แม่ครัวยอดเซียน 162 หัวข้อสนทนาของเหล่าผู้ชม

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 162 หัวข้อสนทนาของเหล่าผู้ชม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พวกเจ้าดูสิ 10 อันดับแรกที่อยู่บนเวที หงอวี้จากเผ่ามารกำลังปรุงยาอยู่ แต่เมื่อเทียบกับหลงหลิวหลีแล้ว ท่าทางนางตึงเครียด แต่ท่าทางของหลงหลิวหลีจะดูเป็นธรรมชาติกว่า อีกทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง ใช่แล้ว งดงาม”

“ใช่ ท่าทางของหลิวหลีดูงดงามอย่างมาก แต่กลับไม่ได้ดูพร่ำเพรื่อเกินไป มิน่าอายุน้อยแค่นี้ก็สามารถปรุงยาระดับ 8 ได้แล้ว”

“ภาพยันต์ที่ไต้ซือหยวนเจินวาดขึ้นมาก็ไม่เลว มีแสงส่องประกาย แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา”

“ได้ยินมาว่าไต้ซือหยวนเจินจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง เข้าใจหลักธรรมคำสอนอย่างลึกซึ้ง ถือว่าเป็นนักบวชในรุ่นใหม่ๆ”

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

“หนานกงเวิ่นเทียนจากหกุลหนานกงที่เป็นอันดับสาม เขาวาดริ้วศักดิ์สิทธิ์ แถมยังมีพลังเหมันต์แฝงอยู่ หนานกงเวิ่นเทียนควบคุมได้ดีทีเดียว”

“พูดถึงเรื่องนี้ ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนหมั้นหมายกันแล้ว ของหมั้นที่หลงหลิวหลีมอบอีกฝ่ายให้เป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งโลกอสูรเทพ”

“นั่นสิ อสูรเทพทั้งห้าเผ่าต่างก็มาร่วมงาน ถึงจะเป็นอสูรน้อย แต่ได้ยินมาว่าหลังจากนั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยไปเหยียบที่เผ่าอสูรเทพทั้งห้าจนเกือบพัง”

“ใช่ แต่ถึงแม้ว่าหลงหลิวหลีจะเป็นนักปรุงยา แต่ก็คงไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับอสูรเทพกระมัง”

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร หลิวหลิวหลีได้มรดกจากบรรบุรุษ มีเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพทั้งห้าในแดนลี้ลับอสูรเทพ ได้ยินมาว่าหลิวหลีมอบมันให้กับอสูรเทพทั้งห้ากับเผ่าอสูรเทพทั้งห้าคนละหนึ่งหยด อย่าดูถูกเลือดหยดนี้เชียว นั่นคือเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพในตำนาน พลังในนั้นไม่บอกก็รู้ว่ามากมายเพียงใด”

“หลงหลิวหลีช่างใจกว้างเสียจริง ถึงขนาดยกให้คนอื่นได้โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มิน่าเผ่าอสูรเทพถึงได้เห็นแก่หน้านาง”

“ตอนนี้หลงหลิวหลีถือเป็นคนที่มีหน้ามีตาในทั้งห้าสกุลเช่นกัน”

“กลับมาที่เมื่อครู่ ถึงภาพนั้นดูอลังการยิ่งนัก ถึงจะเป็นอสูรเด็ก แต่ก็เป็นอสูรเทพ อีกอย่างหลิวหลีเป็นคนใจกว้าง ได้ยินมาว่าแจกยาศักดิ์สิทธิ์กว่าพันเม็ด แถมยังเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศทั้งหมด ตอนนั้นผู้นำสกุลหนานกงยิ้มจนแก้มปริ”

“สองคนนี้เหมาะสมกันมาก ราวกิ่งทองใบหยก”

“พวกเรามาดูกันต่อเถอะ อันดับที่สี่ เฟยเผิงเป็นผู้บำเพ็ญอสูรนี่ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญอสูรจะมีความสามารถเช่นนี้ วาดภาพยันต์ ลายเส้นยันต์นั้นดูน่าเกรงขามไม่เบา”

“นั่นสิ จะประมาทผู้บำเพ็ญอสูรไม่ได้เลย”

“อันดับที่ห้าตวนมู่เหยา เป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกล ดูไม่ออกเลยจริงๆ”

“ดูออกหรือไม่ว่าเขาวางค่ายกลอะไร”

“ข้าโง่เขลาเบาปัญญา ดูไม่ออกจริงๆ แต่ดูๆแล้วลึกล้ำเกินคาดเดา ไม่น่าต่ำกว่าระดับ 6”

“อันดับ 6 กงเพียวเพียวเหมือนจะเป็นเทพเหมันต์ นางก็วาดริ้วศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เป็นริ้วศักดิ์สิทธิ์ธาตุเหมันต์ ไม่รู้ว่าริ้วศักดิ์สิทธิ์ของนางกับหนานกงเวิ่นเทียน ใครจะสุดยอดกว่ากัน”

“กงเพียวเพียวผู้นี้ต้องเป็นยอดหญิงงามแน่”

“ไม่แน่นะ ถึงหลงหลิวหลีจะแต่งกายในชุดผู้ชายตลอด แต่ถ้านางใส่ชุดผู้หญิงขึ้นมาจะต้องกลายเป็นสาวงามแน่”

“เจ้าลองดูท่าทางหลงหลิวหลีสิ ต้องเป็นสาวงามแน่นอน เพียงแต่เพราะเหตุใดหลงหลิวหลีจึงไม่แต่งกายในชุดผู้หญิง”

“จริงสิ ตั้งแต่หลงหลิวหลีมีชื่อเสียงขึ้นมา ก็ใส่ชุดผู้ชายมาโดยตลอด แถมไม่กลัวจะถูกเข้าใจผิดด้วย”

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นหลงหลิวหลี”

“ส่วนเยี่ยซิงขวงจากเผ่ามารคนนี้หยิ่งทะนง ไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากผ่านด่านที่สองไป เขาก็ดูสงบเสงี่ยมลงมาก เขาทำอาวุธได้ด้วยนะ นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายจากเผ่ามารจะชอบทำอาวุธ”

“ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่ชื่นชม แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ”

“ถัดจากนั้นก็เป็นผู้บำเพ็ญอสูร พูดตามตรง ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้บำเพ็ญอสูรคนนี้มาจากที่ใด อีกอย่างอสูรตนนี้เก่งกาจนัก เขายังมีความรู้ด้านค่ายกลอยู่ด้วย”

“ผู้บำเพ็ญอสูรที่รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะ 4 แขนงมีไม่มาก มิน่า 10 อันดับแรกจึงมีผู้บำเพ็ญสายอสูร 2 คน ไม่น่าแปลกใจเลยจริง ๆ”

“ท่านนี้คือพระเทียนซิน ความรู้เรื่องพระธรรมช่างลึกซึ้ง น่าเสียดายผู้บำเพ็ญหญิงงดงามขนาดนี้กลับเลือกเป็นนักบวช”

“นั่นสิ ถึงนักบวชหญิงจะมีจำนวนค่อนข้างน้อย แต่ทุกคนต่างโดดเด่น”

“ดูความสามารถทางด้านศิลปะของ 10 อันดันแรก ทำให้ข้าพบว่าข้าก็พัฒนาได้เช่นกัน น่าเสียดายไม่สามารถลงมือทำได้ทันทีที่นี่”

“จริงด้วย ดูฝีมือของหลงหลิวหลีแล้ว ข้าเหมือนจะเข้าใจว่าจุดที่พลาดไปตอนปรุงยานั้นคืออะไร”

“จริงด้วย ข้าดูการสร้างค่ายกลก็เข้าใจลึกซึ้ง ต่อไปในภายหน้าค่ายกลของข้าจะต้องพัฒนาขึ้นแน่”

“ริ้วศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นริ้วศักดิ์สิทธิ์ธาตุเหมันต์ทั้งคู่ แต่วิธีการทำก็มีส่วนใกล้เคียงกันทำให้ได้เรียนรู้ได้ไม่น้อยเลย”

“ดูภาพยันต์ของสองนักบวชกับสองอสูรก็ได้ความรู้ที่ต่างกันออกไปเช่นกัน”

“การทำอาวุธขององค์ชายเผ่ามารทำให้ข้าได้เรียนรู้วิธีใหม่ๆเช่นกัน ฝีมือในการทำอาวุธของข้าจะต้องพัฒนาขึ้นแน่”

“ครั้งนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าผู้ใดจะได้ครองอันดับหนึ่ง ของแบบนี้ก็อยู่ที่โชคชะตาด้วย”

“ข้าคิดว่าน่าจะยังเป็นหลงหลิวหลี อย่างไรเสียนางก็ครองอันดับหนึ่งมาสองด่านแล้ว ความสามารถที่แท้จริงของนางมิอาจคาดเดาได้ ทั้งยังบำเพ็ญฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ทุกคนต่างก็รู้จัก แต่ไม่มีใครฝึกอย่างคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ ครอบครองเพลิงอัคคี 6 ประเภท พลังทำลายล้างของเพลิงอัคคีมีมากมายเพียงใด ทุกคนน่าจะรู้กันดี”

“ข้าก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นหลงหลิวหลี นางอายุยังไม่ถึงร้อยปีก็มีความสามารถถึงเพียงนี้ หากด่านต่อไปมีการประลองกัน คงไม่มีใครเป็นคู่แข่งนาง”

“ข้ารู้สึกว่าไต้ซือหยวนเจินก็มีโอกาสเช่นกัน ดูแสงแห่งธรรมบนตัวเขาสว่างไสว และยังมีแสงแห่งบารมีด้วย ถึงแม้จะเบาบาง แต่ว่าเขาก็มีมันจริง ๆ”

“แสงแห่งบารมีงั้นหรือ ดูท่าแล้วหลักธรรมคำสอนของไต้ซือหยวนเจินท่านนี้คงจะไม่ธรรมดา อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีแสงแห่งบารมีเกิดขึ้น”

“นักบวชคนใดบ้างที่ไม่ได้มีจิตใจเมตตา เพียงแต่ไต้ซือหยวนเจินมีแสงแห่งบารมีมากหน่อยเท่านั้นเอง”

“อีกอย่าง แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าหนานกงเวิ่นเทียนจะเก่งขนาดนี้ อาจเพราะเขาอยู่กับหลิวหลีตลอดเวลา ทำให้เขาด้อยลงไป ข้าเองชื่นชมเขามาก”

“ที่สหายท่านนี้พูดมามันก็ใช่ อยู่อันดับ 1 ใน 3 ได้คงจะไม่ใช่เพราะโชคช่วย อีกอย่าง หนานกงเวิ่นเทียนเป็นคนของสกุลหนานกง การทำพันธสัญญากับอสูรเทพประเภทหงส์เป็นเกียรติยศ ได้ยินมาว่าหนานกงเวิ่นเทียนทำพันธสัญญากับอสูรเทพระดับตำนาน หงส์เหมันต์จันทรา แข็งแกร่งอย่างมาก”

“พูดถึงเรื่องนี้ หลงหลิวหลีก็ทำพันธสัญญากับอสูรเทพเช่นกัน ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีทำพันธสัญญากับอสูรเทพกลายพันธุ์มังกรโลหิต เป็นเทพแห่งสงครามของเผ่ามังกร ไม่มีใครสามารถต้านทานได้”

“สหายผู้นี้ ข้อมูลของท่านไม่ถูกต้องนัก ได้ยินมาว่าในตัวหลงหลิวหลีมีสายเลือดสกุลจ้าน สายเลือดบริสุทธิ์นัก สามารถทำพันธสัญญาได้สองตัว นางยังทำพันธสัญญากับกิเลนม่วงในตำนานที่แสนปีจะปรากฏขึ้นมาในเผ่ากิเลนอีกด้วย ถึงแม้จะยังเป็นเด็ก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอสูรเทพตัวนี้จะกลายเป็นแรงสำคัญที่คอยให้ความช่วยเหลือนางในอนาคตแน่”

“ดูไปแล้วคงจะไม่มีใครสู้หลงหลิวหลีได้จริงๆ ทำพันธสัญญากับอสูรเทพสองตัว ดูจากจำนวนคือสู้กันแบบ 3 ต่อ 1 หรือไม่ก็ 3 ต่อ 2 ใครจะสู้นางได้”

“สหายวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ หลงหลิวหลีมีโอกาสชนะสูงมากจริงๆ”

“ทั้งเพลิงอัคคี ทั้งอสูรเทพ เพราะเหตุใดสวรรค์จึงต้องให้หลงหลิวหลีที่เป็นเหมือนปีศาจถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนี้ด้วย”

“ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีเป็นคนชุบชีวิตมารดาตนเอง อีกทั้งหลงหลิวหลีเป็นคนที่มีความกตัญญูมาก ถึงขนาดบอกกับแม่ของนางว่า ใครทำให้นางไม่สบายใจก็เอายาศักดิ์สิทธิ์ไปทุบหัวมันได้เลย ใครดีกับแม่ของนาง ก็จะได้รับยาศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าจะซื้อยาศักดิ์สิทธิ์เม็ดหนึ่งก็ต้องกัดฟันซื้อ หลงหลิวหลีกลับให้แม่ของนางเอาไว้ใช้ทุบคน คงไม่มีใครเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

หลงเสียวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆจ้องหลิวหลีซึ่งกำลังปรุงยา พลางฟังคนอื่นพูดซุบซิบกันไปด้วย จึงอดจะกลอกตาไม่ได้ เรื่องภายในบ้านของท่านพี่ทำไมคนอื่นๆถึงได้รู้ดีนัก แต่ท่านน้าซินเยว่เป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนโยน ถึงมีคนไม่เคารพนาง นางก็ไม่มีทางจะเอายาศักดิ์สิทธิ์ไปทุบหัวคนอื่นแน่นอน เพราะเหตุใดข้างนอกถึงได้พูดกันเช่นนั้น แต่นางดูเงียบๆดีกว่า พลังบำเพ็ญเพียรต่ำขนาดนี้ อย่างไรเสียก็สู้คนอื่นเขาไม่ได้

“จริงสิ ครั้งนี้มีนังหนูพลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงพื้นฐานคนหนึ่งมากับหลิวหลีด้วย ได้ยินว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง นางรักลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาก พลังบำเพ็ญเพียรแค่นั้นก็ติด 100 อันดับแรก ใช่แล้ว เหมือนข้าจะเห็นชื่อของนางอยู่ในรายชื่อการจัดอันดับผู้ถูกเลือก”

หลงเสียวเสี่ยวลอบฟังคนพวกนี้ที่เปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงนาง ต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ไม่ว่าจะบำเพ็ญเพียรสายใด ทำไมถึงได้ซุบซิบกันเก่งเช่นนี้ ทำไมที่บ้านนางจึงเก็บความลับไม่ได้เลย ไม่รู้หรือว่าเจ้าของเรื่องจะกระอักกระอ่วนใจแค่ไหน

“เฮ้อ พวกข้าก็อยากจะมีพี่สาวแบบนี้บ้าง”

เหอะ แค่เรื่องนี้ พวกเจ้าก็ลองคิดเอาแล้วกัน แต่สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้เจอกับพี่สาว เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลงเสียวเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจึงมีความสุขมาก

“ไม่ต้องคิดแล้ว พวกเรามาตั้งใจดูการแข่งขันกันเถอะ ผลก็เริ่มออกมาไม่น้อยแล้ว แต่ว่าการแข่งขันของ 10 อันดับแรกยังไม่สิ้นสุด”

“ใช่ ดูจากท่าทางแล้ว ก็น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าผ่าฟาด เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นวิบากอัสนีบาต

“นี่คือ วิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ หลงหลิวหลีสามารถปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ได้แล้วหรือ”

คนอื่นที่เหลือก็ตกใจกับท่าทางของหลิวหลีด้วยเช่นกัน นักปรุงยาระดับ 8

“ดูเร็ว มีก้อนเมฆวิบากอัสนีบาต 8 ก้อน ปรุงยาสำเร็จทั้งหมด 8 เม็ด วิบากอัสนีบาตที่กำลังจะเกิดขึ้นควรจะทำอย่างไรดี ใครจะเป็นคนมารับแทนนาง”

“นั่นสิ อย่างไรเสียนางก็ต้องได้เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ปรุงยาสองสามเม็ดพอเป็นพิธีก็พอ ทำออกมาตั้ง 8 เม็ด หลงหลิวหลีรนหาที่ตายหรืออย่างไร”

“ก็ไม่มีกฏที่บอกว่าสามารถรับวิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์แทนหลงหลิวหลีได้”

“จริงด้วย หลงหลิวหลีเป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยา จบกัน นักปรุงยาที่มีความสามารถขนาดนี้จะต้องมาจบชีวิตไปเช่นนี้งั้นหรือ”

“เพ้อเจ้ออะไร หลงหลิวหลีเป็นนักปรุงยาธรรมดาๆหรืออย่างไร ร่างกายของนางแข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูร เอาเวลาที่เป็นห่วงหลงหลิวหลี ไม่สู้คิดว่ายาศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 เม็ดนี้จะตกไปอยู่ที่ใด”

เมื่อเอ่ยจบ วิบากอัสนีบาตก็ฟาดลง ทุกคนได้เห็นการรับวิบากอัสนีบาตในอีกมุมมองหนึ่ง พระเจ้า นี่คือนักปรุงยาจริงหรือ วิบากอัสนีบาตที่พวกเขากลัวกันจะเป็นจะตาย สำหรับหลงหลิวหลีมันก็แค่คันๆเท่านั้นเอง คนจำนวนไม่น้อยจับจ้องไปที่ขวดหยกขนาดเล็กในมือของหลิวหลีด้วยตาลุกวาว นี่คือยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 หลิวหลีหมุนขวดขนาดเล็กในมือนางเล่น เสาหินที่อยู่ตรงหน้านางปรากฏคำว่า ‘อันดับหนึ่ง’ ขึ้นมา อันดับหนึ่งของด่านที่สามเป็นของหลงหลิวหลีอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่เหลือยังทำไม่เสร็จ ผลก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

 …………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แม่ครัวยอดเซียน 162 หัวข้อสนทนาของเหล่าผู้ชม

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 162 หัวข้อสนทนาของเหล่าผู้ชม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พวกเจ้าดูสิ 10 อันดับแรกที่อยู่บนเวที หงอวี้จากเผ่ามารกำลังปรุงยาอยู่ แต่เมื่อเทียบกับหลงหลิวหลีแล้ว ท่าทางนางตึงเครียด แต่ท่าทางของหลงหลิวหลีจะดูเป็นธรรมชาติกว่า อีกทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง ใช่แล้ว งดงาม”

“ใช่ ท่าทางของหลิวหลีดูงดงามอย่างมาก แต่กลับไม่ได้ดูพร่ำเพรื่อเกินไป มิน่าอายุน้อยแค่นี้ก็สามารถปรุงยาระดับ 8 ได้แล้ว”

“ภาพยันต์ที่ไต้ซือหยวนเจินวาดขึ้นมาก็ไม่เลว มีแสงส่องประกาย แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา”

“ได้ยินมาว่าไต้ซือหยวนเจินจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง เข้าใจหลักธรรมคำสอนอย่างลึกซึ้ง ถือว่าเป็นนักบวชในรุ่นใหม่ๆ”

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”

“หนานกงเวิ่นเทียนจากหกุลหนานกงที่เป็นอันดับสาม เขาวาดริ้วศักดิ์สิทธิ์ แถมยังมีพลังเหมันต์แฝงอยู่ หนานกงเวิ่นเทียนควบคุมได้ดีทีเดียว”

“พูดถึงเรื่องนี้ ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนหมั้นหมายกันแล้ว ของหมั้นที่หลงหลิวหลีมอบอีกฝ่ายให้เป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งโลกอสูรเทพ”

“นั่นสิ อสูรเทพทั้งห้าเผ่าต่างก็มาร่วมงาน ถึงจะเป็นอสูรน้อย แต่ได้ยินมาว่าหลังจากนั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยไปเหยียบที่เผ่าอสูรเทพทั้งห้าจนเกือบพัง”

“ใช่ แต่ถึงแม้ว่าหลงหลิวหลีจะเป็นนักปรุงยา แต่ก็คงไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับอสูรเทพกระมัง”

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร หลิวหลิวหลีได้มรดกจากบรรบุรุษ มีเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพทั้งห้าในแดนลี้ลับอสูรเทพ ได้ยินมาว่าหลิวหลีมอบมันให้กับอสูรเทพทั้งห้ากับเผ่าอสูรเทพทั้งห้าคนละหนึ่งหยด อย่าดูถูกเลือดหยดนี้เชียว นั่นคือเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพในตำนาน พลังในนั้นไม่บอกก็รู้ว่ามากมายเพียงใด”

“หลงหลิวหลีช่างใจกว้างเสียจริง ถึงขนาดยกให้คนอื่นได้โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มิน่าเผ่าอสูรเทพถึงได้เห็นแก่หน้านาง”

“ตอนนี้หลงหลิวหลีถือเป็นคนที่มีหน้ามีตาในทั้งห้าสกุลเช่นกัน”

“กลับมาที่เมื่อครู่ ถึงภาพนั้นดูอลังการยิ่งนัก ถึงจะเป็นอสูรเด็ก แต่ก็เป็นอสูรเทพ อีกอย่างหลิวหลีเป็นคนใจกว้าง ได้ยินมาว่าแจกยาศักดิ์สิทธิ์กว่าพันเม็ด แถมยังเป็นยาคุณภาพชั้นเลิศทั้งหมด ตอนนั้นผู้นำสกุลหนานกงยิ้มจนแก้มปริ”

“สองคนนี้เหมาะสมกันมาก ราวกิ่งทองใบหยก”

“พวกเรามาดูกันต่อเถอะ อันดับที่สี่ เฟยเผิงเป็นผู้บำเพ็ญอสูรนี่ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้บำเพ็ญอสูรจะมีความสามารถเช่นนี้ วาดภาพยันต์ ลายเส้นยันต์นั้นดูน่าเกรงขามไม่เบา”

“นั่นสิ จะประมาทผู้บำเพ็ญอสูรไม่ได้เลย”

“อันดับที่ห้าตวนมู่เหยา เป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกล ดูไม่ออกเลยจริงๆ”

“ดูออกหรือไม่ว่าเขาวางค่ายกลอะไร”

“ข้าโง่เขลาเบาปัญญา ดูไม่ออกจริงๆ แต่ดูๆแล้วลึกล้ำเกินคาดเดา ไม่น่าต่ำกว่าระดับ 6”

“อันดับ 6 กงเพียวเพียวเหมือนจะเป็นเทพเหมันต์ นางก็วาดริ้วศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เป็นริ้วศักดิ์สิทธิ์ธาตุเหมันต์ ไม่รู้ว่าริ้วศักดิ์สิทธิ์ของนางกับหนานกงเวิ่นเทียน ใครจะสุดยอดกว่ากัน”

“กงเพียวเพียวผู้นี้ต้องเป็นยอดหญิงงามแน่”

“ไม่แน่นะ ถึงหลงหลิวหลีจะแต่งกายในชุดผู้ชายตลอด แต่ถ้านางใส่ชุดผู้หญิงขึ้นมาจะต้องกลายเป็นสาวงามแน่”

“เจ้าลองดูท่าทางหลงหลิวหลีสิ ต้องเป็นสาวงามแน่นอน เพียงแต่เพราะเหตุใดหลงหลิวหลีจึงไม่แต่งกายในชุดผู้หญิง”

“จริงสิ ตั้งแต่หลงหลิวหลีมีชื่อเสียงขึ้นมา ก็ใส่ชุดผู้ชายมาโดยตลอด แถมไม่กลัวจะถูกเข้าใจผิดด้วย”

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นหลงหลิวหลี”

“ส่วนเยี่ยซิงขวงจากเผ่ามารคนนี้หยิ่งทะนง ไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากผ่านด่านที่สองไป เขาก็ดูสงบเสงี่ยมลงมาก เขาทำอาวุธได้ด้วยนะ นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายจากเผ่ามารจะชอบทำอาวุธ”

“ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่ชื่นชม แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ”

“ถัดจากนั้นก็เป็นผู้บำเพ็ญอสูร พูดตามตรง ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้บำเพ็ญอสูรคนนี้มาจากที่ใด อีกอย่างอสูรตนนี้เก่งกาจนัก เขายังมีความรู้ด้านค่ายกลอยู่ด้วย”

“ผู้บำเพ็ญอสูรที่รู้เรื่องเกี่ยวกับศิลปะ 4 แขนงมีไม่มาก มิน่า 10 อันดับแรกจึงมีผู้บำเพ็ญสายอสูร 2 คน ไม่น่าแปลกใจเลยจริง ๆ”

“ท่านนี้คือพระเทียนซิน ความรู้เรื่องพระธรรมช่างลึกซึ้ง น่าเสียดายผู้บำเพ็ญหญิงงดงามขนาดนี้กลับเลือกเป็นนักบวช”

“นั่นสิ ถึงนักบวชหญิงจะมีจำนวนค่อนข้างน้อย แต่ทุกคนต่างโดดเด่น”

“ดูความสามารถทางด้านศิลปะของ 10 อันดันแรก ทำให้ข้าพบว่าข้าก็พัฒนาได้เช่นกัน น่าเสียดายไม่สามารถลงมือทำได้ทันทีที่นี่”

“จริงด้วย ดูฝีมือของหลงหลิวหลีแล้ว ข้าเหมือนจะเข้าใจว่าจุดที่พลาดไปตอนปรุงยานั้นคืออะไร”

“จริงด้วย ข้าดูการสร้างค่ายกลก็เข้าใจลึกซึ้ง ต่อไปในภายหน้าค่ายกลของข้าจะต้องพัฒนาขึ้นแน่”

“ริ้วศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน ถึงแม้จะเป็นริ้วศักดิ์สิทธิ์ธาตุเหมันต์ทั้งคู่ แต่วิธีการทำก็มีส่วนใกล้เคียงกันทำให้ได้เรียนรู้ได้ไม่น้อยเลย”

“ดูภาพยันต์ของสองนักบวชกับสองอสูรก็ได้ความรู้ที่ต่างกันออกไปเช่นกัน”

“การทำอาวุธขององค์ชายเผ่ามารทำให้ข้าได้เรียนรู้วิธีใหม่ๆเช่นกัน ฝีมือในการทำอาวุธของข้าจะต้องพัฒนาขึ้นแน่”

“ครั้งนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าผู้ใดจะได้ครองอันดับหนึ่ง ของแบบนี้ก็อยู่ที่โชคชะตาด้วย”

“ข้าคิดว่าน่าจะยังเป็นหลงหลิวหลี อย่างไรเสียนางก็ครองอันดับหนึ่งมาสองด่านแล้ว ความสามารถที่แท้จริงของนางมิอาจคาดเดาได้ ทั้งยังบำเพ็ญฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ทุกคนต่างก็รู้จัก แต่ไม่มีใครฝึกอย่างคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ ครอบครองเพลิงอัคคี 6 ประเภท พลังทำลายล้างของเพลิงอัคคีมีมากมายเพียงใด ทุกคนน่าจะรู้กันดี”

“ข้าก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นหลงหลิวหลี นางอายุยังไม่ถึงร้อยปีก็มีความสามารถถึงเพียงนี้ หากด่านต่อไปมีการประลองกัน คงไม่มีใครเป็นคู่แข่งนาง”

“ข้ารู้สึกว่าไต้ซือหยวนเจินก็มีโอกาสเช่นกัน ดูแสงแห่งธรรมบนตัวเขาสว่างไสว และยังมีแสงแห่งบารมีด้วย ถึงแม้จะเบาบาง แต่ว่าเขาก็มีมันจริง ๆ”

“แสงแห่งบารมีงั้นหรือ ดูท่าแล้วหลักธรรมคำสอนของไต้ซือหยวนเจินท่านนี้คงจะไม่ธรรมดา อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีแสงแห่งบารมีเกิดขึ้น”

“นักบวชคนใดบ้างที่ไม่ได้มีจิตใจเมตตา เพียงแต่ไต้ซือหยวนเจินมีแสงแห่งบารมีมากหน่อยเท่านั้นเอง”

“อีกอย่าง แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าหนานกงเวิ่นเทียนจะเก่งขนาดนี้ อาจเพราะเขาอยู่กับหลิวหลีตลอดเวลา ทำให้เขาด้อยลงไป ข้าเองชื่นชมเขามาก”

“ที่สหายท่านนี้พูดมามันก็ใช่ อยู่อันดับ 1 ใน 3 ได้คงจะไม่ใช่เพราะโชคช่วย อีกอย่าง หนานกงเวิ่นเทียนเป็นคนของสกุลหนานกง การทำพันธสัญญากับอสูรเทพประเภทหงส์เป็นเกียรติยศ ได้ยินมาว่าหนานกงเวิ่นเทียนทำพันธสัญญากับอสูรเทพระดับตำนาน หงส์เหมันต์จันทรา แข็งแกร่งอย่างมาก”

“พูดถึงเรื่องนี้ หลงหลิวหลีก็ทำพันธสัญญากับอสูรเทพเช่นกัน ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีทำพันธสัญญากับอสูรเทพกลายพันธุ์มังกรโลหิต เป็นเทพแห่งสงครามของเผ่ามังกร ไม่มีใครสามารถต้านทานได้”

“สหายผู้นี้ ข้อมูลของท่านไม่ถูกต้องนัก ได้ยินมาว่าในตัวหลงหลิวหลีมีสายเลือดสกุลจ้าน สายเลือดบริสุทธิ์นัก สามารถทำพันธสัญญาได้สองตัว นางยังทำพันธสัญญากับกิเลนม่วงในตำนานที่แสนปีจะปรากฏขึ้นมาในเผ่ากิเลนอีกด้วย ถึงแม้จะยังเป็นเด็ก แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอสูรเทพตัวนี้จะกลายเป็นแรงสำคัญที่คอยให้ความช่วยเหลือนางในอนาคตแน่”

“ดูไปแล้วคงจะไม่มีใครสู้หลงหลิวหลีได้จริงๆ ทำพันธสัญญากับอสูรเทพสองตัว ดูจากจำนวนคือสู้กันแบบ 3 ต่อ 1 หรือไม่ก็ 3 ต่อ 2 ใครจะสู้นางได้”

“สหายวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ หลงหลิวหลีมีโอกาสชนะสูงมากจริงๆ”

“ทั้งเพลิงอัคคี ทั้งอสูรเทพ เพราะเหตุใดสวรรค์จึงต้องให้หลงหลิวหลีที่เป็นเหมือนปีศาจถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนี้ด้วย”

“ได้ยินมาว่าหลงหลิวหลีเป็นคนชุบชีวิตมารดาตนเอง อีกทั้งหลงหลิวหลีเป็นคนที่มีความกตัญญูมาก ถึงขนาดบอกกับแม่ของนางว่า ใครทำให้นางไม่สบายใจก็เอายาศักดิ์สิทธิ์ไปทุบหัวมันได้เลย ใครดีกับแม่ของนาง ก็จะได้รับยาศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าจะซื้อยาศักดิ์สิทธิ์เม็ดหนึ่งก็ต้องกัดฟันซื้อ หลงหลิวหลีกลับให้แม่ของนางเอาไว้ใช้ทุบคน คงไม่มีใครเป็นแบบนี้อีกแล้ว”

หลงเสียวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆจ้องหลิวหลีซึ่งกำลังปรุงยา พลางฟังคนอื่นพูดซุบซิบกันไปด้วย จึงอดจะกลอกตาไม่ได้ เรื่องภายในบ้านของท่านพี่ทำไมคนอื่นๆถึงได้รู้ดีนัก แต่ท่านน้าซินเยว่เป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนโยน ถึงมีคนไม่เคารพนาง นางก็ไม่มีทางจะเอายาศักดิ์สิทธิ์ไปทุบหัวคนอื่นแน่นอน เพราะเหตุใดข้างนอกถึงได้พูดกันเช่นนั้น แต่นางดูเงียบๆดีกว่า พลังบำเพ็ญเพียรต่ำขนาดนี้ อย่างไรเสียก็สู้คนอื่นเขาไม่ได้

“จริงสิ ครั้งนี้มีนังหนูพลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงพื้นฐานคนหนึ่งมากับหลิวหลีด้วย ได้ยินว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง นางรักลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาก พลังบำเพ็ญเพียรแค่นั้นก็ติด 100 อันดับแรก ใช่แล้ว เหมือนข้าจะเห็นชื่อของนางอยู่ในรายชื่อการจัดอันดับผู้ถูกเลือก”

หลงเสียวเสี่ยวลอบฟังคนพวกนี้ที่เปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงนาง ต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียร ไม่ว่าจะบำเพ็ญเพียรสายใด ทำไมถึงได้ซุบซิบกันเก่งเช่นนี้ ทำไมที่บ้านนางจึงเก็บความลับไม่ได้เลย ไม่รู้หรือว่าเจ้าของเรื่องจะกระอักกระอ่วนใจแค่ไหน

“เฮ้อ พวกข้าก็อยากจะมีพี่สาวแบบนี้บ้าง”

เหอะ แค่เรื่องนี้ พวกเจ้าก็ลองคิดเอาแล้วกัน แต่สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีได้เจอกับพี่สาว เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลงเสียวเสี่ยวรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจึงมีความสุขมาก

“ไม่ต้องคิดแล้ว พวกเรามาตั้งใจดูการแข่งขันกันเถอะ ผลก็เริ่มออกมาไม่น้อยแล้ว แต่ว่าการแข่งขันของ 10 อันดับแรกยังไม่สิ้นสุด”

“ใช่ ดูจากท่าทางแล้ว ก็น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฟ้าผ่าฟาด เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นวิบากอัสนีบาต

“นี่คือ วิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ หลงหลิวหลีสามารถปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ได้แล้วหรือ”

คนอื่นที่เหลือก็ตกใจกับท่าทางของหลิวหลีด้วยเช่นกัน นักปรุงยาระดับ 8

“ดูเร็ว มีก้อนเมฆวิบากอัสนีบาต 8 ก้อน ปรุงยาสำเร็จทั้งหมด 8 เม็ด วิบากอัสนีบาตที่กำลังจะเกิดขึ้นควรจะทำอย่างไรดี ใครจะเป็นคนมารับแทนนาง”

“นั่นสิ อย่างไรเสียนางก็ต้องได้เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ปรุงยาสองสามเม็ดพอเป็นพิธีก็พอ ทำออกมาตั้ง 8 เม็ด หลงหลิวหลีรนหาที่ตายหรืออย่างไร”

“ก็ไม่มีกฏที่บอกว่าสามารถรับวิบากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์แทนหลงหลิวหลีได้”

“จริงด้วย หลงหลิวหลีเป็นนักบำเพ็ญสายปรุงยา จบกัน นักปรุงยาที่มีความสามารถขนาดนี้จะต้องมาจบชีวิตไปเช่นนี้งั้นหรือ”

“เพ้อเจ้ออะไร หลงหลิวหลีเป็นนักปรุงยาธรรมดาๆหรืออย่างไร ร่างกายของนางแข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูร เอาเวลาที่เป็นห่วงหลงหลิวหลี ไม่สู้คิดว่ายาศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 เม็ดนี้จะตกไปอยู่ที่ใด”

เมื่อเอ่ยจบ วิบากอัสนีบาตก็ฟาดลง ทุกคนได้เห็นการรับวิบากอัสนีบาตในอีกมุมมองหนึ่ง พระเจ้า นี่คือนักปรุงยาจริงหรือ วิบากอัสนีบาตที่พวกเขากลัวกันจะเป็นจะตาย สำหรับหลงหลิวหลีมันก็แค่คันๆเท่านั้นเอง คนจำนวนไม่น้อยจับจ้องไปที่ขวดหยกขนาดเล็กในมือของหลิวหลีด้วยตาลุกวาว นี่คือยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 หลิวหลีหมุนขวดขนาดเล็กในมือนางเล่น เสาหินที่อยู่ตรงหน้านางปรากฏคำว่า ‘อันดับหนึ่ง’ ขึ้นมา อันดับหนึ่งของด่านที่สามเป็นของหลงหลิวหลีอย่างไม่ต้องสงสัย คนที่เหลือยังทำไม่เสร็จ ผลก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

 …………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+