แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 972 สถานการณ์ที่ทำให้คนเป็นบ้าได้ทุกเมื่อ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 972 สถานการณ์ที่ทำให้คนเป็นบ้าได้ทุกเมื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮู่ว…” หลิงม่อม้วนแผ่นฟิล์มแล้วเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เดินไปทางรั้วเหล็ก ผิวน้ำแหวกเป็นริ้วตามการเคลื่อนไหวของเขา สายตาของเขาทอดมองลึกเข้าไปในทางเดินอุโมงค์นั่น แต่นอกจากความมืดและน้ำขังบนพื้น รวมถึงผนังที่มีแต่ตะไคร่น้ำขึ้นเต็มไปหมดแล้ว ก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นอยู่ตรงนั้นเลย

อย่าว่าแต่เห็นเลย แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทางเดินทั้งเส้นนอกจากเสียงที่เกิดยามหลิงม่อเคลื่อนไหว ก็แทบไม่มีเสียงอื่นดังขึ้นอีก แต่เพราะความเงียบนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกกดดันสุดขีด โดยเฉพาะหลังจากที่เจอปลากลายพันธุ์ดุร้ายตัวนั้น หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนใต้น้ำนี้มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มันกำลังซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึก และรอให้เขาเข้าไปใกล้อย่างเงียบงัน

พอคิดว่ามีดวงตาคู่หนึ่งซ่อนอยู่ใต้น้ำ หลิงม่อก็อดหนังศีรษะตึงชาไม่ได้ แต่ขณะที่หวาดกลัว หลิงม่อก็ค่อยๆ เดินไปทางรูโหว่บนรั้วเหล็กอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆ ลอดตัวผ่านเข้าไป…

“ซ่าา…”

ขณะที่หุ่นซอมบี้ลอดตัวผ่านรั้วเข้าไป ร่างจริงของหลิงม่อก็ได้เดินตามอวี่เหวินซวนมาจนถึงส่วนลึกของทางเดินอันคับแคบ

สวี่ซูหานเดินตามหลังหลิงม่ออย่างเงียบงัน พลางเหลือบมองเขาเป็นพักๆ

“ยังต้องไปอีกไกลแค่ไหนกัน…” เธออยากจะถาม แต่ก็ทำได้เพียงคิดในใจ

ถึงแม้เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่การต้องเดินอยู่ในพื้นที่ว่างใต้ดินที่มืดและปิดสนิทอย่างนี้ กลับทำให้รู้สึกยากที่จะอดทน และยิ่งเดินลึกเข้าไป ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ยิ่งในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างนี้ด้วยแล้ว…ไม่ได้มีเพียงโคลนใต้เท้าที่ลึกขึ้น ผนังสองข้างทางก็มีของเหลวหนืดเคลือบหนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ของเหลวหนืดพวกนั้นต่างจากที่เห็นก่อนหนี้ พวกมันคล้ายมีสีเลือดเพิ่มขึ้นมา กระทั่งเริ่มมีเศษเล็กๆ น่าสงสัยปะปนอยู่ด้วย

การต้องเดินอยู่ในทางเดินอย่างนี้ ไม่เพียงรู้สึกเหมือนอาจเหยียบโดนอะไรบางอย่างได้ทุกเมื่อ แต่ยังรู้สึกเหมือนว่าอาจมีอะไรบางอย่างผุดออกมาจากของเหลวหนืดบนกำแพงสองข้างทางได้ทุกเมื่อด้วย…

กดดันเกินไปแล้ว! แต่ที่ทำให้รู้สึกกดดันกว่า กลับไม่ใช่ทางเดินเส้นนี้ แต่เป็น…

สวี่ซูหานแอบมองอวี่เหวินซวนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเงียบๆ จุดที่เขาอยู่ห่างจากเธอและหลิงม่อเกือบสิบเมตร นั่นแสดงว่าเขาอยู่ตรงขอบรัศมีแสงไฟฉายเสมอ ซึ่งอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่า หากพวกเธอเดินช้าไปเพียงก้าวเดียว อวี่เหวินซวนอาจหายกลับเข้าไปในความมืดอีกครั้ง…

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่เรื่องนี้…” สวี่ซูหานจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วรีบสะบัดหน้าไปมาแรงๆ “ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ แต่เป็นอีกเรื่องต่างหาก…” เธอเงยหน้ามองหลิงม่อ มองจากมุมของเธอ ใบหน้าด้านข้างของหลิงม่อดูวงบนิ่งมาก ดวงตายังคงลึกล้ำเหมือนอย่างเคย แม้อยู่ใกล้แค่นี้ แต่เธอก็ยังไม่สามารถเดาอะไรได้จากเสียงหัวใจเต้นของเขาได้เลย

“แต่ถ้ามีอะไรจริงๆ หลิงม่อน่าจะรู้ก่อนเราอีกหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้น…เราคิดมากไปเองหรอ?” สวี่ซูหานอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ก็จริงนะ เราแค่สู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อหลิงม่อตัดสินใจแล้ว ยังไงก็คงไม่…”

หรือจะให้บอกเขาว่า เธอรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างนั้นหรอ? ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกความมืดกลืนกินช้าๆ แต่ยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้อง…และทิศที่มา ก็คือข้างหน้านั้น…แต่ทำไมอวี่เหวินซวนถึงยังยืนยันอยากจะพาพวกเขาไปให้ได้? แล้วก็หลิงม่ออีก ทำไมเขาไม่ถามให้รู้เรื่องก่อน แต่กลับเลือกให้ความร่วมมือง่ายๆ…

“ใกล้ถึงแล้ว” อยู่ๆ เสียงของอวี่เหวินซวนก็ดังขึ้น

เขายังคงเดินต่อไปไม่หยุด เขาเอนร่างไปซ้ายทีขวาทีเพื่อพยายามเดินหน้าต่อไป “ตามมาติดๆ หน่อยล่ะ…อดทนอีกนิดก็จะเห็นแล้ว พวกนายจะต้องตะลึงมากแน่ๆ…”

“ที่ซ่อนตัวของนายเมื่อกี้อยู่ตรงไหน?” อยู่ๆ หลิงม่อที่เงียบมาตลอดทางกลับถามขึ้น

อวี่เหวินซวนชะงักเท้า จากนั้นก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาถูกไฟส่องอยู่หรือเปล่า สวี่ซูหานมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของอวี่เหวินซวนดูแปลกๆ…เขายิ้ม แล้วบอกเสียงเบาว่า “เดินผ่านมาแล้ว ยังไงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พวกนายรีบออกไปไม่ใช่หรอ? พวกเราไปดูเร็วๆ แล้วรีบไปกันดีกว่า”

“ผ่านมาแล้วงั้นหรอ…” หลิงม่อเหมือนถามไปอย่างนั้น พอได้ยินก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”

“หึหึหึ…” อวี่เหวินซวนมองหน้าเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะพร้อมหมุนตัวกลับไป แล้วเดินหน้าต่อ

“ถามเรื่องนั้นจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าจะถามก็น่าจะถามว่าตกลงเขาอยากให้เราไปดูอะไรดีกว่า…ฉันรู้สึกไม่ดีกับข้างหน้านั้นเลยจริงๆ…” สวี่ซูหานลอบคิดในใจอีกครั้ง

แต่ในเสี้ยววินาทีที่อวี่เหวินซวนหมุนตัวกลับไป เสียงของหลิงม่อกลับดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูของสวี่ซูหาน “ระวังตัวด้วย”

“ระวังตัว?” สวี่ซูหานชะงัก รีบเงยหน้ามองเขา แต่สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเงาร่างของหลิงม่อที่เดินไปข้างหน้าต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…อย่าว่าแต่สีหน้าเลย แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังคงสงบนิ่งขนาดนั้น…

“ระวังตัวจากอะไรล่ะ?” สวี่ซูหานคิดอย่างตกตะลึงปนงุนงง

ในเสี้ยววินาทีนั้น หลิงม่อพูดได้เพียงสั้นๆ เท่านั้น…แต่เขาต้องการจะเตือนอะไรกันแน่? หรือว่า เขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ?

“ไม่…ไม่สิ! ฉันเข้าใจผิด…ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาพูดอะไร แต่อยู่ที่เขาพูดแบบนั้นทำไมต่างหาก!” สวี่ซูหานม่านตาหดเล็กลงชั่วขณะ เธอเริ่มตระหนักได้แล้ว “ตามหลักแล้ว หลิงม่อเชื่อใจอวี่เหวินซวนมาก…ดังนั้นเขาไม่มีทางระแวงอวี่เหวินซวนแน่นอน! เสี้ยววินาทีเมื่อกี้ ตอนที่อวี่เหวินซวนหมุนตัวกลับไป…ทั้งเสื้อผ้าบนตัวเขา และการเคลื่อนไหว ล้วนสามารถทำให้เกิดเสียงเบาๆ ขึ้นมาได้ หลิงม่อจึงฉวยโอกาสตอนที่เสียงพวกนั้นดังพูดเตือนเธอ…มีเพียงต้องทำอย่างนั้น ถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าอวี่เหวินซวนจะไม่ได้ยินอะไร! ถึงแม้จะมีเสียงอะไร แต่สุดท้ายก็ถูกเสียงเคลื่อนไหวของตัวเองกลบอยู่ดี…”

“แต่สาเหตุที่ทำให้หลิงม่อระวังตัวถึงขั้นนี้ คืออะไรกันแน่?…ไม่ หากมองข้ามจุดนี้ไป สิ่งที่หลิงม่อต้องการบอกฉันจริงๆ ก็คือให้ฉันระวังอวี่เหวินซวนสินะ? แต่ว่า…” สวี่ซูหานมองอวี่เหวินซวนอีกครั้ง ถึงแม้เจ้าเฟิ่งจื่อคนนี้จะเป็นพวกชอบรนหาที่ตาย แต่ไม่ว่าจะมองยังไง เขากลับไม่ได้ดูผิดปกติเลย” ก่อนหน้านี้หลิงม่อไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไรเลย แต่เมื่อกี้เขากลับ…หรือว่าบทสนทนาเมื่อกี้ของพวกเขา จะทำให้หลิงม่อมั่นใจอะไรบางอย่าง…

เดิมที บรรยากาศที่ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากอยู่แล้ว กลับยิ่งกดดันหนักกว่าเก่าหลังจากที่หลิงม่อส่งสัญญาณเตือนเธออย่างนั้น…ทางเดินอันเหยียดยาว และเงาร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าสุดนั่น…

“ใกล้ถึงแล้วใช่ไหม?” หลิงม่อโพล่งถามขึ้นมาอีกครั้ง

อวี่เหวินซวนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร กลับเป็นสวี่ซูหานที่ใจเต้น “ตึกตัก” ทันที ถึงเธอจะยังไม่เข้าใจนัก แต่พอได้ยินหลิงม่อถามขึ้น ร่างกายของเธอก็เกร็งขึ้นชั่วขณะอย่างไม่รู้ตัว ดีที่เธอสวมหน้ากากไว้ จึงไม่ต้องปั้นหน้า หรือแสร้งทำเป็นมองอวี่เหวินซวนด้วยสายตาสงบนิ่งมากนัก…

“ใกล้แล้วๆ…” อวี่เหวินซวนบอกโดยไม่หันมามอง

แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว อยู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงชะลอฝีเท้าช้าลง และหยุดเดินในที่สุด

ข้างหลังเขา หลิงม่อกับสวี่ซูหานยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ไม่มีทีท่าจะเดินต่อ…

“เป็นอะไรไป?” ตอนนี้อวี่เหวินซวนยืนอยู่นอกรัศมีแสงไฟฉายแล้ว เขาหันหน้ากลับมา แล้วถามเสียงเบา

ถึงแม้มองไม่เห็นสีหน้าเขา แต่กลับสัมผัสได้ถึงความร้อนรนจากท่าทางของเขา “อย่าเพิ่งหยุดเดินสิ เดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งรอยเมตร พวกเราก็จะถึงแล้ว ทำไมถึงต้องหยุดเดินตอนนี้ด้วยล่ะ มันเสียเวลานะ…”

“เสียเวลาจริงๆ นั่นแหละ…ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้นายนำทางล่ะก็นะ” หลิงม่อเปิดปากพูด ทำเอาสวี่ซูหานหัวใจเต้นโครมคราม

ให้เขานำทาง? หมายความว่ายังไง?

อีกอย่างน้ำเสียงนี้ของเขา…นี่ เดี๋ยวสิ ไอ้น้ำเสียงเฉยเมยเวลาพูดถีบหัวส่งคนอื่นอย่างนี้มันอะไรกัน! หรือว่าเธอเข้าใจผิดทั้งหมด? ที่เขาบอกว่า “ระวังตัวด้วย” ความจริงมันไม่ได้มีความหมายแฝงลึกซึ้งอะไรเลย เป็นแค่คำขู่อย่างหนึ่งงั้นหรอ!

“ฉันตัดสินใจจะอาละวาดแล้ว เธอระวังตัวไว้ให้ดี…” เขาหมายความอย่างนี้งั้นหรอ!

“ไม่หรอกๆ…ถึงอากาศที่นี่จะแย่ไปหน่อย สภาพแวดล้อมก็ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำให้เขาสติแตกหรอก…” สวี่ซูหานยืนปากอ้าตาค้างอยู่ข้างหลังหลิงม่อ “แล้วตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย!”

——————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 972 สถานการณ์ที่ทำให้คนเป็นบ้าได้ทุกเมื่อ

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 972 สถานการณ์ที่ทำให้คนเป็นบ้าได้ทุกเมื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮู่ว…” หลิงม่อม้วนแผ่นฟิล์มแล้วเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เดินไปทางรั้วเหล็ก ผิวน้ำแหวกเป็นริ้วตามการเคลื่อนไหวของเขา สายตาของเขาทอดมองลึกเข้าไปในทางเดินอุโมงค์นั่น แต่นอกจากความมืดและน้ำขังบนพื้น รวมถึงผนังที่มีแต่ตะไคร่น้ำขึ้นเต็มไปหมดแล้ว ก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นอยู่ตรงนั้นเลย

อย่าว่าแต่เห็นเลย แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ทางเดินทั้งเส้นนอกจากเสียงที่เกิดยามหลิงม่อเคลื่อนไหว ก็แทบไม่มีเสียงอื่นดังขึ้นอีก แต่เพราะความเงียบนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกกดดันสุดขีด โดยเฉพาะหลังจากที่เจอปลากลายพันธุ์ดุร้ายตัวนั้น หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนใต้น้ำนี้มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มันกำลังซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึก และรอให้เขาเข้าไปใกล้อย่างเงียบงัน

พอคิดว่ามีดวงตาคู่หนึ่งซ่อนอยู่ใต้น้ำ หลิงม่อก็อดหนังศีรษะตึงชาไม่ได้ แต่ขณะที่หวาดกลัว หลิงม่อก็ค่อยๆ เดินไปทางรูโหว่บนรั้วเหล็กอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ค่อยๆ ลอดตัวผ่านเข้าไป…

“ซ่าา…”

ขณะที่หุ่นซอมบี้ลอดตัวผ่านรั้วเข้าไป ร่างจริงของหลิงม่อก็ได้เดินตามอวี่เหวินซวนมาจนถึงส่วนลึกของทางเดินอันคับแคบ

สวี่ซูหานเดินตามหลังหลิงม่ออย่างเงียบงัน พลางเหลือบมองเขาเป็นพักๆ

“ยังต้องไปอีกไกลแค่ไหนกัน…” เธออยากจะถาม แต่ก็ทำได้เพียงคิดในใจ

ถึงแม้เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่การต้องเดินอยู่ในพื้นที่ว่างใต้ดินที่มืดและปิดสนิทอย่างนี้ กลับทำให้รู้สึกยากที่จะอดทน และยิ่งเดินลึกเข้าไป ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ยิ่งในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างนี้ด้วยแล้ว…ไม่ได้มีเพียงโคลนใต้เท้าที่ลึกขึ้น ผนังสองข้างทางก็มีของเหลวหนืดเคลือบหนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ของเหลวหนืดพวกนั้นต่างจากที่เห็นก่อนหนี้ พวกมันคล้ายมีสีเลือดเพิ่มขึ้นมา กระทั่งเริ่มมีเศษเล็กๆ น่าสงสัยปะปนอยู่ด้วย

การต้องเดินอยู่ในทางเดินอย่างนี้ ไม่เพียงรู้สึกเหมือนอาจเหยียบโดนอะไรบางอย่างได้ทุกเมื่อ แต่ยังรู้สึกเหมือนว่าอาจมีอะไรบางอย่างผุดออกมาจากของเหลวหนืดบนกำแพงสองข้างทางได้ทุกเมื่อด้วย…

กดดันเกินไปแล้ว! แต่ที่ทำให้รู้สึกกดดันกว่า กลับไม่ใช่ทางเดินเส้นนี้ แต่เป็น…

สวี่ซูหานแอบมองอวี่เหวินซวนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเงียบๆ จุดที่เขาอยู่ห่างจากเธอและหลิงม่อเกือบสิบเมตร นั่นแสดงว่าเขาอยู่ตรงขอบรัศมีแสงไฟฉายเสมอ ซึ่งอดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่า หากพวกเธอเดินช้าไปเพียงก้าวเดียว อวี่เหวินซวนอาจหายกลับเข้าไปในความมืดอีกครั้ง…

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่เรื่องนี้…” สวี่ซูหานจ้องมองแผ่นหลังของเขา แล้วรีบสะบัดหน้าไปมาแรงๆ “ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความคิดฟุ้งซ่านพวกนี้ แต่เป็นอีกเรื่องต่างหาก…” เธอเงยหน้ามองหลิงม่อ มองจากมุมของเธอ ใบหน้าด้านข้างของหลิงม่อดูวงบนิ่งมาก ดวงตายังคงลึกล้ำเหมือนอย่างเคย แม้อยู่ใกล้แค่นี้ แต่เธอก็ยังไม่สามารถเดาอะไรได้จากเสียงหัวใจเต้นของเขาได้เลย

“แต่ถ้ามีอะไรจริงๆ หลิงม่อน่าจะรู้ก่อนเราอีกหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้น…เราคิดมากไปเองหรอ?” สวี่ซูหานอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ก็จริงนะ เราแค่สู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อหลิงม่อตัดสินใจแล้ว ยังไงก็คงไม่…”

หรือจะให้บอกเขาว่า เธอรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างนั้นหรอ? ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกความมืดกลืนกินช้าๆ แต่ยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้อง…และทิศที่มา ก็คือข้างหน้านั้น…แต่ทำไมอวี่เหวินซวนถึงยังยืนยันอยากจะพาพวกเขาไปให้ได้? แล้วก็หลิงม่ออีก ทำไมเขาไม่ถามให้รู้เรื่องก่อน แต่กลับเลือกให้ความร่วมมือง่ายๆ…

“ใกล้ถึงแล้ว” อยู่ๆ เสียงของอวี่เหวินซวนก็ดังขึ้น

เขายังคงเดินต่อไปไม่หยุด เขาเอนร่างไปซ้ายทีขวาทีเพื่อพยายามเดินหน้าต่อไป “ตามมาติดๆ หน่อยล่ะ…อดทนอีกนิดก็จะเห็นแล้ว พวกนายจะต้องตะลึงมากแน่ๆ…”

“ที่ซ่อนตัวของนายเมื่อกี้อยู่ตรงไหน?” อยู่ๆ หลิงม่อที่เงียบมาตลอดทางกลับถามขึ้น

อวี่เหวินซวนชะงักเท้า จากนั้นก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมา

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาถูกไฟส่องอยู่หรือเปล่า สวี่ซูหานมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของอวี่เหวินซวนดูแปลกๆ…เขายิ้ม แล้วบอกเสียงเบาว่า “เดินผ่านมาแล้ว ยังไงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ พวกนายรีบออกไปไม่ใช่หรอ? พวกเราไปดูเร็วๆ แล้วรีบไปกันดีกว่า”

“ผ่านมาแล้วงั้นหรอ…” หลิงม่อเหมือนถามไปอย่างนั้น พอได้ยินก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเถอะ”

“หึหึหึ…” อวี่เหวินซวนมองหน้าเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะพร้อมหมุนตัวกลับไป แล้วเดินหน้าต่อ

“ถามเรื่องนั้นจะไปมีประโยชน์อะไรเล่า ถ้าจะถามก็น่าจะถามว่าตกลงเขาอยากให้เราไปดูอะไรดีกว่า…ฉันรู้สึกไม่ดีกับข้างหน้านั้นเลยจริงๆ…” สวี่ซูหานลอบคิดในใจอีกครั้ง

แต่ในเสี้ยววินาทีที่อวี่เหวินซวนหมุนตัวกลับไป เสียงของหลิงม่อกลับดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูของสวี่ซูหาน “ระวังตัวด้วย”

“ระวังตัว?” สวี่ซูหานชะงัก รีบเงยหน้ามองเขา แต่สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเงาร่างของหลิงม่อที่เดินไปข้างหน้าต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…อย่าว่าแต่สีหน้าเลย แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังคงสงบนิ่งขนาดนั้น…

“ระวังตัวจากอะไรล่ะ?” สวี่ซูหานคิดอย่างตกตะลึงปนงุนงง

ในเสี้ยววินาทีนั้น หลิงม่อพูดได้เพียงสั้นๆ เท่านั้น…แต่เขาต้องการจะเตือนอะไรกันแน่? หรือว่า เขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเธอ?

“ไม่…ไม่สิ! ฉันเข้าใจผิด…ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาพูดอะไร แต่อยู่ที่เขาพูดแบบนั้นทำไมต่างหาก!” สวี่ซูหานม่านตาหดเล็กลงชั่วขณะ เธอเริ่มตระหนักได้แล้ว “ตามหลักแล้ว หลิงม่อเชื่อใจอวี่เหวินซวนมาก…ดังนั้นเขาไม่มีทางระแวงอวี่เหวินซวนแน่นอน! เสี้ยววินาทีเมื่อกี้ ตอนที่อวี่เหวินซวนหมุนตัวกลับไป…ทั้งเสื้อผ้าบนตัวเขา และการเคลื่อนไหว ล้วนสามารถทำให้เกิดเสียงเบาๆ ขึ้นมาได้ หลิงม่อจึงฉวยโอกาสตอนที่เสียงพวกนั้นดังพูดเตือนเธอ…มีเพียงต้องทำอย่างนั้น ถึงจะสามารถมั่นใจได้ว่าอวี่เหวินซวนจะไม่ได้ยินอะไร! ถึงแม้จะมีเสียงอะไร แต่สุดท้ายก็ถูกเสียงเคลื่อนไหวของตัวเองกลบอยู่ดี…”

“แต่สาเหตุที่ทำให้หลิงม่อระวังตัวถึงขั้นนี้ คืออะไรกันแน่?…ไม่ หากมองข้ามจุดนี้ไป สิ่งที่หลิงม่อต้องการบอกฉันจริงๆ ก็คือให้ฉันระวังอวี่เหวินซวนสินะ? แต่ว่า…” สวี่ซูหานมองอวี่เหวินซวนอีกครั้ง ถึงแม้เจ้าเฟิ่งจื่อคนนี้จะเป็นพวกชอบรนหาที่ตาย แต่ไม่ว่าจะมองยังไง เขากลับไม่ได้ดูผิดปกติเลย” ก่อนหน้านี้หลิงม่อไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไรเลย แต่เมื่อกี้เขากลับ…หรือว่าบทสนทนาเมื่อกี้ของพวกเขา จะทำให้หลิงม่อมั่นใจอะไรบางอย่าง…

เดิมที บรรยากาศที่ทำให้เธอรู้สึกกดดันมากอยู่แล้ว กลับยิ่งกดดันหนักกว่าเก่าหลังจากที่หลิงม่อส่งสัญญาณเตือนเธออย่างนั้น…ทางเดินอันเหยียดยาว และเงาร่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้าสุดนั่น…

“ใกล้ถึงแล้วใช่ไหม?” หลิงม่อโพล่งถามขึ้นมาอีกครั้ง

อวี่เหวินซวนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร กลับเป็นสวี่ซูหานที่ใจเต้น “ตึกตัก” ทันที ถึงเธอจะยังไม่เข้าใจนัก แต่พอได้ยินหลิงม่อถามขึ้น ร่างกายของเธอก็เกร็งขึ้นชั่วขณะอย่างไม่รู้ตัว ดีที่เธอสวมหน้ากากไว้ จึงไม่ต้องปั้นหน้า หรือแสร้งทำเป็นมองอวี่เหวินซวนด้วยสายตาสงบนิ่งมากนัก…

“ใกล้แล้วๆ…” อวี่เหวินซวนบอกโดยไม่หันมามอง

แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว อยู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงชะลอฝีเท้าช้าลง และหยุดเดินในที่สุด

ข้างหลังเขา หลิงม่อกับสวี่ซูหานยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ไม่มีทีท่าจะเดินต่อ…

“เป็นอะไรไป?” ตอนนี้อวี่เหวินซวนยืนอยู่นอกรัศมีแสงไฟฉายแล้ว เขาหันหน้ากลับมา แล้วถามเสียงเบา

ถึงแม้มองไม่เห็นสีหน้าเขา แต่กลับสัมผัสได้ถึงความร้อนรนจากท่าทางของเขา “อย่าเพิ่งหยุดเดินสิ เดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งรอยเมตร พวกเราก็จะถึงแล้ว ทำไมถึงต้องหยุดเดินตอนนี้ด้วยล่ะ มันเสียเวลานะ…”

“เสียเวลาจริงๆ นั่นแหละ…ถ้าไม่ใช่เพราะอยากให้นายนำทางล่ะก็นะ” หลิงม่อเปิดปากพูด ทำเอาสวี่ซูหานหัวใจเต้นโครมคราม

ให้เขานำทาง? หมายความว่ายังไง?

อีกอย่างน้ำเสียงนี้ของเขา…นี่ เดี๋ยวสิ ไอ้น้ำเสียงเฉยเมยเวลาพูดถีบหัวส่งคนอื่นอย่างนี้มันอะไรกัน! หรือว่าเธอเข้าใจผิดทั้งหมด? ที่เขาบอกว่า “ระวังตัวด้วย” ความจริงมันไม่ได้มีความหมายแฝงลึกซึ้งอะไรเลย เป็นแค่คำขู่อย่างหนึ่งงั้นหรอ!

“ฉันตัดสินใจจะอาละวาดแล้ว เธอระวังตัวไว้ให้ดี…” เขาหมายความอย่างนี้งั้นหรอ!

“ไม่หรอกๆ…ถึงอากาศที่นี่จะแย่ไปหน่อย สภาพแวดล้อมก็ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำให้เขาสติแตกหรอก…” สวี่ซูหานยืนปากอ้าตาค้างอยู่ข้างหลังหลิงม่อ “แล้วตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย!”

——————————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+