อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 113 คนที่ร่วงลงมา
ตอนพิเศษ 113 คนที่ร่วงลงมา
ตอนพิเศษ 113 คนที่ร่วงลงมา
“กรี๊ด…” โม่เพียวที่กำลังง่วนอยู่กับการกินกรีดร้องดังลั่น นางตกใจกับคนที่ร่วงลงมาจนหัวใจแทบหยุดเต้น
นางยังคงถือตะเกียบคู่นั้นไว้ในมือ ขณะมองคนที่ตกลงมาบนโต๊ะจากหลังคาจนทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำแกงด้วยสายตาหวาดกลัว ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
แต่ก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบ คนที่อยู่บนโต๊ะก็ดิ้นและพลิกตัวอีกครั้ง จากนั้น… ก็ร่วงลงสู่อ้อมแขนของนาง ดึงนางลงไปที่พื้นด้วยกัน และกดทับนางไว้กับพื้น
หลังจากนั้นคนผู้นั้นก็สลบนิ่ง ไม่ไหวติง
สีหน้าของโม่เพียวยิ่งเศร้าหมองมากขึ้น ในที่สุดตะเกียบในมือนางก็ร่วงลงพื้นดัง ‘แก๊ก’
เนี่ยนเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกมือลูบคาง เงยหน้าขึ้นมองหลังคาที่มีรูขนาดใหญ่ แล้วพูดว่า “โรงเตี๊ยมนี้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมานานแล้ว มันอันตรายเกินไป เป่ยเป่ย เราเปลี่ยนไปพักโรงเตี๊ยมอื่นกันเถอะ”
“ใช่แล้ว ข้าไม่คาดฝันเลยว่าหลังคาจะพังเป็นรูใหญ่ขนาดนี้ โชคดีที่เราหลบได้เร็ว”
“ใช่แล้ว โชคดี โชคดี” เหวินหย่าลูบอกตัวเอง
ในที่สุดโม่เพียวก็กลับมาตั้งสติได้ แล้วมองไปยังทั้งสามคนที่ยังคงพูดคุยกันหน้าตาเฉยด้วยความขุ่นเคือง “พวกเจ้าควรจะมาเอาคนที่อยู่บนตัวข้าออกไปก่อนหรือเปล่า?”
เหวินหย่ากระแอมเบา ๆ แต่ก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพลิกคนที่ทับตัวนางอยู่ออก
โม่เพียวมองทั้งสามด้วยความไม่พอใจ “พวกเจ้าหนีไปกันหมด เหตุใดไม่รู้จักบอกให้ข้ารู้บ้างเล่า”
เมื่อเห็นน้ำแกงและเลือดสีแดงสดบนร่างกายคนผู้นั้น โม่เพียวก็อยากกลับบ้านทันที พวกเขาทั้งสามใจดำเกินไป ถึงได้หลบกันไปหมด โดยไม่ยื่นมือมาช่วยนางเลย
เหวินหย่าเม้มปากแล้วคลี่ยิ้ม ก่อนจะหรี่ตาพึมพำเบา ๆ “ใครบอกให้เจ้ากินเพลินนักเล่า? เจ้าไม่ได้ยินแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวจากข้างบนด้วยซ้ำ”
โม่เพียวก็มีวรยุทธ์เหมือนกัน แม้ว่านางจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่คน แต่ก็ใช่ว่านางจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คมชัดเหนือหัว เห็นได้ชัดว่านางตะกละเกินไป นางจึงถูกโจมตี
โม่เพียวอ้าปากค้าง แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ออก นางทำได้เพียงก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเองด้วยความขยะแขยง
จากนั้นนางก็หันไปมองคนที่เหวินหย่าพลิกออกไป แล้วพบว่าร่างกายของนางเต็มไปด้วยเลือด นางน่าจะบาดเจ็บสาหัส
นางกะพริบตาแล้วมองไปที่เนี่ยนเนี่ยนกับเป่ยเป่ย
ทั้งสองไม่เคลื่อนไหว เอาแต่มองพื้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเย่ฉิงเป่ยถามขึ้น “เนี่ยนเนี่ยน ช่วยได้หรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิ ไม่อยากช่วย” น่าหงุดหงิดชะมัด เหตุใดต้องช่วยคนที่มาพังโต๊ะอาหารของนางด้วย?
ใครจะรู้ว่าเป็นคนดีหรือคนชั่ว นางมาอาณาจักรเทียนอวี่เพื่อทำธุระที่จริงจัง จึงไม่ต้องการสร้างปัญหา คนผู้นี้มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าต้องถูกตามล่ามาเป็นแน่ หากนางช่วยก็นับว่าโง่เขลาแล้ว
“ให้เถ้าแก่เปลี่ยนห้องให้เราดีกว่า” ตอนนี้ดึกมากแล้ว หากจะหาโรงเตี๊ยมอื่นก็ยาก จึงต้องจัดการเช่นนั้นไปก่อน
เนี่ยนเนี่ยนพูดจบแล้วก็เดินไปเก็บข้าวของ
เย่ฉิงเป่ยพยักหน้า ก่อนหันหลังเดินไปที่ประตู
แต่ทันทีที่ก้าวไป สายตาของเขาก็ชะงัก ขณะจับจ้องไปที่เอวของคนที่นอนอยู่บนพื้น
มีเหรียญตราหนึ่งตกอยู่เงียบงัน มันมีลวดลายแปลกๆ แต่เป็นสัญลักษณ์ที่เย่ฉิงเป่ยคุ้นเคย
เขาเดินถอยหลังไปข้างของคนผู้นั้นอีกครั้ง ก่อนจะเม้มปากและเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยนเนี่ยน แล้วพูดว่า “เนี่ยนเนี่ยน ช่วยเถอะ”
เนี่ยนเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ยืนกอดอก ใช้นิ้วเท้าเคาะพื้นและถามว่า “ทำไม?”
“พี่สาว…”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าการเรียกเช่นนี้ ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาก
นางมองเย่ฉิงเป่ยอย่างระมัดระวังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมองตามสายตาของเขาไปที่เอวของหญิงบนพื้น นางเคยเห็นลวดลายบนเหรียญตรานั่นที่ไหนสักแห่งหรือไม่? ดูค่อนข้างคุ้นตาเสียจริง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงขอโทษของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม “นายท่านขอรับ เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ?”
เป่ยเป่ยรีบหันไปตอบว่า “ไม่เป็นอะไร แค่ตัวเปื้อนนิดหน่อย เจ้าช่วยสั่งให้คนไปเตรียมห้องอื่นให้เราที” จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองโม่เพียวที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดต่ออีกว่า “เอาน้ำร้อนมาด้วย”
“ได้ขอรับ ได้ขอรับ รอสักครู่นะขอรับนายท่าน จะรีบกลับมาขอรับ” เถ้าแก่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นว่าแขกในห้องไม่ได้ตำหนิเขา เขาจึงปาดเหงื่อแล้วถอยกลับไปทันที
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก จากนั้นย่อตัวลงจับชีพจรของหญิงที่อยู่ที่พื้น “ไม่มีอันตรายถึงชีวิต อุ้มนางไปที่เตียงเถอะ”
เหวินหย่าและโม่เพียวก้าวออกมาข้างหน้าทันที แล้วอุ้มหญิงคนนั้นไปที่เตียงอย่างระมัดระวัง
เนี่ยนเนี่ยนดึงเหรียญตรามาวางไว้บนฝ่ามือ แล้วพลิกดูอย่างระมัดระวัง ขณะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ปกตินางจะไม่สนใจอะไรมากมาย นอกจากพวกสมุนไพรเหล่านั้น นางก็จำสิ่งที่ไม่อยากจำแทบไม่ได้เลย
แม้นางจะรู้สึกว่าเหรียญตรานี้คุ้นตา แต่นางก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
คิดอยู่เนิ่นนาน นางก็ยังจำไม่ได้ว่านางเคยเห็นเหรียญตรานี้ที่ไหน
เมื่อเย่ฉิงเป่ยเข้ามาเห็นนางทำหน้าครุ่นคิด และกำลังขมวดคิ้ว มุมปากของเขาก็กระตุก เขาจึงอธิบายให้นางฟังว่า “นี่คือเหรียญตราของผู้พิทักษ์ทมิฬ ของราชวงศ์แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ผู้พิทักษ์ทมิฬเชื่อฟังคำสั่งของฮ่องเต้ และตอนนี้เชื่อฟังไท่จื่อ” อืม นั่นหมายถึงลุงเหมียนฮวาถัง
ราวกับมีแสงสว่างวาบขึ้นในใจของเนี่ยนเนี่ยน ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ ในที่สุดก็จำได้แล้ว ว่านางเคยเห็นเหรียญตรานี้ที่ไหนมาก่อน
ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่ก็จะมีเหรียญตราแบบนี้ด้วย ได้ยินมาว่าเสด็จตามอบให้เขา ตอนที่พี่ใหญ่อยู่ที่อาณาจักรเทียนอวี่ตอนที่ยังเด็ก
แม้นางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องมอบเหรียญตราผู้พิทักษ์ทมิฬให้พี่ใหญ่ด้วย แต่ก็ไม่ยากที่จะเดาได้ว่าหญิงที่หมดสติตกลงมาจากเบื้องบน น่าจะเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬของเสด็จตา
ผู้พิทักษ์ทมิฬที่ถูกตามล่า!!!
เนี่ยนเนี่ยนหรี่ตาลง จากนั้นหันไปมองเย่ฉิงเป่ย แล้วถามด้วยรอยยิ้มอ่อนว่า “เป่ยเป่ย เจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่หรือเปล่า?”
“…” ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของบุตรชายแห่งตำหนักอ๋องซิว คือมักจะอ่อนไหวเกินไป เย่ฉิงเป่ยหัวเราะแห้ง ๆ แล้วส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ไม่ได้ปิดบังแน่นอน เนื่องจากเป็นผู้พิทักษ์ทมิฬของเสด็จตา เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องทำงานให้กับไท่จื่อ เราเจอระหว่างทางแล้วก็ย่อมไม่มีทางเลือกไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และไม่สนใจเขา
เถ้าแก่รีบเปลี่ยนห้องให้พวกเขา เย่ฉิงเป่ยไม่ได้ขอให้เขาช่วย เพราะเกรงว่าเขาจะเห็นหญิงที่บาดเจ็บจนหมดสติไป และบอกให้เหวินหย่ากับโม่เพียวพานางไปที่ห้องถัดไป
เนี่ยนเนี่ยนให้ยานาง จนชีพจรของนางคงที่ หลังจากวุ่นวายอยู่นาน สักพักนางก็ไปพักผ่อน
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็สว่างแล้ว แต่หญิงในห้องยังไม่ฟื้น
เนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่บนขอบเตียง ขมวดคิ้วมองเย่ฉิงเป่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วพูดว่า “ข้ามีคำถาม เพราะข้ารู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก”
……………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผู้หญิงคนนี้โดนใครตามล่ามานะ?
ไหหม่า(海馬)
Comments