แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 856 ตุ๊กตาที่กำลังมา

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 856 ตุ๊กตาที่กำลังมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะที่รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นผิดปกติ หลิงม่อล้วงเม็ดเลือดออกจากระเป๋า

เขาเดาออกแล้วว่าในร่างกายตัวเองมีอะไรอยู่กันแน่…

หลิงม่อจ้องเม็ดเลือดในมือ สายตาเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นว้าวุ่นและสับสน…

“อาการผิดปกติไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วยังมีเสียงหัวเราะนั่นอีก…”

เดี๋ยวก่อน!

“เธอคงไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับฉันไปแล้วหรอกนะ! ไม่หรอกๆ…ถึงจะทำไปแล้ว คนที่ควรมีอาการผิดปกติควรเป็นเธอถึงจะถูกสิ! ถึงจะเป็นแมงมุม แต่โดยธรรมชาติ เธอก็ยังมีโครงสร้างคล้ายมนุษย์อยู่ดีนี่นา ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายฉันก็ไม่ได้ผ่านการปรับโครงสร้างประหลาดอะไรมา ไม่มีทางเหมือนม้าน้ำที่ตัวผู้เป็นฝ่ายตั้งท้องแน่นอน…”

หลิงม่อยกมือปาดเหงื่อ กระชับเม็ดเลือดในมือแน่น “ถ้าอย่างนั้น…เธอทิ้งเครื่องหมายบางอย่างไว้ในตัวฉันงั้นหรอ? แต่ถ้าหากเป็นแค่เครื่องหมาย ทำไมถึงได้ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนี้ได้ล่ะ?”

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลิงม่อคิดอย่างบ้าคลั่ง “น่ารำคาญชะมัด ก็แค่ใช้ท่านิ้วกลางพิฆาตกับเธอแค่ครั้งเดียว! จะให้เอาตัวเข้าแลกเพื่อชดใช้ความผิดฉันก็ยอมอยู่หรอกนะ แต่เรื่องอะไรทำไมจ้องแต่จะกินฉันให้ได้!”

“ช่างเถอะ…ลักษณะเด่นทางเผ่าพันธุ์แบบนั้น คิดไปก็ไร้ประโยชน์…ถึงแม้เธอจะเป็นร่างแม่ แต่หากต้องตั้งท้องเองคงจะต้องใช้พลังงานไม่น้อยแน่ๆ ดังนั้นสำหรับเธอ ฉันก็คือยาชูกำลังชิ้นแรกหลังจากที่เธอตั้งท้องทายาทรุ่นแรกสินะ…”

หากพูดถึงเรื่องที่ทำให้หลิงม่อรู้สึกรับมือได้ยากที่สุด ก็คงจะเป็นเรื่องของราชินีแมงมุม…

เดิมเธอเกิดจากการรวมร่างของมนุษย์และซอมบี้กลายร่างที่ถูกเร่งวิวัฒนาการด้วยน้ำมือมนุษย์ และเชื้อไวรัสในร่างกายก็เกิดขึ้นจากหลายสิ่งหลายอย่างมารวมกันจนยุ่งเหยิงไปหมด บวกกับความสามรถในการแพร่เชื้อและพลังฟื้นตัวอันยอดเยี่ยม พลังของเธอจึงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามกาดเวลา

ความจริง หากเธอไม่ใช่ว่าเธอมาหาเรื่องเอง หลิงม่อก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายไปตามหาเธอด้วยตัวเองแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะหมกมุ่นขนาดนี้…

…………

บนรถโดยสารที่พุ่งชนทะลุเข้าไปในกำแพง และอยู่ในสภาพเอียงกะเท่เร่คันหนึ่ง ทันใดนั้นเงาร่างเล็กกระจิดริดเงาหนึ่งพลันปรากฏตัว

เงาร่างนั้นยืนเอียงคออยู่ใต้เงาแสงจันทร์ ในมือยังหิ้วศพซอมบี้ตัวหนึ่งที่สภาพเหมือนกระสอบทรายหลังจากกระดูกสันหลังหักไว้

เมื่อมือของเธอค่อยๆ กำแน่นขึ้น ร่างกายของซอมบี้ตัวนั้นเริ่มฝ่อตัวช้าๆ…

หลายนาทีต่อมา ขณะที่เธอคลายมือ เสียงพูดตะกุกตะกักก็หลุดออกมาจากปากของเธอ

“ฉัน…ชื่อ…สเตลล่า?”

เธอเหม่อมองออกไปไกล แขนขาทั้งสี่แกว่งไหวไปมาราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิต “ฉันจำเขาได้…จำเขาได้…”

…………

“มาอีกแล้ว!”

หลิงม่อยกมือทาบอกอีกครั้ง สายตาเขาดูหนักอึ้งขึ้นมาทันที “ตกลงว่าเธอ…จะเอายังไงกันแน่?”

“คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ สถานการณ์ตอนนี้ จัดการเรื่องฐานทัพที่ 2 ให้เร็วที่สุดดีกว่า คน ซอมบี้…ไม่ว่าฝั่งไหนก็ช่างทำให้คนอื่นปวดหัวไม่หยุดเลยจริงๆ…”

…………

“มีเรื่องอะไร?”

ในฐานทัพที่ 2 เมื่อประตูห้องถูกปิดลงเบาๆ ภาพในห้องก็ค่อยๆ ปรากฏชัดต่อหน้าหลิงม่อ

ห้องนี้ไม่กว้าง ของประดับตกแต่งก็ไม่ถือว่ามาก มีเพียงภาพแปลนสนามบินสามมิติที่วาดด้วยมือบนกำแพงด้านหน้าเพียงภาพเดียว

พอมองเห็นภาพนั้น ม่านตาหลิงม่อก็หดตัวเล็กน้อย

“เมื่อก่อนถึงจะเคยอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจโครงสร้างของที่นี่เลยแฮะ…”

ทว่าเขาเพียงจ้องภาพนั้นอยู่สองวินาที จากนั้นก็เบนสายตาไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง

ผู้ถามคือเจ้าของแผ่นหลังที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ ดูจากรูปร่าง คนคนนี้ไม่ถือว่ากำยำ แต่เขานั่งอยู่ตรงนั้น กลับสามารถทำให้หลิงม่อรู้สึกถึงแรงกดดันได้รางๆ

“หนึ่งในตะปูงั้นหรอ? ก็ใช่ คนที่พักอยู่ในสถานที่อย่างนี้ได้ ไม่น่าจะเป็นตัวรับกระสุนไปได้”

หลิงม่อมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง ตะปูที่อยู่ในระดับหัวหน้าใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาจะแงะมันออกมาได้ไหม…

“น่ารำคาญจริง เป็นเพราะความเร็วในการกลายพันธุ์นี่แท้ๆ…ทำไมถึงได้กลายพันธุ์แต่ที่หัวอยู่ได้เนี่ย! ไม่ว่าจะกลายพันธุ์ส่วนหัวมากอีกแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ! ช่วยเอาแต่พอดีด้วยนะเจ้าเชื้อไวรัส อย่างน้อยก็ช่วยหันไปโฟกัสที่ร่างกายบ้างก็ได้…จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเพราะเลือดของราชินีแมงมุมแท้ๆ รู้อย่างนี้ยอมเจาะเลือดของตัวเองหน่อยก็ดี…”

เขาบ่นในใจ แต่ปากกลับตอบคำถามอย่างกำกวมยากจับใจความได้ “คืนนี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติ…”

ประโยคนี้พอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างของเขา กลับกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงขึ้นมาทันที…

“ประเด็นคือ จะพูดมากไม่ได้! หัวหน้าทีมเคยพูดคุยและพบเจอกับคนคนนี้มาไม่น้อย ถึงจะไม่ถูกเพ่งเล็ง แต่พอเวลาผ่านไป อีกฝ่ายจะต้องรับรู้ได้แน่นอน…” คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็วางฝ่ามือไว้ที่ท้อง

“ถ้าหากอีกฝ่ายรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ก็เล่นไม้เดิมอีกครั้งแล้วกัน…”

หัวหน้าใหญ่จ้องหนังสือในมือ แล้วถามโดยไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ “อ่าฮะ?”

บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง…

“หมอนี่ก็ใจเย็นเกินไปแล้วมั้ง!” หลิงม่ออดทนรออยู่ครู่หนึ่ง พลางกำหมัดแน่น

ถึงแม้ความจริงเขาแค่พูดไปมั่วๆ แต่เป้าหมายของหลิงม่อก็คือล้วงความลับบางอย่างจากปากของคนคนนี้…

แต่คิดไม่ถึง ว่าคนคนนี้กลับพูดน้อยยิ่งกว่าเขาเสียอีก!

“เป็นหัวหน้าใหญ่แล้วไงวะ! เป็นหัวหน้าใหญ่แล้วจะทำเป็นเข้มยังไงก็ได้หรอ! ช่วยไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่กลายพันธุ์ไป ทำได้เพียงลองหยั่งเชิงอีกครั้ง…”

ในใจคิดอย่างนั้น แต่ปากหลิงม่อกลับพึมพำต่อไปแล้วว่า “ท่าทางของเลขาหยาง…ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี”

มือของหัวหน้าใหญ่ที่กำลังพลิกหน้ากระดาษชะงักไป เขาช้อนตามองหลิงม่อแวบหนึ่ง เหมือนส่งสายตาเชิงถามมาให้เขา

คนคนนี้ดูเหมือนอายุประมาณสามสิบปี ผิวซีดขาวมาก เขาสวมแว่นตากรอบดำ เม้มริมฝีปากเบาๆ

ดูแต่รูปร่างหน้าตากับบุคลิก หัวหน้าใหญ่ท่านนี้ถือว่ามีราศีของคนชั้นสูงอยู่บ้างเล็กน้อย…

“แต่ถึงจะราศีจับอีกแค่ไหน นายก็เป็นแค่หัวหน้าทีมใหญ่อยู่ดี!”

หลิงม่อหงุดหงิด เพราะหลังจากที่อีกฝ่ายกวาดตาสำรวจเขาหนึ่งรอบ กลับนิ่งเงียบไปอีกครั้ง!

หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อย่าว่าแต่ล้วงความลับเลย ลำพังแค่ต้องแต่งเรื่องก็คงจะปวดสมองแย่แล้ว…

ทางฝั่งร่างจริงก็ยังเอาแต่เผลอคิดเรื่องราชินีแมงมุมอย่างไม่รู้ตัว การทำหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ช่างเป็นเรื่องยากจริงๆ!

“ต้องรอเขาถามอีกครั้งไหม?”

หลิงม่อลังเลเล็กน้อย

ภายใต้หมวกที่ไม่มีใครมองเห็น เจ้ามาสเตอร์บอลกำลังพยายามดูดเชื้อไวรัสออกจากส่วนศีรษะ และฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของร่างกายร่างนี้อย่างเต็มกำลัง…

“ฉันต้องการโอกาส โอกาสที่จะโจมตีศัตรูในนัดเดียว…”

หลิงม่อพูดอีกครั้งอย่างอดทน “ในสนามบิน ผมเจอร่องร่อยบางอย่าง…”

สามประโยคที่เขาพุดมาอาจดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน ทว่าแต่ละประโยคกลับชักนำเงื่อนงำบางอย่างออกมา บวกกับเขาเหลือบมองข้างหลังตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าใครก็ย่อมสัมผัสได้ว่าเขามีเรื่องที่พูดออกมาตรงๆ ไม่ได้!

“รีบเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปหาสิ! หรือพาฉันเข้าไปในห้องข้างในก็ได้! นายไม่มีความอยากรู้อยากเห็นกับเขาบ้างรึไงวะ!”

ภายใต้ภายนอกที่ดูสงบนิ่ง กลับดังก้องไปด้วยเสียงคำรามของหลิงม่อ…

“พั่บ!”

หัวหน้าใหญ่ปิดหนังสือในที่สุด แล้วถามเสียงเบาว่า “พวกนั้นตุกติกอีกแล้วงั้นหรอ?”

“หื้ม?” หลิงม่อชะงักไปครู่หนึ่ง…

“พวกนั้นนี่พวกไหนกัน? หรือคำพูดไร้สาระไม่กี่ประโยคของฉัน สามารถจุดประเด็นปัญหาสำคัญขึ้นมาได้? คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง…”

ปากของหลิงม่อกระตุกสั่นอย่างไม่รู้ตัว

“เรื่องนี้ มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเลขาหยางเถอะ” หัวหน้าใหญ่พูด พลางทำท่าจะเอนหลัง อ่านหนังสือต่ออีกครั้ง

“ไม่ปกติ!”

หลิงม่อกัดฟันครุ่นคิด

“เรื่องอะไรกันแน่? อีกอย่าง ท่าทางอย่างนี้ของเขาก็เป็นการส่งแขกอย่างเห็นได้ชัดแล้ว…ถ้ารู้ว่าคนระดับหัวหน้าจัดการยากอย่างนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงเปลี่ยนคนไปแล้ว…ไปหาคนทำงานจิปาถะก็ยังดี…”

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลิงม่อไม่อาจเสียเวลาต่อไปอีกแล้ว

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่เลขาหยาง วานให้ผมมาบอกอะไรบางอย่างกับคุณให้ได้”

หัวหน้าใหญ่ดันแว่นเล็กน้อย สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างเอือมๆ แล้วพยักพเยิดไปทางโซฟาที่อยู่ด้านข้าง บอกว่า “นั่งสิ”

สำเร็จ!

ขอแค่เข้าใกล้เขาได้ ก็มีโอกาสแล้ว!

เวลาในการลงมือ มีแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!

ต้องจัดการเขาให้อยู่หมัด ก่อนที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาให้ได้!

ถ้าไม่อย่างนั้น ร่างกายนี้คงใช้งานไม่ได้อีกแล้ว แล้วยังทำให้การรักษาความปลอดภัยของที่นี่รัดกุมกว่าเดิมอีกต่างหาก พอถึงตอนนั้นหากคิดจะทำอะไร ก็คงยากกว่าเดิมแล้วล่ะ

แต่ถ้าหากผลีผลามคิดหาวิธีควบคุมหัวหน้าใหญ่…เกรงว่าจะถูกจับได้น่ะสิ

พวกตะปูย่อมรู้จักตะปูด้วยกันเองมากกว่าพวกตัวรับกระสุนอยู่แล้ว…

ระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้ หลิงม่อได้ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ

ใช้ร่างกายที่ยังไม่กลายพันธุ์โดยสมบูรณ์ จัดการศัตรูที่อาจเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ…

เมื่อหลิงม่อเดินถึงด้านหน้าโซฟาตัวนั้น สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างของหัวหน้าใหญ่

กระพริบตาแล้ว!

ตอนนี้แหละ!

อาศัยการตอบสนองทางจิตอันรวดเร็ว หลิงม่อเล็งเห็นจังหวะนี้ได้อย่างแม่นยำ!

การกระพริบตาแต่ละครั้งของมนุษย์ใช้เวลาประมาณ 0.3 วินาที แล้วปฏิกิริยาตอบสนองทางกายสังขารของร่างกายนี้จะตามทันหรือไม่?!”

“เอาท่าหัวโหม่งไปกิน!”

ในเสี้ยววินาทีที่หัวหน้าใหญ่ลืมตาอีกครั้ง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็น คือเงาดำที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว…

ปากเขาอ้ากว้าง แต่สีหน้าจริงจังกลังยังคงค้างเติ่งอยู่บนใบหน้า…

“ไม่นะ!”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด