แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 919 ชายตะขอเหล็กผู้ไม่ชอบใช้ความรุนแรง

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 919 ชายตะขอเหล็กผู้ไม่ชอบใช้ความรุนแรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทันทีที่ชายตะขอเหล็กเผยอาวุธ สีหน้าเขาพลันเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย เขากวาดมองเข้าไปข้างในห้องอย่างเยือกเย็น ปากก็พึมพำเสียงเบา “ถึงจะไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน แต่ในเมื่อรู้จักใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม ก็แสดงว่าแกจะต้องมีสติปัญญาในระดับหนึ่งสินะ? ดังนั้น สิ่งที่ฉันกำลังพูดในตอนนี้ แกก็น่าจะเข้าใจ”

เขากระโดดลงไปยืนบนพื้นระเบียง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องช้าๆ “ออกมาเถอะ ไม่แน่ฉันอาจไม่ฆ่าแกก็ได้นะ บอกตามตรง ถ้าหากไม่จำเป็นต้องลงมือ ฉันก็ไม่อยากใช้ความรุนแรงหรอกนะ”

พูดไป ตะขอเหล็กในมือเขาก็แกว่งไหวไปมาเบาๆ ตามการเคลื่อนไหวของร่างกายเขา รอยเลือดที่ติดอยู่บนนั้นก็ดูเหมือนจะไหลเวียนตามไปด้วย

ชั้นสองเป็นร้านอาหารร้านหนึ่ง ซึ่งตกแต่งสไตล์โบราณ แต่หลังถูกปล่อยร้างมาหนึ่งปี ที่นี่กลับกลายเป็นสวนสนุกของเหล่าจอมปลวกมากมาย ทั้งบนผนัง บนเสา กระทั่งบนเก้าอี้ ล้วนมีร่องรอยของการถูกกัดแทะให้เห็นอยู่ทุกที่ เมื่อก้าวเดินไปบนพื้นกระดานเสียง “เอี๊ยดอ๊าดๆๆ” ก็ดังอย่างต่อเนื่อง ราวกับสามารถถล่มลงไปได้ทุกเมื่อ

แต่ชายตะขอเหล็กกลับไม่ได้สนใจพื้นกระดานเลยแม้แต่น้อย เสียงของพื้นกระดานถูกย่ำดังสะท้อนไปทั่วทั้งชั้นอาคาร แต่นับจากที่เขาก้าวเข้ามาในชั้นนี้ เขาได้ยินเพียงเสียงเดินที่เกิดจากตัวเองเท่านั้น

ทั่วทั้งชั้นสอง เหมือนมีเขาอยู่เพียงคนเดียว

แต่ชายตะขอเหล็กกลับเยื้องย่างราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว พลางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ฉันรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ และถ้าแกขยับเมื่อไหร่ ฉันก็จะรู้ตำแหน่งของแกทันที” ฝีเท้าอันแช่มช้าของเขาก้าวไปพร้อมกับเสียงพื้นกระดานถูกย่ำดังเอี๊ยดอ๊าดเสียดแทงหู ราวกับทำให้บรรยากาศรอบข้างอึดอัดขึ้นหลายส่วน “แต่พวกเราอย่าเสียเวลากันดีกว่านะ แกเลือกที่จะเดินออกมาเองก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น แกจะมีโอกาสรอดสูงกว่า บางที ฉันอาจกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของแกก็ได้”

ระหว่างพูด ชายตะขอเหล็กได้เดินมาถึงจุดกึ่งกลางของร้านอาหาร

เขาจ้องมองข้างหน้า และกวาดตามองจากด้านขวาไปจนถึงด้านซ้าย แต่ในตอนนั้นเอง ม่านตาเขาพลันหดตัว มือข้างหนึ่งเหวี่ยงไปทางข้างหลังด้านบนทันที

“เคร้ง!”

เสียงราวกับโลหะกระทบกันดังขึ้นทันใด บนพื้นมีเศษขี้เลื่อยร่วงกราวลงมามากมาย ไม่เพียงเท่านี้ เก้าอี้และโต๊ะที่อยู่รอบๆ พลันสะเทือนตามไปด้วยเล็กน้อย เหมือนเกิดแผ่นดินไหวขึ้นชั่วขณะ

ด้านหลังชายตะขอเหล็ก พลันปรากฏเงาร่างขนาดใหญ่เงาหนึ่งขึ้นอย่างเงียบเชียบ…

ดวงตาทั้งสองข้างของเสี่ยวป๋ายแดงสนิท กรงเล็บข้างหนึ่งกำลังกดลงมาบนตะขอเหล็กข้างนั้น

ดวงตาหมีแพนด้าของมันฉายแววตาดุร้ายแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันมันได้เพิ่มพลังที่อุ้งเท้าปุกปุยข้างนั้นทันใด

“ขลุกขลักๆๆ…”

พื้นกระดานใต้เท้าของชายตะขอเหล็กส่งเสียงครวญคราง เขางอเข่าเล็กน้อย แต่ปากกลับหัวเราะเย็นชา “ฉลาดมากอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด…ฉันเข้าใจแล้ว แกเคลื่อนไหวไปตามรอยเท้าเท้าของฉัน ใช่ไหมล่ะ? สามารถเข้าใกล้ฉันด้วยการเหยียบรอยเท้าของฉัน สติปัญญาระดับนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ในสัตว์เดรัจฉานหรอกนะ แต่ว่า…เทียบกับสติปัญญาของแกแล้ว สิ่งที่ฉันสงสัยยิ่งกว่า คือเจ้านายของแกฝึกแกมายังไง?”

พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ เขาก็แค่นเสียงขึ้นจมูก พลันเหยียดร่างกายตรงทันใด

“แบ๊…”

เสี่ยวป๋ายเองก็คำรามเสียงต่ำด้วย ดวงตาสองข้างหรี่เล็กลง จากนั้นก็สูดลมหายใจลึกๆ

เมื่ออากาศกลุ่มนี้ไหลเข้าร่างกายไป ร่างกายของเสี่ยวป๋ายพลันพองตัวขึ้นช้าๆ ขณะเดียวกันพื้นกระดานใต้เท้าของมันก็ค่อยๆ แตกร้าว เมื่อขนาดร่างกายของเสี่ยวป๋ายเปลี่ยนแปลงไป พละกำลังของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไปด้วย

ชายตะขอเหล็กที่หันหลังให้เสี่ยวป๋ายรู้สึกเพียงว่าแสงสว่างที่ส่องมาจากด้านหลังมืดลงเรื่อยๆ แขนของเขาเริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่ พร้อมกับที่ตะขอเหล็กถูกกดลงต่ำเรื่อยๆ

ในเวลาอย่างนี้ มีเพียงต้องดวลพละกำลังกันเท่านั้น ไม่ว่าฝ่ายไหนหากคิดจะทำอะไรอย่างอื่น อาจถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสในเสี้ยววินาทีที่คิดลงมือก็เป็นได้ แม้แต่เสี่ยวป๋ายเองก็เป็นอย่างนี้ มันอาศัยขาหลังในการยันร่างตัวเองไว้ รงเล็บซ้ายก็ขยุ้มพื้นไว้แน่น มีเพียงกรงเล็บขวาเท่านั้นที่กดชายตะขอเหล็กไว้อย่างไม่ยอมแพ้

“แคร่ก!”

พื้นกระดานยุบลงไปอีกครั้ง สีหน้าของชายตะขอเหล็กพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด

“เดิมทีการที่วิวัฒนาการได้ถึงขั้นนี้…สามารถอยู่รอดในเมืองมาได้จนถึงตอนนี้ แถมยังไม่ถูกซอมบี้ระดับสูงไล่ล่าอีก ดูเหมือนคงจะเกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่อยู่กับแกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ? น่าสนใจ ความจริงของที่ฉันอยากได้ ก็ไม่ต่างจากแกเท่าไหร่หรอกนะ…พอเห็นแก ก็ยิ่งทำให้ฉันตั้งตารอคอยกับสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมากกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ฉัน แต่ยังมีกลุ่มของพวกฉันด้วย…เรื่องนี้ สำคัญพอๆ กับการมีชีวิตรอดอยู่ของพวกเราเลยล่ะ ดังนั้น…”

ใบหน้าของชายตะขอเหล็กค่อยๆ แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนี้ ตะขอเหล็กในมือเขาถูกกดต่ำลงจนมาถึงหัวของเขา กระทั่งใกล้จะแทงเข้าไปในหัวของเขาแล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แขนของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

“เปรี๊ยะๆๆ…”

กล้ามเนื้อที่ปูดโปนขึ้นมาทำให้แขนเสื้อรัดแน่นทันใด แต่ที่น่าทึ่งที่สุด กลับเป็นการเปลี่ยนแปลงของมือข้างนั้น

นิ้วมือที่เดิมทีดูผอมแห้งพลันพองขึ้นราวกับถูกฉีดเลือดเข้าไปจำนวนมาก เส้นเลือดบนมือเขาพลันนูนขึ้นมา เส้นเลือดสีแดงม่วงเหล่านั้นดูเหมือนไส้เดือน ที่มุดอยู่ใต้ผิวหนังตรงหลังมือของเขาขึ้นไปยังข้างบน

“ฮู่ว…ฮู่ว…”

ชายตะขอเหล็กหอบหายใจแรง ราวกับว่ามีไอร้อนแผ่ออกมาจากแขนของเขาอย่างต่อเนื่อง

“เอี๊ยดด…”

ตะขอเหล็กข้างนั้นกระตุกเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ยกขึ้นสูง…

“แบ๊!”

ขาหลังของเสี่ยวป๋ายไถลไปข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่นาน มันก็ได้กางกรงเล็บแหลมๆ ออกมาจากเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นก็จิกลึกเข้าไปในพื้นกระดาน

“ถึงแม้จะเป็นสัตว์กลายพันธุ์…” กล้ามเนื้อบนไหล่และแผ่นหลังของชายตะขอเหล็กพลันนูนขึ้น มองแวบแรกดูน่ากลัวเหมือนมีซาลาเปาลูกใหญ่ปูดขึ้นมา กล้ามเนื้อส่วนลำคอครึ่งหนึ่งลามไปถึงใบหน้าครึ่งซีกของเขาก็นูนขึ้น และก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเช่นกัน รูปร่างหน้าที่เดิมยังดูเย็นชาน่าเกรงขาม เวลานี้กลับกลายเป็นน่ากลัวไร้ที่เปรียบ ตาข้างขวาของเขาถูกเบียดจนหยี เมื่อกระพริบตาเปิดและปิดกลับมีแสงสีแดงสะท้อนออกมาจางๆ …

“ไสหัวออกไป!”

ทันใดนั้น ร่างกายท่อนบนของชายตะขอเหล็กพลันเงื้อไปข้างหลัง การทำอย่างนั้นทำให้เสี่ยวป๋ายเสียหลัก กรงเล็บที่เดิมกดตะขอข้างนั้นไว้พลันวืดไปชกเข้าที่ท้องของชายตะขอเหล็ก

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เขากลับพลิกตัวไปด้านข้างทันใด ตะขอเหล็กในมือพลันเหวี่ยงไปที่ลำคอของเสี่ยวป๋าย

เสี่ยวป๋ายรีบยกอุ้งเท้าขึ้นและกระโดดถอยหลัง จึงหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างว่องไว แต่ในขณะที่อุ้งเท้าหน้าของมันเพิ่งจะสัมผัสพื้น เงาร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้ามันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า…

กล้ามเนื้อส่วนขาข้างขวาของชายตะขอเหล็กนูนขึ้น ร่างกายซีกขวาของเขาได้กลายสภาพไปเป็นอีกแบบอย่างที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง…

“บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าบังคับให้ฉันต้องใช้ความรุนแรง”

ดวงตาสีแดงข้างนั้นจ้องมาที่เสี่ยวป๋าย ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงตะขอเหล็กไปยังหัวของเสี่ยวป๋ายทันทีอย่างไม่ลังเล…

“น่าเสียดาย ยังไงก็เป็นถึงสัตว์ประจำชาติ…”

—————————————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด