อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] 642 เลือกปฏิบัติ
ตอนที่ 642 เลือกปฏิบัติ
ตอนที่ 642 เลือกปฏิบัติ
อวี้ชิงลั่วถูกทำให้เจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง แววตาของนางอ่อนแรง แทบจะหมดลมหายใจ
ถึงแม้นางจะเตรียมใจเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว และมีลูกโตจนเดินได้แล้วคนหนึ่ง แต่นี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรก จึงรู้สึกกังวลอยู่มาก เพียงเริ่มต้นก็เกร็งไปทั้งร่าง ทำเอาเย่ซิวตู๋ลำบากเสียจน… แทบจะขยับไม่ได้
แต่ยิ่งนางเกร็งมากเพียงใด เย่ซิวตู๋ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น บีบเอวของนางอย่างแรง ตอนสุดท้ายก็กระทำรุนแรงเสียจนนางเหมือนกับว่าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งรังแกนางไปครึ่งค่อนคืนเขาจึงเริ่มควบคุมตนเองได้ แล้วปล่อยนางด้วยความรุนแรง
อวี้ชิงลั่วเอียงคอ หลับตาแล้วค่อยๆ หายใจ
เย่ซิวตู๋กอดนางอย่างอิ่มเอม นิ้วมือขยับไปตามเรือนร่างของนาง
อวี้ชิงลั่วตกใจ รีบอ้อนวอน “ไม่เอาแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ”
“หุบปาก” เย่ซิวตู๋ตะคอกใส่นางเสียงต่ำ เสียงของเขาแหบแห้ง แต่กลับเร้าอารมณ์เป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วกลืนน้ำลายอย่างไร้เรี่ยวแรง ในใจคิดว่าเหตุใดชายผู้นี้จึงเก่งกาจถึงขั้นนี้ได้ นางใกล้จะตายอยู่แล้ว นี่กลับยังถูกเสียงหลังเสร็จกิจของเขาปลุกขึ้นมาอีก
ขณะกำลังคิด ชายหนุ่มข้างกายก็ขยับตัวลุกขึ้นมาในทันใด
เขาหยิบเสื้อผ้าด้านข้างมาสวมใส่ เดินออกจากห้องไป เรียกพนักงานกะดึกให้เตรียมน้ำร้อนมา
จากนั้นก็นำผ้าเช็ดตัวสะอาดผืนหนึ่งมาเช็ดตัวให้นางเงียบๆ
อวี้ชิงลั่วใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อย เมื่อมองเห็นแสงเทียนสะบัดไหวอีกครั้ง มือก็รีบหยิบเอาเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างพัลวัน นำมาปกปิดร่างกายตนเอง
เย่ซิวตู๋มองนางอย่างเยียบเย็น หลังจัดการเรียบร้อยก็นอนลงบนเตียงอีกครั้ง
เขาไม่กล่าวอันใด ในใจของอวี้ชิงลั่วกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง มองเห็นเขาโอบเอวนางแล้วหลับตาลง นางก็รีบอ้าปากถาม “หนานหนานกับเสี่ยวอวี้อยู่ในห้องพักของท่านหรือ?”
“อืม” เย่ซิวตู๋หลับตาแล้วตอบไปคำเดียว
จากนั้นก็เงียบไป
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ ถามเขาเสียงเบา “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ดินแดนเหมิง ท่าน ท่านออกเดินทางตอนไหน?”
“เจ้าไม่เหนื่อยหรือ เช่นนั้นก็ดี ข้าก็ไม่เหนื่อย…”
“เหนื่อยๆๆ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ข้าจะนอนเดี๋ยวนี้ล่ะ” เมื่อเห็นเขาเลิกผ้าห่มแล้วโน้มตัวเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของอวี้ชิงลั่วก็เปลี่ยนไปทันที รีบหดคอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
ช่างเถอะ เขาไม่พูดก็ไม่ต้องพูด อย่างไรเขาก็มาดินแดนเหมิงแล้ว ต่อไปรอให้เขาไม่โกรธแล้วค่อยถามเขาอย่างระมัดระวังก็แล้วกัน
เฮ้อ น่าสงสารที่นางต้องถูกเขารังแกเสียแรงเช่นนี้ แต่กลับไม่สามารถลดความโกรธในใจของเขาได้แม้เพียงนิด ต้องเศร้าโศกถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ทุกข์ใจเสียจนยากจะพูดออกมา
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ขยับศีรษะ หาที่ที่สบายตัวอยู่ในอ้อมแขนเขา
ว่ากันตามตรง ตลอดเวลาหนึ่งเดือนมานี้ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ เวลานอนหลับมักจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เหมือนกับว่าที่ผ่านมาไม่ได้หลับสนิทสักเท่าไรนัก
ตอนนี้มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว นางกลับรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
ความเคยชินนี้ไม่ดีเลยจริงๆ จะทำให้เสพติดเอา
ลมหายใจของอวี้ชิงลั่วค่อยๆ คงที่ เย่ซิวตู๋ลืมตามองนาง มุมปากของเขาโค้งขึ้น จากนั้นก็หลับตาลงอย่างพึงพอใจ
วันต่อมา อวี้ชิงลั่วหลับไปจนตะวันโด่ง ก่อนจะถูกเสียงจอแจด้านนอกปลุกขึ้นมา
นางยกมือขึ้นขยี้ตา การเคลื่อนไหวนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนทั้งร่างแข็งทื่อ ราวกับว่าทั้งตัวนี้ไม่เหมือนเป็นร่างของนาง
ความทรงจำของเมื่อคืนค่อยๆ ย้อนกลับมาในหัวของนางทีละนิด นางสะดุ้ง ลุกขึ้นมานั่งในทันที
แต่เมื่อนางมองไปยังที่นอนข้างๆ บนเตียงอีกครั้ง กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เอามือสัมผัสดู บนผ้าปูที่นอนไม่มีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่เลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตื่นตั้งนานแล้ว
ไปไหนเสียแล้วนะ?
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นอย่างเงียบๆ กล้ามเนื้อทั้งร่างรู้สึกปวดขึ้นมาอีกครั้ง ปวดเสียจนนางต้องกัดฟัน
จนกระทั่งจัดการตนเองเสร็จเรียบร้อย นางจึงค่อยมองไปรอบๆ ห้อง จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
ในห้องนั้นไม่มีสิ่งของใดที่เกี่ยวข้องกับเย่ซิวตู๋หลงเหลืออยู่เลย เสื้อผ้าและเครื่องประดับของเขาหายเรียบไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยเพียงนิด
หากไม่ใช่เพราะสภาพร่างกายของนางยังไม่ค่อยดีนัก อวี้ชิงลั่วคงคิดว่าเรื่องเมื่อคืนทั้งหมดเป็นเพียงความฝันจากการที่นางมีความต้องการมากเกินไป
นี่มีอะไรผิดพลาดไปหรือ ไอ้หมอนี่ ฉวยโอกาสแล้วก็ไปอย่างนั้นหรือ?
นอกจากนี้ นอกจากนี้เขายังพาหนานหนานกับเหมิงหลัวอวี้ไปอีก นี่หมายความว่าอย่างไร นี่หมายความว่าเขาโกรธและลงโทษนางใช่หรือไม่
หรือว่า… วางแผนจะพาหนานหนานจากนางไปไกลอย่างนั้นหรือ? อย่างไรเขาก็เคยนอนกับนางแล้ว หนานหนานก็อยู่ข้างกายเขาแล้ว สิ่งที่เขาสมควรได้ก็ได้ไปหมดแล้ว จึงตัดสินใจจะทอดทิ้งนางหรือ?
อวี้ชิงลั่วคิดถึงตรงนี้ เส้นเลือดที่หน้าผากของนางก็เต้นตุบๆ ขึ้นมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีอย่างยิ่ง แม้แต่เหตุผลที่เหลืออยู่ในหัวนางเพียงน้อยนิดก็ถูกกำจัดไปหมดสิ้น
ทันใดนั้นนางก็ลุกจากเก้าอี้ เปิดประตูห้องทันที ต้องการจะไปคิดบัญชีกับคนผู้นั้น
แต่ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันออกจากห้อง ก็เห็นเสิ่นอิงที่ยืนอยู่หน้าประตู… และที่มือของเขาก็มีเด็กสองคนจับเอาไว้
ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วหยุดลงในทันใด มองทั้งสามคนด้วยความงุนงง
เสิ่นอิงตกใจกับการกระทำปุบปับของนาง รีบรวบรวมสติแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางอวี้ คือว่า นายท่านให้ข้าพาเด็กสองคนมาส่งขอรับ”
อวี้ชิงลั่วมองไปยังหนานหนานที่กำลังยิ้มให้นางอย่างประจบประแจง และเหมิงหลัวอวี้ที่สีหน้างุนงง เมื่อครู่นาง… เหมือนจะคิดว่าเย่ซิวตู๋กลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ เป็นไอ้คนไร้หัวใจฉวยโอกาสแล้วก็ทิ้งเสียแล้ว
นางถอยหลังสองก้าว ให้ทั้งสามคนเข้ามา
ทันทีที่ประตูปิด หนานหนานก็เดินเข้ามาหานางอย่างสุภาพ ช่วยตบๆ ที่ต้นขาของนาง “ท่านแม่ ฮิๆ เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเหลือบตามองเขา ส่งเสียงฮึดฮัด
นางไม่มีแรง และไม่ต้องการพูดอันใด
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางไม่สู้ดี ดูเย็นชา หนานหนานก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อตีท่านหรือ? เขาตีท่านใช่หรือไม่ เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เขายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่ ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขา”
อวี้ชิงลั่วปวดหัว รีบดึงเขากลับมา “เขาไม่ได้ตีข้า” แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากการถูกเขาตีเท่าใดนัก
เสิ่นอิงที่อยู่ด้านข้างกระแอมเบาๆ หันหน้าออกไปอย่างเงียบๆ
เมื่อครู่ตอนอวี้ชิงลั่วยกมือขึ้น เขาก็เห็นรอยแดงที่แขนของนางได้อย่างรวดเร็ว
เขาไม่ใช่หนานหนาน ก็ต้องเข้าใจว่านั่นหมายความว่าอย่างไร คิดไม่ถึงว่านายท่านเพียงได้พบแม่นางอวี้ ก็…จัดการนางเสียแล้ว
หนานหนานหันหน้าอย่างสงสัย ตบอกปุๆ กล่าวอย่างวางใจ “ไม่ได้ตีก็ดีแล้ว ข้าเป็นห่วงจริงๆ ว่าท่านพ่อจะใช้ความรุนแรง เช่นนั้นต่อไปข้ากับท่านแม่คงไม่ได้อยู่กันสบายๆ เสียแล้ว”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกอย่างแรง ถามเขา “พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน พาข้าไปเจอเขาที”
หนานหนานพยักหน้าในทันที รีบจับมือของอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าว “ข้าจะพาท่านแม่ไปเอง ท่านแม่ไปที่ไหน จะต้องมีหนานหนานช่วยเปิดทางให้ท่าน”
เสิ่นอิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ตอนแรกที่นายท่านถามเขาว่าแม่นางอวี้อยู่ที่ใด เขากลับลังเลที่จะบอกกล่าว แต่เหตุใดเมื่อมาถึงแม่นางอวี้นี้ หนานหนานกลับรีบร้อนเช่นนี้เล่า
การเลือกปฏิบัตินี้…
!!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไปค่ะ ไปตีคืนเลยชิงลั่ว ท่านอ๋องทำรุนแรงเกินไปแล้ว ช้ำไปหมดทั้งตัวเลย
ไหหม่า(海馬)
Comments