แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 974 ปกติผลงานที่สมบูรณ์แบบมักทนมือทนเท้าได้ค่อนข้างดี

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 974 ปกติผลงานที่สมบูรณ์แบบมักทนมือทนเท้าได้ค่อนข้างดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขลุกขลักๆๆ…”

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก คือร่างกายของเขา…

แขนขาที่ค่อนข้างบิดเบี้ยวของ “อวี่เหวินซวน” ค่อยๆ ยืดยาวขึ้นท่ามกลางเสียงดังชวนหวาดเสียว ตอนแรกเป็นแขน ต่อมาก็ขาทั้งสองข้าง เหมือนกับว่ากระดูกของเขากำลังเชื่อมต่อกันใหม่ หลังจากที่ถูกตีหักกะทันหัน

กระทั่งเมื่อเขาเผยร่างที่แท้จริงออกมา ส่วนสูงของเขาก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อกี้เกือบยี่สิบเมตรเลยทีเดียว แขนที่ยาวจนประหลาดห้อยต่องแต่งอยู่ข้างลำตัว และแกว่งไกวไปมาเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อในตัวเขาเริ่มขยับเขยื้อนและพองตัวขึ้น ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที เขาได้กลายร่างจากร่างกาย “มนุษย์” ปกติคนหนึ่ง เป็น…

“กอลิลลาไร้ขน…” สวี่ซูหานคิดอย่างขนลุก

ระหว่างที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไป ผิวหนังของสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เริ่มปริแตก เผยให้เห็นผิวสีชมพูกึ่งใสชั้นหนึ่ง ผิวหนังชั้นนอกลอกออกจากตัวและร่วงลงบนพื้น และหลังจากที่ผิวหนังบนหน้าลอกออกหมดแล้ว รูปร่างหน้าตาของมนุษย์ประหลาดตัวนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือเค้าโครงของอวี่เหวินซวนเลยแม้แต่น้อย

ชั่วพริบตา มนุษย์ประหลาดตัวนี้ได้แสดงมายากลแปลงร่างอันน่าทึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะผู้ชม หลิงม่อกับสวี่ซูหานได้แต่อึ้งตาค้าง

นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย? ปลอมตัว? กิ้งก่าเปลี่ยนสี?

และไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ระหว่างที่มนุษย์ประหลาดตัวนี้กำลังแปลงร่าง สีตาและเสียงพูดของมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ม่านตาของมันค่อยๆ กลายเป็นสีแดง และเสียงหัวเราะก็เล็กแหลมขึ้นกว่าเดิม…

“คิกคิก…ดูเหมือนพวกแกจะตกใจมากเลยนะ…” สัตว์ประหลาดเงยหน้า เผยให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่น ขณะเดียวกันก็เลียริมฝีปาก บอกว่า “คิกคิกคิก…ความจริงฉันก็ตกใจเหมือนกัน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่กลับมาพลิกผันเอาตอนนี้ซะได้ น่าเสียดายจริงๆ…”

“นี่มัน…ใกล้สำเร็จตรงไหนไม่ทราบ หลิงม่อบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าแค่หลอกให้แกนำทางมา…” สวี่ซูหานหางตากระตุก อดพูดขึ้นไม่ได้

ทว่าเจ้าสัตว์ประหลาดกลับเบิกตากว้าง ฉีกมุมปากกว้างจนถึงใบหู เผยให้เห็นรอยยิ้มน่าสยดสยอง “คิกคิกคิกคิก! ฉันหมายถึงพวกแกต่างหากล่ะ! น่าเสียดายแทนพวกแกนะ…อุตส่าห์มีโอกาสได้ตายอย่างสบายๆ แล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องมาทรมานก่อนตาย…น่ากลัวมากใช่ไหมล่ะ? โดยเฉพาะสำหรับมนุษย์อย่างพวกแก…”

เสียงหัวเราะเสียดแทงแก้วหูของมันดังก้องอยู่ในทางเดินเส้นนี้ไม่หยุด บวกกับน้ำเสียงของมัน ทำเอาสวี่ซูหานอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อกี้ตอนที่ถูกเปิดโปง มันยังโกรธแค้นปนอับอายอยู่เลย กระทั่งมีท่าทีตะลึงลนลานด้วยซ้ำ…หรือนั่นก็เป็นการแสดงเหมือนกัน? หรือว่า ตอนนี้ต่างหากที่มันกำลังแสดงละครอยู่? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สามารถแปลงร่างเป็น “อีกคน” ได้ สวี่ซูหานก็หวาดกลัวไม่น้อยเหมือนกัน…

“ไม่ต้องกลัว” หลิงม่อกลับอ้าปากพูดขึ้น “ไม่ว่าพลังประเภทไหนล้วนมีข้อจำกัด อย่างเช่นการแปลงร่างของมัน ฉันว่านอกจากจะแปลงร่างได้ไม่นานแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมันคือต้องสัมผัสถูกร่างอีกฝ่ายก่อนถึงจะแปลงร่างเลียนแบบอีกฝ่ายได้”

“แปลงร่างได้ไม่นาน…” เรื่องนี้ไม่ได้เข้าใจยากอะไร อย่างอื่นไม่ว่า แต่เรื่องนี้แค่ดูจากระหว่างที่มันลอกหนังก็รู้แล้ว ความจริงแล้วธรรมชาติของการสร้างและเปลี่ยนแปลงผิวหนัง ค่อนข้างเหมือนกับพลังฟื้นตัวของซอมบี้ ดังนั้นการที่หลิงม่อสันนิฐานนอย่างนี้ก็ไม่แปลก และหากคิดดีๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เร่งพวกเขามาตลอดทาง หลังจากถูกจับได้ก็รีบคลายพลัง เห็นชัดว่าเป็นเพราะเผาผลาญพลังงานไปมาก แต่เรื่องที่สองล่ะ? การแปลงร่างย่อมต้อมการต้นแบบเป็นเรื่องปกติ แต่หากจะทำอย่างนั้นได้ แค่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดแล้วลอบสังเกตการณ์เงียบๆ ก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?

แต่พอได้ยินคำพูดของหลิงม่อ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็หยุดหัวเราะทันที มันจ้องหลิงม่อเขม็ง ทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดอะไร ทว่าดูออกว่ามันสูญเสียความย่ามใจที่มีเมื่อครู่ไปแล้ว

หลิงม่อยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ตัวของมัน บอกว่า “ถึงแม้สามารถแปลงร่างได้ แต่กลับไม่สามารถเสกเสื้อผ้าขึ้นมาได้…เสื้อผ้าชุดนี้ ต้องเป็นของอวี่เหวินซวนแน่นอน…เขาอยู่ไหน?”

“ใช่แล้ว! เสื้อผ้า!”

สวี่ซูหานใจเต้น เธอรีบหันไปมอง…แต่บอกตามตรง ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจมองเสื้อนอกตัวนั้นดีๆ ก็อาจมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ เมื่อรูปร่างของสัตว์ประหลาดเปลี่ยนไป เสื้อตัวนั้นก็ฉีกเป็นสองส่วนกลายเป็นเหมือนเสื้อกั๊กที่ห้อยอยู่บนไหล่มัน และแทบจะกลืนไปกับผิวสีดำของมันหนึ่งเดียว

“นั่นมัน…ของอวี่เหวินซวน…” สวี่ซูหานอดเหลือบมองหลิงม่อไม่ได้…บางทีที่เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ได้ อาจไม่ใช่เพราะเขารอบคอบอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะตั้งแต่ลงมาใต้ดิน เขาก็เป็นห่วงอวี่เหวินซวนตลอด ถึงเจ้าเฟิ่งจื่อคนนั้นจะบ้าบิ่นอีกแค่ไหน แต่เขาก็ทำไปเพื่อตามหาหลิงม่อ เรื่องนี้ เกรงว่าหลิงม่อรู้แก่ใจยิ่งกว่าตัวอวี่เหวินซวนเสียอีก

“เสื้อผ้า…” เจ้าสัตว์ประหลาดทวนซ้ำกับตัวเอง จากนั้นก็จ้องร่างกายตัวเองแล้วหัวเราะขึ้นมา “คิกคิกคิก…ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…ดูเหมือนว่าฉันจะโง่ไปหน่อยนะ คงเพราะสังเกตการณ์ไม่มากพอสินะ…” ทันใดนั้น มันเงยหน้าขึ้นมองหลิงม่อ บอกว่า “แกน่าสนใจมาก เป็นแบบอย่างที่ดีต่อการเรียนรู้ ถ้าหากฉันแปลงร่างเป็นแกได้ ก็น่าจะขึ้นไปบนดินได้สินะ? ฉันรู้ มนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์ ยังมีมนุษย์อีกมากที่รวมตัวกันอยู่ แกรู้ไหม ว่าเนื้อมนุษย์อร่อยที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะ…”

“แกไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?” หลิงม่อตัดบทมัน

เจ้าสัตว์ประหลาดชะงักไปชั่วขณะ ไม่นานมันก็ล้วงมือควานหาในกระเป๋าเสื้อ “แกอยากรู้ไม่ใช่หรอว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้อยู่ที่ไหน? แกคงสงสัยมากสินะ? ว่าฉันเอาเสื้อตัวนี้มาจากเขาได้ยังไง? ว่าไงล่ะ อยากรู้มากใช่ไหม? จินตนาการดูสิ มนุษย์จินตนาการเก่งมากไม่ใช่หรอ? คิกคิกคิก…”

“น่าต่อยปากนัก!” สวี่ซูหานกำหมัดแน่น พลางคิดอย่างเดือดดาล

แต่พอหันไปมองหลิงม่อ เธอจึงเพิ่งค้นพบว่ามือข้างหนึ่งของผู้ชายคนนี้ไขว้ไปข้างหลัง และกำลังกำหมัดแน่นเหมือนกัน…แต่สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง กระทั่งสงบนิ่งจนผิดปกติด้วยซ้ำ “ฉันจะถามอีกครั้ง…เขาอยู่ไหน?”

“ไหนขอฉันคิดดูก่อนซิ…” ไม่นานสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ควานเจอบุหรี่ซองหนึ่ง มันล้วงออกมาแล้วโยนเล่น จากนั้นก็บีบมันแตกคามือดัง “แคร่ก” ขณะเดียวกัน มันเผยสีหน้าชั่วร้ายออกมา “บางทีอาจกลายเป็นเหมือนบุหรี่ซองนี้ไปแล้วก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า! ว่าไงล่ะ แกคงอยากรู้มากสินะ? แต่แกก็รู้ดี ว่าใช้อาวุธกับฉันไม่ได้ผลหรอก…ดังนั้น แกคิดจะทำยังไงล่ะ? บอกตามตรง ฉันอยากรู้มาก…ฉันไม่เหมือนกับแกสตองหรอกนะ หมอนั่นมันแค่ผลงานที่ล้มเหลว…”

“แกสตอง? อ๋อ…สัตว์ประหลาดตัวเมื่อกี้สินะ…แต่ผลงานที่ล้มเหลวหมายความว่าอะไรกัน?” สวี่ซูหานคิด

แต่ว่า…เจ้าตัวนั้นเหมือนแกสตองตรงไหนกันล่ะเนี่ย! นอกจากไม่มีแขนขากับหัวกลมแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เห็นจะเหมือนเลยนี่! งั้นเจ้าตัวนี้ล่ะ? มันชื่ออะไร…”

“บอกไว้ก่อน อย่าเอาแต่เรียกฉันว่าแก แก แกอยู่ได้ ฉันก็มีชื่อเหมือนกัน ฉันชื่อโอเบลิสก์…อ๊าก!”

“โครม!”

ยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ เท้าของมันก็ลื่น ร่างกายสูงใหญ่ล้มไปข้างหน้า ขณะที่มันพยายามฝ่ามือสองข้างยันพื้น ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างของมันก็พับลงดัง “กร๊อบ” เหมือนกัน…

“ผลุบ!”

หน้าของเจ้าสัตว์ประหลาดทิ่มลงไปในโคลนเต็มๆ ถึงแม้มันจะรีบเงยหน้าขึ้น แต่สิ่งที่มันเห็นหลังจากเงยหน้าขึ้นทันที กลับเป็นหลิงม่อที่ราวกับหายตัวมายืนอยู่ตรงหน้ามัน ขณะเดียวกันลำคอของมันรู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาล ราวกับว่ามีปลอกคอสวมไว้ที่คอมัน และปลายสายจูงก็อยู่ในมือของหลิงม่ออย่างไรอย่างนั้น…

“ใครบอกว่าความรุนแรงใช้ไม่ได้ผลกัน?”

เมื่อเสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น ปากที่เพิ่งอ้าของสัตว์ประหลาดก็ถูกตวัดไปอีกด้านทันที และเมื่อหลิงม่อทิ้งตัวลงพื้น ร่างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดก็พุ่งไปข้างหน้า ล้มลงในกองโคลนอีกครั้ง

“ที่แท้นายกำหมัดเพราะอย่างนี้เองหรอ!” สวี่ซูหานปากอ้าตาค้าง…นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว! แต่ว่า…เพราะว่าเลือกจังหวะได้แม่นยำ ถึงได้ลอบโจมตีสำเร็จสินะ…เพราะแม้แต่เธอก็ยังคาดไม่ถึงเลย…

หลังจากล้มหน้าทิ่มไปสองครั้งติดกัน เจ้าสัตว์ประหลาดเงยหน้าอีกครั้ง เสียงพูดของมันเปลี่นเป็นคลุมเครือไม่ชัดเจน “ไม่มีประโยชน์หรอก! แกรอเก็บศพได้เลย! ไม่สิ…แกจะไม่ได้เห็นแม้แต่ศพ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจถูกย่อยสลายไปแล้ว…”

หลิงม่อค่อยๆ หยัดยืนตัวตรง ก้มหน้าพูดกับเจ้าสัตว์ประหลาด “ฉันก็ไม่ได้คิดจะใช้วิธีนี้เค้นถามแก…”

“แกเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่หรอ? งั้นก็แสดงว่าทนมือทนเท้าได้ดีกว่าเจ้าแกสตองนั่นน่ะสิ?” หลิงม่อยิ้มอ่อน พลางพูด

——————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ 974 ปกติผลงานที่สมบูรณ์แบบมักทนมือทนเท้าได้ค่อนข้างดี

Now you are reading แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ Chapter 974 ปกติผลงานที่สมบูรณ์แบบมักทนมือทนเท้าได้ค่อนข้างดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขลุกขลักๆๆ…”

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรก คือร่างกายของเขา…

แขนขาที่ค่อนข้างบิดเบี้ยวของ “อวี่เหวินซวน” ค่อยๆ ยืดยาวขึ้นท่ามกลางเสียงดังชวนหวาดเสียว ตอนแรกเป็นแขน ต่อมาก็ขาทั้งสองข้าง เหมือนกับว่ากระดูกของเขากำลังเชื่อมต่อกันใหม่ หลังจากที่ถูกตีหักกะทันหัน

กระทั่งเมื่อเขาเผยร่างที่แท้จริงออกมา ส่วนสูงของเขาก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อกี้เกือบยี่สิบเมตรเลยทีเดียว แขนที่ยาวจนประหลาดห้อยต่องแต่งอยู่ข้างลำตัว และแกว่งไกวไปมาเหมือนลูกตุ้มนาฬิกา ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อในตัวเขาเริ่มขยับเขยื้อนและพองตัวขึ้น ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที เขาได้กลายร่างจากร่างกาย “มนุษย์” ปกติคนหนึ่ง เป็น…

“กอลิลลาไร้ขน…” สวี่ซูหานคิดอย่างขนลุก

ระหว่างที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไป ผิวหนังของสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เริ่มปริแตก เผยให้เห็นผิวสีชมพูกึ่งใสชั้นหนึ่ง ผิวหนังชั้นนอกลอกออกจากตัวและร่วงลงบนพื้น และหลังจากที่ผิวหนังบนหน้าลอกออกหมดแล้ว รูปร่างหน้าตาของมนุษย์ประหลาดตัวนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือเค้าโครงของอวี่เหวินซวนเลยแม้แต่น้อย

ชั่วพริบตา มนุษย์ประหลาดตัวนี้ได้แสดงมายากลแปลงร่างอันน่าทึ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะผู้ชม หลิงม่อกับสวี่ซูหานได้แต่อึ้งตาค้าง

นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย? ปลอมตัว? กิ้งก่าเปลี่ยนสี?

และไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ระหว่างที่มนุษย์ประหลาดตัวนี้กำลังแปลงร่าง สีตาและเสียงพูดของมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ม่านตาของมันค่อยๆ กลายเป็นสีแดง และเสียงหัวเราะก็เล็กแหลมขึ้นกว่าเดิม…

“คิกคิก…ดูเหมือนพวกแกจะตกใจมากเลยนะ…” สัตว์ประหลาดเงยหน้า เผยให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่น ขณะเดียวกันก็เลียริมฝีปาก บอกว่า “คิกคิกคิก…ความจริงฉันก็ตกใจเหมือนกัน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วแท้ๆ แต่กลับมาพลิกผันเอาตอนนี้ซะได้ น่าเสียดายจริงๆ…”

“นี่มัน…ใกล้สำเร็จตรงไหนไม่ทราบ หลิงม่อบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าแค่หลอกให้แกนำทางมา…” สวี่ซูหานหางตากระตุก อดพูดขึ้นไม่ได้

ทว่าเจ้าสัตว์ประหลาดกลับเบิกตากว้าง ฉีกมุมปากกว้างจนถึงใบหู เผยให้เห็นรอยยิ้มน่าสยดสยอง “คิกคิกคิกคิก! ฉันหมายถึงพวกแกต่างหากล่ะ! น่าเสียดายแทนพวกแกนะ…อุตส่าห์มีโอกาสได้ตายอย่างสบายๆ แล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องมาทรมานก่อนตาย…น่ากลัวมากใช่ไหมล่ะ? โดยเฉพาะสำหรับมนุษย์อย่างพวกแก…”

เสียงหัวเราะเสียดแทงแก้วหูของมันดังก้องอยู่ในทางเดินเส้นนี้ไม่หยุด บวกกับน้ำเสียงของมัน ทำเอาสวี่ซูหานอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อกี้ตอนที่ถูกเปิดโปง มันยังโกรธแค้นปนอับอายอยู่เลย กระทั่งมีท่าทีตะลึงลนลานด้วยซ้ำ…หรือนั่นก็เป็นการแสดงเหมือนกัน? หรือว่า ตอนนี้ต่างหากที่มันกำลังแสดงละครอยู่? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่สามารถแปลงร่างเป็น “อีกคน” ได้ สวี่ซูหานก็หวาดกลัวไม่น้อยเหมือนกัน…

“ไม่ต้องกลัว” หลิงม่อกลับอ้าปากพูดขึ้น “ไม่ว่าพลังประเภทไหนล้วนมีข้อจำกัด อย่างเช่นการแปลงร่างของมัน ฉันว่านอกจากจะแปลงร่างได้ไม่นานแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมันคือต้องสัมผัสถูกร่างอีกฝ่ายก่อนถึงจะแปลงร่างเลียนแบบอีกฝ่ายได้”

“แปลงร่างได้ไม่นาน…” เรื่องนี้ไม่ได้เข้าใจยากอะไร อย่างอื่นไม่ว่า แต่เรื่องนี้แค่ดูจากระหว่างที่มันลอกหนังก็รู้แล้ว ความจริงแล้วธรรมชาติของการสร้างและเปลี่ยนแปลงผิวหนัง ค่อนข้างเหมือนกับพลังฟื้นตัวของซอมบี้ ดังนั้นการที่หลิงม่อสันนิฐานนอย่างนี้ก็ไม่แปลก และหากคิดดีๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็เร่งพวกเขามาตลอดทาง หลังจากถูกจับได้ก็รีบคลายพลัง เห็นชัดว่าเป็นเพราะเผาผลาญพลังงานไปมาก แต่เรื่องที่สองล่ะ? การแปลงร่างย่อมต้อมการต้นแบบเป็นเรื่องปกติ แต่หากจะทำอย่างนั้นได้ แค่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดแล้วลอบสังเกตการณ์เงียบๆ ก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?

แต่พอได้ยินคำพูดของหลิงม่อ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็หยุดหัวเราะทันที มันจ้องหลิงม่อเขม็ง ทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดอะไร ทว่าดูออกว่ามันสูญเสียความย่ามใจที่มีเมื่อครู่ไปแล้ว

หลิงม่อยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่ตัวของมัน บอกว่า “ถึงแม้สามารถแปลงร่างได้ แต่กลับไม่สามารถเสกเสื้อผ้าขึ้นมาได้…เสื้อผ้าชุดนี้ ต้องเป็นของอวี่เหวินซวนแน่นอน…เขาอยู่ไหน?”

“ใช่แล้ว! เสื้อผ้า!”

สวี่ซูหานใจเต้น เธอรีบหันไปมอง…แต่บอกตามตรง ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจมองเสื้อนอกตัวนั้นดีๆ ก็อาจมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ เมื่อรูปร่างของสัตว์ประหลาดเปลี่ยนไป เสื้อตัวนั้นก็ฉีกเป็นสองส่วนกลายเป็นเหมือนเสื้อกั๊กที่ห้อยอยู่บนไหล่มัน และแทบจะกลืนไปกับผิวสีดำของมันหนึ่งเดียว

“นั่นมัน…ของอวี่เหวินซวน…” สวี่ซูหานอดเหลือบมองหลิงม่อไม่ได้…บางทีที่เขาสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ได้ อาจไม่ใช่เพราะเขารอบคอบอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะตั้งแต่ลงมาใต้ดิน เขาก็เป็นห่วงอวี่เหวินซวนตลอด ถึงเจ้าเฟิ่งจื่อคนนั้นจะบ้าบิ่นอีกแค่ไหน แต่เขาก็ทำไปเพื่อตามหาหลิงม่อ เรื่องนี้ เกรงว่าหลิงม่อรู้แก่ใจยิ่งกว่าตัวอวี่เหวินซวนเสียอีก

“เสื้อผ้า…” เจ้าสัตว์ประหลาดทวนซ้ำกับตัวเอง จากนั้นก็จ้องร่างกายตัวเองแล้วหัวเราะขึ้นมา “คิกคิกคิก…ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…ดูเหมือนว่าฉันจะโง่ไปหน่อยนะ คงเพราะสังเกตการณ์ไม่มากพอสินะ…” ทันใดนั้น มันเงยหน้าขึ้นมองหลิงม่อ บอกว่า “แกน่าสนใจมาก เป็นแบบอย่างที่ดีต่อการเรียนรู้ ถ้าหากฉันแปลงร่างเป็นแกได้ ก็น่าจะขึ้นไปบนดินได้สินะ? ฉันรู้ มนุษย์ยังไม่สูญพันธุ์ ยังมีมนุษย์อีกมากที่รวมตัวกันอยู่ แกรู้ไหม ว่าเนื้อมนุษย์อร่อยที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตแล้วล่ะ…”

“แกไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?” หลิงม่อตัดบทมัน

เจ้าสัตว์ประหลาดชะงักไปชั่วขณะ ไม่นานมันก็ล้วงมือควานหาในกระเป๋าเสื้อ “แกอยากรู้ไม่ใช่หรอว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้อยู่ที่ไหน? แกคงสงสัยมากสินะ? ว่าฉันเอาเสื้อตัวนี้มาจากเขาได้ยังไง? ว่าไงล่ะ อยากรู้มากใช่ไหม? จินตนาการดูสิ มนุษย์จินตนาการเก่งมากไม่ใช่หรอ? คิกคิกคิก…”

“น่าต่อยปากนัก!” สวี่ซูหานกำหมัดแน่น พลางคิดอย่างเดือดดาล

แต่พอหันไปมองหลิงม่อ เธอจึงเพิ่งค้นพบว่ามือข้างหนึ่งของผู้ชายคนนี้ไขว้ไปข้างหลัง และกำลังกำหมัดแน่นเหมือนกัน…แต่สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง กระทั่งสงบนิ่งจนผิดปกติด้วยซ้ำ “ฉันจะถามอีกครั้ง…เขาอยู่ไหน?”

“ไหนขอฉันคิดดูก่อนซิ…” ไม่นานสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ควานเจอบุหรี่ซองหนึ่ง มันล้วงออกมาแล้วโยนเล่น จากนั้นก็บีบมันแตกคามือดัง “แคร่ก” ขณะเดียวกัน มันเผยสีหน้าชั่วร้ายออกมา “บางทีอาจกลายเป็นเหมือนบุหรี่ซองนี้ไปแล้วก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า! ว่าไงล่ะ แกคงอยากรู้มากสินะ? แต่แกก็รู้ดี ว่าใช้อาวุธกับฉันไม่ได้ผลหรอก…ดังนั้น แกคิดจะทำยังไงล่ะ? บอกตามตรง ฉันอยากรู้มาก…ฉันไม่เหมือนกับแกสตองหรอกนะ หมอนั่นมันแค่ผลงานที่ล้มเหลว…”

“แกสตอง? อ๋อ…สัตว์ประหลาดตัวเมื่อกี้สินะ…แต่ผลงานที่ล้มเหลวหมายความว่าอะไรกัน?” สวี่ซูหานคิด

แต่ว่า…เจ้าตัวนั้นเหมือนแกสตองตรงไหนกันล่ะเนี่ย! นอกจากไม่มีแขนขากับหัวกลมแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เห็นจะเหมือนเลยนี่! งั้นเจ้าตัวนี้ล่ะ? มันชื่ออะไร…”

“บอกไว้ก่อน อย่าเอาแต่เรียกฉันว่าแก แก แกอยู่ได้ ฉันก็มีชื่อเหมือนกัน ฉันชื่อโอเบลิสก์…อ๊าก!”

“โครม!”

ยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ เท้าของมันก็ลื่น ร่างกายสูงใหญ่ล้มไปข้างหน้า ขณะที่มันพยายามฝ่ามือสองข้างยันพื้น ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างของมันก็พับลงดัง “กร๊อบ” เหมือนกัน…

“ผลุบ!”

หน้าของเจ้าสัตว์ประหลาดทิ่มลงไปในโคลนเต็มๆ ถึงแม้มันจะรีบเงยหน้าขึ้น แต่สิ่งที่มันเห็นหลังจากเงยหน้าขึ้นทันที กลับเป็นหลิงม่อที่ราวกับหายตัวมายืนอยู่ตรงหน้ามัน ขณะเดียวกันลำคอของมันรู้สึกได้ถึงแรงดึงมหาศาล ราวกับว่ามีปลอกคอสวมไว้ที่คอมัน และปลายสายจูงก็อยู่ในมือของหลิงม่ออย่างไรอย่างนั้น…

“ใครบอกว่าความรุนแรงใช้ไม่ได้ผลกัน?”

เมื่อเสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น ปากที่เพิ่งอ้าของสัตว์ประหลาดก็ถูกตวัดไปอีกด้านทันที และเมื่อหลิงม่อทิ้งตัวลงพื้น ร่างกายของเจ้าสัตว์ประหลาดก็พุ่งไปข้างหน้า ล้มลงในกองโคลนอีกครั้ง

“ที่แท้นายกำหมัดเพราะอย่างนี้เองหรอ!” สวี่ซูหานปากอ้าตาค้าง…นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว! แต่ว่า…เพราะว่าเลือกจังหวะได้แม่นยำ ถึงได้ลอบโจมตีสำเร็จสินะ…เพราะแม้แต่เธอก็ยังคาดไม่ถึงเลย…

หลังจากล้มหน้าทิ่มไปสองครั้งติดกัน เจ้าสัตว์ประหลาดเงยหน้าอีกครั้ง เสียงพูดของมันเปลี่นเป็นคลุมเครือไม่ชัดเจน “ไม่มีประโยชน์หรอก! แกรอเก็บศพได้เลย! ไม่สิ…แกจะไม่ได้เห็นแม้แต่ศพ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจถูกย่อยสลายไปแล้ว…”

หลิงม่อค่อยๆ หยัดยืนตัวตรง ก้มหน้าพูดกับเจ้าสัตว์ประหลาด “ฉันก็ไม่ได้คิดจะใช้วิธีนี้เค้นถามแก…”

“แกเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่หรอ? งั้นก็แสดงว่าทนมือทนเท้าได้ดีกว่าเจ้าแกสตองนั่นน่ะสิ?” หลิงม่อยิ้มอ่อน พลางพูด

——————————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+