แม่ครัวยอดเซียน 43 ห้องแห่งความลับ

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 43 ห้องแห่งความลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซ่างกวนอวี้รู้สึกแย่เหลือเกิน ตัวเขาเองยังสู้อาหารของสัตว์เลี้ยงไม่ได้ด้วยซ้ำ สหายผู้นี้…เจ้าทำเช่นนี้ดีแล้วจริงหรือ

 “อ้าว เจ้ารู้สึกตัวแล้วหรือ” เอ๋าเลี่ยพลันเหลือบเห็นว่าซ่างกวนอวี้ฟื้นแล้ว

 “ฟื้นแล้วก็อย่าเพิ่งขยับร่างกาย แล้วก็ยังกินอะไรไม่ได้ ข้าจะให้อาหารจื่อฉีก่อน” ร่างกายอ่อนแอเสียยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ช่างน่าเวทนานัก

ซ่างกวนอวี้หน้าเสีย เขารู้สึกตัวแล้วแต่อีกฝ่ายเอาแต่พะวงเรื่องอาหารสัตว์เลี้ยงของตนเอง หรือเพราะเขาไม่น่าดึงดูดเท่าสัตว์เลี้ยงหรือนี่?

 “สหายท่านนี้ ข้าน้อยคือซ่างกวนอวี้แห่งหุบเขาพันใบ ขอบคุณสหายที่ช่วยชีวิตข้าไว้” แม้ว่าจะรู้สึกเสียหน้าแต่ก็ต้องกล่าวขอบคุณสักหน่อย อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ช่วยตนออกมาจากกองซากศพพวกนั้นและยังช่วยชีวิตตนไว้อีก

 “ซ่างกวนอวี้แห่งหุบเขาพันใบ ข้านามว่าหลิวหลีแห่งสำนักเมฆาคล้อย” นางทำท่าทีรับรู้แล้ว เป็นศิษย์ของสำนักพันธมิตรนี่เอง

 “ศิษย์น้องแห่งสำนักเมฆาคล้อย ขอบคุณที่ช่วยข้า” หลังสิ้นเสียงของซ่างกวนอวี้ หลิวหลีที่กำลังถือตะเกียบอยู่ในมือก็ชะงักงัน ศิษย์น้องหรือ พวกเจ้าต่างหากที่เป็นศิษย์น้องข้า นางเริ่มไม่พอใจ เหตุใดต้องช่วยศิษย์พี่ที่สายตาเลอะเลือนผู้นี้กันนะ

 “พลังบำเพ็ญเพียรของข้าอยู่ในช่วงบำเพ็ญศีลระยะปลายขั้นสุดยอด” หลิวหลีดูเหมือนจะเพิ่งนึกได้ นางจึงปรับพลังบำเพ็ญเพียรของตนให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ซ่างกวนอวี้รู้สึกว่าสหายผู้นี้มีท่าทีประหลาดนัก โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเรียกว่าศิษย์น้องแล้ว เขาแน่ใจได้ว่าเห็นสีหน้าที่อยากจะฆ่าเขาฝังดินปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกฝ่าย ช่วงบำเพ็ญศีลระยะปลายขั้นสุดยอด อีกฝ่ายคงเป็นศิษย์พี่เขาสินะ

 “ขออภัย ศิษย์พี่” ซ่วงกวนอวี้รู้สึกว่าตนเองพูดผิดจึงแก้ไข แต่คนตรงหน้ากลับทีสีหน้าไม่ชอบใจนัก หรือเขาทำอะไรผิดไปอีกนะ

หลิวหลีก้มมองหน้าอกแบนราบของตน ทั้งๆที่นางบำรุงไปตั้งเยอะแล้วเหตุใดมันถึงไม่นูนขึ้นมาบ้างนะ  อีกทั้งนางยังทำผมไม่เก่งและแต่งกายเป็นชายตลอด คนอื่นเข้าใจผิดคงไม่แปลกแต่ก็นึกเสียใจอยู่ดี

หลิวหลีไม่พูดอะไรอีก และจดจ่อทำอาหารให้จื่อฉีต่อ อันที่จริงนางต้องการความสงบ  เนื้อสัตว์ถูกปั้นจนกลมเป็นลูกชิ้นอย่างเป็นระเบียบ หลิวหลีตั้งหม้อต้มโจ๊กรอจนโจ๊กเดือดจึงเติมผักศักดิ์สิทธิ์และเนื้อบดลงไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็หยิบเม็ดยาลงไปผสมในโจ๊กแล้วส่งให้ซ่างกวนอวี้แล้วหันกลับมาป้อนจื่อฉีทีละคำ

ซ่างกวนอวี้นอนพักมาระยะหนึ่งจนพอมีแรงขึ้นบ้างจึงพยายามยันตัวลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ จากนั้นตักกินโจ๊กศักดิ์สิทธิ์เข้าปากทีละคำพลันตกตะลึง โจ๊กนี่เก็บพลังเซียนได้มากขนาดนี้เชียวหรือ เหมาะสมกับร่างกายของเขาในตอนนี้ ที่สุด หรือว่านางจะเป็นแม่ครัวเซียนกันนะ?

วันเวลาที่หลิวหลีดูแลซ่างกวนอวี้ก็ล่วงผ่านไป หนึ่งอาทิตย์ต่อมาหลิวหลีตัดสินใจออกเดินทางสำรวจสถานที่อื่นๆ ฝ่ายซ่างกวนอวี้รู้สึกว่าเขาได้รู้จักกับสหายที่แสนดีจึงอยากติดตามไปด้วย ที่สำคัญที่สุดคือหากเขาเจออันตรายอีกจะได้มีคนปกป้องเขา ถึงแม้จะไร้ยางอายไปบ้างแต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ หลิวหลีก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาจึงติดตามอีกฝ่าย ช่วงนี้เขาเพิ่งรู้ว่าคนที่เขาเรียกว่าศิษย์พี่(ชาย) มาหลายวันแท้ที่จริงคือศิษย์พี่(หญิง) คิดถึงก่อนหน้านี้ที่หน้านางเปลี่ยนสี คงเป็นเพราะเรื่องนี้

ซ่างกวนอวี้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงเย็นชากับตนขนาดนี้  เขาก็เป็นศิษย์ที่โดดเด่นไม่น้อย แกนวิญญาณก็ใช้ได้ แกนวิญญาณพฤกษาถึง 9 ส่วน และเป็นแกนวิญญาณวารี 1 ส่วน พลังบำเพ็ญเพียรก็อยู่ในช่วงบำเพ็ญศีลระยะกลางใกล้บรรลุระยะปลาย ทั้งยังเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าหุบเขาพันใบ ไม่ว่าจะหน้าตาหรือฐานะก็เพียบพร้อม หรือศิษย์พี่หญิงท่านนี้จะเหมือนกับเขา?

หลิวหลีไหนเลยจะรู้ว่าซ่างกวนอวี้ที่อยู่ด้านหลัง สมองคิดฟุ้งซ่านแค่ไหน นางรู้สึกเหมือนที่แห่งนี้มีอะไรซุกซ่อนอยู่ แล้วก็ดูจงใจปกปิดอย่างยิ่งด้วย ทำเอาหลิวหลีขมวดคิ้วจนกระทั่งพวกเขาถูกขวางด้วยแนวเขตต้องห้าม หลิวหลีไม่เคยศึกษาเรื่องแนวเขตต้องห้ามแต่ซ่างกวนอวี้ศึกษามาเล็กน้อยจึงจะเข้าไปดูเสียหน่อย แต่ขณะที่เขาเตรียมย่างเท้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงดัง ‘พลั่ก’ แนวเขตต้องห้ามที่เขากำลังจะเดินไปดูแตกออกแล้ว หลิวหลีเดินไปด้วยท่าทางนิ่งเฉย ซ่างกวนอวี้ที่แอบตัดสินใจจะแสดงความสามารถนั้น ยังไม่ได้ลงมือก็แผนล่มเสียแล้ว

ซ่างกวนอวี้ตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอสูรภูตจะกินเขตต้องห้ามได้ ทั้งยังดูคล้ายกิเลน หรือว่านี่จะเป็นลูกกิเลน เป็นไปได้อย่างไร ของแบบนี้มีแค่เฉพาะในโลกอสูรเทพเท่านั้น อีกทั้งมีเพียงไม่กี่สกุลที่สามารถทำพันธสัญญากับห้าเผ่าอสูรเทพได้

 “ศิษย์พี่เป็นคนสกุลจ้านหรือ?” ซ่างกวนอวี้ถามอย่างระมัดระวัง ไม่สิ คนจากห้าสกุลจะออกมาเร่ร่อนอยู่ภายนอกได้อย่างไร

 “ไม่ใช่” มองจากตรงไหนว่านางเป็นคนสกุลจ้าน เพราะจื่อฉีหรือ

 “ข้าไม่ได้ทำพันธสัญญากับจื่อฉี ข้าเพียงแต่เลี้ยงเขาไว้ ข้าทำพันธสัญญากับคนอื่น” หลิวหลีอธิบายอย่างอดทน ไม่เข้าใจจริงๆว่าเหตุใดตลอดทางสายนี้จึงเต็มไปด้วยแนวเขตต้องห้าม หลิวหลีเห็นจื่อฉีกินแนวเขตต้องห้ามมาตลอดทางจนจะเรอออกมาแล้ว ในตอนที่นางใช้ความอดทนที่มีจนหมดแล้วก็มาถึงปลายทาง

หลิวหลีเห็นเหมือนเป็นห้องศิลาที่เป็นเหมือนห้องลับ ภายในมีชั้นวางสองหลังและโต๊ะหนังสือหนึ่งตัว ดูเหมือนเป็นที่ทำงาน ซ่างกวนอวี้ที่เดินตามมาก็ชะงักไป ห้าคนนั้นไม่ได้หลอกลวงมีแดนลี้ลับอยู่จริงๆ ไม่ใช่สิ จะเรียกว่าแดนลี้ลับไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นที่ซ่อนของยอดฝีมือสักคน

‘ตำราหมื่นบาทบ’ หลิวหลี่อ่านป้ายหยกในมือเสียงเบา

นางหยิบออกมาหลายอัน ถึงพบว่าป้ายหยกเหล่านี้ถ้าไม่ใช่เคล็ดวิชาก็เป็นเทียบยา ทั้งยังเกี่ยวข้องกับธาตุพฤกษาทั้งนั้น ซ่างกวนอวี้หยิบๆดูก็ใจเต้นระรัว ที่หุบเขาพันใบของเขามีผู้บำเพ็ญธาตุพฤกษาหลายคน ของสิ่งนี้ถือเป็นของล้ำค่าของหุบเขาพันใบแน่นอน ทว่าเมื่อเขาเหลือบมองหลิวหลีที่อยู่ข้างๆกำลังอ่านมันอย่างละเอียดอยู่ ศิษย์พี่เป็นผู้พบมันแต่เขาปรารถนาอยากได้มันเหลือเกิน

เมื่อหลิวหลีวางตำราแผ่นหยกลงก็เห็นสีหน้าที่แสนยุ่งเหยิงของซ่างกวนอวี้  เหตุใดจึงได้ทำสีหน้าเช่นนั้น

 “นังหนู โลกแห่งผู้บำเพ็ญเพียรให้ความสำคัญกับโชคชะตา เจ้าค้นพบที่นี่ก่อน มันย่อมเป็นสิทธ์ของเจ้า พูดได้ว่าของทั้งหมดที่นี่เป็นของเจ้า” เอ๋าเลี่ยเข้าใจทันทีว่าซ่างกวนอวี้กำลังสับสนในเรื่องใด

 “เป็นเช่นนี้นี่เอง เคล็ดวิชาพวกนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับข้า อย่างมากก็เอาไว้ใช้อ้างอิง หรือเอากลับไปให้ท่านอาเจ้าสำนักเท่านั้นเอง” หลิวหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมา

 “นังหนูหนูพูดได้ไม่เลว หุบเขาพันใบมีผู้บำเพ็ญธาตุพฤกษามาก คาดว่าเจ้าเด็กนี่เห็นเข้าคงใจสั่นแล้ว”

 “ศิษย์น้อง เคล็ดวิชาของที่นี่เจ้าเอาไปคัดลอกก็ได้นะ” หลิวหลีเอ่ย

 “ขอบคุณศิษย์พี่” ซ่างกวนอวี้ที่กำลังสับสน เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายราวได้ยินเสียงสวรรค์ รีบหยิบตำราแผ่นหยกมาเริ่มคัดลอก

หลิวหลีเลิกคิ้ว สำนักใหญ่ๆย่อมร่ำรวย ก่อนหน้านี้ของที่หมอนี่ถูกขโมยไปคงจะเป็นถุงเก็บของที่เขาพรางตาเอาไว้ น่าจะมีแต่ของดีซุกซ่อนเอาไว้

หลิวหลีวางป้ายหยกแล้วเดินตรงที่โต๊ะตัวเดียวซึ่งมีกล่องเล็กๆวางอยู่ด้านบนและมีอุปกรณ์เครื่องเขียนอยู่บางส่วน  นางเปิดกล่องออกด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้างในมีกระดาษซ้อนกันเป็นจำนวนมาก นางเปิดดูเล็กน้อยแล้วรีบใส่เข้าไปในป้ายหยกเงียบๆ โดยซ่างกวนอวี้ไม่ทันเห็น แล้วจึงเสสายตามองรอบๆราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เวลาของซ่างกวนอวี้หมดไปกับคัดลอกตำราป้ายหยก  ส่วนหลิวหลีก็ใช้เวลาวันๆหมดไปกับอ่านป้ายหยกและให้อาหารจื่อฉี

 “ขอบพระคุณศิษย์พี่” ซ่างกวนอวี้คัดลอกตำราป้ายหยกเสร็จแล้วก็กล่าวขอบคุณหลิวหลีอีกครั้ง

 “ไม่เป็นไร ข้าเป็นแกนวิญญาณอัคคี ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน” หลิวหลีพูดอย่างไม่ใส่ใจ

 “ท่านวางแผนจะทำอะไรต่อ” ซ่างกวนอวี้ถาม

 “เดินทางต่อไปเรื่อยๆ เสาะหาโชคชะตา” หลิวหลีพูดห้วนๆ

 “ขอให้ศิษย์พี่โชคดี” ซ่างกวนอวี้อิจฉาอย่างยิ่ง แต่เขาต้องกลับสำนักแล้ว เคล็ดวิชาที่เขาได้มาจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักอย่างมาก

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด