อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 53 ไข่มุกและสมุดคัดลายมือ
ตอนพิเศษ 53 ไข่มุกและสมุดคัดลายมือ
ตอนพิเศษ 53 ไข่มุกและสมุดคัดลายมือ
ใช่แล้ว ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง
เด็กคนนี้เกิดที่คฤหาสน์ ในจวนนอกจากพวกเขาและพ่อบ้านแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดรู้
เหมือนกับสถานการณ์ในตอนนั้นของนาง หากนางพาลูกกลับมาเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องพบเจอเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านาง อีกอย่างสถานะของอนุฉียังบางเบากว่าอู๋ซื่อ หากจินซื่ออยากจะฆ่านางขึ้นมามันก็เป็นของกล้วย ๆ
โชคยังดีที่เด็กคนนี้เกิดมาก็มีหน้าตาเหมือนรองเจ้ากรมหลานราวกับแกะ อีกทั้งดวงตาของเขาก็เหมือนกับดวงตาของอนุฉี ชวนให้คนชมชอบไม่น้อย และเขายังเป็นเด็กผู้ชาย เป็นหลานชายคนโตที่จวนหลานเฝ้ารอมานาน ข้อนี้นับว่ามีประโยชน์อยู่เล็กน้อย
ทว่าอนุฉีและอนุหลัวต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะเลี้ยงเด็กไว้ที่คฤหาสน์เป็นการชั่วคราว พวกนางทั้งสองคนรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มาก ในใจมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือขอเพียงเด็กคนนี้อยู่รอดปลอดภัย ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นเพียงเรื่องรอง
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องทำให้สองพี่น้องจินซื่อตกต่ำเสียก่อน ขอเพียงคนที่คอยขัดแข้งขัดขาไม่อยู่แล้วเท่านั้น พวกเขาจึงจะให้เด็กคนนี้ได้หวนคืนสู่ครอบครัว
ปัจจุบันเด็กคนนี้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในความดูแลของหงเฝิ่นสาวใช้ที่เคยเป็นสาวใช้ส่วนตัวของหลานสุ่ยชิง คนที่ทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว
ทว่ารากฐานของสองพี่น้องจินซื่อในจวนหลานค่อนข้างหยั่งรากลึก อีกทั้งคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าไท่ฮูหยินหรือรองเจ้ากรมหลาน ล้วนแต่เป็นคนไม่พูดมาก อยากให้พวกเขาที่เป็นที่โปรดปรานตกต่ำพูดได้ง่ายกว่าทำเสียอีกไม่ใช่หรือ?
หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่าเวลานี้ยังไม่สุกงอม และสิ่งที่นางกังวลที่สุดคืออาการเจ็บป่วยของท่านแม่ของนาง นี่เป็นเพียงจุดอ่อนเดียวของนาง
ทว่าบัดนี้ เวลาได้มาถึงแล้ว
ลวี่หลัวรับข่าวสารที่ได้จากหลานสุ่ยชิง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ย “คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ อนุหลัวและอนุฉีรอคอยวันนี้มานานมากแล้ว ไม่ทำให้คุณหนูใหญ่ต้องผิดหวังแน่นอน”
สิ้นคำ นางก็จากไปทางด้านหลังสวนอย่างเงียบเชียบเหมือนตอนที่นางมา
หลานสุ่ยชิงมองด้านหลังของนางค่อย ๆ เลือนหายไป จากนั้นจึงพรั่งพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ
ตอนนี้พวกเขาลงเรือลำเดียวกัน มีเป้าหมายร่วมกัน
ขณะนี้เยียนจือก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ดวงตาของนางเปล่งประกายเจิดจ้า นางมองคุณหนูของตนแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณหนู ในที่สุดพวกเราก็ขมสิ้นหวานตามแล้วนะเจ้าคะ”
“อืม”
“หากจะกล่าวแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่นางเนี่ยนเนี่ยน”
หลานสุ่ยชิงหัวเราะออกมา ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเนี่ยนเนี่ยน ก็ไม่รู้ว่าต้องรอเวลาที่นางจะได้โต้กลับไปอีกนานเท่าใด ดูเหมือนนับตั้งแต่ครั้งแรกที่นางพบเนี่ยนเนี่ยน โชคดีก็วิ่งเข้ามาหานางไม่หยุด บางที นางอาจจะเป็นคนสูงศักดิ์ที่โชคชะตาลิขิตมาให้นางกระมัง
เยียนจือยิ้มตาหยี เห็นคุณหนูของตนกำลังอารมณ์ดี นางจึงส่งเสียงครึ้มอกครึ้มใจออกมา “ตอนนี้คุณหนูกับแม่นางเนี่ยนเนี่ยนมีความสัมพันธ์ดีเช่นนี้ ซิวหวางเฟยเป็นคนสบาย ๆ อีกทั้งยังดูเหมือนจะชอบคุณหนูมาก คุณหนูยังต้องคลอดลูกน้อยให้นาง ฮื่อ นี่สินะโชคชะตา ภายหน้าคุณหนูแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวจะต้องมีความสุขมาก ๆ เป็นแน่เจ้าค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานสุ่ยชิงชะงักค้าง คิ้วของนางขมวดเป็นปม
แต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว? จู่ ๆ นางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ใช่แล้ว ถึงแม้ซิวหวางเฟยจะจากไปด้วยความโกรธ ทว่าสินสอดเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้นำกลับไป ไท่ฮูหยินเห็นสินสอดเหล่านั้นยังอยู่นี่เอง ถึงได้รู้สึกว่าหากให้หลานสุ่ยชิงออกหน้าแทนยังพอมีหวัง
อย่างไรก็ตาม ในใจของนางมีคนผู้หนึ่งอยู่แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิว สำหรับเนี่ยนเนี่ยนและซิวหวางเฟยแล้วก็ไม่ยุติธรรมมากเช่นกัน
นางควรหาโอกาสบอกเนี่ยนเนี่ยนก่อนดีหรือไม่?
ถึงแม้นางจะรู้ดีว่า การปฏิเสธที่จะแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิวดูเหมือนช่างไร้เหตุผล ทว่านางไม่อาจเอาชนะกำแพงภายในใจของตนได้
หากคนผู้นั้นรู้เข้า ไม่รู้จะทำเรื่องอะไรออกมา
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันนานนัก แต่นิสัยของเขานั้นนางยังได้สัมผัสมาบ้างเล็กน้อย ภายในจิตใจของเขา แท้จริงแล้วเขาเป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าหากเวลานั้นมาถึงจะถลกหนังนางจนเห็นกระดูกหรือไม่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลานสุ่ยชิงก็อดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้
เยียนจือหันกลับมามองนางด้วยสีหน้าประหลาดใจ หลังจากตนเอ่ยคำนั้นออกไป สีหน้าของคุณหนูกลายเป็นดูไม่ได้ขึ้นมาหน่อย ๆ จึงอดแปลกใจไม่ได้ “คุณหนูเจ้าคะ ท่าน ท่านเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”
“…….ไม่มีอะไร”
จะไม่มีได้อย่างไร? สีหน้าเช่นนั้นบอกว่าตอนนี้ข้าทุกข์ใจมากและสับสนเสียจนไม่รู้ว่าทำอย่างไรดี
เยียนจือรู้สึกว่าตนเป็นคนสนิทของนาง เมื่อคุณหนูมีปัญหาแก้ไม่ตก นางจะต้องช่วยหาทางแก้ไขให้ได้
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความคิดของนางก็เปลี่ยนไป “คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงไม่ใช่…..ไม่ยินดีแต่งงานกับซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิวหรอกนะเจ้าคะ?”
“……..” สีหน้าของนางชัดเจนขนาดนั้นหรือ?
“คุณหนูเป็นห่วงฮูหยินใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เยียนจือถามอีกครั้ง “อันที่จริงแล้วคุณหนูไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลแม้แต่น้อย ตอนนี้สุขภาพของฮูหยินก็ดีขึ้นมากแล้ว แม่นางเนี่ยนเนี่ยนก็บอกว่าฮูหยินกำลังฟื้นตัว ส่วนพวกคุณหนูรองและคนอื่น ยังมีอนุหลัวและอนุฉีคอยรับมืออยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ก่อนที่คุณหนูจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องซิว พวกนางคงถูกจัดการหมดแล้ว ไม่เท่ากับว่าหมดเรื่องหมดราวแล้วหรือเจ้าคะ?”
หลานสุ่ยชิงคิด เยียนจือ วิธีคิดของเจ้าเรียบง่ายดีเหลือเกิน
นางรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ละเท้าที่ก้าวออกไปล้วนหนักอึ้ง นางถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง “เยียนจือ ไม่ใช่ปัญหาเหล่านี้เลย……..เฮ้อ เจ้าไม่เข้าใจหรอก”
เยียนจือขมวดคิ้ว เหตุใดนางจึงจะไม่เข้าใจ? สิ่งที่คุณหนูกังวลที่สุดในชีวิตของนางก็คือฮูหยิน ตอนนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี นางยังมีอะไรให้กังวลอีกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นกระทั่งฮูหยินก็ยังออกปากว่า ซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิวรูปโฉมงดงามตั้งแต่ยังเยาว์ ซิวหวางเฟยก็สง่างามมาก หันกลับไปมองแม่นางเนี่ยนเนี่ยนอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องรูปร่างหน้าตาและความสามารถของท่านซื่อจื่อคนนั้นแม้แต่น้อย
นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว ยังเรื่องอะไรให้กังวลอีก? หรือว่านางจะกลัวการแต่งงาน?
ไม่ถูก ไม่ถูก คุณหนูได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาฟันแทงไม่เข้ามาแล้ว ต้องไม่กลัวอย่างแน่นอน
หรือว่าจะเป็น……
สายตาของเยียนจือพลันสว่างวาบขึ้นมา จากนั้นนางเริ่มมองหลานสุ่ยชิงขึ้น ๆ ลง ๆ
หลานสุ่ยชิงเห็นนางมองเช่นนี้ก็ขนลุกขนชันไปทั่วทั้งตัวทันที รีบร้อนสาวเท้าไปให้ถึงเรือนของตนโดยเร็ว
ทว่ายังไม่ทันได้เดินถึงเรือน ก็มองเห็นจากไกล ๆ ว่าเรือนหลังเล็กของนางที่เดิมมีอยู่ไม่กี่คน บัดนี้กลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย
นางขมวดคิ้ว จากนั้นจึงมองเห็นแม่นมปู้วิ่งออกมาจากข้างในอย่างรวดเร็ว
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ…….”
“เกิดอะไรขึ้น?” หลานสุ่ยชิงรีบก้าวเข้าไปในเรือน
แม่นมปู้ตามมาติด ๆ เอ่ยกระซิบเสียงเบา “เมื่อครู่นี้แม่นมซ่งให้คนถ่ายทอดคำพูดมาว่า จะย้ายเรือนให้คุณหนู ให้คุณหนูไปอยู่เรือนสุ่ยสี แล้วยังกล่าวว่าจะย้ายสิ่งของของฮูหยินไปอยู่สวนหลาน นี่…….”
“ท่านแม่ว่าอย่างไร?”
“ฮูหยินเห็นด้วยแล้วเจ้าค่ะ แม่นมหูตอนนี้ก็กำลังช่วยฮูหยินเก็บข้าวเก็บของ แต่ว่าของในห้องของคุณหนู ข้ายังไม่ให้ผู้อื่นแตะต้องเจ้าค่ะ บอกว่าต้องรอคุณหนูกลับมาก่อนถึงจะเก็บได้”
หลานสุ่ยชิงนิ่งงันไปชั่วขณะ พลันคิดถึงไข่มุกและภาพเหมือนภาพนั้นขึ้นมาได้ รีบถกชายกระโปรงขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
เยียนจือและแม่นมปู้มองหน้ากัน จากนั้นจึงรีบตามเข้าไปข้างใน
ทันทีที่เข้าไป สายตาอันแหลมคมของเยียนจือก็เห็นหลานสุ่ยชิงเก็บไข่มุกไว้ ด้วยท่าทางทะนุถนอม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่แน่นะว่าเหตุการณ์อาจไม่เป็นอย่างที่กังวลก็ได้ เพราะหนานหนานก็คือซื่อจื่อตำหนักอ๋องซิวอย่างไรล่ะ
ไหหม่า(海馬)
Comments