โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 12 เฟค

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 12 เฟค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 12 เฟค

ไอเซ็นตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ มานากลับมาเต็มอีกครั้งหนึ่งหลังจากใช้มานาไปกับการฝึกเมื่อวันก่อนจนแทบเกลี้ยง เขาลุกขึ้นและแต่งตัว เขาก็ยัดสิ่งของต่าง ๆ ลงกระเป๋าเกง

หลังจากเอากุญแจไปคืนจุดต้อนรับ เขาก็นั่งลงที่โต๊ะของร้านอาหารและสั่งอาหารเช้าตามเดิมกับที่เคยสั่งวันก่อน

เด็กสาวบริกรหญิงผมสีชมพูที่เขาพบเมื่อไม่กี่วันก่อนกลับมาทำงานอีกครั้ง และไอเซ็นก็สงสัยว่าเธอเด็กเกินไปที่จะทำงานหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไอเซ็นเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้เขาจัดการกันอย่างไรในโลกใบนี้ เขาจึงเมินเฉยไปและปฏิบัติต่อเธอเช่นเดียวกับที่เคยทำต่อบริกรหญิงคนอื่น ๆ

เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จ เนื่องจากว่าตอนนี้ยังเช้าเกินไปและเด็นเมียร์ก็น่าจะยังไม่อยู่ร้าน ไอเซ็นจึงคิดว่าเขาอยากจะไปพบเบลริม เขาลุกขึ้นยืน หลังจากจ่ายเงินแล้วเขาก็เดินไปที่บาร์

เขาไม่ได้หวังว่าจะเจอใครในเวลานี้ แต่ก็พบกับคนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนแคระที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นผงต่าง ๆ มีกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่อยู่กลุ่มหนึ่งตรงมุมร้าน ตรงกลางของกลุ่มเป็นมนุษย์ เขามีผมสั้นดกดำและใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา เขาเอาแต่ยิ้ม หัวเราะ กับคนในกลุ่ม

แม้ว่าพวกเขาจะพูดคุยและหัวเราะกันเสียงดังก็ตาม แต่ไอเซ็ก็ไม่ได้สนใจพวกเขา จากนั้นเขาก็เดินไปจุดที่เป็นบาร์แล้วก็พบกับชายที่ตามหา

“อรุณสวัสดิ์เบลริม!” ไอเซ็นเปล่งเสียงและวางมือบนไหล่ของเขาขณะกำลังนั่งลงที่เก้าอี้ และคนแคระก็หันมามองในความประหลาดใจ “เฮ้ย ตาเฒ่า! เจ้ามอร์โรมมันช่วยอะไรนายได้บ้าง? ได้ความทรงจำหรือทักษะอะไรกลับคืนมาไหม?” เขาถามและเริ่มยิ้มในมือถือเหยือกเบียร์

“ฉันได้ทักษะติดตัวกับฉายากลับมา แค่นั้น ฉันอยากจะมาขอบใจนาย! ถ้าไม่มีนายฉันก็คงไม่รู้ว่าฉันมีทักษะอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรกด้วย” ไอเซ็นยิ้มอย่างมีความสุข และเบลริมก็เริ่มหัวเราะ “ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลยล่ะนะ! และถ้านายอยากจะขอบคุณฉันจริง ๆ ก็เลี้ยงเครื่องดื่มฉันสักแก้วสิ ตาเฒ่าหงำเหงือก!”

ไอเซ็นหันเราะเบา ๆ และโบกมือให้บาร์เทนเดอร์ เขาสั่งเบียร์อีกแก้วให้เบลริม “ฮ่า ๆ นายนี่เป็นคนดีนะ ตาเฒ่า!” เบลริมหัวเราะและกระดกเบียร์ตรงหน้าหนึ่งเหยือกลงท้องในคราเดียว กระนั้นแล้ว เบียร์เหยือกใหม่ก็ถูกสับเปลี่ยนแทนที่เหยือกที่หมดเกลี้ยงทันที

เบลริมและไอเซ็นคุยกันไปเรื่องต่าง ๆ นา ๆ ต่ออีกครู่หนึ่ง ระหว่างบทสนทนานั้น เขาก็ได้รู้เกี่ยวกับเหมืองที่สำคัญของเมือง มันเป็นเหมือนสายธารใหญ่สองสายของเหล็กและมิธริลมาตัดกัน เนื่องจากไอเซ็นไม่รู้ว่ามิธริลคืออะไร จึงได้ให้เบลริมอธิบายให้ฟัง มิธริลคือโลหะที่มีสีเงินและมีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็แข็งแกร่งในขณะเดียวกัน ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของมานาที่ดึงดูโลหะตามธรรมชาติเท่านั้น

มีเสียงดังรบกวนดังขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งคู่ ขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันถึงวิธีการใช้มิธริล

ทันใดนั้น ไอเซ็นก็หันไปยังที่มาของเสียงและเห็นเด็กสาวบริกรหญิงผมสีชมพูกำลังยืนอยู่ตรงกลุ่มคนที่หัวมุมร้าน เธอกำลังหยิบเศษแก้วจากเหยือกเบียร์ที่ถูกขว้างลงพื้น เนื่องจากร้านอาหารและบาร์นั้นเป็นธุรกิจเดียวกัน ก็ดูเหมือนว่าบริกรหญิงคนนั้นก็ทำงานที่บาร์เช่นกันเมื่อจำเป็น

ไอเซ็นพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทอดสายตามองด้วยความสงสัย “นั่นแหละ หยิบมันขึ้นมาไอ้พวกเฟค!” มนุษย์ในกลุ่มตรงหัวมุมห้องตะโกนออกมา ขณะหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าอันชั่วร้าย ทั้งชายและหญิงรอบ ๆ เขาต่างหัวเราะเช่นกันและมองพวกเธอด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

เมื่อเขาเองก็เห็นภาพนั้นเช่นเดียวกัน เบลริมก็ทำเสียงฮึดฮัดและดื่มเบียร์ต่อ “ให้ตายสิ เฮนดริก…”

“หมายความว่ายังไง? มันเกิดอะไรขึ้น?” ไอเซ็นถามด้วยความสับสน เขาหมวดคิ้วผูกกันเป็นปม

เบลริมถอนหายใจเสียงดังและเริ่มอธิบาย “แม่นั่นคือ เฟย์ คิน นายก็เห็นได้จากผมสีชมพูและหูที่ยาวของนาง รู้ไหมว่าคนปกติไม่มีลักษณะเหมือนนางนะ? เฟย์มีแผลเป็นซึ่งมันก็งี่เง่ามาก หลายคนบอกว่านางไม่ต่างอะไรจากมอสเตอร์ หากมีครึ่งหนึ่งที่เฟย์มี พวกเขาก็ไม่อาจยอมรับได้ง่าย ๆ ดังนั้นผู้คนจึงเรียกนางว่า ‘เฟค’ ซึ่งคล้องเสียงกับ เฟย์ คิน เผ่าของนาง และยังหมายถึงว่าเธอเป็นของปลอมไม่ใช่คนจริง ๆ อีกด้วย ไอ้เวรอย่างเจ้าเฮนดริกมักพูดนี้ต่อหน้าคนอื่น ๆ เพื่อให้ตัวเองดูเท่ห์”

“เราปล่อยให้หมอนั่นแกล้งเด็กสาวแบบนั้นไม่ได้นะ!” ไอเซ็นพูดอย่างโกรธเกรี้ยวและเตรียมจะลุกขึ้น แต่เบลริมก็รีบห้ามเขาไว้ทันทีด้วยเสียงหัวเราะ

“หือ… เด็กสาว? ตาเฒ่า เฟย์คินแค่ดูอายุน้อย แต่เธอรุ่นราวคราวเดียวกับมอร์โรมแล้วนะ”

ไอเซ็นจ้องมองเบลริมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาหมดคำพูดไปชั่วครู่ เขาสับสนมาก เนื่องจากเธอดูอายุยังน้อยไล่ ๆ กับหลานสาวของเขา แต่น่าจะอายุมากกว่าอยู่เท่าอายุหนึ่ง ครั้งนี้เขาเลือกที่จะปล่อยไป เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้นเธอควรจะสามารถรับมือกับเผ่าพันธุ์ที่คนใช้เรียกเธอได้ การที่เขาเข้าไปยุ่งเรื่องนี้อาจทำให้เธอเจ็บปวดไปมากกว่าเดิมก็ได้

ไอเซ็นอยากจะเมินเฉยเรื่องนี้ไป แต่ตอนนั้นเอง…

“นี่ ยัยเฟค เลิกทำตัวไร้ประโยชน์แล้วมากับฉันแทนเอาไหม?” มนุษย์นามเฮนดริกยืนขึ้นและจับแขนของเธอแล้วดึงขึ้น “หน้าเธอสวยดีนี่ อย่างน้อยก็น่าจะมีค่าสักหนึ่งหรือสองทองแดงที่ตลาดใต้ดินแหละหน่า”

“ดะ ดะได้โปรดเถอะค่ะคุณลูกค้า ปะ ปล่อยฉันเถอะนะคะ… ฉัน… ยะ อยากกลับไปทำงาน…”

ใบหน้าของเฮนดริกเริ่มบิดเบี้ยวเป็นไม่พอใจขณะก้มมองเด็กสาวตรงหน้า เขาจับเธอแรงกว่าเดิมจนเธอแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขายกมืออีกข้างขึ้นมา “แกกล้าดียังไงมาพูดกลับใส่ฉันแบบนี้? แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?!” เขาวาดมือและจังหวะที่ฝ่ามือของเขากำลังจะสัมผัสกับใบหน้าของเธอ เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บแปล๊บที่แล่นมาจากกลางฝ่ามือ

มือของเขามีเลือดออก เขาจึงปล่อยเด็กสาวไปและหันมาดูสิ่งที่อยู่ในมือตัวเองคืออะไร เขาทั้งตกใจและสับสน เขาเพียงจ้อง จนกระทั่งมือใหญ่เริ่มบดบังบาดแผลของเขาอย่างช้า ๆ และดึงเข็มบาง ๆ เล่มหนึ่งออก

เขาหันไปยังที่มาของมือดังกล่าวและเงยหน้ามอง เขาเห็นใบหน้าของชายชราที่ร่างกายของเขาไม่ได้เป็นไปตามวัยเลย

“ทะ ทำอะไรของแกวะ?!” เฮนดริกตะโกนลั่นและประคองมือข้างที่เจ็บด้วย

“ฉันต้องเป็นคนถามมากกว่านะ ไอ้หนู” ไอเซ็นพูด สายตาของเขาจ้องเขม็งเฮนดริกและสีหน้าอันนิ่งสงบของเขาปิดบังพายุของความโกรธเอาไว้ “อะไรทำให้นายคิดว่านายมีสิทธิ์ทำกับคนอื่นแบบนั้น?”

คนในกลุ่มของเฮนดริกเงียบเป็นเป่าสากขณะกำลังมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา เฮนดริกค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปอย่างช้า ๆ เขายิ้มกว้างพร้อมทำเสียงหัวเราะเบา ๆ ออกมา

“แล้วแกเป็นใครถึงมาพูดกับฉันแบบนั้น? ที่ฉันทำลงไปก็เป็นสิ่งที่ใครเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ! ฉันล่ะขยะแขยงไอ้พวกเฟคที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานที่นี่จริง ๆ! การที่ปล่อยให้ไอ้เจ้าพวกนี้มาคุยกับลูกค้า ก็หมายความว่าเจ้าของมันก็งี่เง่าเหมือนกันน่ะแหละ หา?” เขาหัวเราะออกมาและคนอื่น ๆ ในกลุ่มก็เริ่มมีอารมณ์ผสม บ้างก็หัวเราะตามเฮนดริก บ้างก็มองเฟย์คินและเจ้าของที่ทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ตอนนี้ด้วยความโกรธ

ไอเซ็นหันไปมองเจ้าของ ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงถึงความโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองเฮนดริก แต่เขาไม่พูดอะไรเลย และจากนั้นเขาก็หันมาหามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้า

“เอาล่ะไอ้หนู ฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ฉันไม่ให้โอกาสนายได้แก้ตัวอีก” เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงต่ำและจับคอเสื้อเฮนดริกและยกเขาขึ้นเล็กน้อย แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้มีแบบนี้ในชีวิตจริง แต่ที่นี่ เขาแข็งแกร่งพอที่จะยกชายร่างผอมบางคนนี้ได้สบาย ๆ

“หยะ หยุดนะ! แกคิดจะทำอะไรของแก? ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร? หา?!”

“ไม่รู้โว้ย! ฉันต้องสนด้วยเหรอ?”

“ใช่ แกต้องสนสิ! ฉันคือ เฮนดริก อาร์กอน! นักผจญภัย อันดับสี่! นายควรจะภูมิใจไว้นะที่ฉันมาเหยียบเมืองที่โสโครกแบบนี้!”

ไอเซ็นเคาะลิ้นและจับคอเสื้อเขาแน่นขึ้น แต่ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของเด็กสาวเฟย์คิน เธอแสดงสีหน้าขัดแย้งออกมาราวกับกำลังพยายามบอกให้เขาหยุด “ฟังนะไอ้หนู ฉันไม่สนว่านายจะเป็นใครแล้วก็นักผจญภัยไร้สาระอะไรนั่นด้วย หยุดทำกับคนอื่นด้วยกิริยาต่ำ ๆ แบบนั้นอีก ไม่งั้นนายได้เสียใจแน่!”

“นั่นเรียกว่าขู่หรือเปล่า? แกเลเวลอะไร หา? สิบ สิบสอง? เหมือนคนอื่น ๆ ในเมืองโสโครกนี่น่ะเหรอ? ฉันเลเวลห้าสิบ ก็ลองดูสิแล้วจะได้เห็นกันว่านายจะทำอะไรฉันได้บ้าง!” เฮนดริกหัวเราะเยาะเหมือนคนวิกลจริตใส่ไอเซ็นที่ถอนหายใจและเตรียมที่จะเดินจากไป

“เฮ้ย ไม่เคารพฉันแล้วยังคิดจะเดินหนีไปง่าย ๆ แบบนี้อีกเหรอ? ไม่มีทางเสียหรอก!” เขาตะโกนและจับแขนไอเซ็นเพื่อทำให้เขาหยุดเดิน ไอเซ็นไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเฮนดริกนั้นแข็งแกร่งกว่าเขาจริง ๆ

“อีกแค่อาทิตย์เดียวฉันก็จะเสร็จงานแล้ว ถ้าฉันฆ่านายเสียตอนนี้ฉันมีปัญหาแน่ แต่ถ้าหลังจากนั้นล่ะก็… แกเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?” เฮนดริกกัดฟันแน่น เขาเงยหน้ามองไอเซ็นและพูดต่อ “อีกเจ็ดวัน มาสู้กับฉัน! แล้วเราจะได้เห็นดีกันว่าใครถูก! ไปเจอกันที่ทางเข้าเหมืองข้างล่างนั่น!”

[ภารกิจใหม่ – การต่อสู้กับเฮนดริก]
[คำอธิบาย]
หลังจากการปกป้อง เฟย์ คิน จาก เฮนดริก เขารู้สึกขุ่นเคืองและเรียกร้องการต่อสู้ คุณไม่มีทางรู้ว่าจะได้รับอะไรและเสียอะไรจากเรื่องนี้
[ข้อเรียกร้อง]
ต่อสู้กับเฮนดริกที่เหมืองในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
[รางวัล]
???
[ความล้มเหลว]
???
[จำกัดเวลา – 1 สัปดาห์]

“อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีกจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็แล้วกัน”

เมื่อทิ้งท้ายไว้ ไอเซ็นก็จบบทสนทนาและออกจากบาร์พร้อมกับเบลริมที่เปล่งเสียงหัวเราะไล่หลังมา และเฟย์คินผู้น่าสงสารก็ตามพวกเขาไปติด ๆ

“ดะ ได้โปรดรอด้วยค่ะ!” เด็กสาวผมสีชมพูตะโกนใส่ไอเซ็นที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงตีเหล็กเพื่อสร้างอาวุธ

เขาถูกปลุกปั่นกับบทสนทนาระหว่างเฮนดริกในเวลานั้น และอยากที่จะเอาเหงื่อออกเสียหน่อย ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงไม่สังเกตเห็นเด็กสาวที่ตามมาติด ๆ แล้วพยายามจะหยุดเขาด้วยการคว้าแขน แต่เขาก็เพียงเดินต่อไปข้างหน้าอย่างฉับไว

เมื่อเขามาถึงประตูร้าน เขาก็เกาเคราและหลับตาลง เผยรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า “เอ่อ โทษทีนะ เอิ่ม ฉันหวังว่าตอนนั้นฉันไม่ได้ทำร้ายจิตใจเธอนะ ฉันไม่ได้อยากทำให้เธอมีปัญหาหรืออะไรทั้งนั้น”

ทันใดนั้น เด็กสาวตรงหน้าเธอก็กอดอก “เปล่าค่ะ คุณไม่ได้ทำอย่างนั้น! ฉันควรต้องขอบคุณคุณมากกว่า แล้วก็ขอโทษด้วยค่ะ! ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ แต่… ขอโทษที่คุณต้องไปสู้กับเขาเพราะฉัน…”

“ฮ่า ๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอกสาวน้อย! ฉันไหวอยู่แล้ว! เด็กเหลือขออย่างหมอนั่นต้องเจอฉันนี่!” เขาหัวเราะลั่นและเบ่งกล้ามให้ดูราวกับว่าต้องการแสดงถึงความแข็งแกร่งของตน ลึก ๆ เขาก็รู้ว่าในโลกนี้ ร่างกายของเขานั้นไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น แต่เขารู้ว่าเวลาเขาทำแบบนี้ต่อหน้าหลาน ๆ พวกเขาก็มักจะหัวเราะทุกครั้งที่เขาทำเช่นนี้ ซึ่งเขาเองก็หวังว่าเธอเองก็จะหัวเราะเช่นเดียวกัน

แต่มันกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด ดวงตาของเธอเริ่มเป็นประกาย “จะ จริงเหรอคะ? คุณแข็งแกร่งกว่าเขาจริง ๆ น่ะเหรอ?”

“ก็แหงน่ะสิ สาวน้อย! ไม่กลับไปโรงแรมเหรอ? เธอยังอยู่ในหน้าที่หนิใช่ไหม?”

เด็กสาวส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ค่ะ! คนพวกนั้นเป็นโต๊ะสุดท้ายของวันที่ฉันดูแลแล้วค่ะ! อีกอย่างฉันชื่อ บรี นะคะ! แล้วคุณล่ะคะชื่ออะไร?” บรีถามด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์

“ฉัน ไอเซ็น ยินดีที่ได้รู้จักนะบรี” ไอเซ็นเขย่ามือบรี และจากนั้นก็อธิบายว่าเขาจะเข้าร้านแล้วเนื่องจากเขาต้องการจะสร้างบางสิ่งในโรงตีเหล็ก

เขาคิดว่าจะบอกให้เธอกลับไป แต่กลับได้รับคำขอแทน “คุณไอเซ็น ฉันขอไปดู…ได้ไหมคะ?”

“หา? อยากจะดูฉันเหรอ?” ไอเซ็นถามในความประหลาดใจ และบรีก็พยักหน้าทันที “ใช่ค่ะ นะคะ! บางทีฉันอาจช่วยคุณได้บ้าง คุณต้องการอะไรฉันจะหามาให้ค่ะ และฉันยังสามารถ เอิ่ม… ฉันสามารถทำไฟให้ร้อนขึ้นได้ค่ะ!”

ไอเซ็นก้มมองไปยังเด็กสาวที่กระวนกระวายและเริ่มหัวเราะออกมา “ได้สิ ตามฉันมาเลย! เดินติด ๆ ฉันไว้นะ แล้วก็อย่าเดินเพ่นพ่านไปไหนล่ะ!”

ความประหม่าของบรีพลันเปลี่ยนเป็นความสุขในทันที และเธอก็ตามติดไอเซ็นเข้าไปข้างใน

“อรุณสวัสดิ์ตาเฒ่า! วันนี้วางแผนจะทำอะไรล่ะ? โอ้ ข้างหลังนายนั่นบรีใช่ไหม?” เด็นเมียร์ถามและยิ้มให้เธอขณะที่ไอเซ็นกับบรีกำลังเดินผ่านประตูโรงตีเหล็ก

ไอเซ็นทักทายเขาและคุยกันเล็กน้อย เขาบอกเด็นเมียร์ว่านี่น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะมาที่นี่

เด็นเมียร์เสียใจที่ได้ยินเช่นนั้นแต่ก็เข้าใจ “งั้นฉันก็หวังว่านายจะกลับมาเร็ว ๆ นะ ฮ่า ๆ! ถ้าเกิดร้อนเงินล่ะก็ นายช่วยงานฉันในร้านได้ แล้วก็ทำอาวุธให้เรา”

“ขอบใจนะเด็นเมียร์ ฉันจะไม่ลืมที่นายช่วยไว้เลย!” ไอเซ็นเผยรอยยิ้มอันสดใส จากนั้นก็ตรงไปยังคลังและหยิบวัสดุชิ้นหนึ่งที่เขาต้องใช้วันนี้ออกมา

ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มบวกกับอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นค่อย ๆ คลายลงเพราะความร่าเริงของบรี ไอเซ็นจึงหยิบค้อนออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยิ้ม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด