก!”

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องมา จางเฉิงฮุยตัวสั่นระริก เขาสัมผัสได้รางๆ ว่าเจ้าตาขาวนั่น ก็เป็นเชลยคนหนึ่งของกลุ่มนี้เหมือนกัน…

“พี่ชายเอ๋ย! โปรดอย่าฆ่าฉันเลย! ชีวิตฉันกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ง่ายเลย…ฉันเองก็ถูกบังคับเหมือนกัน ฉันไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลยด้วยซ้ำ…” จางเฉิงฮุยนั่งกอดกล่องอุปกรณ์อยู่ในมุม พลางพึมพำกับตัวเองอย่างหวาดกลัว…

หลังจากที่เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งนาที พวกหลิงม่อก็เดินมาสมทบกับพวกเขา

ทว่าชายแว่นดำกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว แม้แต่จุดที่เขาอยู่เมื่อกี้ ก็เหลือเพียงเลือดกองหนึ่งเท่านั้น…

“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ บอกพวกมู่เฉินว่าไม่ต้องถ่วงเวลาแล้ว ฉันจะคิดหาวิธีเอง” หลิงม่อพ่นลมหายใจ แล้วพูดขึ้น

เหล่าเจิ้งอดมองหน้าเขาสองสามทีไม่ได้ สุดท้ายเขาก็สะกดความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ แล้วพยักหน้าบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาผู้ประกาศข่าวสวี่แล้วกัน ทว่าดูจากความเร็วของพวกเรา ถ้าจะออกไปจากตำบลเล็กๆ แห่งนี้ อาจต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง…และถ้าหากคำนวณจากความเร็วของพวกนั้น…อย่างน้อยนายก็ต้องถ่วงเวลาพวกนั้นไว้อีกสิบนาที…”

“ไม่…” เย่เลี่ยนส่ายหน้าช้าๆ เธอหันกลับไปมองในตำบล แล้วบอกว่า “สิบห้านาที…ไม่งั้นจะถูกไล่ตามทัน”

สิ้นเสียงพูดของเธอ เสียงอึกทึกหนึ่งก็ดังมาจากทางตัวเมือง พร้อมกับควันสีดำโขมงกลุ่มใหญ่ที่ลอยพุ่งขึ้นฟ้า…

“…นี่แม้แต่ปืนใหญ่ก็เอามาด้วยแล้ว!” เหล่าหลันพูดอย่างตกตะลึง

จางเฉิงฮุยส่ายหน้าไปมา แล้วพูดด้วยแววตายุ่งเหยิงว่า “มันคือปืนยิงระเบิด…ดังนั้น ทันทีที่ถูกไล่ตามทัน ไม่ว่าจะเร็วอีกแค่ไหน ก็ต้านการระดมยิงของพวกเขาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษอีก…พี่ชายเอ๋ย ปล่อยผมไปเถอะ เห็นไหมว่าผมอ่อนแรงไปหมดแล้ว ผมเป็นได้แค่ตัวถ่วง…”

“กำลังเสริมทีมนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?” หลิงม่อหันไปถาม

“หน่วยเจ็ดที่อยู่ใต้สังกัดการดูแลของผู้บัญชาการหวัง ชื่อทีมว่า…ทำลายล้าง” จางเฉิงฮุยดูเหมือนหวาดกลัวต่อชื่อนี้ เขาพูดเสียงเบา “มากันทั้งหมดยี่สิบคน และอีกยี่สิบคนไม่ได้อยู่ที่นี่…แต่ส่งกำลังครึ่งหนึ่งออกมาไล่ล่าพี่ชาย เท่านี้ก็ถือว่าร้ายกาจมากแล้ว…”

“ยอดฝีมือสี่สิบคน…” หลิงม่อเงียบไปอีกครั้ง ดูจากจำนวนนี้ การต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันภายในฟอลคอนคงจะเริ่มมาช้านานแล้ว และการปรากฏตัวของฟอลคอนที่ 2 ก็เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้อำนาจแฝงเหล่านี้แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด