โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 461

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 461 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.461 – แอปไซปิดกั้นข่าวสาร

 

สายตาของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา ความโกรธลุกโชนในจิตใจ

 

เขาไม่คิดเลย ว่าในเวลาเพียงเสี้ยววินาที กลับถูกสัตว์ร้ายชิงสมบัติตรงหน้าไป!

 

ในมือของฉินเฟิง มีดกษัตริย์ครามถูกเรียกออกมาจากอุปกรณ์รูนมิติทันที วาดสะบัดออกไปเบื้องหน้า

 

วูซซซ

 

ลำแสงสีแดงม่วงอันเข้มข้นปะทุปกคลุมใบของมีดกษัตริย์คราม แผ่รังสีร้อนแรงราวกับลาวา!

 

ซี่!

 

แม้ศัตรูจะสามารถวิวัฒไปถึงเลเวล D ระดับราชันย์แล้วก็ตาม แต่ราชันย์มังกรตลบดินกลับไม่สามารถต้านทานได้เลย เกล็ดหนาชั้นนอกที่เพิ่งได้รับมาปริแตกทันที

 

เสียงหวีดโหยหวนน่าเวทนาสะท้อนไปในอากาศ ราชันย์มังกรตลบดินก้มหน้าลง มุดหนีลงดินทันที

 

“คิดหรือว่าจะหนีไปได้?”

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงเริ่มขยับไหว รูนมหาศาลพรั่งพรูออกจากกาย

 

“แมกมาโลกันต์!”

 

ในพริบตา พื้นดินรอบตัวฉินเฟิงพลันแปรสภาพ กลายเป็นแอ่งลาวา

 

ราชันย์มังกรตลบดินที่เพิ่งมุดลงดินได้แค่ครึ่งแรกของลำตัว อ้าปากใหญ่หวีดร้องน่าสังเวชอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เนื่องจากถูกกลบกลืนอยู่ใต้ธารลาวา

 

กระทั่งเกล็ดดั่งเกราะเหล็กกล้าที่เพิ่งวิวัฒนาการ ยังถูกห่อหุ้ม ลาวาหนืดแทรกซึมลงไป กัดกร่อนแผดเผาเปลี่ยนมันเป็นขี้เถ้าทันที

 

ร่างอันใหญ่โตดิ้นสะบัดไปมา มันกำลังจะตายในอีกไม่กี่อึดใจ

 

ใบมีดของฉินเฟิงถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงไสวอีกครั้ง

 

“ตาย!”

 

มังกรตลบดินถูกสับแยกออกเป็นสองซีกทันที ซีกส่วนหลังยังคงดิ้นเร่า ครึ่งซีกส่วนหน้าจมหายไปในลาวา

 

ช่างน่าสงสาร ทั้งๆที่สามารถวิวัฒนาการเป็นระดับราชันย์ได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายต้องจบชีวิตลงที่นี่

 

ฉินเฟิงขับเคลื่อนพลังสมาธิ นำเอาก้อนกลมๆสองลูกที่จมอยู่ตายแอ่งลาวาขึ้นมา

 

ทุกท่านคาดเดาได้ถูกต้อง หนึ่งในสองคือผลึกชีพจรธรณี อีกหนึ่งคือแก่นอบิลิตี้ของราชันย์มังกรตลบดิน

 

จากที่ลองสังเกตดู ผลึกชีพจรธรณีเหมือนจะถูกดูดซับไปได้แค่ผิวบางๆชั้นนอกเท่านั้น ภายในยังคงอัดแน่นไปด้วยพลังงาน –ขนาดแค่ชั้นผิวบางๆยังสามารถเปลี่ยนสัตว์ร้ายเลเวล E ให้กลายเป็นระดับราชันย์เลเวล D ได้ พลังงานของมันมีมากขนาดไหน ลองจินตนาการเอาเถอะ

 

ฉินเฟิงเก็บสินสงครามทั้งสองชิ้นลงในอุปกรณ์รูนมิติ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาพบว่าภูเขายกสูงขึ้นกว่าเดิมมาก กลุ่มก้อนดินและหินกลิ้งหลุนๆลงจากภูเขา และในหมู่พวกมัน มีผลึกชีพจรธรณีรวมอยู่ด้วย แมลงสัตว์ร้ายกระโจนเข้าช่วงชิงอย่างบ้าคลั่ง

 

“จี๊ จี๊!”

 

ด้วงเกราะคริสตัลตัวหนึ่งสามารถโฉบคว้าผลึกชีพจรธรณีมาได้ มันกลืนผลึกทั้งก้อนลงท้องอย่างรวดเร็ว ร่างกายพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง รัศมีแสงรอบตัวมัน ที่แต่เดิมเป็นสีดำ กลายเป็นสีทองไสว และสุดท้ายเปลี่ยนรูปโปร่งใสราวกับคริสตัล

 

–ก้าวขึ้นสู่จักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D !

 

แค่คิดว่าอีกฝ่ายกินผลึกก้อนใหญ่แค่ไหนลงไป ก็ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นแล้ว!

 

ฉินเฟิงละความสนใจจากผลึกธรณีที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ กระโจนเข้าหาจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D โดยตรง

 

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง และกำลังภายในที่เทียบเท่าได้กับเลเวล B1 ผสานไปกับมีดกษัตริย์ครามที่ก้าวขึ้นถึงระดับอาวุธเทวะ ครอบครองความคมอย่างหาที่ใดเปรียบ การสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย จึงกลายเป็นเพียงเรื่องง่ายดาย

 

“พลุไฟสุคราม!”

 

ประกายสีม่วงแดงปะทุออก เจาะทะลวงชั้นเกราะของด้วงเกราะคริสตัลทันที

 

จักรพรรดิด้วง ไม่มีเวลาทันได้สำแดงความอหังกา ถูกชิงสังหารตกตายโดยฉินเฟิง ผลึกธรณีและแก่นอบิลิตี้ในตัวมันก็ถูกเขาเอาไป!

 

เมื่อสิ้นใจ พลังงานบริสุทธิ์จากจักรพรรดิด้วงเกราะคริสตัลก็ไหลเข้ามาในร่างของฉินเฟิง

 

ขณะเดียวกัน ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แมลงสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนที่ปีนขึ้นมาบนภูเขา ได้วิวัฒจากระดับนายพลสัตว์ร้าย ขึ้นเป็นระดับราชันย์ บางตัวโชคดีได้เลื่อนขั้นเป็นถึงระดับจักรพรรดิเลยก็ยังมี

 

กลิ่นอายของพวกมันผสมปนเป กวาดกระจายไปทั่วพื้นที่ เพียงสัมผัสโดน แข้งขาของผู้ใช้พลังเลเวล E ก็กลายเป็นอ่อนเปลี้ย สั่นสะท้านจนไม่อาจก้าวเดิน

 

กระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล D ก็ไม่เว้น สองเท้าก้าวไม่ออก รู้สึกกดดันยากจะหายใจ

 

ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าหากปล่อยทิ้งไว้ เกรงว่าอีกไม่กี่วัน สัตว์ร้ายเหล่านี้ย่อมสามารถวิวัฒไปสู่เลเวล C เมื่อถึงเวลานั้น ทุกกระเบียดนิ้วของภูเขาแห่งนี้ย่อมกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม หากไม่แกร่งพอ มิอาจย่างกราย

 

นี่แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉินเฟิงถึงไม่ให้จิ่นเฟยกับคนอื่นๆลงมาช่วยค้นหา เพราะเกรงว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งหมดคงถูกกองทัพแมลงปิดล้อม จบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ

 

ฉินเฟิงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการค้นหาผลึกธรณี แต่ติดปัญหาตรงที่จะถูกพวกสัตว์ร้ายช่วงชิงไปก่อนถึงมือตนเอง …. งั้นทำไมถึงไม่ชิงฆ่าพวกมันให้จบๆไปเสียเล่า?

 

เมื่อเกิดความคิดนี้ ฉินเฟิงก็ไม่คิดยั้งมืออีกต่อไป

 

“สายฝนแห่งความตาย!”

 

สิ้นเสียง เมฆทะมึนพลันปรากฏขึ้นเหนือผืนฟ้า แผ่ขยายปกคลุมไปกว่าครึ่งภูเขา เปลี่ยนดินแห้งๆให้ฉุ่มฉ่ำเป็นโคลนเหลว

 

เบื้องหลังของฉินเฟิงผุดปีกเพลิงฟ้างอกออกมา เขาลอยตัวขึ้นในอากาศ กวาดมองแมลงสัตว์ร้ายเบื้องล่างที่พยายามดิ้นรน และคืบคลานไปตามโคลน

 

เนื่องจากบนภูเขามีสัตว์ร้ายมากระจุกรวมตัวกันอยู่มากเกินไป ดังนั้นเมื่อบางตัวสามารถกลืนกินผลึกธรณี แล้วเกิดการวิวัฒ ยกระดับเป็นราชันย์ ขนาดตัวเริ่มยืดขยาย จากแต่เดิมหนึ่งเมตร กลายเป็นสิบเมตร  

 

สัตว์ร้ายแบบนี้ ร่างกายของมันย่อมกุมความได้เปรียบอย่างแท้จริง

 

เพียงแต่ว่า เนื่องจากร่างกายที่ใหญ่โต เลยทำให้สายฝนแห่งความตายกระทบใส่ตัวมากตามไปด้วย ส่งผลให้ร่างกายของมันอ่อนแอลงทันที

 

“ก้าวอัคคี!”

 

ไม่ยอมให้ทันตั้งตัว ฉินเฟิงตัดผ่านอากาศเป็นเส้นตรงอย่างรุนแรง ปรากฏกายขึ้นอีกทีเหนือหัวสัตว์ร้ายตัวนั้น

 

“ระบำดอกไม้ไฟ!”

 

ประกายแสงสว่างวาบ ภายใต้เปลวเพลิงสีดำแดง คมมีดร่ายระบำ ตัดเฉือนหัวขนาดใหญ่ของสัตว์ร้ายตนนั้นทันที

 

ปุ …

 

เลือดทะลักอย่างบ้าคลั่ง

 

ฉินเฟิงไม่สนใจวัตถุดิบระดับราชันย์สัตว์ร้าย ดังนั้นผลาญมันด้วยเพลิงโลกันต์โดยตรง แผดเผาราชันย์ตนนั้นจนเหลือเพียงแก่นอบิลิตี้และผลึกธรณีที่ยังไม่ดูดซับโดยสมบูรณ์

 

จากนั้น ฉินเฟิงก็เพลิดเพลินไปกับการสังหาร เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง

 

ขณะเดียวกัน ใต้ดินเกิดการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเอง พลันเกิดที่ราบสูงก่อตัวขึ้นบนยอดเขา ขยับขยายออกไป ราวกับต้องการก่อรูปเป็นเทือกเขา

 

ปรากฏสัตว์ร้ายที่ได้กลืนผลึกธรณีลงไปขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกมันทรงพลังกว่าเดิม ยกระดับกลายเป็นราชันย์ ไม่ก็จักรพรรดิ เมื่อแก่กล้าพวกมันก็เริ่มคลานขึ้นมาจากพื้นดิน .. ใครบ้างเล่าที่เก่งแล้วยังอยากมุดหัวอยู่ที่เดิม?

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดสุดท้ายจบชีวิตลง กลายเป็นผีภายใต้คมมีดของฉินเฟิง

 

 

ฉินเฟิงไล่สังหารตลอดทั้งวันคืน ทั้งร่างของเขาชะโลมไปด้วยเลือด เทือกเขาเองก็เริ่มขยับขยายไปอย่างต่อเนื่อง ตำแหน่งยอดเขาที่ฉินเฟิงเคยหยุดยืนช่วงเช้า ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางของเทือกเขาไปแล้ว

 

และที่นี่ ไม่เหลือสรรพเสียงใดๆคอยรบกวนอีกต่อไป

 

แน่นอน เหนือขึ้นไปบนผืนฟ้า ผู้คนสามารถรับชมการต่อสู้ของฉินเฟิงได้อย่างเต็มตา

 

อย่างน้อย คนบนเรือเหาะทุกคน ก็เห็นถึงการสำแดงอำนาจสังหารของฉินเฟิง

 

“แข็งแกร่งเกินไป .. ลูกพี่จะแกร่งเกินไปแล้ว นี่มันขัดต่อเจตจำนงสวรรค์ชัดๆ!”

 

“ใช่ พอเห็นการต่อสู้ของเจ้านายแล้ว ฉันรู้สึกฮึกเหิม เหมือนได้รับแรงบันดาลใจเลย แต่น่าเสียดายที่สัตว์ร้ายพวกนี้ไม่แข็งแกร่งพอ เจ้านายเพียงยกมือก็กำราบมันได้โดยสิ้นเชิง ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เห็นพลังของเจ้านายมากกว่านี้”

 

“เขาแสดงความแข็งแกร่งให้ดูมากถึงขนาดนี้แล้ว นายยังต้องการเห็นอีกถึงขนาดไหนกัน?”

 

คนบนเรือเหาะ ทั้งหมดเฝ้ามองฉินเฟิงด้วยความตื่นเต้น

 

“คงมีเฉพาะคนที่แข็งแกร่งระดับลูกพี่เท่านั้นแหละ ถึงจะสามารถเอาชีวิตรอดในสถานการณ์แบบนี้ได้”

 

“นั่นสิ เจ้าเมืองหวังเองก็ไม่พ้นเงื้อมมือเขา”

 

จิ่นเฟยถอนหายใจด้วยความอิจฉา

 

คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วย 

 

 

เมื่อเกิดเหตุการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งเมืองผูไซย่อมสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน เดิมพวกเขาส่งคนมาหาฉินเฟิงเหมือนกัน แต่ถูกกองทัพแมลงสัตว์ร้ายขวางทางเอาไว้

 

เมื่อพบเจอกับกองทัพแมลง พวกเขาจึงถอยกลับ เพื่อเตรียมรับมือกับพวกมันอย่างระมัดระวัง ทำกระทั่งตั้งด่านแนวหน้า หมายต้านทานกองทัพสัตว์ร้าย 

 

แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นว่ากองทัพแมลงไม่ได้บุกเข้ามายังตำแหน่งของพวกเขา แต่ปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขาที่แทงยอดจากพื้นดินแทน

 

นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ประหลาดอีกอย่าง เช่นสัตว์ร้ายที่เดิมทีเป็นเลเวล D1 หลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งคืน มันกลับยกระดับขึ้นมาถึง D6 แบบนี้เกรงว่าหากปล่อยไว้อีกวันนึง มันอาจยกระดับขึ้นเป็นเลเวล C เลยก็ได้

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ในหัวใจของแอปไซอดตื่นตระหนกไม่ได้ ทว่าเขาก็ยังคาดเดาไปอีกทางหนึ่ง

 

“มันจะต้องมีสมบัติอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นแน่นอน!”

 

เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัย แอปไซส่งคนไปปิดล้อมราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ที่เจอทันที และใช้กำลังพลที่มากกว่า สังหารมันลง

 

และเขาก็ได้รับผลึกชีพจรธรณี!

 

แอปไซสั่งการทุกคนทันที ให้ปิดกั้นข่าวสาร อย่าปล่อยให้ผู้คนแพร่กระจายมันออกไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด