โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ 9 ความเป็นห่วง

Now you are reading โปรเพลเยอร์วัยเกษียณ Chapter 9 ความเป็นห่วง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 9 ความเป็นห่วง

ไอเซ็นยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมมีดในมือ ขณะกำลังอ่านการแจ้งเตือนจำนวนหนึ่งที่ปรากฏหลังจากสร้างมีดเสร็จ แม้ว่าจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็สามารถเข้าใจจริง ๆ ได้แล้ว

เมื่อพูดถึงทักษะประเภทการสร้าง อันดับสูงสุกของสิ่งของที่คุณสร้างจะสอดคล้องกับอันดับของทักษะที่คุณมี ความจริงนี้ทำให้ไอเซ็นมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อได้เห็นว่าทักษะของเขานั้นสุดยอดกว่าสิ่งที่ผู้พัฒนาหวังเอาไว้หรือแพลนเอาไว้ และเนื่องจากอันดับของสิ่งของที่เขาสร้างนั้นสูงกว่าทักษะที่เขามีอยู่ ณ ตอนนั้น จึงเป็นผลให้เลเวลทักษะช่างตีเหล็กพุ่งสูงขึ้นไปถึงเลเวลสิบสี่!

การได้รับค่าสถานะมาแบบฟรี ๆ จึงทำให้เขามีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากสิ่งนี้มุ่งไปสู่ภารกิจที่เขาได้รับจากแมวแปลกเมื่อคืนก่อน

ขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็พลางคิดไปด้วยว่าจะสร้างอะไรต่อ เด็นเมียร์เดินมาหาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดโรงตีเหล็ก “หืม? ตาเฒ่า ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น? นายทำงานหนักมาทั้งวันแล้วนะ” คนแคระเดินยิ้มแป้นมาหาไอเซ็น เขายื่นมีดที่ทำกับมือให้ดูทันที เพียงเท่านั้นคนแคระก็ถลึงตาในความประหลาดใจ

“นะ นี่ ตาเฒ่า… นายไปถึงอับดับสองในแค่วันเดียวเนี่ยนะ?” เขาถาม โดยรู้ดีว่าคุณภาพและจำนวนมีดที่ไอเซ็นเพียรสร้างนั้นเป็นอย่างไร หากไอเซ็นไม่มีทักษะที่เพิ่มความชำนาญที่ได้รับ การไปถึงอันดับสองด้วยการตีเหล็กมาทั้งวันมันคงเป็นไปไม่ได้

แต่เมื่อไอเซ็นส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เด็นเมียร์ก็ได้แต่เพียงจดจ้องต่อไป “บะ บ้าหน่า… นายต้องล้อฉันเล่นแน่ ๆ! นายมันนักทลายขีดจำกัด!” เขาตะโกนด้วยความตกใจ เสียงตะโกนของเขาดึงความสนใจของช่างตีเหล็กทุกคนในนั้น พวกเขาเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยความสับสนและในความที่ไม่เชื่อ และรวมตัวกันเป็นวงกลมรอบทั้งคู่

“ฟังนะตาเฒ่า นายมันอัจฉริยะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือปรมาจารย์ก็คือนาย! ได้โปรดเถอะ ฉันอยากให้นายเลือกงานนี้ ไม่ต้องทำที่นี่ก็ได้ แค่งานนี้งานเดียว!”

[มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนอาชีพของคุณเป็น นายช่างตีเหล็ก คุณจะรับหรือไม่?]

ทุกคนในโรงตีเหล็กล้วนกระหายอยากรู้คำตอบจากไอเซ็น จึงเงียบไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน นี่คือสิ่งที่ชายฉกรรจ์ทุกคนในที่นี่รอคอยตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาที่นี่ จะเป็นนายช่างตีเหล็กได้ก็ต่อเมื่อได้รับการยอมรับจากปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอย่างเด็นเมียร์ ดิมไฮด์

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงไม่มีใครรู้เลยว่าจะพูดอะไรเมื่อไอเซ็นได้เอ่ยปากออกมาว่า

“โทษทีนะเด็นเมียร์ แต่อย่างที่ฉันอธิบายไปก่อนหน้านี้แล้ว มันเร็วเกินไปสำหรับฉันที่จะเลือกเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง ฉันยังไม่ได้ลองทำงานจากอาชีพอื่น ๆ เลย แต่นายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ฉันจะไม่มีวันละทิ้งการตีเหล็กเป็นอันขาด” ขณะรู้สึกหงุดหงิดที่ได้ยินว่าไอเซ็นปฏิเสธการเป็นช่างตีเหล็กในตอนนี้ เด็นเมียร์ก็มีความสุขที่อย่างน้อยเขาก็ยังมีมุมมองต่ออาชีพอยู่

“ฉันเข้าใจนะตาเฒ่า… อย่างที่นายรู้ ถ้าอยากให้ฉันช่วยเหลืออะไร ก็แค่ขอมา”

[เพิ่มชื่อเสียงของคุณต่อเด็นเมียร์ ดิมไฮด์ อย่างมีนัยสำคัญ]

“มามุงดูอะไรกันเยอะแยะ? แยกย้ายได้แล้ว ออกไป! งานวันนี้เสร็จแล้ว!” ในที่สุดเด็นเมียร์ก็หันไปหาบรรดาช่างตีเหล็กและลูกศิษย์ของเขาและตะโกนไล่กลับบ้าน

ไอเซ็นเดินตามกลุ่มชายฉกรรจ์ออกจากร้านด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพร้อมกับมีดในมือ ตอนนี้เข้าอาจจะยังไม่มีเหตุที่ต้องใช้มัน แต่เขาคิดที่จะใช้มันกับสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความคิดนั่นคือการทำอาหาร

เขาอาจจะเป็นช่างตีเหล็กอยู่ระยะหนึ่งจนกว่าจะพอใจ จากนั้นก็ศึกษาอาชีพอื่นต่อ ซึ่งการทำอาหารก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

ตอนนี้เขาได้สร้างสิ่งที่เขาอาจต้องการมากที่สุดในอนาคตแล้ว อย่างเข็มเย็บผ้า การสร้างมีด และแน่นอนอาวุธ เหตุผลที่เขาไม่เลือกใช้เงินซื้อของเหล่านี้จากร้านค้าก็เพราะเขาสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง อิทธิพลของการเชื่อมต่อเครื่องมือทำให้สิ่งของที่ไอเซ็นสร้างนั้นแข็งแกร่งกว่ามากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก ในตอนแรกอาจยังไม่มีความแตกต่างในตัวเลือกเหล่านั้น แต่ตามที่เด็นเมียร์ได้บอกไว้ อับดับของทักษะที่จะสูงขึ้นตามมานี้ จะสร้างความแตกต่างเป็นอย่างมากกับในการเชื่อมต่อกับสิ่งของ

ส่วนโบนัสนั้นจะมอบความเสียหายที่ทำได้สูงขึ้น ควบคุมดีขึ้น และเมื่อใช้สร้างสิ่งของอื่น ๆ ชัดเจนว่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งของที่ถูกสร้างจะมีอันดับสูง หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่เนื่องจากอันดับการเชื่อมต่อสูงสุดที่เด็นเมียร์ไปถึงนั้นคืออับดับเจ็ด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปถึงอันดับแปดถึงสิบ จะได้รับความสามารถใหม่ที่น่าทึ่ง เขาจึงไม่สามารถบอกไอเซ็นกับทุกอย่างที่เขาอยากรู้ได้

“ราตรีสวัสดิ์นะ เด็นเมียร์ ไว้พบกันพรุ่งนี้” ไอเซ็นยิ้มขณะกำลังก้าวเดินไปยังถนนขดหอยแห่งเมืองเมลโร เขากลับไปที่โรงแรมและไปที่จุดต้อนรับ

“สวัสดีอีกครั้ง ต้องการจะพักอีกคืนเหรอ?” เจ้าของโรงแรมทักทายเมื่อเห็นไอเซ็นเดินเข้ามา “ใช่แล้ว” ไอเซ็นตอบด้วยรอยยิ้มและวางค่าธรรมเนียมสำหรับหนึ่งคืนบนโต๊ะ

เจ้าของโรงแรมหันหลังเพื่อหยิบกุญแจให้เขา ซึ่งเป็นห้องเดิมที่ไอเซ็นพักเมื่อคืนก่อน จากนั้นก็ยื่นกุญแจให้ “ขอให้ดื่มด่ำกับราตรีนี้นะ”

ดูเหมือนว่าอารมณ์ของไอเซ็นแย่กว่าเมื่อวานมาก อาจเป็นเพราะสิ่งที่เขาต้องทำเนื่องจากแมวตัวนั้น แต่มันก็หายไปแล้วหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาจากฝันเมื่อคืนก่อน

ไม่ว่ามันจะเป็นแมวหรืออะไรก็ตาม ไอเซ็นก็ไม่ได้คิดมาก เพราะอีกหนึ่งเดือนตามเวลาในเกมเขาก็จะรู้คำตอบอยู่ดี

แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกจากระบบสำหรับวันนี้ไป ไอเซ็นได้นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งในร้านอาหาร บริกรหญิงเดินมาทันทีซึ่งเป็นคนละคนกับเมื่อวาน เธอเป็นเด็กสาวที่สวย แต่ในกรณีนี้เด็กสาวหมายถึงว่าเธอเด็กจริง ๆ อายุของเธอราวสิบหรือสิบเอ็ดปีเห็นจะได้ ผมสีชมพูสดใสถูกมัดเป็นสองแกละอยู่ด้านหลัง แวบแรกไอเซ็นคิดว่าเธอเป็นเอลฟ์เพราะหูชี้แหลม แต่เด็กสาวคนนี้ดูต่างออกไปจากเอลฟ์คนอื่น ๆ ในขณะที่หูของเอลฟ์นั้นจะมีขนาดเท่ากับหูของมนุษย์ทั่วไป แต่หูของบริกรหญิงคนนี้ยาวกว่าปกติสองถึงสามเท่า ราวกับถูกจับดึงยืดออก

เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้านี้ ไอเซ็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แม้ว่าเขาจะพยายามข่มอารมณ์ขันไว้แล้วก็ตาม

“เอ๋? คุณหัวเราะอะไรเหรอคะ? ฉันชอบเรื่องตลกนะ!” เธอเปล่งเสียงออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส ทำให้ไอเซ็นหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิม ท่าทางที่เธอแสดงออกมาเหมือนกับใครบางคนที่เขาไม่ได้พบมานานมากแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอกสาวน้อย เธอแค่ทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนที่ฉันรู้จักน่ะ” ไอเซ็นตอบ พลางเกาเคราพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง

เด็กสาวเอียงหัวด้วยความสงสัย “โอ้? จริงสิ หนูลืมไปเลย! ขอโทษนะคะ! รับอะไรดีคะ คุณลูกค้า?” เธอถามอย่างน่าเอ็นดูและหยิบกระดาษจดบันทึกเล็ก ๆ ขึ้นมา จากนั้นก็รอไอเซ็นสั่งอาหารอย่างใจจดใจจ่อ

เนื่องจากเขาชอบอาหารที่สั่งมากินกับมอร์โรมเมื่อวานมาก  เขาจึงสั่งเหมือนเดิมอีกครั้ง แองเค้กฟิเลเสิร์ฟพร้อมกับถั่วและมันฝรั่งย่าง และซุปผัก

“ได้เลยค่ะ รออาหารสักครู่นะคะ!” บริกรหญิงตอบด้วยความยินดี หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เธอก็ยกจานมาเสิร์ฟและเขาก็ลงมือกินทันที

ไอเซ็นทิปให้เธออย่างสมน้ำสมเนื้อและเดินขึ้นห้องไปเพื่อพักผ่อนและออกจากระบบ

 

* * * * *

 

“โอ๊ย หลังฉัน… แก่แล้วไม่มีอะไรดีเลยจริง ๆ!” เบนจามินสบถออกมาดังลั่นเมื่อเขาพยายามก้าวออกมาจากแคปซูล เขานอนนิ่ง ๆ อยู่ในนั้นมากถึงสิบสองชั่วโมง ซึ่งเหมือนจะยาวนานมากผ่านการขยายของเวลา

เขาค่อย ๆ เดินตรงไปยังครัวและเทน้ำมาแก้วหนึ่ง เขาหยิบกล่องยาที่อยู่ใกล้ ๆ อ่างล้างจาน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “รู้แล้ว ๆ จะไปรับเดี๋ยวนี้แหละ!” เขาตะโกนใส่โทรศัพท์ราวกับมันจะได้ยินเขา ขณะที่กำลังเดินเข้าไปรับสายอย่างช้า ๆ

เขารับสายและได้ยินเสียงหวีดร้องสวนออกมาทันที “พ่อคะ! พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า? หนูพยายามติดต่อพ่อทั้งวัน แต่ก็ไม่มีใครรับสายเลย!” ลูกสาวของเบนจามินตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง

เบนจามินถอนหายใจดังและหัวเราะเล็กน้อย “พ่อโอเค เมโลดี้ พ่อบอกหนูแล้วไงว่าวันนี้จะเล่นเกม”

“รู้ค่ะ แต่ถึงกับไม่มีเวลารับโทรศัพท์เลยเหรอ? ขนาดลูกของโทนี่เล่นเกมอยู่หน้าคอมยังพิมพ์ตอบข้อความได้เลย!” เมโลดี้อธิบาย จากความเป็นห่วงของเธอค่อย ๆ ผันเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด

“เมโลดี้ ลูกอายุตั้งครึ่งหนึ่งของพ่อ แล้วพ่อจะไปรู้เรื่องเทคโนโลยีดีไปกว่าลูกได้ไง?”

“พูดอะไรของพ่อ? ถ้ารู้ว่ามีคนโทรมาก็ช่วยย้ายก้นย้วย ๆ ของพ่อมารับสายด้วยนะคะ!”

“ก็พ่อไม่ได้ยินจริง ๆ พ่อจะไม่รู้สึกตัวขณะเล่นเกม ช่วยรอหน่อยนะ พ่อมั่นใจว่าลูกจะเข้าใจเองตอนที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องเกมนี้”

“พ่อหมายความว่ายังไง ไม่รู้สึกตัว? พ่อนั่งสมาธิแบบคนตะวันออกเหรอ?” ด้วยความเป็นห่วง เมโลดี้จึงถามพ่อของเธอที่เอาแต่ถอนหายใจว่าเขากำลังสื่อถึงเรื่องอะไร “ไม่ลูก มันไม่ใช่แบบนั้น พ่อพยายามอธิบายให้ลูกฟังหลายครั้งแล้ว เมื่อลูกมาบ้านเราครั้งหน้า ลูกก็จะเข้าใจเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงไปนะ พ่อเจ็ดสิบแล้ว พ่อรู้ดีว่ากำลังทำอะไร ว่าแต่โทรมามีเรื่องอะไร?”

เบนจามินได้ยินเสียงเมโลดี้เคาะลิ้นผ่านทางหูโทรศัพท์ก่อนที่เธอจะตอบกลับ “หนูก็แค่จะโทรมาเช็คน่ะค่ะ ไม่ได้เหรอ?”

“ได้สิลูกรัก แต่พ่อไม่อยากให้ลูกโทรมาทุกวันเพื่อเช็คว่าพ่อสบายดีไหมแบบนี้ทุกวันนะ”

“หนูก็แค่เป็นห่วง พ่อก็รู้ว่าไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว! แขนยังมาใช้การไม่ได้อีก!”

แม้ว่าคำพูดนี้จะทำให้เขารู้สึกรำคาญมากเมื่อพิจารณาสถานการณ์จริง ๆ แล้ว เบนจามินเพียงถอนหายใจและนิ่งสงบ “มโลดี้ มันไม่ใช่แบบนั้นลูกก็รู้ ฟังนะ พ่อต้องไปแล้ว พ่อเหนื่อยมากเลย ไว้พรุ่งนี้ว่างพ่อจะโทรหาใหม่ โอเคนะ?”

“ค่ะ โทรมานะคะ! และอย่ามัวเล่นเกมจนลืมล่ะ!”

“จ้า ไม่ต้องห่วงนะ ไม่ลืม ๆ ฝันดีลูกรัก”

“ฝันดีค่ะพ่อ”

เบนจามินวางสายและมองแขนข้างขวา ผิวหนังที่แขนถูกปกคลุมด้วยรอยไหม้และรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด เขารู้สึกเจ็บแปล๊บเมื่อกำมือ เขาไปหาอะไรกิน จากนั้นก็ใช้เวลาในค่ำคืนนี้ไปกับการเล่นเกม เนื่องจากเขาจะอยู่ในสภาพเหมือนคนหลับตอนที่เขาสู่โลกความจริงเสมือน

 

* * * * *

 

“อรุณสวัสดิ์ เด็นเมียร์!” ไอเซ็นเปล่งเสียงแรกในเช้านี้ เขากำลังรอให้ใครสักคนมาเปิดประตูร้าน เนื่องจากความรู้สึกหงุดหงิดหลังจากคุยกับเมลโลดี้ อย่างเดียวที่เขาคิดได้ก็คือกลับมาจับค้อนต่ออีกครั้ง

คนแคระเงยหน้ามองไอเซ็นและเผยรอยยิ้มให้เห็น “เช้านี้ดูกระตือรือร้นผิดปกตินะ ตาเฒ่า?”

ไอเซ็นเพียงพยักหน้าและเดินเข้าโรงตีเหล็กไปพร้อมกับเด็นเมียร์ “ต้องการให้ช่วยอะไรไหม? หรือว่าจะขอทำอะไรด้วยตัวเอง?”

“ไม่เป็นไร ไว้ต้องการให้ช่วยจะบอกนะ” ด้วยรอยยิ้มอันสดใส ไอเซ็นเดินเข้าไปในคลังทันทีและหยิบแท่งเหล็กกล้าชิ้นใหญ่ วันนี้เขาจะทำค้อนของตัวเอง ซึ่งจะเป็นอันที่เหมาะสมกับร่างกายของเขา ในขณะที่ค้อนที่เขาใช้เมื่อวันก่อนนั้นก็เข้ามือดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังชอบค้อนที่เหมาะสมกับเขาอย่างสมบูรณ์แบบอยู่ดี

ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับขั้นตอน ไอเซ็นก็คีบแท่งเหล็กร้อนและเริ่มตีแท่งเหล็กที่จะกลายเป็นค้อนที่สมบูรณ์แบบดังจินตภาพในอีกไม่ช้าด้วยค้อนเดียวกับที่ใช้เมื่อวาน เขาสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนจากเหล็กกล้าแล่นมาสู่แขนของเขา

นี่เป็นความรู้สึกเดียวกับความรู้สึกที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจเขามาตลอดหลายสิบปี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด