โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 42 ผู้บุกเบิกแห่ง…

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 42 ผู้บุกเบิกแห่ง… at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 42 ผู้บุกเบิกแห่งการอยู่อาศัย (1)

 

โลกรอบ ๆ ตัวของเจี๊ยกค่อย ๆ เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เขากระพริบตา อย่างแรกคือทุกคนในห้องได้หายไป จากนั้นก็มีต้นไม้ผุดขึ้นมารอบ ๆ ต้นไม้น้อยใหญ่ผลิบานรอบ ๆ หัวเข่า หินอ่อนที่ฉลุในห้องก็เริ่มหายไป

 

หางของเจี๊ยกสะบัดไปมา ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเมื่อเขาได้สัมผัสต้นหญ้าและดอกไม้นั้นทําให้เขาขนลุกเล็กน้อย แต่ก็ตื่นเต้น เลี้ยกสามารถท่องในโลกใบใหม่และได้พบพานกับสัตว์มากมายที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งก็หวังมาโดยตลอดว่าจะเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในโลกความเป็นจริง

 

แต่ก่อนอื่น เขาต้องรู้จักกลไกของเกมก่อน ดูเหมือนว่า ไพร์ม อินดัสทรี พยายามรังสรรค์ให้ทุกอย่างเหมือนจริงมากที่สุด ดังนั้นกลไกส่วนใหญ่ก็น่าจะคล้ายกับความเป็นจริงมากด้วยเช่นกัน

 

แน่นอนว่ายังมีกลไกที่ไม่ได้เหมือนจริงไปเสียหมด นั่นรวมถึงกลไกคลาสสิกของเกมอย่าง ค่าสถานะ ตอนนี้ทั้งตัวเขาไม่มีสิ่งของอะไรเลย แต่เจี๊ยกก็มั่นใจว่ามันจะมีวิธีที่ได้มาซึ่งสิ่งของเหล่านั้น

 

ตอนนี้เขาทําสิ่งที่ได้รับการอธิบายมาก่อนหน้านี้และนึกถึงการเปิดค่าสถานะ

 

[เจี๊ยก]

 

[เผ่าพันธุ์ – มนุษย์วานร] [อาชีพ – ไม่มี] [เลเวล – 1]

 

[เลือด – 100] [มานา – 100]

 

[ความแข็งแกร่ง – 10] [ความอดทน – 10] [ความคล่องแคล่ว – 10] ไหวพริบ – 10] [สติปัญญา – 10]

 

[ฉายา]

 

-ไม่มี

 

[ทักษะ]

 

-ไม่มี

 

มนุษย์วานรดูการแจ้งเตือนที่ปรากฏตรงหน้าและพยักหน้ารับ ดูเหมือนว่าพวกนี้จะสัมพันธ์กับระบบแต้มค่าสถานะพื้นฐาน เจี๊ยกพยักหน้าและล้วงมือไปหยิบวัตถุอย่างหนึ่งที่เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ในกระเป๋า มันเป็นหนังสือปกหนังเล่มเล็ก

 

เขาเปิดอ่านข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับพื้นที่ที่อยู่ ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเดินไปทิศใต้ไม่นานก็จะพบกับหมู่บ้านที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสําหรับการผจญภัยของเขา

 

ด้วยความตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นตานี้ เจี๊ยกจึงก้าวผ่านพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นพืชพรรณในเขตร้อน

 

ขณะเดินอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงบรรดาสัตว์ต่าง ๆ มากมายหลากหลายชนิด ในละแวกใกล้เคียงก็ดูเหมือนจะมีนกหลายสิบชนิดแตกต่างกัน และไกลออกไป เจี๊ยกก็ยังได้ยินเสียงของแมวป่าที่กําลังส่งเสียงร้อง ฟังดูคล้ายกับเสียงของเสือ เพียงแต่รูปร่างของมันเล็กกว่า ซึ่งเสียงของมันก็ชัดว่าอยู่ในวัยที่โตเต็มที่แล้ว

 

เสียงร้องนี้ทําให้เจี๊ยกลังเลที่จะตรงไปยังเมือง โดยอยากที่จะวิ่งไปตามที่มาของเสียงแทนเพื่อให้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงร้องนั่นเป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่ แต่เขาก็รู้ว่ายังไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ เขาต้องเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับบริเวณแห่งนี้ก่อนที่จะทําอย่างอื่น

 

มันเป็นความคิดที่แย่หากจะเดินไปไหนมาไหนรอบ ๆ เมืองโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกันใด ๆ

 

เจี๊ยกยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ราวครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเขาเริ่มได้ยินเสียงของเมืองที่คึกคัก เมื่อเดินผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นหนาทึบ เขาก็พบผู้คนเดินผ่านไปมา นั่นทําให้เขาวิ่งเร็วขึ้นในความตื่นเต้น

 

ไม่นาน เขาก็พบกําแพงหนาที่ทํามาจากต้นไม้และพื้นพืชกาฝากเติบโตรอบ ๆ แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือต้นไม้ขนาดมหึมาที่ตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ความสูงของมันขึ้นไปบนท้องฟ้าลําต้นใหญ่พอที่จะปลูกบ้านไว้กับเปลือกไม้หรือแม้แต่กิ่งไม้

 

เพียงแค่เห็นก็ทําให้เจี๊ยกเปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้นและความสุข เขาไปยังประตูใหญ่บานหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเป็นทางเข้าเมืองที่ซ่อนอยู่ใจกลางป่าแห่งนี้

 

“อรุณสวัสดิ์ มาที่นี่ครั้งแรกเหรอ?” ผู้คุมประตูที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถามเจี๊ยกเมื่อเห็นเขากําลังเดินเข้ามา ผู้คุมประตูตัวใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับเจี๊ยก เขาดูสูงมากกว่าสองเมตรเหมือนกับบุรุษแห่งขุนเขา ชายคนนี้ทําให้เจี๊ยกนึกถึงชายแก่คนหนึ่งที่เพิ่งพบกัน ไอเซ็น แต่พวกเขาต่างกัน ตรงที่ผู้คุมประตูนั้นตัวใหญ่กว่าและร่างท้วม

 

เขามีหูที่กลม อยู่ในชุดเกราะหนังและมีขนสัตว์หนาคลุมแขนและไหล่ เมื่อตัดสินจากลักษณะทางกายภาพแล้วเขาน่าจะเป็น มนุษย์หมี

 

เจี๊ยกพยักหน้าและโค้งตัวเล็กน้อยตอบรับคําถามของผู้คุมประตู “ใช่แล้ว ฉันเพิ่งมาจากใกล้ ๆ นี้ รอบ ๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด แต่ฉันรู้นะว่าฉันมาที่นี่ยังไง” เขาตอบกลับ และมนุษย์หมีก็เกาท้ายทอยด้วยท่าทางที่เกรงใจ

 

“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?” เขาถามและ มองเจี๊ยกหัวจรดเท้าจากนั้นก็ดูผ่อนคลายลงเมื่อเจี๊ยกส่ายหน้า

 

“ไม่นะ ร่างกายฉันก็ปกติดี แต่ฉันสูญเสียความทรงจํา ก็เลยอาจจะบอกข้อมูลอะไรไม่ได้มาก”

 

“สูญเสียความทรงจํา? ฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ ผมจะพาคุณไปหาผู้ประเมินของเมืองก็แล้วกัน เขาอาจจะบอกได้ว่าคุณมาจากที่ไหน” ผู้คุมประตูมองซ้ายมองขวาราวกับกําลังหาใครบางคนจากนั้นก็โบกมือเมื่อชายคนที่อยู่ห่างออกไปเห็นเขา

 

ชายคนนั้นวิ่งมาและถามว่ามีอะไรหรือไม่ เขาอยู่ในชุดเกราะหนังแบบเดียวกัน เขาเป็นมนุษย์หมีเช่นกัน แต่ชายคนนี้มีเขี้ยวใหญ่ยื่นออกมาที่มุมปาก

 

“ฉันฝากแป๊บหนึ่งนะ ฉันต้องพาชายคนนี้ไปบ้านของคุณเอสกี้ ไม่นานหรอก ฉันจะรีบกลับมาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”

 

“บ้านคุณเอสกี้? เขาเป็นอาชญากรหรืออะไรทํานองนั้นเหรอ?” ชายอีกคนถามอย่างสงสัยกับคําร้องขอจากเพื่อนมนุษย์หมีของเขา

 

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ดูเหมือนเขาจะสูญเสียความทรงจําน่ะ”

 

“อ๋อ เข้าใจแล้ว อย่าไปนานล่ะ ฉันจะเลิกงานแล้ว”

 

“ขอบใจ แล้วเจอกัน”

 

และเช่นนั้นเอง ลิง กับ หมี ก็เข้าไปในเมืองที่คึกคักไปด้วยผู้คน ซึ่งโดยส่วนใหญ่พวกเขาเป็นอมนุษย์ที่เป็นครึ่งคนครึ่งเดียรัจฉานที่มีหลากหลายประเภท แต่ก็ยังมีเผ่าพันธุ์ตามแบบโลกแฟนตาซีคลาสสิกอยู่ซึ่งเจี๊ยกเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว คนแคระ เอลฟ์ ทั้งนี้เขายังพบ โนม (คนแคระที่อยู่ใต้ดิน) อยู่ท่ามกลางฝูงชนอีกด้วย

 

ทั้งหมดนี้ล้วนทําให้เจี๊ยกยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เขาโตมากับเกมโลกแฟนตาซี ดังนั้นการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากความฝันของเขา

 

เขามองซ้ายขวาด้วยรอยยิ้มจนกระทั่งผู้คุมประตูหยุดลงหน้าประตูของบ้านหลังหนึ่งที่ถูกแกะสลักมาจากรากของต้นไม้ยักษ์ สิ่งหนึ่งที่เลี้ยกเห็นก็คือที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยระหว่างตะวันออกและตะวันตก มันยากที่จะอธิบาย เพราะเจี๊ยกไม่มีความรู้ทางด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ทําให้เขานึกถึงอาคารเก่าแก่ทั้งในเมืองใหม่ที่เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและที่บ้านเกิดของเขาในญี่ปุ่น มันทําให้เขาเกิดความรู้สึกคิดถึงขึ้นมา แต่ความรู้สึกนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาหยุดให้ความสนใจ

 

หมีเลื่อนเปิดประตูไม้ไปด้านข้างและก้าวเข้าไปในบ้าน ข้างในมีโต๊ะไม้จํานวนหนึ่งตั้งเรียงไว้ริมผนังเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้มาเยือน และสุดห้อง ตรงข้ามกันประตู มีโต๊ะตัวใหญ่ที่มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอน่าจะเป็นเจ้าของที่นี่

 

เธอดูเหมือนจะเป็นมนุษย์วิหคสักชนิดหนึ่ง และเมื่อดูจากขนนกที่ปกคลุมตามผิวหนังกับดวงตาทั้งคู่ของเธอแล้ว ดูเหมือนเธอจะเป็นมนุษย์นกฮูก ถึงเลี้ยกเองจะไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่เขาก็ไม่ได้ถามเพียงแต่เดินตามหมีไป

 

เมื่อเธอละสายตาจากงานที่ทําอยู่ ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนหวานและยืนขึ้นทักทายผู้มาเยือน

 

“อ้าว บาร์ก ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เธอถามและเจ้าหมี บาร์ก ก็โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทักทายเธอ ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้ผู้คนจะมีลักษณะพฤติกรรมแบบชาวตะวันออก ซึ่งนั่นก็ทําให้เจี๊ยกดีใจจริง ๆ เขาไม่คุ้นชินกับการที่ต้องเขย่ามือหรือกอดทักทายกับใครเมื่อพบเจอกันในทุก ๆ วัน

 

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเอสกี้ ชายหนุ่มคนนี้มาที่ประตูเมืองเมื่อไม่นานมานี้ และดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจํา ผมเลยคิดว่าคุณน่าจะช่วยเขาได้” บาร์กพูดด้วยรอยยิ้ม แวบแรก ที่เห็นด้วยร่างกายที่ใหญ่มันทําให้ดูเหมือนเขาคุกคามเลี้ยก แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างนิสัยดีและสุภาพมากทีเดียว

 

เอสกี้หันมามองเจี๊ยกและเดินรอบโต๊ะ “โถเด็กน้อยผู้น่าสงสาร! เจ้าสูญเสียความทรงจํางั้นเหรอ? ฟังดูไม่ดีเลยนะ! เชิญนั่งก่อน ข้าจะช่วยในสิ่งที่ข้าด้วยได้” เธอพูดและดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะ เมื่อเจี๊ยกนั่งลง เธอก็นั่งลงที่เก้าอีกตัวฝั่งตรงข้าม

 

“ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” เจี๊ยกตอบและนั่งลง ทันทีหลังจากนั้น เอสกี้ก็จับมือข้างขวาของเจี๊ยกและประกบด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกขนลุกซู่มาจากข้างในทั่วทั้งร่างกาย ราวกับลมหนาวจากขั้วโลกเพิ่งพัดผ่านห้องนี้

 

“โอ้ นี่มันอะไรกัน? นี่… นี่มันไม่ปกติ…” เอสก็รีบปล่อยมือเจี๊ยกทันทีและพรวดพราดลุกขึ้นยืน

 

“คุณเอสกี้ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” บาร์กก้าวไปข้างหน้าและมองเจี๊ยกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ข้าคิดว่าค่าประสบการณ์ของหนุ่มน้อยคนนี้ถูกขโมยไป เขาเลเวลหนึ่ง และไม่มีทักษะเลย แม้แต่ทักษะเดียว เพียงอย่างเดียวที่ข้าค้นพบในตัวเขามีแค่เขาตื่นขึ้นมาในป่าและเดินมาที่เมืองแห่งนี้”

 

“เดี๋ยวนะ เขาไม่มีทักษะอะไรเลยเหรอครับ? ไม่มีแม้แต่ทักษะติดตัวงั้นเหรอ?”

 

“ใช่! คําอธิบายเดียวสําหรับเรื่องนี้ก็คือ… ค่าประสบการณ์ของเขาถูกขโมยไป!”

 

“ค่าประสบการณ์ถูกขโมย? มันไม่ได้มีแค่ในตํานานหรอกเหรอครับ?” บาร์กถามด้วยอาการตกใจที่แสดงออกชัดทางใบหน้า เอสกี้เอาแต่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ มันไม่ได้มีแค่ในตํานาน ข้าเคยได้ยินกรณีที่คล้ายกันนี้มาก่อน! ข้าพูดได้แค่เท่านี้จริง ๆ!” หญิงชราตะโกนออกมาและมองไปมาระหว่างเจี๊ยกกับบาร์ก

 

“งะ งั้น เราจะทํายังไงดีล่ะครับ? เขาต้องเพิ่มอันดับทักษะอีกครั้งหรือเปล่าครับ?”

 

เอสกี้ส่ายหน้าด้วยสีหน้ากังวล ขณะที่เจี๊ยกกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความสับสน “ไม่ ข้าไม่เชื่อเช่นนั้น ข้าคิดว่านักเวทย์ผู้มีฝีมือด้านนี้จะช่วยเขาได้ ช่วยติดต่อน้องสาวของข้าให้ที่นางอาจเป็นแค่นักวิจัย แต่นางอาจยอมช่วยหากบอกว่าข้าต้องการพบ นางก็รู้จักเจ้าเช่นกันนี่ บาร์ก ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ

 

เจี๊ยกยืนขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดติดกันเป็นปมบนใบหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขาตามไม่ทันเลยสักเรื่องเดียว! อะไรคือค่าประสบการณ์ถูกขโมยไป? นี่เป็นเรื่องใหม่สําหรับเขามาก แต่เขาคิดว่านี่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเกม ดังนั้นจึงต้องตามน้ำไปขอบคุณเอสกี้สําหรับความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ของเธอ และรวมถึงบาร์กด้วยดูเหมือนเขาจะยังอยากช่วยเจี๊ยกไปให้ถึงที่สุด เขาดูเป็นคนดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

 

พวกเขารีบออกจากบ้านทันทีและบาร์กก็เร่งฝีเท้าจนเกือบกลายเป็นวิ่ง หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เลี้ยกรู้สึก นี่อาจเกี่ยวข้องกับค่าความคล่องแคล่วของเขาที่มันต่ำมาก เมื่อรู้แล้วว่าระบบค่าสถานะมีผล เขาจึงคิดแผนการดี ๆ ออกซึ่งจะใช้ร่วมกับแผนทั่วไปสําหรับประสบการณ์การเล่นเกมของเขาเอง

 

ไม่นานหลังจากที่เขาคิด ทั้งคู่ก็มาถึงกระท่อมเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ที่ปล่องไฟมีควันโพยพุ่งออกมา บาร์กเคาะประตูและประตูก็ค่อย ๆ แง้มเปิดอย่างช้า ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 42 ผู้บุกเบิกแห่ง…

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 42 ผู้บุกเบิกแห่ง… at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 42 ผู้บุกเบิกแห่งการอยู่อาศัย (1)

 

โลกรอบ ๆ ตัวของเจี๊ยกค่อย ๆ เปลี่ยนไปทุกครั้งที่เขากระพริบตา อย่างแรกคือทุกคนในห้องได้หายไป จากนั้นก็มีต้นไม้ผุดขึ้นมารอบ ๆ ต้นไม้น้อยใหญ่ผลิบานรอบ ๆ หัวเข่า หินอ่อนที่ฉลุในห้องก็เริ่มหายไป

 

หางของเจี๊ยกสะบัดไปมา ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเมื่อเขาได้สัมผัสต้นหญ้าและดอกไม้นั้นทําให้เขาขนลุกเล็กน้อย แต่ก็ตื่นเต้น เลี้ยกสามารถท่องในโลกใบใหม่และได้พบพานกับสัตว์มากมายที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งก็หวังมาโดยตลอดว่าจะเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในโลกความเป็นจริง

 

แต่ก่อนอื่น เขาต้องรู้จักกลไกของเกมก่อน ดูเหมือนว่า ไพร์ม อินดัสทรี พยายามรังสรรค์ให้ทุกอย่างเหมือนจริงมากที่สุด ดังนั้นกลไกส่วนใหญ่ก็น่าจะคล้ายกับความเป็นจริงมากด้วยเช่นกัน

 

แน่นอนว่ายังมีกลไกที่ไม่ได้เหมือนจริงไปเสียหมด นั่นรวมถึงกลไกคลาสสิกของเกมอย่าง ค่าสถานะ ตอนนี้ทั้งตัวเขาไม่มีสิ่งของอะไรเลย แต่เจี๊ยกก็มั่นใจว่ามันจะมีวิธีที่ได้มาซึ่งสิ่งของเหล่านั้น

 

ตอนนี้เขาทําสิ่งที่ได้รับการอธิบายมาก่อนหน้านี้และนึกถึงการเปิดค่าสถานะ

 

[เจี๊ยก]

 

[เผ่าพันธุ์ – มนุษย์วานร] [อาชีพ – ไม่มี] [เลเวล – 1]

 

[เลือด – 100] [มานา – 100]

 

[ความแข็งแกร่ง – 10] [ความอดทน – 10] [ความคล่องแคล่ว – 10] ไหวพริบ – 10] [สติปัญญา – 10]

 

[ฉายา]

 

-ไม่มี

 

[ทักษะ]

 

-ไม่มี

 

มนุษย์วานรดูการแจ้งเตือนที่ปรากฏตรงหน้าและพยักหน้ารับ ดูเหมือนว่าพวกนี้จะสัมพันธ์กับระบบแต้มค่าสถานะพื้นฐาน เจี๊ยกพยักหน้าและล้วงมือไปหยิบวัตถุอย่างหนึ่งที่เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ในกระเป๋า มันเป็นหนังสือปกหนังเล่มเล็ก

 

เขาเปิดอ่านข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับพื้นที่ที่อยู่ ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเดินไปทิศใต้ไม่นานก็จะพบกับหมู่บ้านที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสําหรับการผจญภัยของเขา

 

ด้วยความตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นตานี้ เจี๊ยกจึงก้าวผ่านพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นพืชพรรณในเขตร้อน

 

ขณะเดินอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงบรรดาสัตว์ต่าง ๆ มากมายหลากหลายชนิด ในละแวกใกล้เคียงก็ดูเหมือนจะมีนกหลายสิบชนิดแตกต่างกัน และไกลออกไป เจี๊ยกก็ยังได้ยินเสียงของแมวป่าที่กําลังส่งเสียงร้อง ฟังดูคล้ายกับเสียงของเสือ เพียงแต่รูปร่างของมันเล็กกว่า ซึ่งเสียงของมันก็ชัดว่าอยู่ในวัยที่โตเต็มที่แล้ว

 

เสียงร้องนี้ทําให้เจี๊ยกลังเลที่จะตรงไปยังเมือง โดยอยากที่จะวิ่งไปตามที่มาของเสียงแทนเพื่อให้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงร้องนั่นเป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่ แต่เขาก็รู้ว่ายังไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ เขาต้องเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับบริเวณแห่งนี้ก่อนที่จะทําอย่างอื่น

 

มันเป็นความคิดที่แย่หากจะเดินไปไหนมาไหนรอบ ๆ เมืองโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกันใด ๆ

 

เจี๊ยกยังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ ราวครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งเขาเริ่มได้ยินเสียงของเมืองที่คึกคัก เมื่อเดินผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นหนาทึบ เขาก็พบผู้คนเดินผ่านไปมา นั่นทําให้เขาวิ่งเร็วขึ้นในความตื่นเต้น

 

ไม่นาน เขาก็พบกําแพงหนาที่ทํามาจากต้นไม้และพื้นพืชกาฝากเติบโตรอบ ๆ แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือต้นไม้ขนาดมหึมาที่ตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ความสูงของมันขึ้นไปบนท้องฟ้าลําต้นใหญ่พอที่จะปลูกบ้านไว้กับเปลือกไม้หรือแม้แต่กิ่งไม้

 

เพียงแค่เห็นก็ทําให้เจี๊ยกเปี่ยมล้นด้วยความตื่นเต้นและความสุข เขาไปยังประตูใหญ่บานหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นเป็นทางเข้าเมืองที่ซ่อนอยู่ใจกลางป่าแห่งนี้

 

“อรุณสวัสดิ์ มาที่นี่ครั้งแรกเหรอ?” ผู้คุมประตูที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ถามเจี๊ยกเมื่อเห็นเขากําลังเดินเข้ามา ผู้คุมประตูตัวใหญ่กว่ามากเมื่อเทียบกับเจี๊ยก เขาดูสูงมากกว่าสองเมตรเหมือนกับบุรุษแห่งขุนเขา ชายคนนี้ทําให้เจี๊ยกนึกถึงชายแก่คนหนึ่งที่เพิ่งพบกัน ไอเซ็น แต่พวกเขาต่างกัน ตรงที่ผู้คุมประตูนั้นตัวใหญ่กว่าและร่างท้วม

 

เขามีหูที่กลม อยู่ในชุดเกราะหนังและมีขนสัตว์หนาคลุมแขนและไหล่ เมื่อตัดสินจากลักษณะทางกายภาพแล้วเขาน่าจะเป็น มนุษย์หมี

 

เจี๊ยกพยักหน้าและโค้งตัวเล็กน้อยตอบรับคําถามของผู้คุมประตู “ใช่แล้ว ฉันเพิ่งมาจากใกล้ ๆ นี้ รอบ ๆ มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด แต่ฉันรู้นะว่าฉันมาที่นี่ยังไง” เขาตอบกลับ และมนุษย์หมีก็เกาท้ายทอยด้วยท่าทางที่เกรงใจ

 

“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?” เขาถามและ มองเจี๊ยกหัวจรดเท้าจากนั้นก็ดูผ่อนคลายลงเมื่อเจี๊ยกส่ายหน้า

 

“ไม่นะ ร่างกายฉันก็ปกติดี แต่ฉันสูญเสียความทรงจํา ก็เลยอาจจะบอกข้อมูลอะไรไม่ได้มาก”

 

“สูญเสียความทรงจํา? ฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ ผมจะพาคุณไปหาผู้ประเมินของเมืองก็แล้วกัน เขาอาจจะบอกได้ว่าคุณมาจากที่ไหน” ผู้คุมประตูมองซ้ายมองขวาราวกับกําลังหาใครบางคนจากนั้นก็โบกมือเมื่อชายคนที่อยู่ห่างออกไปเห็นเขา

 

ชายคนนั้นวิ่งมาและถามว่ามีอะไรหรือไม่ เขาอยู่ในชุดเกราะหนังแบบเดียวกัน เขาเป็นมนุษย์หมีเช่นกัน แต่ชายคนนี้มีเขี้ยวใหญ่ยื่นออกมาที่มุมปาก

 

“ฉันฝากแป๊บหนึ่งนะ ฉันต้องพาชายคนนี้ไปบ้านของคุณเอสกี้ ไม่นานหรอก ฉันจะรีบกลับมาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”

 

“บ้านคุณเอสกี้? เขาเป็นอาชญากรหรืออะไรทํานองนั้นเหรอ?” ชายอีกคนถามอย่างสงสัยกับคําร้องขอจากเพื่อนมนุษย์หมีของเขา

 

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ดูเหมือนเขาจะสูญเสียความทรงจําน่ะ”

 

“อ๋อ เข้าใจแล้ว อย่าไปนานล่ะ ฉันจะเลิกงานแล้ว”

 

“ขอบใจ แล้วเจอกัน”

 

และเช่นนั้นเอง ลิง กับ หมี ก็เข้าไปในเมืองที่คึกคักไปด้วยผู้คน ซึ่งโดยส่วนใหญ่พวกเขาเป็นอมนุษย์ที่เป็นครึ่งคนครึ่งเดียรัจฉานที่มีหลากหลายประเภท แต่ก็ยังมีเผ่าพันธุ์ตามแบบโลกแฟนตาซีคลาสสิกอยู่ซึ่งเจี๊ยกเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว คนแคระ เอลฟ์ ทั้งนี้เขายังพบ โนม (คนแคระที่อยู่ใต้ดิน) อยู่ท่ามกลางฝูงชนอีกด้วย

 

ทั้งหมดนี้ล้วนทําให้เจี๊ยกยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เขาโตมากับเกมโลกแฟนตาซี ดังนั้นการได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากความฝันของเขา

 

เขามองซ้ายขวาด้วยรอยยิ้มจนกระทั่งผู้คุมประตูหยุดลงหน้าประตูของบ้านหลังหนึ่งที่ถูกแกะสลักมาจากรากของต้นไม้ยักษ์ สิ่งหนึ่งที่เลี้ยกเห็นก็คือที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยระหว่างตะวันออกและตะวันตก มันยากที่จะอธิบาย เพราะเจี๊ยกไม่มีความรู้ทางด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ทําให้เขานึกถึงอาคารเก่าแก่ทั้งในเมืองใหม่ที่เขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและที่บ้านเกิดของเขาในญี่ปุ่น มันทําให้เขาเกิดความรู้สึกคิดถึงขึ้นมา แต่ความรู้สึกนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาหยุดให้ความสนใจ

 

หมีเลื่อนเปิดประตูไม้ไปด้านข้างและก้าวเข้าไปในบ้าน ข้างในมีโต๊ะไม้จํานวนหนึ่งตั้งเรียงไว้ริมผนังเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ผู้มาเยือน และสุดห้อง ตรงข้ามกันประตู มีโต๊ะตัวใหญ่ที่มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอน่าจะเป็นเจ้าของที่นี่

 

เธอดูเหมือนจะเป็นมนุษย์วิหคสักชนิดหนึ่ง และเมื่อดูจากขนนกที่ปกคลุมตามผิวหนังกับดวงตาทั้งคู่ของเธอแล้ว ดูเหมือนเธอจะเป็นมนุษย์นกฮูก ถึงเลี้ยกเองจะไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่เขาก็ไม่ได้ถามเพียงแต่เดินตามหมีไป

 

เมื่อเธอละสายตาจากงานที่ทําอยู่ ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนหวานและยืนขึ้นทักทายผู้มาเยือน

 

“อ้าว บาร์ก ยินดีที่ได้พบอีกครั้ง วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เธอถามและเจ้าหมี บาร์ก ก็โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทักทายเธอ ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้ผู้คนจะมีลักษณะพฤติกรรมแบบชาวตะวันออก ซึ่งนั่นก็ทําให้เจี๊ยกดีใจจริง ๆ เขาไม่คุ้นชินกับการที่ต้องเขย่ามือหรือกอดทักทายกับใครเมื่อพบเจอกันในทุก ๆ วัน

 

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเอสกี้ ชายหนุ่มคนนี้มาที่ประตูเมืองเมื่อไม่นานมานี้ และดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจํา ผมเลยคิดว่าคุณน่าจะช่วยเขาได้” บาร์กพูดด้วยรอยยิ้ม แวบแรก ที่เห็นด้วยร่างกายที่ใหญ่มันทําให้ดูเหมือนเขาคุกคามเลี้ยก แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างนิสัยดีและสุภาพมากทีเดียว

 

เอสกี้หันมามองเจี๊ยกและเดินรอบโต๊ะ “โถเด็กน้อยผู้น่าสงสาร! เจ้าสูญเสียความทรงจํางั้นเหรอ? ฟังดูไม่ดีเลยนะ! เชิญนั่งก่อน ข้าจะช่วยในสิ่งที่ข้าด้วยได้” เธอพูดและดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะ เมื่อเจี๊ยกนั่งลง เธอก็นั่งลงที่เก้าอีกตัวฝั่งตรงข้าม

 

“ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” เจี๊ยกตอบและนั่งลง ทันทีหลังจากนั้น เอสกี้ก็จับมือข้างขวาของเจี๊ยกและประกบด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็รู้สึกขนลุกซู่มาจากข้างในทั่วทั้งร่างกาย ราวกับลมหนาวจากขั้วโลกเพิ่งพัดผ่านห้องนี้

 

“โอ้ นี่มันอะไรกัน? นี่… นี่มันไม่ปกติ…” เอสก็รีบปล่อยมือเจี๊ยกทันทีและพรวดพราดลุกขึ้นยืน

 

“คุณเอสกี้ครับ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” บาร์กก้าวไปข้างหน้าและมองเจี๊ยกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

 

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ข้าคิดว่าค่าประสบการณ์ของหนุ่มน้อยคนนี้ถูกขโมยไป เขาเลเวลหนึ่ง และไม่มีทักษะเลย แม้แต่ทักษะเดียว เพียงอย่างเดียวที่ข้าค้นพบในตัวเขามีแค่เขาตื่นขึ้นมาในป่าและเดินมาที่เมืองแห่งนี้”

 

“เดี๋ยวนะ เขาไม่มีทักษะอะไรเลยเหรอครับ? ไม่มีแม้แต่ทักษะติดตัวงั้นเหรอ?”

 

“ใช่! คําอธิบายเดียวสําหรับเรื่องนี้ก็คือ… ค่าประสบการณ์ของเขาถูกขโมยไป!”

 

“ค่าประสบการณ์ถูกขโมย? มันไม่ได้มีแค่ในตํานานหรอกเหรอครับ?” บาร์กถามด้วยอาการตกใจที่แสดงออกชัดทางใบหน้า เอสกี้เอาแต่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ มันไม่ได้มีแค่ในตํานาน ข้าเคยได้ยินกรณีที่คล้ายกันนี้มาก่อน! ข้าพูดได้แค่เท่านี้จริง ๆ!” หญิงชราตะโกนออกมาและมองไปมาระหว่างเจี๊ยกกับบาร์ก

 

“งะ งั้น เราจะทํายังไงดีล่ะครับ? เขาต้องเพิ่มอันดับทักษะอีกครั้งหรือเปล่าครับ?”

 

เอสกี้ส่ายหน้าด้วยสีหน้ากังวล ขณะที่เจี๊ยกกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความสับสน “ไม่ ข้าไม่เชื่อเช่นนั้น ข้าคิดว่านักเวทย์ผู้มีฝีมือด้านนี้จะช่วยเขาได้ ช่วยติดต่อน้องสาวของข้าให้ที่นางอาจเป็นแค่นักวิจัย แต่นางอาจยอมช่วยหากบอกว่าข้าต้องการพบ นางก็รู้จักเจ้าเช่นกันนี่ บาร์ก ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากหรอกนะ

 

เจี๊ยกยืนขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดติดกันเป็นปมบนใบหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขาตามไม่ทันเลยสักเรื่องเดียว! อะไรคือค่าประสบการณ์ถูกขโมยไป? นี่เป็นเรื่องใหม่สําหรับเขามาก แต่เขาคิดว่านี่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเกม ดังนั้นจึงต้องตามน้ำไปขอบคุณเอสกี้สําหรับความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ของเธอ และรวมถึงบาร์กด้วยดูเหมือนเขาจะยังอยากช่วยเจี๊ยกไปให้ถึงที่สุด เขาดูเป็นคนดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว

 

พวกเขารีบออกจากบ้านทันทีและบาร์กก็เร่งฝีเท้าจนเกือบกลายเป็นวิ่ง หรืออย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เลี้ยกรู้สึก นี่อาจเกี่ยวข้องกับค่าความคล่องแคล่วของเขาที่มันต่ำมาก เมื่อรู้แล้วว่าระบบค่าสถานะมีผล เขาจึงคิดแผนการดี ๆ ออกซึ่งจะใช้ร่วมกับแผนทั่วไปสําหรับประสบการณ์การเล่นเกมของเขาเอง

 

ไม่นานหลังจากที่เขาคิด ทั้งคู่ก็มาถึงกระท่อมเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ที่ปล่องไฟมีควันโพยพุ่งออกมา บาร์กเคาะประตูและประตูก็ค่อย ๆ แง้มเปิดอย่างช้า ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+