แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 967 การเหยียดหยามจากสัตว์ประหลาด

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 967 การเหยียดหยามจากสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายใต้สำแสงเจิดจ้าแยงตา สัตว์ประหลาดตัวนั้นจ้องพวกหลิงม่อด้วยดวงตาสีแดงก่ำ ทั่วร่างกายมันเต็มไปด้วยโคลน แต่ยังคงเห็นสีผิวที่ขาวจนแทบโปร่งใสของมันที่อยู่ใต้โคลนเหล่านั้น…แต่เทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกของมัน สีผิวของมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ดวงตาของมันปูดโปนออกมานอกเบ้า จมูกเหลือแค่รูสองรูเท่านั้น แล้วยังมีริมฝีปากที่พลิกออกมาข้างนอก ที่คอยขยุกขยิกไปมาไม่หยุด

คอของมันหดหายไปทั้งส่วน แม้แต่ร่างกายก็หดเข้าหากัน จนแขนและขาเหลือแต่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ลำตัวที่ดูเป็นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดก็ผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก ตอนที่มันหมอบต่ำยังดูเหมือนวัยกลางคน แต่พอมันยืนขึ้นกลับสูงเท่าน่องของคนทั่วไปเท่านั้น…หัวของมันอยู่ข้างหน้าทรวงอก มองแวบแรกเหมือนร่างกายท่อนบนที่ไร้หัวยืนอยู่ในโคลน…แถมยังเป็นร่างกายท่อนบนที่ส่งเสียงร้องได้ด้วย!

“ว๊ากกกก!” สัตว์ประหลาดตัวนั้นอ้าปากกรีดร้อง ดวงตาปูดโปนออกมานอกเบ้ามากกว่าเดิม มันถูกแสงสว่างของไฟฉายแยงตากะทันหัน แต่อยู่ต่อหน้าเหยื่อ มันก็ยังคงตื่นเต้นจนน้ำลายไหล…ของเหลวสีใสไหลยืดลงไปจนถึงหน้าอก จากนั้นก็หยดลงไปในโคลนดัง “ติ๋ง ติ๋ง”…

“ร้องหาแม่เอ็งหรอ!” หลิงม่อสะบัดมือเหวี่ยงหนวดสัมผัสสิบกว่าเส้นออกไปทันที ร่างกายมนุษย์ดีๆ กลับวิวัฒนาการจนกลายสภาพเป็นแบบนี้ เป็นความผิดบาปที่แม้แต่สวรรค์และมนุษย์ทั้งโลกต่างพากันเคียดแค้น! ถ้าจะหดขนาดนี้ก็ทำไมไม่หดให้เหลือแค่หัวไปเลยล่ะ! ไอ้การวิวัฒนาการที่ดูไม่ออกว่าเคลื่อนไหวด้วยวิธีไหนอย่างนี้ถือเป็นการดูถูกร่างกายมนุษย์อย่างแรง!

เขาก่นด่าในใจยาวเหยียดในอึดใจเดียว แต่สายตายังคงระแวดระวังเหมือนเดิม…สัตว์ประหลาดตัวนี้ตกลงมาจากข้างบน นับตั้งแต่วิวนาทีที่มันตกลงมา หลิงม่อได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่หัวของมันไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว เขาผสมผสานทั้งหนวดสัมผัสทางจิตแบบไร้รูปและในรูปสสารในการโจมตี…แต่นอกจากบาดแผลภายนอกเล็กน้อย มันก็ไม่มีปฏิกิริยาอย่างอื่นอีก

และเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละวินาที มันก็เริ่มคุ้นเคยกับลำแสงของไฟฉายแรงสูงอย่างเห็นได้ชัด…

“ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินมานานมาแล้ว ดวงตาของมันน่าจะเสื่อมสภาพไปมากแล้วแท้ๆ…ไม่คิดเลยว่านอกจากมันจะมีความสามารถในการมองเห็น แล้วยังรับมือกับแสงที่สว่างขึ้นกะทันหันอย่างนี้ได้อีก…”

เมื่อกี้หลิงม่อเพียงแค่ลองทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น…เมื่อระยะห่างของทั้งสองฝ่ายลดลงเรื่อยๆ หลิงม่อก็เริ่มรู้สึกถึงสายตาที่พุ่งออกมาจากความมืด และสิ่งที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ประหลาด คือสายตานั้นจับจ้องมาที่เขาจริงๆ ซ้ำยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระทั่งดีใจด้วยซ้ำ

ทว่าเหตุผลจริงๆ ที่เขาเปิดไฟฉาย ก็เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าสิ่งนี้ประชิดเข้ามาได้…การทำให้ตามันพร่ามัวเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น และเรื่องจริงก็ได้พิสูจน์ว่าวิธีการของเขาได้ผล ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูก “ตบร่วง” ลงมา มันก็อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงสามสิบเมตรแล้ว…พอคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถึงกับลอบเข้ามาใกล้ปากหลุมอย่างเงียบเชียบ หลิงม่อก็อดรู้สึกหนังศีรษะตึงชาไม่ได้

ตอนนี้พอเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้หลิงม่อจะลอบทึ่งในใจ ทว่ากลับไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด เขาดึงแขนสวี่ซูหานถอยหลังไปช้าๆ ขณะที่พูดเสียงเบาว่า “ต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด…เพราะข้างหลังนั่นยังมีอยู่อีก”

สวี่ซูหานอดมองไปข้างหลังสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ได้ ในความมืดไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา และไม่มีเงาร่างปรากฏให้เห็นด้วย แต่ในเมื่อหลิงม่อพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าเขาจะต้องสัมผัสได้ผ่านวิธีอื่นแน่นอน…เวลาที่ผู้มีพลังจิตใช้ความสามารถพิเศษของพวกเขา ประสาทสัมผัสจะว่องไวและยอดเยี่ยมกว่าคนธรรมดา ไม่ได้หมายถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เป็นบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้…

หลิงม่อจะต้องชำนาญในด้านนี้อย่างแน่นอน…ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาอยู่กับเหล่าซอมบี้สาวพวกนั้นมาถึงตอนนี้ได้ยังไง แต่ระหว่างที่อยู่กับพวกเธอ มันต้องเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งสำหรับเขาแน่ๆ…เหมือนเมื่อกี้ตอนที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏตัว หลิงม่อกลับคว้าแขนเธอได้อย่างแม่นยำแม้อยู่ในความมืด…

“อย่าขยับ” หลิงม่อดึงแขนเธออีกครั้ง “สัตว์ประหลาดนั่นกำลังรอให้พวกเขาเราเข้าไปอยู่”

สวี่ซูหานสะดุ้งอีกครั้ง เธอข่มความกลัวแล้วมองอย่างละเอียดอีกครั้ง

ตามคาด…สัตว์ประหลาดตัวนั้นดูตื่นเต้นมาก แต่มันยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน และไม่คิดกระโจนเข้ามาด้วย…ตรงกันข้าม ร่างกายของมันโยกเยกไปมา มือสองข้างที่ถูกหนีบไว้ใต้รักแร้ในองศาประหลาดๆ กวักเรียกพวกเขาไม่หยุด หลังจากที่เพิ่งถูกหลิงม่อโจมตี ร่างกายของมันเซถอยไปข้างหลังเล็กน้อย แต่ระหว่างที่มันโยกตัวไปมา มันก็กลับมายืนที่ตำแหน่งเดิมอย่างเงียบๆ…

สวี่ซูหานขนลุก เธออดนึกถึงลางสังหรณ์ที่เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้…ไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรบางอย่างกำลังกวักมือเรียกพวกเธออยู่จริงๆ! และเสียง “ตึง ตึง” ที่ได้ยินมาตลอดก็ดังมาจากฝ่ามือของมัน ทุกครั้งที่มันกวักมือ กระดูกของมันราวกับกระทบกัน และส่งเสียงดังออกมานอกร่างกายมัน

หากมองข้ามหน้าตาสยดสยองของมันไป แล้วดูแค่ลักษณะรูปร่างของมันล่ะก็…

“ความจริงมันดูเหมือนลำโพงมากเลยนะ…” สวี่ซุหานพูดเสียงเบา

หลิงม่อชะงัก ไม่นานก็ลอบพยักหน้าเห็นด้วย…เหมือนจริงๆ!

“แม่เอ็ง โดนสัตว์ประหลาดลำโพงตามเล่นงานทั้งวันเลยหรอเนี่ย…”

ทั้งสองคนยังคงก้าวถอยหลังต่อไป ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็โยกตัวเข้ามาเรื่อยๆ สายตาของมันจับจ้องมาที่หลิงม่อเป็นส่วนใหญ่ ปากที่เลอะโคลนเต็มไปหมดเปล่งเสียงร้อง “ว๊าก” ออกมาเป็นครั้งคราว…

“ทำไงดี ดูเหมือนมันกำลังถ่วงเวลาพวกเราอยู่…” สวี่ซูหานขมวดคิ้วถาม การโจมตีทุกรูปแบบไม่ได้ผล หากวู่วามเข้าใกล้ก็อาจติดกับดักของมันอีก สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนกำลังเล่นสงครามประสาทกับพวกเขาอย่างไร้ความกลัว ที่แย่ที่สุดก็คือไม่ว่าพวกเขาจะรับมือไหวหรือไม่ พวกเขาก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัดอยู่ดี

สวี่ซูหานบันดาลโทสะอย่างไม่รู้สาเหตุ สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังดูถูกคนอยู่ชัดๆ! แถมในสายตาของมัน ก็มีแววตาเยาะเย้ยและเหยียดหยามอยู่จริงๆ!

“ไม่เป็นไร…” หลิงม่อกลับพูดอย่างใจเย็น

สวี่ซูหานหันหน้าไปมองเขาเล็กน้อย แล้วก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะ เพราะสายตาของหลิงม่อเอง ก็ดูเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดอยู่เหมือนกัน…

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับสัตว์ประหลาดตัวนั้น ในความตื่นเต้นของเขาแฝงไว้ด้วยสติปัญญาและความใจเย็น แล้วยังมีความมั่นใจเต็มร้อยอย่างหนึ่งผสมอยู่ด้วย…

“ถ้าหากฉันบอกให้วิ่ง เธอจะสามารถพาฉันวิ่งได้เร็วถึงระดับไหนในพริบตาเดียว?” ไม่รอให้เธอคิดอย่างละเอียดไปมากกว่านี้ อยู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้นเสียงเบา

“สี่…หกวิร้อยเมตรล่ะมั้ง” สวี่ซูหานให้คำตอบที่ค่อยข้างรอบคอบกับเขา ความจริงแม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าความเร็วของตัวเองอยู่ในระดับไหน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องพาหลิงม่อวิ่งไปพร้อมกัน เธอไม่มีทางแสดงพลังได้เต็มที่แน่นอน

“ไม่ต้องห่วงฉัน ขอแค่เพิ่มความเร็วอีกหนึ่งวิ แล้วทำให้เต็มที่!” หลิงม่อบอก

สวี่ซูหานอ้าปาก แต่พอเห็นใบหน้าด้านข้างของหลิงม่อ สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าเงียบๆ จากนั้นก็ยกมือกดหัวไหล่หลิงม่อเบาๆ

“ถ้านายพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน” สวี่ซูหานบอก

หลิงม่อกระตุกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มบางเพียงเสี้ยววินาที “ได้”

“เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่…” สวี่ซูหานหันไปมองสัตว์ประหลาดตัวนั้น ภายใต้แสงไฟฉาย มันอ้าปากกว้าง แกว่งไกวแขนขาและโยกตัวไปมา มองพวกเขาพร้อมกับน้ำลายที่ไหลเยิ้ม…

——————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 967 การเหยียดหยามจากสัตว์ประหลาด

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 967 การเหยียดหยามจากสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายใต้สำแสงเจิดจ้าแยงตา สัตว์ประหลาดตัวนั้นจ้องพวกหลิงม่อด้วยดวงตาสีแดงก่ำ ทั่วร่างกายมันเต็มไปด้วยโคลน แต่ยังคงเห็นสีผิวที่ขาวจนแทบโปร่งใสของมันที่อยู่ใต้โคลนเหล่านั้น…แต่เทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกของมัน สีผิวของมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ดวงตาของมันปูดโปนออกมานอกเบ้า จมูกเหลือแค่รูสองรูเท่านั้น แล้วยังมีริมฝีปากที่พลิกออกมาข้างนอก ที่คอยขยุกขยิกไปมาไม่หยุด

คอของมันหดหายไปทั้งส่วน แม้แต่ร่างกายก็หดเข้าหากัน จนแขนและขาเหลือแต่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ลำตัวที่ดูเป็นส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดก็ผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก ตอนที่มันหมอบต่ำยังดูเหมือนวัยกลางคน แต่พอมันยืนขึ้นกลับสูงเท่าน่องของคนทั่วไปเท่านั้น…หัวของมันอยู่ข้างหน้าทรวงอก มองแวบแรกเหมือนร่างกายท่อนบนที่ไร้หัวยืนอยู่ในโคลน…แถมยังเป็นร่างกายท่อนบนที่ส่งเสียงร้องได้ด้วย!

“ว๊ากกกก!” สัตว์ประหลาดตัวนั้นอ้าปากกรีดร้อง ดวงตาปูดโปนออกมานอกเบ้ามากกว่าเดิม มันถูกแสงสว่างของไฟฉายแยงตากะทันหัน แต่อยู่ต่อหน้าเหยื่อ มันก็ยังคงตื่นเต้นจนน้ำลายไหล…ของเหลวสีใสไหลยืดลงไปจนถึงหน้าอก จากนั้นก็หยดลงไปในโคลนดัง “ติ๋ง ติ๋ง”…

“ร้องหาแม่เอ็งหรอ!” หลิงม่อสะบัดมือเหวี่ยงหนวดสัมผัสสิบกว่าเส้นออกไปทันที ร่างกายมนุษย์ดีๆ กลับวิวัฒนาการจนกลายสภาพเป็นแบบนี้ เป็นความผิดบาปที่แม้แต่สวรรค์และมนุษย์ทั้งโลกต่างพากันเคียดแค้น! ถ้าจะหดขนาดนี้ก็ทำไมไม่หดให้เหลือแค่หัวไปเลยล่ะ! ไอ้การวิวัฒนาการที่ดูไม่ออกว่าเคลื่อนไหวด้วยวิธีไหนอย่างนี้ถือเป็นการดูถูกร่างกายมนุษย์อย่างแรง!

เขาก่นด่าในใจยาวเหยียดในอึดใจเดียว แต่สายตายังคงระแวดระวังเหมือนเดิม…สัตว์ประหลาดตัวนี้ตกลงมาจากข้างบน นับตั้งแต่วิวนาทีที่มันตกลงมา หลิงม่อได้พุ่งเป้าโจมตีไปที่หัวของมันไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว เขาผสมผสานทั้งหนวดสัมผัสทางจิตแบบไร้รูปและในรูปสสารในการโจมตี…แต่นอกจากบาดแผลภายนอกเล็กน้อย มันก็ไม่มีปฏิกิริยาอย่างอื่นอีก

และเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละวินาที มันก็เริ่มคุ้นเคยกับลำแสงของไฟฉายแรงสูงอย่างเห็นได้ชัด…

“ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินมานานมาแล้ว ดวงตาของมันน่าจะเสื่อมสภาพไปมากแล้วแท้ๆ…ไม่คิดเลยว่านอกจากมันจะมีความสามารถในการมองเห็น แล้วยังรับมือกับแสงที่สว่างขึ้นกะทันหันอย่างนี้ได้อีก…”

เมื่อกี้หลิงม่อเพียงแค่ลองทำไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น…เมื่อระยะห่างของทั้งสองฝ่ายลดลงเรื่อยๆ หลิงม่อก็เริ่มรู้สึกถึงสายตาที่พุ่งออกมาจากความมืด และสิ่งที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ประหลาด คือสายตานั้นจับจ้องมาที่เขาจริงๆ ซ้ำยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระทั่งดีใจด้วยซ้ำ

ทว่าเหตุผลจริงๆ ที่เขาเปิดไฟฉาย ก็เพื่อไม่ให้ถูกเจ้าสิ่งนี้ประชิดเข้ามาได้…การทำให้ตามันพร่ามัวเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น และเรื่องจริงก็ได้พิสูจน์ว่าวิธีการของเขาได้ผล ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ถูก “ตบร่วง” ลงมา มันก็อยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงสามสิบเมตรแล้ว…พอคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถึงกับลอบเข้ามาใกล้ปากหลุมอย่างเงียบเชียบ หลิงม่อก็อดรู้สึกหนังศีรษะตึงชาไม่ได้

ตอนนี้พอเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้หลิงม่อจะลอบทึ่งในใจ ทว่ากลับไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด เขาดึงแขนสวี่ซูหานถอยหลังไปช้าๆ ขณะที่พูดเสียงเบาว่า “ต้องรีบจัดการมันให้เร็วที่สุด…เพราะข้างหลังนั่นยังมีอยู่อีก”

สวี่ซูหานอดมองไปข้างหลังสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ได้ ในความมืดไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา และไม่มีเงาร่างปรากฏให้เห็นด้วย แต่ในเมื่อหลิงม่อพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าเขาจะต้องสัมผัสได้ผ่านวิธีอื่นแน่นอน…เวลาที่ผู้มีพลังจิตใช้ความสามารถพิเศษของพวกเขา ประสาทสัมผัสจะว่องไวและยอดเยี่ยมกว่าคนธรรมดา ไม่ได้หมายถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่เป็นบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้…

หลิงม่อจะต้องชำนาญในด้านนี้อย่างแน่นอน…ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาอยู่กับเหล่าซอมบี้สาวพวกนั้นมาถึงตอนนี้ได้ยังไง แต่ระหว่างที่อยู่กับพวกเธอ มันต้องเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งสำหรับเขาแน่ๆ…เหมือนเมื่อกี้ตอนที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏตัว หลิงม่อกลับคว้าแขนเธอได้อย่างแม่นยำแม้อยู่ในความมืด…

“อย่าขยับ” หลิงม่อดึงแขนเธออีกครั้ง “สัตว์ประหลาดนั่นกำลังรอให้พวกเขาเราเข้าไปอยู่”

สวี่ซูหานสะดุ้งอีกครั้ง เธอข่มความกลัวแล้วมองอย่างละเอียดอีกครั้ง

ตามคาด…สัตว์ประหลาดตัวนั้นดูตื่นเต้นมาก แต่มันยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน และไม่คิดกระโจนเข้ามาด้วย…ตรงกันข้าม ร่างกายของมันโยกเยกไปมา มือสองข้างที่ถูกหนีบไว้ใต้รักแร้ในองศาประหลาดๆ กวักเรียกพวกเขาไม่หยุด หลังจากที่เพิ่งถูกหลิงม่อโจมตี ร่างกายของมันเซถอยไปข้างหลังเล็กน้อย แต่ระหว่างที่มันโยกตัวไปมา มันก็กลับมายืนที่ตำแหน่งเดิมอย่างเงียบๆ…

สวี่ซูหานขนลุก เธออดนึกถึงลางสังหรณ์ที่เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้…ไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรบางอย่างกำลังกวักมือเรียกพวกเธออยู่จริงๆ! และเสียง “ตึง ตึง” ที่ได้ยินมาตลอดก็ดังมาจากฝ่ามือของมัน ทุกครั้งที่มันกวักมือ กระดูกของมันราวกับกระทบกัน และส่งเสียงดังออกมานอกร่างกายมัน

หากมองข้ามหน้าตาสยดสยองของมันไป แล้วดูแค่ลักษณะรูปร่างของมันล่ะก็…

“ความจริงมันดูเหมือนลำโพงมากเลยนะ…” สวี่ซุหานพูดเสียงเบา

หลิงม่อชะงัก ไม่นานก็ลอบพยักหน้าเห็นด้วย…เหมือนจริงๆ!

“แม่เอ็ง โดนสัตว์ประหลาดลำโพงตามเล่นงานทั้งวันเลยหรอเนี่ย…”

ทั้งสองคนยังคงก้าวถอยหลังต่อไป ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็โยกตัวเข้ามาเรื่อยๆ สายตาของมันจับจ้องมาที่หลิงม่อเป็นส่วนใหญ่ ปากที่เลอะโคลนเต็มไปหมดเปล่งเสียงร้อง “ว๊าก” ออกมาเป็นครั้งคราว…

“ทำไงดี ดูเหมือนมันกำลังถ่วงเวลาพวกเราอยู่…” สวี่ซูหานขมวดคิ้วถาม การโจมตีทุกรูปแบบไม่ได้ผล หากวู่วามเข้าใกล้ก็อาจติดกับดักของมันอีก สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนกำลังเล่นสงครามประสาทกับพวกเขาอย่างไร้ความกลัว ที่แย่ที่สุดก็คือไม่ว่าพวกเขาจะรับมือไหวหรือไม่ พวกเขาก็ยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัดอยู่ดี

สวี่ซูหานบันดาลโทสะอย่างไม่รู้สาเหตุ สัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังดูถูกคนอยู่ชัดๆ! แถมในสายตาของมัน ก็มีแววตาเยาะเย้ยและเหยียดหยามอยู่จริงๆ!

“ไม่เป็นไร…” หลิงม่อกลับพูดอย่างใจเย็น

สวี่ซูหานหันหน้าไปมองเขาเล็กน้อย แล้วก็ต้องอึ้งไปชั่วขณะ เพราะสายตาของหลิงม่อเอง ก็ดูเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดอยู่เหมือนกัน…

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับสัตว์ประหลาดตัวนั้น ในความตื่นเต้นของเขาแฝงไว้ด้วยสติปัญญาและความใจเย็น แล้วยังมีความมั่นใจเต็มร้อยอย่างหนึ่งผสมอยู่ด้วย…

“ถ้าหากฉันบอกให้วิ่ง เธอจะสามารถพาฉันวิ่งได้เร็วถึงระดับไหนในพริบตาเดียว?” ไม่รอให้เธอคิดอย่างละเอียดไปมากกว่านี้ อยู่ๆ หลิงม่อก็ถามขึ้นเสียงเบา

“สี่…หกวิร้อยเมตรล่ะมั้ง” สวี่ซูหานให้คำตอบที่ค่อยข้างรอบคอบกับเขา ความจริงแม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าความเร็วของตัวเองอยู่ในระดับไหน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องพาหลิงม่อวิ่งไปพร้อมกัน เธอไม่มีทางแสดงพลังได้เต็มที่แน่นอน

“ไม่ต้องห่วงฉัน ขอแค่เพิ่มความเร็วอีกหนึ่งวิ แล้วทำให้เต็มที่!” หลิงม่อบอก

สวี่ซูหานอ้าปาก แต่พอเห็นใบหน้าด้านข้างของหลิงม่อ สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าเงียบๆ จากนั้นก็ยกมือกดหัวไหล่หลิงม่อเบาๆ

“ถ้านายพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน” สวี่ซูหานบอก

หลิงม่อกระตุกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มบางเพียงเสี้ยววินาที “ได้”

“เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่…” สวี่ซูหานหันไปมองสัตว์ประหลาดตัวนั้น ภายใต้แสงไฟฉาย มันอ้าปากกว้าง แกว่งไกวแขนขาและโยกตัวไปมา มองพวกเขาพร้อมกับน้ำลายที่ไหลเยิ้ม…

——————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+