แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 962 คนไม่เอาถ่านก็มีเคล็ดลับในการสู้ของตัวเองเหมือนกัน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 962 คนไม่เอาถ่านก็มีเคล็ดลับในการสู้ของตัวเองเหมือนกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะเดียวกันนั้น นอกตึกใหญ่

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

เจ้าลิงผอมแนบหลังชิดผนังด้วยสีหน้าตื่นกลัว เขาชะโงกหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง

ตรงปากซอยที่อยู่ไม่ไกลออกไป ซอมบี้สองตัวกำลังเดินโงนเงนไปมาอย่างไร้สติสัมปชัญญะ ถึงแม้อยู่ในภาวะ “จำศีล” แต่ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงเบิกตาสีแดงเลือดกว้าง แหงนคอไปข้างหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว มือซ้ายของซอมบี้ตัวหนึ่งในนั้นพลิกออกด้านนอก บนแขนข้างนั้นของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด เล็บที่โค้งงอราวตะขอเหมือนกำลังสะท้อนแสงอันเยือกเย็นน่าขนลุกภายใต้แสงอาทิตย์ ส่วนอีกตัวกำลังเดินลากส้นสูงพังๆ ไปมา ทุกครั้งที่เดินราวกับจะล้มลงไป ขณะเดียวกันก็มีเสียง “ต๊อกแต๊ก” ดังขึ้นด้วย

“จะบ้าตายๆ…”

เจ้าลิงผอมรีบหดหัวกลับเข้ามา แล้วพิงหัวลงบนพนังด้วยสีหน้าซีดเผือด

ไม่คิดเลยว่าจะเจอซอมบี้…โชคร้ายอะไรอย่างนี้เนี่ย!

ถึงแม้ซอมบี้จะวนเวียนอยู่แถวๆ นี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วยเล่า!

“ทำไงดี!” เขาหอบหายใจแรง จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบปืน แต่ในขณะเดียวกัน มือที่ถือปืนของเขากลับสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ลูกกระเดือกของเขาเกลือกกลิ้งขึ้นลงไม่หยุด “จะทำไงดี…ถ้ายิงไม่โดนจะทำไงดี? ถึงจะยิงโดน ศพของมันจะไม่ล่อซอมบี้ตัวอื่นเข้ามาหรอ? ปากซอยนั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนมากด้วยสิ!”

เดินอ้อม?

“ไม่ได้ จะไม่ทันเอา พวกหัวหน้ายังรอเรากลับไปจัดการตามแผนอยู่ข้างล่างนั่นอยู่เลย…” เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย เขามองปืนในมือ “แต่ว่า…ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียว…แถมพลังของฉันก็ไม่ใช่พลังประเภทต่อสู้ด้วย!”

เจ้าลิงผอมรู้ว่าตัวเองขี้ขลาด และรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง…ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่หลิงม่อที่เลือกเขาออกมาจากกองกำลัง Fป่านนี้เขาก็ยังคงถูกคนดูแคลนอยู่ แต่เทียบกับต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง บางทีการยอมดูคนอื่นดูแคลนอาจง่ายกว่า…

“โว้ยย!”

อยู่ๆ เขาก็โขกหัวกับกำแพงแรงๆ แล้วพลันกระชับปืนในมือแน่น

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ไม่เคยกลับไปดูบ้านตัวเองเลยซักครั้ง…ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเขากลัว กลัวซอมบี้ที่นั่น กลัวทางเดินแคบๆ พวกนั้นและประตูห้องที่อาจเปิดออกทุกเมื่อ…

ทันทีที่วิ่งหนีออกมา เขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองอีกเลย…

“ถ้าหากวันนี้หนีอีกครั้ง คงไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว…” เจ้าลิงผอมรู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ

ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องตาย…เขาขาดความกล้าในการกระโจนออกไปต่อสู้กับซอมบี้ แต่ที่มากกว่านั้น เขาไม่มีปัญญาใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองแห่งนี้

“อีกอย่าง ถึงแม้จะมีชีวิตรอดจนไปเจอกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหม่ ฉันก็จะกลายเป็นคนที่ถูกคนอื่นรังแกอีกครั้ง” เจ้าลิงผอมตัวสั่นงันงก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโกรธมากกว่า หรือกลัวมากกว่ากันแน่ แต่คิดดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า…ถึงแม้เข้าร่วมทีมปาฏิหาริย์แล้ว เขาก็ยังไม่กล้ายืดอกเผชิญหน้ากับคนที่เคยล้อเลียนและดูถูกเขาอยู่ดี กระทั่งแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายหลีกทางให้เงียบๆ เขาก็ยังรู้สึกลนลาน…ที่เขาว่า คนไม่เอาถ่าน คงหมายถึงคนแบบนี้สินะ…

“ใช่แล้ว ฉันมันคนไม่เอาถ่าน แต่ว่า…” เจ้าลิงผอมกัดฟันกรอด จากนั้นก็ยกปากปืนขึ้นอย่างสั่นๆ และชะโงกหน้าออกไปแอบมองอีกครั้ง

ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เจ้าลิงผอมยื่นมืออีกข้างขึ้นปลดกระดุมออกเม็ดหนึ่งอย่างเงียบงัน เมื่อปากปืนเล็งไปยังซอมบี้รองเท้าสนสูง หน้าผากเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ฝ่ามือก็ติดหนึบเข้ากับกระบอกปืนไปแล้ว ปากปืนที่ใส่อุปกรณ์เก็บเสียงไว้เล็งไปยังแผ่นหลังของซอมบี้ตัวนั้นจากที่ไกลๆ และสั่นเทาไปตามการเคลื่อนไหวของซอมบี้ตัวนั้น

“ทำได้สิ…ฉันฝึกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว…ต้องยิงโดนแน่นอน!” เจ้าลิงผอมตื่นตระหนก ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว แต่ถ้าล้มเหลว กลับไม่ได้มีแค่เขาที่ต้องตาย พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความรู้สึกไม่เอาถ่านของเจ้าลิงผอมก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ถึงแม้ในใจเขาจะยังร่ำร้องให้ยอมแพ้ แต่มือของเขากลับยังคงยกค้างไว้ไม่ลดลง

“อึก…”

เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย จากนั้นก็สูดหายใจเร็วๆ ติดกันสองรอบ เขาใช้นิ้วมือเหนอะหนะของตัวเองลูบกระดุมเม็ดนั้น จากนั้นก็ขว้างออกไป ในเสี้ยววินาทีที่กระดุมหลุดออกจากมือ ราวกับว่าสมองเขาได้ขาวโพลนตามไปด้วย…

จะลุยแล้ว!

“ติ๊ง…”

เมื่อเสียงกระดุมกระทบพื้นดังมา ซอมบี้สองตัวนั้นก็แทบจะชะงักไปทันใด

และในเสี้ยววินาทีนั้น เจ้าลิงผอมก็ลั่นไกออกไปโดยอัตโนมัติ

ประกายไฟสว่างสาบ กระสุนพุ่งยิงไปที่ซอมบี้รองเท้าส้นสูงอย่างแม่นยำ แต่ในตอนนั้น ซอมบี้อีกตัวได้หันหน้ามาแล้ว และมองเห็นเขาตั้งแต่แวบแรก

“กร๊อบ…” คอของซอมบี้ตัวนั้นหมุนกลับเข้าตำแหน่งเดิม สายตาที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายและกระหายเลือดสุดๆ…มันตื่นแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เพื่อนของมันล้มลงไป มันก็ได้สาวเท้าวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็วแล้ว

ยี่สิบเมตร…เหลืออีกแค่ไม่ถึงยี่สิบเมตรเท่านั้น!

สำหรับซอมบี้ ระยะทางเท่านี้เพียงพริบตาเดียวก็ถึง!

การลั่นไกนัดที่สอง เท่ากับเป็นการตัดสินชะตากรรมชีวิตของเจ้าลิงผอม!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าลิงผอมเห็นซอมบี้วิ่งเข้าใส่ตัวเองอย่างนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถืออาวุธยืนอยู่กับที่ และไม่หันหน้าวิ่งหนี…

“กรรร!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ปากที่เต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้ตัวนั้นพลันอ้ากว้างอยู่ตรงหน้าเขา มันพลิกฝ่ามือของตัวเองกลับมาแล้วตะปบไปที่ศีรษะของเขาดัง “วูบ” ขณะเดียวกันกลิ่นเหม็นเน่าก็โชยตามมาด้วย

“ฟุ่บ!”

ซอมบี้ตัวนั้นเบิกตากว้าง ไม่นานกลางหน้าผากก็มีรูแผลโผล่ขึ้นมารูหนึ่ง เจ้าลิงผอมที่เห็นภาพนั้นอึ้งค้างไปทันที

เขม่าควันยังคงลอยคลุ้งออกจากปากปืน ซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าล้ม “พลั่ก” ลงกับพื้น

ผ่านไปหนึ่งวินาที เจ้าลิงผอมที่กลั้นหายใจตั้งแต่เมื่อกี้พลันได้สติกลับคืนมา เขากระชับปืนแล้วมองศพที่นอนล้มอยู่บนพื้นอย่างหวาดกลัว จากนั้นขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงตามไปด้วย

“ฆะ…ฆ่าแล้ว…ทำได้แล้ว ฉันฆ่าซอมบี้สองตัว…ด้วยตัวคนเดียว…”

สำหรับคนธรรมดา เกรงว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ว่าใครก็คงทำได้…

แต่เสียงลูกกระสุนที่ออกจากลำกล้อง เสียงเจาะทะลุเนื้อหนัง รวมถึงเสียงที่ซอมบี้ล้มลงไป กระทั่งเสียงหายใจและหัวใจเต้นของตัวเอง…เสียงเหล่านี้ล้วนดังชัดเจนขึ้นหลายเท่า และเสียดแทงเข้าไปในประสาทหูของเขา เขากลัวตาย และกลัวการ “ได้ยิน” ขั้นตอนการตายเหล่านี้อย่างชัดเจน…

เจ้าลิงผอมยันกำแพงอ้วกลมสองสามที จากนั้นก็ยกมือปาดเหงื่อมองไปที่ปากซอย “ต้องรีบไปแล้ว…” เขาคิด พลางหยัดตัวยืนตรง และเดินโซเซอ้อมศพของซอมบี้เข้าไปในซอยเส้นนั้น…

ภาพที่เกิดทั้งหมดนี้ ไม่มีใครเห็นเลย…

ในท่อน้ำทิ้ง หลิงม่อกับสวี่ซูหานยังคงวิ่งไล่ตามเสียง “เผละๆ” อย่างเร่งรีบ

เสียงนั้นเหมือนรักษาความถี่ไว้ในระดับเดิมตลอด หรือพูดอีกอย่างก็คือ ระยะห่างระหว่างมันกับพวกหลิงม่อไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยแม้แต่น้อย

พอพวกเขาเร็ว มันก็เร็ว…หลายครั้งผ่านไป ในที่สุดหลิงม่อก็เดือดดาล “เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นรู้ว่าพวกเราอยู่ข้างหลัง!”

“แต่มันรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ในนี้?” สวี่ซูหานถามเสียงเบา

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…บางทีมันอาจมีวิธีอื่น? อยู่ในนี้ทั้งสายตา การดมกลิ่น และพลังสัมผัสรู้ล้วนถูกจำกัด แต่ว่า…ใช่แล้ว การฟัง!” หลิงม่อพลันนึกถึงเจ้าลิงผอมขึ้นมา ถ้าหากสัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนเจ้าลิงผอม ที่มีความสามารถในการได้ยินที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ ถ้าอย่างนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร มันก็จะสามารถแยกแยะเสียงลมหายใจ กระทั่งเสียงหัวใจเต้นของพวกเขาสองคนออกจากเสียงเบาๆ พวกนั้นได้…

“แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็ต้องไม่ใช่มนุษย์ตะขาบแน่นอน…” หลิงม่อพึมพำพร้อมขมวดคิ้ว ศีรษะของมนุษย์ตะขาบเป็นเพียงส่วนประกอบไร้หน้าที่เท่านั้น ในเมื่อแม้ว่าหัวขาดไปแล้วมันก็ยังเคลื่อนไหวได้ ก็แสดงว่าประสาทสัมผัสสำคัญของพวกมันต้องไม่ใช่การได้ยินแน่นอน หากอวัยวะที่ไม่สำคัญถูกวิวัฒนาการจนร้ายกาจเทียบเท่ากับพลังพิเศษ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว!

“มนุษย์ตะขาบอะไรกัน?” สวี่ซูหานกลับได้ยินอย่างชัดเจน จึงอดถามขึ้นไม่ได้

พอเห็นหลิงม่อชะงัก เธอก็รีบส่ายหน้า “ถือว่าฉันไม่ได้ถามละกัน”

“เปล่า ฉัน…”

หลิงม่อหมายจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินสวี่ซูหานพูดขึ้นก่อนว่า “นายรู้สึกไหมว่าเสียงนี้มันเบาลงน่ะ?”

“เบาลง?” บอกตามตรง เขามัวแต่สนใจเรื่องระยะห่างใกล้ไกลมาโดยตลอด…แต่พอสวี่ซูหานพูดขึ้นมาอย่างนี้ เขาก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที เสียง “เผละๆ” ที่ยังดังฟังชัดเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียง “ตึงๆ” อันแผ่วเบา…

“เดี๋ยวก่อน! เสียงนี้มัน…” หลิงม่อชะลอฝีเท้าตั้งใจฟังเสียงนั้นอย่างละเอียด แล้วอยู่ๆ ก็เบิกตากว้าง “นี่มัน ‘เสียงร้องขอความช่วยเหลือ’ ที่อวี่เหวินซวนกับเจ้าลิงผอมได้ยินไม่ใช่หรอ?!” ที่สำคัญมันเป็นเสียงเดียวกับที่หุ่นซอมบี้และซย่าน่าเคยได้ยินด้วย เสียงที่เหมือนกับกำลงเคาะท่อน้ำนี่…

ที่แท้มันก็ไม่ใช่เสียงเคาะท่อ! แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นขณะที่สัตว์ประหลาดประเภทนั้นเคลื่อนไหว…

“แต่ว่า…ทำไมเสียงถึงเปลี่ยนไปล่ะ?” สวี่ซูหานขมวดคิ้วถาม เมื่อเสียงเปลี่ยนไป เธอก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกว่าเดิม ไม่รู้ทำไม เธอมักรู้สึกว่าข้างหน้านี้ เหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องพวกเธอ และกำลังกวักมือเรียกพวกเขาให้เข้าไปหาอย่างช้าๆ…

ความรู้สึกนี้ประหลาดมาก กระทั่งทำให้เธอรู้สึก…

“ไม่ได้การ! ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นอวี่เหวินซวนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว! มันมาอยู่ที่นี่ แล้วอวี่เหวินซวนถูกมันล่อไปที่ไหนแล้ว?” หลิงม่อพูดขึ้น แล้วอยู่ๆ ก็เร่งฝีเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ซูหานชะงัก ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นหมัดที่กำแน่นของหลิงม่อ…พอนึกถึงสีหน้าของเขาเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง สวี่ซูหานก็โยนลางสังหรณ์นั้นทิ้งไป จากนั้นก็เร่งความเร็ววิ่งตามไปทันที…

“ที่ดูใจเย็นมาตลอด ที่แท้ก็แสร้งทำตามคาด…” สวี่ซูหานอดคิดไม่ได้

พอกลายเป็นซอมบี้แล้วต้องมาคิดเรื่องพวกนี้อีกครั้ง ความรู้สึกต่างไปจากตอนเป็นมนุษย์มากทีเดียว แต่เพราะความรู้สึก “มองดูอยู่เงียบๆ” อย่างนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเข้าใจหลิงม่อขึ้นมาบ้างแล้ว…

“มันไม่ได้แค่ล่อพวกเราเข้าไป” อยู่ๆ หลิงม่อก็พูดเสียงเย็นชาขึ้นมา

“หา?”

“มันทำเพื่อล่อพวกเราออกมาด้วย อวี่เหวินซวนต้องยังอยู่ในนี้แน่ๆ ที่มันทำอย่างนี้ เพื่อแยกพวกเราออกจากกัน” หลิงม่อบอก

น้ำเสียงของเขาราวกับกลับมาใจเย็นลงอีกครั้ง แม้แต่สีหน้าก็ยังกลับมาเป็นปกติแล้ว

สวี่ซูหานมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า “อื้ม…”

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปจับมือหลิงม่อไว้ “หยุดกำหมัดได้แล้ว…”

“ยะ…อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันแค่จะพาเธอวิ่งให้เร็วขึ้นหน่อย”

———————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 962 คนไม่เอาถ่านก็มีเคล็ดลับในการสู้ของตัวเองเหมือนกัน

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 962 คนไม่เอาถ่านก็มีเคล็ดลับในการสู้ของตัวเองเหมือนกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะเดียวกันนั้น นอกตึกใหญ่

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

เจ้าลิงผอมแนบหลังชิดผนังด้วยสีหน้าตื่นกลัว เขาชะโงกหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง

ตรงปากซอยที่อยู่ไม่ไกลออกไป ซอมบี้สองตัวกำลังเดินโงนเงนไปมาอย่างไร้สติสัมปชัญญะ ถึงแม้อยู่ในภาวะ “จำศีล” แต่ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงเบิกตาสีแดงเลือดกว้าง แหงนคอไปข้างหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว มือซ้ายของซอมบี้ตัวหนึ่งในนั้นพลิกออกด้านนอก บนแขนข้างนั้นของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด เล็บที่โค้งงอราวตะขอเหมือนกำลังสะท้อนแสงอันเยือกเย็นน่าขนลุกภายใต้แสงอาทิตย์ ส่วนอีกตัวกำลังเดินลากส้นสูงพังๆ ไปมา ทุกครั้งที่เดินราวกับจะล้มลงไป ขณะเดียวกันก็มีเสียง “ต๊อกแต๊ก” ดังขึ้นด้วย

“จะบ้าตายๆ…”

เจ้าลิงผอมรีบหดหัวกลับเข้ามา แล้วพิงหัวลงบนพนังด้วยสีหน้าซีดเผือด

ไม่คิดเลยว่าจะเจอซอมบี้…โชคร้ายอะไรอย่างนี้เนี่ย!

ถึงแม้ซอมบี้จะวนเวียนอยู่แถวๆ นี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วยเล่า!

“ทำไงดี!” เขาหอบหายใจแรง จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบปืน แต่ในขณะเดียวกัน มือที่ถือปืนของเขากลับสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ลูกกระเดือกของเขาเกลือกกลิ้งขึ้นลงไม่หยุด “จะทำไงดี…ถ้ายิงไม่โดนจะทำไงดี? ถึงจะยิงโดน ศพของมันจะไม่ล่อซอมบี้ตัวอื่นเข้ามาหรอ? ปากซอยนั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนมากด้วยสิ!”

เดินอ้อม?

“ไม่ได้ จะไม่ทันเอา พวกหัวหน้ายังรอเรากลับไปจัดการตามแผนอยู่ข้างล่างนั่นอยู่เลย…” เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย เขามองปืนในมือ “แต่ว่า…ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียว…แถมพลังของฉันก็ไม่ใช่พลังประเภทต่อสู้ด้วย!”

เจ้าลิงผอมรู้ว่าตัวเองขี้ขลาด และรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง…ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่หลิงม่อที่เลือกเขาออกมาจากกองกำลัง Fป่านนี้เขาก็ยังคงถูกคนดูแคลนอยู่ แต่เทียบกับต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง บางทีการยอมดูคนอื่นดูแคลนอาจง่ายกว่า…

“โว้ยย!”

อยู่ๆ เขาก็โขกหัวกับกำแพงแรงๆ แล้วพลันกระชับปืนในมือแน่น

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ไม่เคยกลับไปดูบ้านตัวเองเลยซักครั้ง…ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเขากลัว กลัวซอมบี้ที่นั่น กลัวทางเดินแคบๆ พวกนั้นและประตูห้องที่อาจเปิดออกทุกเมื่อ…

ทันทีที่วิ่งหนีออกมา เขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองอีกเลย…

“ถ้าหากวันนี้หนีอีกครั้ง คงไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว…” เจ้าลิงผอมรู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ

ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องตาย…เขาขาดความกล้าในการกระโจนออกไปต่อสู้กับซอมบี้ แต่ที่มากกว่านั้น เขาไม่มีปัญญาใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองแห่งนี้

“อีกอย่าง ถึงแม้จะมีชีวิตรอดจนไปเจอกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหม่ ฉันก็จะกลายเป็นคนที่ถูกคนอื่นรังแกอีกครั้ง” เจ้าลิงผอมตัวสั่นงันงก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโกรธมากกว่า หรือกลัวมากกว่ากันแน่ แต่คิดดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า…ถึงแม้เข้าร่วมทีมปาฏิหาริย์แล้ว เขาก็ยังไม่กล้ายืดอกเผชิญหน้ากับคนที่เคยล้อเลียนและดูถูกเขาอยู่ดี กระทั่งแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายหลีกทางให้เงียบๆ เขาก็ยังรู้สึกลนลาน…ที่เขาว่า คนไม่เอาถ่าน คงหมายถึงคนแบบนี้สินะ…

“ใช่แล้ว ฉันมันคนไม่เอาถ่าน แต่ว่า…” เจ้าลิงผอมกัดฟันกรอด จากนั้นก็ยกปากปืนขึ้นอย่างสั่นๆ และชะโงกหน้าออกไปแอบมองอีกครั้ง

ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เจ้าลิงผอมยื่นมืออีกข้างขึ้นปลดกระดุมออกเม็ดหนึ่งอย่างเงียบงัน เมื่อปากปืนเล็งไปยังซอมบี้รองเท้าสนสูง หน้าผากเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ฝ่ามือก็ติดหนึบเข้ากับกระบอกปืนไปแล้ว ปากปืนที่ใส่อุปกรณ์เก็บเสียงไว้เล็งไปยังแผ่นหลังของซอมบี้ตัวนั้นจากที่ไกลๆ และสั่นเทาไปตามการเคลื่อนไหวของซอมบี้ตัวนั้น

“ทำได้สิ…ฉันฝึกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว…ต้องยิงโดนแน่นอน!” เจ้าลิงผอมตื่นตระหนก ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว แต่ถ้าล้มเหลว กลับไม่ได้มีแค่เขาที่ต้องตาย พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความรู้สึกไม่เอาถ่านของเจ้าลิงผอมก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ถึงแม้ในใจเขาจะยังร่ำร้องให้ยอมแพ้ แต่มือของเขากลับยังคงยกค้างไว้ไม่ลดลง

“อึก…”

เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย จากนั้นก็สูดหายใจเร็วๆ ติดกันสองรอบ เขาใช้นิ้วมือเหนอะหนะของตัวเองลูบกระดุมเม็ดนั้น จากนั้นก็ขว้างออกไป ในเสี้ยววินาทีที่กระดุมหลุดออกจากมือ ราวกับว่าสมองเขาได้ขาวโพลนตามไปด้วย…

จะลุยแล้ว!

“ติ๊ง…”

เมื่อเสียงกระดุมกระทบพื้นดังมา ซอมบี้สองตัวนั้นก็แทบจะชะงักไปทันใด

และในเสี้ยววินาทีนั้น เจ้าลิงผอมก็ลั่นไกออกไปโดยอัตโนมัติ

ประกายไฟสว่างสาบ กระสุนพุ่งยิงไปที่ซอมบี้รองเท้าส้นสูงอย่างแม่นยำ แต่ในตอนนั้น ซอมบี้อีกตัวได้หันหน้ามาแล้ว และมองเห็นเขาตั้งแต่แวบแรก

“กร๊อบ…” คอของซอมบี้ตัวนั้นหมุนกลับเข้าตำแหน่งเดิม สายตาที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายและกระหายเลือดสุดๆ…มันตื่นแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เพื่อนของมันล้มลงไป มันก็ได้สาวเท้าวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็วแล้ว

ยี่สิบเมตร…เหลืออีกแค่ไม่ถึงยี่สิบเมตรเท่านั้น!

สำหรับซอมบี้ ระยะทางเท่านี้เพียงพริบตาเดียวก็ถึง!

การลั่นไกนัดที่สอง เท่ากับเป็นการตัดสินชะตากรรมชีวิตของเจ้าลิงผอม!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าลิงผอมเห็นซอมบี้วิ่งเข้าใส่ตัวเองอย่างนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถืออาวุธยืนอยู่กับที่ และไม่หันหน้าวิ่งหนี…

“กรรร!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ปากที่เต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้ตัวนั้นพลันอ้ากว้างอยู่ตรงหน้าเขา มันพลิกฝ่ามือของตัวเองกลับมาแล้วตะปบไปที่ศีรษะของเขาดัง “วูบ” ขณะเดียวกันกลิ่นเหม็นเน่าก็โชยตามมาด้วย

“ฟุ่บ!”

ซอมบี้ตัวนั้นเบิกตากว้าง ไม่นานกลางหน้าผากก็มีรูแผลโผล่ขึ้นมารูหนึ่ง เจ้าลิงผอมที่เห็นภาพนั้นอึ้งค้างไปทันที

เขม่าควันยังคงลอยคลุ้งออกจากปากปืน ซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าล้ม “พลั่ก” ลงกับพื้น

ผ่านไปหนึ่งวินาที เจ้าลิงผอมที่กลั้นหายใจตั้งแต่เมื่อกี้พลันได้สติกลับคืนมา เขากระชับปืนแล้วมองศพที่นอนล้มอยู่บนพื้นอย่างหวาดกลัว จากนั้นขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงตามไปด้วย

“ฆะ…ฆ่าแล้ว…ทำได้แล้ว ฉันฆ่าซอมบี้สองตัว…ด้วยตัวคนเดียว…”

สำหรับคนธรรมดา เกรงว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ว่าใครก็คงทำได้…

แต่เสียงลูกกระสุนที่ออกจากลำกล้อง เสียงเจาะทะลุเนื้อหนัง รวมถึงเสียงที่ซอมบี้ล้มลงไป กระทั่งเสียงหายใจและหัวใจเต้นของตัวเอง…เสียงเหล่านี้ล้วนดังชัดเจนขึ้นหลายเท่า และเสียดแทงเข้าไปในประสาทหูของเขา เขากลัวตาย และกลัวการ “ได้ยิน” ขั้นตอนการตายเหล่านี้อย่างชัดเจน…

เจ้าลิงผอมยันกำแพงอ้วกลมสองสามที จากนั้นก็ยกมือปาดเหงื่อมองไปที่ปากซอย “ต้องรีบไปแล้ว…” เขาคิด พลางหยัดตัวยืนตรง และเดินโซเซอ้อมศพของซอมบี้เข้าไปในซอยเส้นนั้น…

ภาพที่เกิดทั้งหมดนี้ ไม่มีใครเห็นเลย…

ในท่อน้ำทิ้ง หลิงม่อกับสวี่ซูหานยังคงวิ่งไล่ตามเสียง “เผละๆ” อย่างเร่งรีบ

เสียงนั้นเหมือนรักษาความถี่ไว้ในระดับเดิมตลอด หรือพูดอีกอย่างก็คือ ระยะห่างระหว่างมันกับพวกหลิงม่อไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยแม้แต่น้อย

พอพวกเขาเร็ว มันก็เร็ว…หลายครั้งผ่านไป ในที่สุดหลิงม่อก็เดือดดาล “เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นรู้ว่าพวกเราอยู่ข้างหลัง!”

“แต่มันรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ในนี้?” สวี่ซูหานถามเสียงเบา

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…บางทีมันอาจมีวิธีอื่น? อยู่ในนี้ทั้งสายตา การดมกลิ่น และพลังสัมผัสรู้ล้วนถูกจำกัด แต่ว่า…ใช่แล้ว การฟัง!” หลิงม่อพลันนึกถึงเจ้าลิงผอมขึ้นมา ถ้าหากสัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนเจ้าลิงผอม ที่มีความสามารถในการได้ยินที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ ถ้าอย่างนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร มันก็จะสามารถแยกแยะเสียงลมหายใจ กระทั่งเสียงหัวใจเต้นของพวกเขาสองคนออกจากเสียงเบาๆ พวกนั้นได้…

“แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็ต้องไม่ใช่มนุษย์ตะขาบแน่นอน…” หลิงม่อพึมพำพร้อมขมวดคิ้ว ศีรษะของมนุษย์ตะขาบเป็นเพียงส่วนประกอบไร้หน้าที่เท่านั้น ในเมื่อแม้ว่าหัวขาดไปแล้วมันก็ยังเคลื่อนไหวได้ ก็แสดงว่าประสาทสัมผัสสำคัญของพวกมันต้องไม่ใช่การได้ยินแน่นอน หากอวัยวะที่ไม่สำคัญถูกวิวัฒนาการจนร้ายกาจเทียบเท่ากับพลังพิเศษ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว!

“มนุษย์ตะขาบอะไรกัน?” สวี่ซูหานกลับได้ยินอย่างชัดเจน จึงอดถามขึ้นไม่ได้

พอเห็นหลิงม่อชะงัก เธอก็รีบส่ายหน้า “ถือว่าฉันไม่ได้ถามละกัน”

“เปล่า ฉัน…”

หลิงม่อหมายจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินสวี่ซูหานพูดขึ้นก่อนว่า “นายรู้สึกไหมว่าเสียงนี้มันเบาลงน่ะ?”

“เบาลง?” บอกตามตรง เขามัวแต่สนใจเรื่องระยะห่างใกล้ไกลมาโดยตลอด…แต่พอสวี่ซูหานพูดขึ้นมาอย่างนี้ เขาก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที เสียง “เผละๆ” ที่ยังดังฟังชัดเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียง “ตึงๆ” อันแผ่วเบา…

“เดี๋ยวก่อน! เสียงนี้มัน…” หลิงม่อชะลอฝีเท้าตั้งใจฟังเสียงนั้นอย่างละเอียด แล้วอยู่ๆ ก็เบิกตากว้าง “นี่มัน ‘เสียงร้องขอความช่วยเหลือ’ ที่อวี่เหวินซวนกับเจ้าลิงผอมได้ยินไม่ใช่หรอ?!” ที่สำคัญมันเป็นเสียงเดียวกับที่หุ่นซอมบี้และซย่าน่าเคยได้ยินด้วย เสียงที่เหมือนกับกำลงเคาะท่อน้ำนี่…

ที่แท้มันก็ไม่ใช่เสียงเคาะท่อ! แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นขณะที่สัตว์ประหลาดประเภทนั้นเคลื่อนไหว…

“แต่ว่า…ทำไมเสียงถึงเปลี่ยนไปล่ะ?” สวี่ซูหานขมวดคิ้วถาม เมื่อเสียงเปลี่ยนไป เธอก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกว่าเดิม ไม่รู้ทำไม เธอมักรู้สึกว่าข้างหน้านี้ เหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องพวกเธอ และกำลังกวักมือเรียกพวกเขาให้เข้าไปหาอย่างช้าๆ…

ความรู้สึกนี้ประหลาดมาก กระทั่งทำให้เธอรู้สึก…

“ไม่ได้การ! ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นอวี่เหวินซวนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว! มันมาอยู่ที่นี่ แล้วอวี่เหวินซวนถูกมันล่อไปที่ไหนแล้ว?” หลิงม่อพูดขึ้น แล้วอยู่ๆ ก็เร่งฝีเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ซูหานชะงัก ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นหมัดที่กำแน่นของหลิงม่อ…พอนึกถึงสีหน้าของเขาเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง สวี่ซูหานก็โยนลางสังหรณ์นั้นทิ้งไป จากนั้นก็เร่งความเร็ววิ่งตามไปทันที…

“ที่ดูใจเย็นมาตลอด ที่แท้ก็แสร้งทำตามคาด…” สวี่ซูหานอดคิดไม่ได้

พอกลายเป็นซอมบี้แล้วต้องมาคิดเรื่องพวกนี้อีกครั้ง ความรู้สึกต่างไปจากตอนเป็นมนุษย์มากทีเดียว แต่เพราะความรู้สึก “มองดูอยู่เงียบๆ” อย่างนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเข้าใจหลิงม่อขึ้นมาบ้างแล้ว…

“มันไม่ได้แค่ล่อพวกเราเข้าไป” อยู่ๆ หลิงม่อก็พูดเสียงเย็นชาขึ้นมา

“หา?”

“มันทำเพื่อล่อพวกเราออกมาด้วย อวี่เหวินซวนต้องยังอยู่ในนี้แน่ๆ ที่มันทำอย่างนี้ เพื่อแยกพวกเราออกจากกัน” หลิงม่อบอก

น้ำเสียงของเขาราวกับกลับมาใจเย็นลงอีกครั้ง แม้แต่สีหน้าก็ยังกลับมาเป็นปกติแล้ว

สวี่ซูหานมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า “อื้ม…”

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปจับมือหลิงม่อไว้ “หยุดกำหมัดได้แล้ว…”

“ยะ…อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันแค่จะพาเธอวิ่งให้เร็วขึ้นหน่อย”

———————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+