โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 510 – ยกระดับถัดไป

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 510 - ยกระดับถัดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.510 – ยกระดับถัดไป  

 

 

 

 

 

ร่างที่ว่าบนสังเวียน กำลังยืนหันข้างให้ซางฮัน ยืนหยัดในจุดเดิม มิได้เปลี่ยนตำแหน่งไปเลยตั้งแต่แรกเริ่ม ส่งผลให้สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่บนที่สูงจากระยะไกล  

 

 

 

 

 

ในตอนนั้นเอง เพียงแว่บเดียวที่เหลียวมอง ซางฮันก็สามารถจดจำบุคลที่อยู่ตรงข้ามฮั่นจุนได้ทันที!  

 

 

 

 

 

“เป็นฉินเฟิง!” ดวงตาน้อยๆของซางฮัน ตะลึงค้างไป  

 

 

 

 

 

กระทั่งหยวนห่าวเอง ก็ยังอดเบิกตากว้างไม่ได้  

 

 

 

 

 

“เขา … เขาไปอยู่บนสังเวียนได้อย่างไร?” ซางฮันเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว  

 

 

 

 

 

อันที่จริงหากซางฮันเอ่ยปากถาม หยวนห่าวในฐานะเลขาสมควรเอ่ยตอบ ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน  

 

 

 

 

 

ระหว่างนั้นเอง อีกร่างหนึ่งวิ่งหอบแฮ่กเข้ามา ทั้งตัวท่วมไปด้วยเหงื่อเย็น สีหน้าท่าทีราวกับกำลังร้องไห้  

 

 

 

 

 

“ท่านจ้าวพรมแดน! ท่านจ้าวพรมแดน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”  

 

 

 

 

 

ในหัวใจของซางฮันคล้ายมีระเบิดเวลา สำหรับตัวตนทรงอำนาจเช่นเธอ อะไรที่เรียกว่า ‘เรื่องใหญ่’ น้อยนักที่จะเกิดขึ้น แต่หากมันเกิด นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง!  

 

 

 

 

 

“ทำไม มีอะไรงั้นหรือ?” ซางฮันยังไม่ปักใจเชื่อ หันไปมองอีกฝ่าย และพบว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานประลอง  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างร้อนรนว่า “จ้าวพรมแดน บนสังเวียนที่ 3 นักสู้ที่กำลังต่อกรกับฮั่นจุน มีคนวางเดิมพันฝั่งเขากว่า 10 ล้านล้าน ว่าจะสามารถรั้งตำแหน่งแชมป์ ส่วนอัตราต่อรอง … อัตราต่อรองมัน … ”  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว แม้จะกล้าวิ่งมาถึงโซนที่นั่งพิเศษ แต่พอถึงเวลา เอาเข้าจริงเขากลับพบว่ามันยากที่จะเอ่ยออกมา  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฝั่งซางฮันแม้พยายามระบายลมหายใจ ไม่แสดงอาการใดๆออกมา แต่ในหัวใจกลับบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี  

 

 

 

 

 

“อัตราเดิมพันเท่าไหร่?”  

 

 

 

 

 

“ … 6 … 64 เท่า!”  

 

 

 

 

 

วิสัยทัศน์ของซางฮันพลันพร่ามัว คล้ายคนจะเป็นลม  

 

 

 

 

 

“เจ้าโง่! เสียสติไปแล้วรึไง ทำไมถึงปล่อยให้วางอัตราเดิมพันแบบนั้นกับฉินเฟิง!?” ซางฮันสบถสาปแช่ง  

 

 

 

 

 

“ท่านจ้าวพรมแดน ผู้น้อย .. ผู้น้อยไม่ทราบว่าเขาแข็งแกร่งมาก เพราะตัวแทนจากรัฐทะเลเหนือมักได้รับตำแหน่งในงานประลองต่ำต้อย ความแข็งแกร่งที่สุดของประชากรของพวกเขา แทบไม่มีใครเกินเลเวล D”  

 

 

 

 

 

 ก็แล้วใครมันจะไปทันคิดกัน ว่ากระทั่งฮั่นจุนก็ไม่อาจเอาชนะฉินเฟิงได้  

 

 

 

 

 

แต่เงินเดิมพันก็รับมาแล้ว แบบนี้ จะสามารถจ่ายมันออกไปได้จริงๆน่ะหรอ?  

 

 

 

 

 

ซางฮันอดระบายความโกรธใส่เขาไม่ได้  

 

 

 

 

 

“นี่คุณกินหญ้าเป็นอาหารรึไง? ทำไมถึงไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นผู้การรัฐคนปัจจุบันของทะเลเหนือ เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง มีชื่อว่าฉินเฟิง! ”  

 

 

 

 

 

“เรื่องเล็กๆน้อยๆกลับไม่รู้จักใส่ใจ แบบนี้คุณจะยังใช้ประโยชน์อะไรได้อีก ไสหัวไปให้พ้น! แล้วไม่ต้องมารับหน้าที่นี้อีก!”  

 

 

 

 

 

ซางฮันอดใจไม่ไหว เธอฉีกหน้าอีกฝ่ายโดยตรง  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตะลึงไปทันที  

 

 

 

 

 

มิใช่แค่เขา กระทั่งเลเวล B ทั้งหมดบนอัฒจันทร์ ที่ไม่รู้จักสถานะของฉินเฟิง ทั้งหมดตะลึงงันราวกับถูกแช่แข็ง  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิง? ตำแหน่งผู้การรัฐ?  

 

 

 

 

 

นั่นหมายความว่า อย่างน้อยคนๆนี้ ต้องอยู่ในเลเวล C ใช่ไหม?  

 

 

 

 

 

ทั้งหมดนิ่งงันไปโดยสมบูรณ์  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน บนสังเวียน ฮั่นจุนกำลังหอบหายใจอย่างหนักจากความเหนื่อยล้า สีหน้าของเขาซีดขาว พลังสมาธิถูกเร่งเร้าจนถึงขีดจำกัด ทว่าฉินเฟิงกลับยังไม่มีส่วนใดบุบสลาย แทบไม่สูญเสียกำลังภายใน  

 

 

 

 

 

“เอาล่ะ ครบ 10 นาทีแล้ว น่าเสียดายจริงๆ … ” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง  

 

 

 

 

 

ฮั่นจุนโกรธจนกายสั่นสะท้าน แต่มิอาจเปล่งคำใดออกมาได้  

 

 

 

 

 

“คราวนี้ ถึงตาของฉันบ้างแล้ว!”  

 

 

 

 

 

ขณะกล่าว ฉินเฟิงค่อยๆยกมือขึ้นไปทางฮั่นจุนเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

ตลอดทั้งอัฒจันทร์ ต่างมองตามทุกการกระทำของฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่ทุกคนยังไม่ได้เห็นฉินเฟิงลงมือ ดังนั้นไม่อาจทราบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ณ ขณะนั้น ในหัวใจของฮั่นจุนมิได้ฟุ้งไปด้วยความโกรธอีกต่อไป บังเกิดความหวาดกลัวแทรกแซงเข้ามา กำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก มากอย่างไม่น่าเชื่อ หากใช้มันลงมือ ย่อมระเบิดอำนาจมหาศาล  

 

 

 

 

 

ตอนนี้ ฮั่นจุนเริ่มเกิดความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

“เทคนิคโล่สายลม!”  

 

 

 

 

 

“เทคนิคระเบิดวายุ!”  

 

 

 

 

 

อบิลิตี้สวมทับลงบนร่างของฮั่นจุน ช่วยให้เขามีความเร็วมากขึ้น ทั้งยังมีโล่สายลมคอยป้องกันการโจมตีจากฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกัน นิ้วของฉินเฟิงเหยียดออกไปเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวนิดๆหน่อยๆ แต่ทุกสายตาของผู้ชม กลับสามารถมองเห็นนิ้วของฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน  

 

 

 

 

 

ปรากฏว่ามีคลื่นความผันผวนถูกส่งออกมาอย่างรุนแรง และความผันผวนนี้ มีรูปทรงไม่แตกต่างไปจากหยดน้ำ  

 

 

 

 

 

จากนั้น หยดน้ำก็เริ่มสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันถูกยิงออกไป ตรงเข้าหาฮั่นจุนอย่างรวดเร็ว  

 

 

 

 

 

ต่อมา มันได้กระทบลงบนโล่สายลม  

 

 

 

 

 

หึ่ง หึ่ง!  

 

 

 

 

 

โล่สายลมส่งเสียงเสียดสี ชวนให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเสียวฟัน ราวกับว่ากำลังเผชิญกับการโจมตีอันแสนรุนแรง  

 

 

 

 

 

ทั้งๆที่สิ่งที่ตกกระทบเข้าใส่มัน เป็นเพียงหยดน้ำ!  

 

 

 

 

 

เพล้ง!  

 

 

 

 

 

โล่กระแสลมแตกเป็นเสี่ยงๆทันที กระจายออกไปทุกทิศทาง ขณะเดียวกัน หยดน้ำดังกล่าว ก็ตกลงบนตัวของฮั่นจุน  

 

 

 

 

 

เปรี้ยง!  

 

 

 

 

 

ฮั่นจุนถูกกระแทกอย่างแรง ลอยกระเด็นออกไป กระทั่งโล่จากอบิลิตี้ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ เท่านี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไนอีก คุณสามารถจินตนาการได้ว่ามันรุนแรงขนาดไหน  

 

 

 

 

 

วูบบบ!  

 

 

 

 

 

“อ๊ากกกกกก!!!”   

 

 

 

 

 

“อย่างไร … นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”  

 

 

 

 

 

ผู้ชมนับไม่ถ้วน ส่งเสียงฮือฮา  

 

 

 

 

 

เพราะสุดท้าย ทุกคนเข้าใจแล้ว ว่าน้ำดังกล่าว มิใช่อบิลิติี้น้ำ แต่เป็นกำลังภายใน!!  

 

 

 

 

 

“แต่มันจะใช่หรอ กำลังภายในสามารถถ่ายเทออกสู่ภายนอกร่างกายได้โดยตรงก็จริง แต่ในกรณีที่มันควบรวมกันเป็นหยดน้ำ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”  

 

 

 

 

 

“ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่?”  

 

 

 

 

 

“ที่แท้มันเรื่องบ้าอะไร?”  

 

 

 

 

 

กระทั่งกรรมการตัดสิน เมื่อเห็นถึงฉากนี้ ก็กลายเป็นสับสน ยืนงงอยู่ในสถานที่เดิม  

 

 

 

 

 

“เฮ้กรรมการ รีบนับสักที” ฉินเฟิงเรียกสติ  

 

 

 

 

 

“ขอรับ ขอรับ! เริ่มนับถอยหลังใน 10 , 9 , 8 … ”  

 

 

 

 

 

แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ฮั่นจุนไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน  

 

 

 

 

 

เพราะการโจมตีนี้แม้ดูเล็กน้อย แต่อำนาจของมันมหาศาลนัก อันที่จริงฉินเฟิงเพียงเขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น กระบวนท่าในครั้งนี้ ทำร้ายเพียงโล่สายลม ส่วนตัวฮั่นจุนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เขาไม่มีทางลุกขึ้นมาได้ กระทั่งในงานประลองพรุ่งนี้ อย่าหวังว่าจะได้มีส่วนร่วม  

 

 

 

 

 

ฝูงชนต่างรู้สึกประหลาดใจกับงานประลองครั้งนี้  

 

 

 

 

 

ในเวลานั้นเอง เสียงจากบนโซนระดับสูงพลันแพร่กระจายออกมา ตลอดทั้งเวทีขนาดใหญ่ ผู้คนต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน ว่าคนที่กำลังประกาศอยู่  

 

 

 

 

 

เป็นซางฮัน  

 

 

 

 

 

“ช่วยเงียบลงหน่อย อันที่จริงแล้ว ฉันมีเรื่องที่จะประกาศ” ซางฮันกล่าว  

 

 

 

 

 

“คารวะท่านจ้าวพรมแดน!”  

 

 

 

 

 

ผู้คนต่างลุกขึ้น โค้งคำนับเล็กน้อย นี่ถือเป็นการให้เกียรติผู้พูด  

 

 

 

 

 

เพราะมีซางฮันอยู่ พวกเขาถึงสามารถรอดชีวิตมาได้ถึงบัดนี้  

 

 

 

 

 

ซางฮันมองดูและวิเคราะห์สังเวียนอย่างสงบ แม้ในใจรู้สึกกดดัน เธอมองไปทางฉินเฟิง เมื่อเริ่มคิดว่าหากฉินเฟิงกลายเป็นแชมป์ ตนเองจะต้องควักเงินออกมาจ่ายมากกว่า 600 ล้านล้านเหรียญ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืดตามัว  

 

 

 

 

 

เลยไม่มีหนทางอื่น นอกจากใช้วิธีตุกติกเท่านั้น  

 

 

 

 

 

“ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นักสู้บนสังเวียนที่ 3 เขาชื่อว่าฉินเฟิง เป็นอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดในเขตทางเหนือ มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น”  

 

 

 

 

 

บรรดาฝูงชนที่กำลังสงบลง บังเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง  

 

 

 

 

 

สามารถเอาชนะฮั่นจุนได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่อายุเพียง 17 ปีจริงๆน่ะหรือ?  

 

 

 

 

 

นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเพิ่งได้รับการปลุกพลังปีที่แล้วหรอกหรือ?  

 

 

 

 

 

อย่าบอกนะว่าเขาเป็นนักสู้มากพรสวรรค์ชนิดหาตัวจับยาก และทางตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณได้เก็บซ่อนเอาไว้ เคารพอาจารย์แล้วเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ จึงสามารถระเบิดพลังอันน่าตกใจออกมาได้  

 

 

 

 

 

ในสมองของฝูงชนต่างระดมขบคิด  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฝั่งฉินเฟิงเองก็ตะลึงไม่น้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซางฮันถึงเอ่ยแนะนำเขาออกไป  

 

 

 

 

 

ซางฮันเริ่มกล่าวต่อว่า “และฉินเฟิงยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้การรัฐ แห่งทะเลเหนือในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของเขา แท้จริงได้ก้าวสู่เลเวล C แล้ว!”  

 

 

 

 

 

ยามเสียงนี้ตกลง บังเกิดความโกลาหลยิ่งกว่าเดิม  

 

 

 

 

 

ในหัวของฝูงชน ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากความตกใจ  

 

 

 

 

 

“ผู้การฉินทรงพลังนัก และฉันเชื่อว่างานประลองลูกรักของพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง เขาย่อมสามารถแสดงฝีมือได้มากกว่านี้แน่นอน ”  

 

 

 

 

 

“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตัวเขาถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นเยาว์ทางตอนเหนืออยู่แล้ว ทรงพลังเกินกว่าคนอื่นๆจะรับมือไหว ดังนั้น เพื่อรักษาเหล่าต้นกล้าเอาไว้ ตอนนี้ฉันขอประกาศว่า ฉินเฟิงจะได้รับโควต้า ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหนึ่งในสิบตัวแทนของทางเหนือโดยตรง!”  

 

 

 

 

 

“ทุกท่านมีผู้ใดคัดค้าข้อเสนอนี้หรือไม่?”  

 

 

 

 

 

ฝูงชนย่อมไม่คัดค้าน เพราะด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง แม้ได้รับตำแหน่งไปครองโดยตรง ก็ยังถือเป็นเรื่องที่สมควร  

 

 

 

 

 

เพราะในบรรดารุ่นเยาว์บนสังเวียน ยังมีคนที่สามารถชนะเขาได้อีกหรือ?  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 510 – ยกระดับถัดไป

Now you are reading โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 Chapter 510 - ยกระดับถัดไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.510 – ยกระดับถัดไป  

 

 

 

 

 

ร่างที่ว่าบนสังเวียน กำลังยืนหันข้างให้ซางฮัน ยืนหยัดในจุดเดิม มิได้เปลี่ยนตำแหน่งไปเลยตั้งแต่แรกเริ่ม ส่งผลให้สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจนแม้จะอยู่บนที่สูงจากระยะไกล  

 

 

 

 

 

ในตอนนั้นเอง เพียงแว่บเดียวที่เหลียวมอง ซางฮันก็สามารถจดจำบุคลที่อยู่ตรงข้ามฮั่นจุนได้ทันที!  

 

 

 

 

 

“เป็นฉินเฟิง!” ดวงตาน้อยๆของซางฮัน ตะลึงค้างไป  

 

 

 

 

 

กระทั่งหยวนห่าวเอง ก็ยังอดเบิกตากว้างไม่ได้  

 

 

 

 

 

“เขา … เขาไปอยู่บนสังเวียนได้อย่างไร?” ซางฮันเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว  

 

 

 

 

 

อันที่จริงหากซางฮันเอ่ยปากถาม หยวนห่าวในฐานะเลขาสมควรเอ่ยตอบ ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน  

 

 

 

 

 

ระหว่างนั้นเอง อีกร่างหนึ่งวิ่งหอบแฮ่กเข้ามา ทั้งตัวท่วมไปด้วยเหงื่อเย็น สีหน้าท่าทีราวกับกำลังร้องไห้  

 

 

 

 

 

“ท่านจ้าวพรมแดน! ท่านจ้าวพรมแดน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”  

 

 

 

 

 

ในหัวใจของซางฮันคล้ายมีระเบิดเวลา สำหรับตัวตนทรงอำนาจเช่นเธอ อะไรที่เรียกว่า ‘เรื่องใหญ่’ น้อยนักที่จะเกิดขึ้น แต่หากมันเกิด นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริง!  

 

 

 

 

 

“ทำไม มีอะไรงั้นหรือ?” ซางฮันยังไม่ปักใจเชื่อ หันไปมองอีกฝ่าย และพบว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานประลอง  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างร้อนรนว่า “จ้าวพรมแดน บนสังเวียนที่ 3 นักสู้ที่กำลังต่อกรกับฮั่นจุน มีคนวางเดิมพันฝั่งเขากว่า 10 ล้านล้าน ว่าจะสามารถรั้งตำแหน่งแชมป์ ส่วนอัตราต่อรอง … อัตราต่อรองมัน … ”  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่แทบจะร้องไห้อยู่แล้ว แม้จะกล้าวิ่งมาถึงโซนที่นั่งพิเศษ แต่พอถึงเวลา เอาเข้าจริงเขากลับพบว่ามันยากที่จะเอ่ยออกมา  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฝั่งซางฮันแม้พยายามระบายลมหายใจ ไม่แสดงอาการใดๆออกมา แต่ในหัวใจกลับบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี  

 

 

 

 

 

“อัตราเดิมพันเท่าไหร่?”  

 

 

 

 

 

“ … 6 … 64 เท่า!”  

 

 

 

 

 

วิสัยทัศน์ของซางฮันพลันพร่ามัว คล้ายคนจะเป็นลม  

 

 

 

 

 

“เจ้าโง่! เสียสติไปแล้วรึไง ทำไมถึงปล่อยให้วางอัตราเดิมพันแบบนั้นกับฉินเฟิง!?” ซางฮันสบถสาปแช่ง  

 

 

 

 

 

“ท่านจ้าวพรมแดน ผู้น้อย .. ผู้น้อยไม่ทราบว่าเขาแข็งแกร่งมาก เพราะตัวแทนจากรัฐทะเลเหนือมักได้รับตำแหน่งในงานประลองต่ำต้อย ความแข็งแกร่งที่สุดของประชากรของพวกเขา แทบไม่มีใครเกินเลเวล D”  

 

 

 

 

 

 ก็แล้วใครมันจะไปทันคิดกัน ว่ากระทั่งฮั่นจุนก็ไม่อาจเอาชนะฉินเฟิงได้  

 

 

 

 

 

แต่เงินเดิมพันก็รับมาแล้ว แบบนี้ จะสามารถจ่ายมันออกไปได้จริงๆน่ะหรอ?  

 

 

 

 

 

ซางฮันอดระบายความโกรธใส่เขาไม่ได้  

 

 

 

 

 

“นี่คุณกินหญ้าเป็นอาหารรึไง? ทำไมถึงไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นผู้การรัฐคนปัจจุบันของทะเลเหนือ เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง มีชื่อว่าฉินเฟิง! ”  

 

 

 

 

 

“เรื่องเล็กๆน้อยๆกลับไม่รู้จักใส่ใจ แบบนี้คุณจะยังใช้ประโยชน์อะไรได้อีก ไสหัวไปให้พ้น! แล้วไม่ต้องมารับหน้าที่นี้อีก!”  

 

 

 

 

 

ซางฮันอดใจไม่ไหว เธอฉีกหน้าอีกฝ่ายโดยตรง  

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตะลึงไปทันที  

 

 

 

 

 

มิใช่แค่เขา กระทั่งเลเวล B ทั้งหมดบนอัฒจันทร์ ที่ไม่รู้จักสถานะของฉินเฟิง ทั้งหมดตะลึงงันราวกับถูกแช่แข็ง  

 

 

 

 

 

ฉินเฟิง? ตำแหน่งผู้การรัฐ?  

 

 

 

 

 

นั่นหมายความว่า อย่างน้อยคนๆนี้ ต้องอยู่ในเลเวล C ใช่ไหม?  

 

 

 

 

 

ทั้งหมดนิ่งงันไปโดยสมบูรณ์  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน บนสังเวียน ฮั่นจุนกำลังหอบหายใจอย่างหนักจากความเหนื่อยล้า สีหน้าของเขาซีดขาว พลังสมาธิถูกเร่งเร้าจนถึงขีดจำกัด ทว่าฉินเฟิงกลับยังไม่มีส่วนใดบุบสลาย แทบไม่สูญเสียกำลังภายใน  

 

 

 

 

 

“เอาล่ะ ครบ 10 นาทีแล้ว น่าเสียดายจริงๆ … ” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง  

 

 

 

 

 

ฮั่นจุนโกรธจนกายสั่นสะท้าน แต่มิอาจเปล่งคำใดออกมาได้  

 

 

 

 

 

“คราวนี้ ถึงตาของฉันบ้างแล้ว!”  

 

 

 

 

 

ขณะกล่าว ฉินเฟิงค่อยๆยกมือขึ้นไปทางฮั่นจุนเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

ตลอดทั้งอัฒจันทร์ ต่างมองตามทุกการกระทำของฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่ทุกคนยังไม่ได้เห็นฉินเฟิงลงมือ ดังนั้นไม่อาจทราบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ณ ขณะนั้น ในหัวใจของฮั่นจุนมิได้ฟุ้งไปด้วยความโกรธอีกต่อไป บังเกิดความหวาดกลัวแทรกแซงเข้ามา กำลังภายในของฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก มากอย่างไม่น่าเชื่อ หากใช้มันลงมือ ย่อมระเบิดอำนาจมหาศาล  

 

 

 

 

 

ตอนนี้ ฮั่นจุนเริ่มเกิดความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย  

 

 

 

 

 

“เทคนิคโล่สายลม!”  

 

 

 

 

 

“เทคนิคระเบิดวายุ!”  

 

 

 

 

 

อบิลิตี้สวมทับลงบนร่างของฮั่นจุน ช่วยให้เขามีความเร็วมากขึ้น ทั้งยังมีโล่สายลมคอยป้องกันการโจมตีจากฉินเฟิง  

 

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกัน นิ้วของฉินเฟิงเหยียดออกไปเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวนิดๆหน่อยๆ แต่ทุกสายตาของผู้ชม กลับสามารถมองเห็นนิ้วของฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน  

 

 

 

 

 

ปรากฏว่ามีคลื่นความผันผวนถูกส่งออกมาอย่างรุนแรง และความผันผวนนี้ มีรูปทรงไม่แตกต่างไปจากหยดน้ำ  

 

 

 

 

 

จากนั้น หยดน้ำก็เริ่มสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันถูกยิงออกไป ตรงเข้าหาฮั่นจุนอย่างรวดเร็ว  

 

 

 

 

 

ต่อมา มันได้กระทบลงบนโล่สายลม  

 

 

 

 

 

หึ่ง หึ่ง!  

 

 

 

 

 

โล่สายลมส่งเสียงเสียดสี ชวนให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเสียวฟัน ราวกับว่ากำลังเผชิญกับการโจมตีอันแสนรุนแรง  

 

 

 

 

 

ทั้งๆที่สิ่งที่ตกกระทบเข้าใส่มัน เป็นเพียงหยดน้ำ!  

 

 

 

 

 

เพล้ง!  

 

 

 

 

 

โล่กระแสลมแตกเป็นเสี่ยงๆทันที กระจายออกไปทุกทิศทาง ขณะเดียวกัน หยดน้ำดังกล่าว ก็ตกลงบนตัวของฮั่นจุน  

 

 

 

 

 

เปรี้ยง!  

 

 

 

 

 

ฮั่นจุนถูกกระแทกอย่างแรง ลอยกระเด็นออกไป กระทั่งโล่จากอบิลิตี้ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ เท่านี้ก็ไม่ต้องอธิบายอะไนอีก คุณสามารถจินตนาการได้ว่ามันรุนแรงขนาดไหน  

 

 

 

 

 

วูบบบ!  

 

 

 

 

 

“อ๊ากกกกกก!!!”   

 

 

 

 

 

“อย่างไร … นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!”  

 

 

 

 

 

ผู้ชมนับไม่ถ้วน ส่งเสียงฮือฮา  

 

 

 

 

 

เพราะสุดท้าย ทุกคนเข้าใจแล้ว ว่าน้ำดังกล่าว มิใช่อบิลิติี้น้ำ แต่เป็นกำลังภายใน!!  

 

 

 

 

 

“แต่มันจะใช่หรอ กำลังภายในสามารถถ่ายเทออกสู่ภายนอกร่างกายได้โดยตรงก็จริง แต่ในกรณีที่มันควบรวมกันเป็นหยดน้ำ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”  

 

 

 

 

 

“ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกันแน่?”  

 

 

 

 

 

“ที่แท้มันเรื่องบ้าอะไร?”  

 

 

 

 

 

กระทั่งกรรมการตัดสิน เมื่อเห็นถึงฉากนี้ ก็กลายเป็นสับสน ยืนงงอยู่ในสถานที่เดิม  

 

 

 

 

 

“เฮ้กรรมการ รีบนับสักที” ฉินเฟิงเรียกสติ  

 

 

 

 

 

“ขอรับ ขอรับ! เริ่มนับถอยหลังใน 10 , 9 , 8 … ”  

 

 

 

 

 

แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ฮั่นจุนไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน  

 

 

 

 

 

เพราะการโจมตีนี้แม้ดูเล็กน้อย แต่อำนาจของมันมหาศาลนัก อันที่จริงฉินเฟิงเพียงเขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้น กระบวนท่าในครั้งนี้ ทำร้ายเพียงโล่สายลม ส่วนตัวฮั่นจุนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่เขาไม่มีทางลุกขึ้นมาได้ กระทั่งในงานประลองพรุ่งนี้ อย่าหวังว่าจะได้มีส่วนร่วม  

 

 

 

 

 

ฝูงชนต่างรู้สึกประหลาดใจกับงานประลองครั้งนี้  

 

 

 

 

 

ในเวลานั้นเอง เสียงจากบนโซนระดับสูงพลันแพร่กระจายออกมา ตลอดทั้งเวทีขนาดใหญ่ ผู้คนต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน ว่าคนที่กำลังประกาศอยู่  

 

 

 

 

 

เป็นซางฮัน  

 

 

 

 

 

“ช่วยเงียบลงหน่อย อันที่จริงแล้ว ฉันมีเรื่องที่จะประกาศ” ซางฮันกล่าว  

 

 

 

 

 

“คารวะท่านจ้าวพรมแดน!”  

 

 

 

 

 

ผู้คนต่างลุกขึ้น โค้งคำนับเล็กน้อย นี่ถือเป็นการให้เกียรติผู้พูด  

 

 

 

 

 

เพราะมีซางฮันอยู่ พวกเขาถึงสามารถรอดชีวิตมาได้ถึงบัดนี้  

 

 

 

 

 

ซางฮันมองดูและวิเคราะห์สังเวียนอย่างสงบ แม้ในใจรู้สึกกดดัน เธอมองไปทางฉินเฟิง เมื่อเริ่มคิดว่าหากฉินเฟิงกลายเป็นแชมป์ ตนเองจะต้องควักเงินออกมาจ่ายมากกว่า 600 ล้านล้านเหรียญ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหน้ามืดตามัว  

 

 

 

 

 

เลยไม่มีหนทางอื่น นอกจากใช้วิธีตุกติกเท่านั้น  

 

 

 

 

 

“ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นักสู้บนสังเวียนที่ 3 เขาชื่อว่าฉินเฟิง เป็นอัจฉริยะอายุน้อยที่สุดในเขตทางเหนือ มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น”  

 

 

 

 

 

บรรดาฝูงชนที่กำลังสงบลง บังเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง  

 

 

 

 

 

สามารถเอาชนะฮั่นจุนได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่อายุเพียง 17 ปีจริงๆน่ะหรือ?  

 

 

 

 

 

นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเพิ่งได้รับการปลุกพลังปีที่แล้วหรอกหรือ?  

 

 

 

 

 

อย่าบอกนะว่าเขาเป็นนักสู้มากพรสวรรค์ชนิดหาตัวจับยาก และทางตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณได้เก็บซ่อนเอาไว้ เคารพอาจารย์แล้วเริ่มฝึกฝนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จวบจนกระทั่งถึงตอนนี้ จึงสามารถระเบิดพลังอันน่าตกใจออกมาได้  

 

 

 

 

 

ในสมองของฝูงชนต่างระดมขบคิด  

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฝั่งฉินเฟิงเองก็ตะลึงไม่น้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซางฮันถึงเอ่ยแนะนำเขาออกไป  

 

 

 

 

 

ซางฮันเริ่มกล่าวต่อว่า “และฉินเฟิงยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้การรัฐ แห่งทะเลเหนือในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของเขา แท้จริงได้ก้าวสู่เลเวล C แล้ว!”  

 

 

 

 

 

ยามเสียงนี้ตกลง บังเกิดความโกลาหลยิ่งกว่าเดิม  

 

 

 

 

 

ในหัวของฝูงชน ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากความตกใจ  

 

 

 

 

 

“ผู้การฉินทรงพลังนัก และฉันเชื่อว่างานประลองลูกรักของพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายนที่กำลังจะมาถึง เขาย่อมสามารถแสดงฝีมือได้มากกว่านี้แน่นอน ”  

 

 

 

 

 

“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตัวเขาถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นเยาว์ทางตอนเหนืออยู่แล้ว ทรงพลังเกินกว่าคนอื่นๆจะรับมือไหว ดังนั้น เพื่อรักษาเหล่าต้นกล้าเอาไว้ ตอนนี้ฉันขอประกาศว่า ฉินเฟิงจะได้รับโควต้า ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหนึ่งในสิบตัวแทนของทางเหนือโดยตรง!”  

 

 

 

 

 

“ทุกท่านมีผู้ใดคัดค้าข้อเสนอนี้หรือไม่?”  

 

 

 

 

 

ฝูงชนย่อมไม่คัดค้าน เพราะด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง แม้ได้รับตำแหน่งไปครองโดยตรง ก็ยังถือเป็นเรื่องที่สมควร  

 

 

 

 

 

เพราะในบรรดารุ่นเยาว์บนสังเวียน ยังมีคนที่สามารถชนะเขาได้อีกหรือ?  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+