แม่ครัวยอดเซียน 73 วิธีการที่ง่ายดายและดิบเถื่อน

Now you are reading แม่ครัวยอดเซียน Chapter 73 วิธีการที่ง่ายดายและดิบเถื่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาจงใจทำเช่นนี้ ข้าน้ำลายไหลมาสามวันแล้ว รู้สึกตัวข้าจะไร้เรี่ยวแรงไปหมดแล้ว” ฮัวจิ่งเฟยพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง

“จิ่งเฟย หยุดเสแสร้งสักทีได้ไหม” ฮัวจิ่งซวี่กลอกตาใส่ฮัวจิ่งเฟย เขาบรรลุช่วงปราณก่อนกำเนิดแล้วยังหิวขนาดนี้อีกหรือ หิวสักครึ่งปีเขาก็ไม่เป็นไร แต่ว่าทำไมถึงหอมขนาดนี้นะ หรือว่าสกุลหลงจะเอาแม่ครัววิญญาณมาด้วย

“แต่ว่าข้าเฝ้ารอคอยมาสามวันเต็ม ๆแล้วกลับถูกสกุลหลงปฏิเสธทุกวัน จำเป็นต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ” ฮัวจิ่งเฟยฟุบบนโต๊ะพลางพูดแขวะใส่

“น่าจะเป็นเพราะไม่ชอบที่เจ้าเสียงดังหนวกหูแน่ ต่อให้นกส่งเสียงร้องห้าร้อยตัวก็สู้เสียงเจ้าไม่ได้หรอก” ฮัวจิ่งซวี่แขวะ

“เวิ่นเทียน ของที่เจ้ากินช่างดูพิเศษนัก เหมือนกลิ่นอาหารของสกุลหลงที่กำลังโชยมาไม่มีผิด” หนานกงเหลยเทียนพูดพลางสูดหายใจฟุดฟิด

“อืม เพื่อนสกุลหลงของข้าเอามาให้” หนานกงเวิ่นเทียนนึกถึงเด็กสาวที่รู้ว่าตนไม่เป็นอะไรและยังทำอาหารชุดใหญ่ให้ตนก็พลันใจอ่อนยวบขึ้นมา

“ข้าขอชิมได้หรือไม่?”  หนานกงเหลยเทียนพูดพลางกลืนน้ำลาย

“ไม่ได้” ล้อเล่นหรือไร นางอุตส่าห์ทำให้จะให้คนอื่นกินได้อย่างไรกัน

“ช่างขี้เหนียวเสียจริง”

“สกุลหลงช่างเสื่อมทรามเสียจริง เอาแต่สนใจเรื่องกิน” จ้านอวิ๋นจิ่งพูดอย่างเหยียดหยาม

“เสียวเสี่ยว มันหอมมาก เจ้าเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงทำอาหารไม่เป็นล่ะ” หลินเสี่ยวเจียงสูดกลิ่นพลางแดกดันหลินเสียวเสี่ยว

“หลินเสี่ยวเจียง ทำไมข้าต้องทำอาหารด้วย อีกอย่างต่อให้ข้าทำเป็นแล้วเหตุใดต้องทำให้คนอย่างเจ้ากินด้วยล่ะ เจ้าเห็นมีคนครัววิญญาณที่เป็นผู้หญิงกี่คนกันเชียว” หลินเสียวเสี่ยวตอกกลับด้วยท่าทีหัวเสีย

ณ จิ่วหัวซาน ทุกคนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ

“วันนี้จะเริ่มการแข่งขันเป็นกลุ่ม กลุ่มของพวกเจ้าจะมีเพียงคนเดียวที่มียันต์ส่งสารเป็นของจริง เพียงแค่หยิบยันต์ของจริงแล้วทั้งกลุ่มส่งต่อออกมาก็จะถือว่าชนะ เอาล่ะข้าขอประกาศเริ่มกันแข่งขัน ณ บัดนี้“

หัวหน้าของห้าเผ่าใหญ่ได้นำวัตถุบางอย่างพังเขาจิ่วหัว คนจำนวนห้าสิบคนก็ได้ค่อย ๆทยอยเข้าไป

หลังจากผ่านเหตุการณ์ฟ้าดินหมุนเปลี่ยนทิศ พอหลิวหลีรู้สึกตัวก็กวาดตามองสภาพแวดล้อมที่แปลกตาไป

“ต้องไปทางไหน” หลงเทียนหลิงเอ่ยถาม

“ไม่แน่ใจ เลือกสักทางกันเถอะ” หลงเทียนอี้พูดขึ้น

“ผู้ทำพันธสัญญาของข้าคืออ๋าวเฟิงเป็นมังกรวายุสามารถได้ยินเสียงที่ไกลออกไปได้ พวกเราก็จะหลีกเลี่ยงพวกเขาได้” หลงจิ่งเทียนกล่าว

“แล้วสามารถรู้ได้ไหมว่ามีกี่คน?”

“ได้สิ”

“น้องหลิวหลีมีวิธีใดหรือไม่?” หลงเทียนอี้เห็นหลิวหลีที่ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่จึงถามขึ้น

“มีวิธีหนึ่ง แต่คงต้องให้จิ่งเทียนช่วย”

“ลองว่ามาสิ”

“พวกเรามาที่นี่ด้วยกัน เหตุผลของการแข่งขันแบบกลุ่มก็คือออกโรงคนเดียวให้น้อยที่สุด ดังนั้นพวกเราสามารถทำลายกลุ่มของพวกเขาได้ โดยให้ผู้ทำพันธะสัญญาของจิ่งเทียนยืนยันจำนวนคนและทิศทางเสียก่อน จากนั้นพวกเราก็วางยาสลบจนมึน จากนั้นก็ทำลายยันต์ส่งสารของพวกเขาทิ้งก็จบแล้วไม่ใช่หรือ” หลิวหลีอธิบายวิธีการอย่างกระชับ ช่างง่ายดายและดิบเถื่อนนัก ทั้งยังเป็นการทำร้ายลับหลังอีกด้วย

“ถ้าหากพวกเขามียาถอนพิษล่ะจะทำเช่นไร?” หลงเทียนซิ่วเอ่ยถามอย่างกังวล

“ไม่มีทางหรอก ยาที่ข้าปรุงขึ้นล้วนมียาถอนพิษ หากแต่ว่ามันค่อนข้างจะเป็นความลับล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์” หลิวหลีพูดขึ้น

“ลองดูก็ได้” หลงเทียนอี้รู้สึกว่าน่าจะเข้าท่า

“มาแล้ว ทางตะวันตกเฉียงใต้มีกลุ่มหนึ่ง สิบคน” จู่ ๆหลงจิ่งเทียนก็พูดขึ้น

“จัดการเลย” หลังจากเงียบไปสักพักใหญ่ หลงเทียนอี้รู้สึกว่ายังไปต่อได้

“ทำไมไม่มีสักคนเดียวเลย” หลินเสียวเจียงมองไปรอบ ๆอย่างรำคาญใจ

“เสี่ยวเจียง เจ้าระวังหน่อยถ้าพวกเขาอยู่แถวนี้จะอันตรายเอาได้” หลินเสียวเสี่ยวพูดอย่างจนปัญญา

“จะเป็นไปได้อย่างไร เสียวเสี่ยวเจ้าวางใจเถอะ” หลินเสียวเจียงพูดอย่างไม่ยี่หระ

“เฮ้ นี่ที่มันแปลก ๆนะ” จู่ ๆหลินเสี่ยวเจียงก็ค้นพบอะไรบางอย่างหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว

“คนผู้นี้ช่างตื่นตัวดีจัง” หลงเทียนอวี่พูดขึ้น นับว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

“เร็วขึ้นหน่อย เรามีเวลาแค่สิบห้านาที “หลงเทียนอี้ตะโกน

พวกเขาทยอยกันเข้าไปทำลายยันต์ส่งสารทั้งหมดที่อยู่บนตัวของพวกสกุลหลิน ดูแล้วสกุลหลินคงจะไม่มีแล้ว พวกเขาจึงถอนหายใจออกมา ดีหน่อย…ศัตรูหายไปหนึ่ง

“น้องหลิวหลี นี่เป็นยาสลบอะไรกัน ทำไมใช้ดีเช่นนี้” หลงเทียนหลิงถาม ได้ผลดีจนน่าตกใจ

“เซียนเมาสุรา“

“ชื่อฟังดูไม่เลวเลย

ด้านนอกเขาจิ่วหัว หลังจากมีแสงหนึ่งปรากฏขึ้นสกุลหลินที่สลบไม่ได้สติก็ถูกนำตัวออกมา หลินเชียนเหนียนมีสีหน้าย่ำแย่เต็มทน เพิ่งเข้าไปได้ไม่เท่าไรก็ถูกส่งตัวออกมาเสียแล้ว จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน อย่าคิดว่าเขาไม่เห็นคนอื่น ๆที่แอบหัวเราะเยาะนะ

ผ่านไปอีกสักพัก คนสกุลฮัวก็ถูกส่งออกมาเช่นกัน หลินเชียนเหนียนสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย สลบไหลเหมือนกันไม่มีผิด

“เป็นเช่นไรบ้าว ยาที่ข้าซื้อมาไม่เสียเปล่า” จ้านอวิ๋นจิ่งยกขวดในมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“ใช่ ๆ เจ้าสุดยอด ถือไว้ให้ดีเลยยังเหลืออีกสามสกุล” จ้านอวิ๋นเยียนพูดขึ้น ยานี่ฤทธิ์ใช้ได้ทีเดียว เพียงครู่เดียวสกุลฮัวก็ถูกจัดการจนไม่รู้เรื่องแล้ว

แม้ว่าคนของสกุลหนานกงจะไม่มีเซียนเมาสุรา แต่หนานกงเวิ่นเทียนรู้ดีว่าหลิวหลีชอบปรุงยาแปลก ๆ ดังนั้นจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ

“หลิวหลี สร้างค่ายกลยาที่นี่ดีหรือไม่ พวกเราจะได้หยุดพักฟื้นฟูพลังด้วย” หลงเทียนอี้ไม่เห็นเงาของสกุลที่เหลือมาสักพักใหญ่แล้ว จึงเสนอขึ้นมา

“ก็ได้” หลิวหลีตอบรับอย่างเบิกบาน นางไม่ได้มีอย่างอื่นมากนักจะมีมากหน่อยก็คือยา พอทำเสร็จแล้วหลิวหลีคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เพิ่มยารอบนอกขึ้นอีกชั้น ทั้งสิบคนจึงนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังอย่างวางใจ

หลิวหลีกำลังจัดการกับพืชวิญญาณที่เก็บได้ระหว่างทาง ของก็ดีใช้ได้เลย

“มีคนกำลังมา ความเร็วช่างรวดเร็วนัก” จู่ ๆหลงจิ่งเทียนพูดขึ้น

“หนีไปตอนนี้ทันหรือไม่” หลงเทียนอี้พูดอย่างร้อนใจ

“ไม่ทันแล้ว” หลงจิ้งเทียนส่ายศีรษะ ดูท่าคงเกิดการปะทะหนักแน่ ๆ

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าฟื้นฟูร่างกายไปเถอะ พวกเขาเข้ามาไม่ได้หรอก” หลิวหลีพูดพลางเก็บพืชวิญญาณกลับเข้าไป

ไม่นานสกุลจ้านก็มาปรากฏตรงหน้าสกุลหลงอย่างรวดเร็ว จนเห็นใบหน้าที่แสนตื่นเต้นของคนสกุลจ้านได้อย่างชัดเจน ขณะที่สกุลจ้านอยู่ห่างจากสกุลหลงเพียงห้าสิบก้าว ทันใดนั้นพวกเขาก็นิ่งชะงักแล้วพวกเขาทั้งสิบคนก็เต้นชักดิ้นชักงอ

“นี่มันอะไรกัน เต้นฉลองชัยชนะหรือ?” หลงเทียนซิ่วพูดด้วยสีหน้าประหลาด

“ไม่ใช่หรอก มองสายตาที่แทบพ่นไฟของพวกเขาสิ น่าจะโดนอะไรสักอย่างเข้าแล้ว” หลงเทียนหลิงเอ่ย

“อืม พวกเขาเต้นกันอยู่ รีบเข้าไปทำลายยันต์ส่งสารของพวกเขากันเถอะ แล้วพวกเราจะได้รีบหนีไปจากที่นี่ การเต้นประหลาดพิลึกนี่จะดึงดูดคนอื่นมาด้วย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงไม่ใช้มัน” หลิวหลีเบะปากพูด

ยาแสนประหลาดของหลิวหลีทำเอาคนของสกุลหลงตัวแข็งทื่อ ในแววตาเกลียดชังของสกุลจ้านไม่มีผลต่อความเกรงใจที่จะบีบทำลายยันต์ส่งสารของพวกเขาเลย

สกุลที่สามที่ถูกนำตัวออกมาก็คือสกุลจ้าน จ้านเฟิงอวี้สีหน้าก็ย่ำแย่ขึ้นมาไม่น้อย โดยเฉพาะท่าทางแปลก ๆของพวกเขา

“ดูแล้วครั้งนี้จะมีนักปรุงยาผู้เก่งกาจรวมอยู่ด้วย” หนานกงชังฉยงเอ่ยขึ้น

“หนานกงชังฉยงพูดไม่ผิด เพียงแต่ศิษย์น้องสกุลหลินของเรานักปรุงยาระดับสูงสุดก็ไม่เกินระดับสี่” หลินต้าหมิงกล่าว

“พี่ต้าหมิง สกุลหนานกงของข้ามีเพียงระดับสามเท่านั้นนะ” หนานกงชังฉยงพูดพลางส่ายศีรษะ

“สกุลจ้านของข้ามีนักปรุงยาระดับห้า หากแต่ว่าเขาไม่เคยเจอยาที่แปลกเช่นนี้” จ้านเฟิงอวี้พูดขึ้น

“สกุลฮัวก็เช่นกัน” ฮัวเชียนเหนิวเอ่ยขึ้นด้วย

สายตาของทุกคนจับจ้องหลงเหวินเซวียน

“เหอะๆ ศิษย์น้องสกุลหลงที่เข้าไปครั้งนี้เป็นนักปรุงยาระดับหก” หลงเหวินเซวียนลูบจมูกพลางตอบด้วยท่าทีเก้ ๆกัง ๆ

“ดูเหมือนจะเป็นคนสกุลหลงจริง ๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสกุลหลงจะมีคนเก่งกาจเช่นนี้อยู่ด้วย” จ้านเฟิงอวี้พูดเหน็บแนมใส่

“เหวินเซวียน ลูกสาวของซินเยว่มีนามว่าอันใดหรือ?” ฮัวเชียนหนิวถามขึ้น จู่ ๆเขาก็นึกออกว่าฮัวเชียนอวี่น้องสาวของเขาเคยกลับบ้านมาบอกเขาครั้งหนึ่งว่าท่านเสวียนหั่วมีศิษย์ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคนสกุลหลง พวกเขาต่างมองข้ามอะไรไปหรือ

“เหอะ ๆ ลูกสาวของซินเยว่หรือ มีนามว่าหลิวหลี หลงหลิวหลี” หลงเหวินเซวียนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“เป็นศิษย์ท่านปรมาจารย์เสวียนหั่วงั้นหรือ?” ฮัวเชียนเหนิวถามต่อ สามสกุลที่เหลือก็ค้นพบเรื่องที่หนักหน่วงเข้าเสียแล้ว

“ใช่แล้ว บัดนี้เป็นนักปรุงยาระดับหกในวัยยี่สิบสาม” หลงเหวินเซวียนยอมรับ ทำให้สี่สกุลที่เหลือค้นพบว่าพวกเขาพลาดข้อมูลหลายอย่างที่น่าเหลือเชื่อไป ถูกทำร้ายยกกลุ่มเช่นนี้ก็สมควร

ในที่สุดสกุลหลงก็เจอกับสกุลเหวินกงแล้ว

“ออกห่างจากสกุลหลงให้ไกลหน่อย ระวังโดนมอมยาเข้าได้” หนานกงเวิ่นเทียนตะโกน

“ดูถูกข้าเกินไปแล้ว” หลิวหลีเบะปาก เสี่ยวเทียนระวังตัวเกินไปแล้ว แต่ทว่าหลิวหลีกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“เสี่ยวเทียน เจ้าคิดว่าอยู่ห่างขนาดนั้นแล้วปลอดภัยงั้นหรือ?” หลิวหลีตะโกนออกไปทันที

“เสี่ยวเทียน นางที่ตะโกนอยู่คือใครกัน?” หนานกงเหลยเทียนเอ่ยถาม

จบเห่แล้ว จู่ ๆหนานกงเวิ่นเทียนก็นึกถึงวิธีการวางยาอย่างลับ ๆโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวของหลิวหลีขึ้นได้ เขาเองก็มีส่วนร่วมด้วยบ้างคงไม่โดนหลุมพรางไปด้วยหรอกมั้ง หนานกงเวิ่นเทียนอยากจะตะโกนให้ถอยหนีไปแต่กลับพบว่าเขาขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว

“ฮิฮิ ก็บอกไปแล้ว ว่าห่างข้าขนาดนั้นแล้วคิดว่าจะปลอดภัยงั้นหรือ จริง ๆเลย” หลิวหลีเบะปาก แล้วให้ยาถอนพิษแก่พวกหลงเทียนอี้

จากนั้นก็เดินไปป้อนยาเม็ดหนึ่งให้คนสกุลเหวินกงทุกคนอย่างไม่เกรงใจ

“น้องหลิวหลี เหตุใดพวกเราจึงโดนหลุมพรางไปด้วย” หลงเทียนอี้เอ่ยถาม

“ทำอย่างไรได้เล่า พวกเขาอยู่ไกลเกินไป ฤทธิ์ของยาก็เบาบางลง วางใจเถอะ…ข้าให้พวกเขากินยานี่เข้าไปแล้ว รับประกันได้ว่าพวกเขาจะขยับไม่ได้” หลิวหลีตบอกพลางพูด

“ครั้งนี้คืออะไรเล่า?” หลงเทียนหังเอ่ยถาม เขาแอบดีใจลึก ๆที่ได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกัน

“มนุษย์ท่อนไม้” หลิวหลีตอบ จากนั้นก็ไปหายันต์ส่งสารบนตัวของหนานกงเวิ่นเทียน พอหาพบก็นำเม็ดยายัดใส่เข้าปากของเขา ชั่ววินาทีที่พวกเขาขยับได้ยันต์ส่งสารก็ถูกบีบทำลายแล้ว สกุลหนานกงก็ถูกนำตัวออกมาเช่นกัน

แม้จะรู้ว่าการแข่งขันกลุ่มไม่น่าสนุกแล้ว แต่เมื่อเห็นเหล่าศิษย์น้องในสกุลถูกส่งตัวออกมา หนานกงชังฉยงก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

ต่อมายันต์ส่งสารบนตัวของหลงเทียนอี้ก็สว่างวาบขึ้นมา หลังจากพวกเขาออกมาก็เข้าใจเลยว่าพวกเขาชนะแล้ว

“เหอะ ๆ การแข่งขันแบบกลุ่มครั้งนี้ช่างสั้นและน่าตื่นเต้นเสียจริง” ฮัวเชียนหนิวกล่าว

“ใช่แล้ว ถูกเหวินเซวียนชนะนำไปก่อนหนึ่งตา แต่สองรอบที่เหลือคงไม่แล้วล่ะ” จ้านเฟิงอวี้กล่าวพร้อมกับมองไปยังหลงเหวินเซวียน

“จะว่าไปเมื่อก่อนทำไมพวกเราถึงไม่คิดใช้ยากันนะ?” หนานกงชังฉยงไม่รู้ว่าคิดอะไรถึงพูดออกมาเช่นนั้น จากนั้นเหล่าพ้องเพื่อนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงกันก็เงียบขึ้นมา ที่พูดออกมาก็มีเหตุผล เหตุใดเมื่อก่อนพวกเขาถึงคิดไม่ถึงนะ

“ข้าขอประกาศ การแข่งขันกลุ่มครั้งนี้ อันดับที่ห้าสกุลหลิน อันดับที่สี่ตระกููลฮัว อันดับที่สามสกุลจ้าน อันดับที่สองสกุลหนานกง และอันดับที่หนึ่งสกุลหลง ดังนั้นการแข่งขันจึงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เริ่มการแข่งขันรอบคัดออก ขอให้ทุกท่านสู้ต่อไป”

…………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด