A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1468 วิญญาณรับใช้

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1468 วิญญาณรับใช้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าในขณะที่หานลี่กำลังจ้องมองตัวตนที่แปลกประหลาดพวกนี้อยู่ ชายชุดโลหิตคนหนึ่งก็พูดกับหานลี่โดยพลัน “ทำไมรึ สหายหานสนใจวิญญาณรับใช้เหล่านี้ของผู้เฒ่าหรือ?”

 

 

“วิญญาณรับใช้? ชนรุ่นหลังหูตาแคบ เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกจริงๆ” หานลี่ตกตะลึง พลันตอบกลับอย่างซื่อตรง

 

 

“หึๆ สหายไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก วิญญาณรับใช้เหล่านี้เดิมทีเป็นครึ่งหุ่นเชิดชนิดหนึ่งที่ผู้เฒ่าหลอมขึ้นด้วยวิธีเฉพาะตัว” ภายในน้ำเสียงของชายชุดโลหิตผู้นั้นเผยถึงความภาคภูมิใจออกมา

 

 

“ครึ่งหุ่นเชิด? ต่อไปชนรุ่นหลังต้องเปิดหูเปิดตาสักหน่อยแล้ว” หานลี่แสดงสีหน้าตื่นตะลึงปราดหนึ่ง พลันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม

 

 

“สหายหานสนใจวิญญาณรับใช้พวกนี้เป็นอย่างยิ่ง ดูท่าจะรู้จักวิชาหุ่นเชิดอยู่เหมือนกันสินะ ผู้เฒ่าสามารถชี้แนะเจ้าได้บ้าง แต่ตอนนี้ควรไปที่ตำหนักเพลิงทมิฬกันก่อนเถอะ!” ชายชุดโลหิตอีกคนหนึ่งนัยน์ตาเปล่งแสงประหลาดวูบหนึ่ง แล้วกล่าวออกมาเช่นนี้

 

 

หานลี่ย่อมไม่พูดตอบรับใดๆ เพียงแค่พยักหน้าตกลงเท่านั้น

 

 

ดังนั้นทุกคนจึงพากันเดินเข้าไปในพระราชวัง ประตูตำหนักพลันเปิดออกเองอย่างช้าๆ

 

 

ส่วนอสูรเต่าอเวจีที่หยุดอยู่หน้าพระราชวังนั้น ก็ดำลงไปในทะเลสาบหินภูเขาไฟที่มันอยู่ด้วยความสบายอกสบายใจอีกครั้ง

 

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หานลี่กับชายชุดโลหิตสองคนก็มาปรากฏภายในโถงตำหนักแห่งหนึ่งซึ่งมีพื้นที่ร้อยจั้งเศษ

 

 

ที่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้หรือสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมด ล้วนหลอมมาจากหินหยกประหลาดสีดำแดงชนิดหนึ่ง เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าว แต่เมื่อความร้อนนี้เจาะเข้าไปในร่าง กลับกลายเป็นความรู้สึกหนาวเย็นแทน

 

 

เดี๋ยวร้อยเดี๋ยวหนาว ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

 

 

หานลี่สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของเก้าอี้หยกที่อยู่เบื้องล่าง ในใจก็แอบชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง

 

 

ในตอนนี้ เขานั่งอยู่ข้างหนึ่งของโถงตำหนัก ส่วนใจกลางของโถง ย่อมเป็นชายชุดโลหิตสองคนที่นั่งเคียงบ่าด้วยกัน

 

 

บนโต๊ะสีดำแดงเบื้องหน้าทั้งสามคนต่างเต็มไปด้วยสุรารสเลิศและผลประหลาดจำนวนหนึ่ง แต่ละโต๊ะมีเงาคนร่างหนึ่งซึ่งมีหมอกสีชมพูปกคลุมคอยยืนปรนนิบัติรับใช้อยู่ด้านหลัง

 

 

ทุกครั้งที่ดื่มสุราเสร็จ เงาคนก็จะเดินเข้ามาด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม รีบเติมถ้วยเหล้าจนเต็มด้วยความคล่องแคล่ว

 

 

เงาคนภายในหมอกสีชมพูเหล่านี้ไม่เหมือนกับเงาคนภายในหมอกสีเทาเหล่านั้น ไม่เพียงแต่เงาแต่ละร่างมีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ภายในหมอกยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ผู้ที่ดมกลิ่นรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

 

 

ด้วยระยะห่างที่ใกล้เช่นนี้ หานลี่ย่อมต้องมองอย่างประเมินวิญญาณรับใช้เหล่านี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่หลายรอบเป็นธรรมดา ใบหน้าปรากฏอารมณ์คล้ายกับคาดคิดไว้แล้วเป็นพักๆ

 

 

“สหายหานมองออกถึงความลึกล้ำของวิญญาณรับใช้หรือไม่?” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งดื่มสุราวิญญาณในจอกจนหมด แล้วเอ่ยถามขึ้นมาด้วยใบหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

 

 

“ชนรุ่นหลังโง่เขลา เพียงแค่มองออกว่าวิญญาณรับใช้เหล่านี้คล้ายวิญญาณแต่ไม่ใช่วิญญาณ คล้ายวัตถุแต่ไม่ใช่วัตถุ สำหรับความมหัศจรรย์ลี้ลับนี้ไม่อาจมองออกได้” หานลี่ยิ้มคราหนึ่งแล้วตอบกลับ

 

 

“เป็นสิ่งที่คล้ายวิญญาณแต่ไม่ใช่วิญญาณ คล้ายวัตถุแต่ไม่ใช่วัตถุดีๆ นั่นแหละ! วิญญาณรับใช้เหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นวัตถุครึ่งวิญญาณชนิดหนึ่ง พฤติกรรมของพวกมันคล้ายกับคนปกติอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ร่างของมันมีจิตวิญญาณบริสุทธิ์และจิตวิญญาณดั้งเดิมอยู่ การกระทำในตอนนี้เป็นแค่การตอบรับตามธรรมชาติของจิตใต้สำนึกของพวกมัน และถูกข้าใช้ประโยชน์จากเคล็ดวิชาลับหุ่นเชิดเข้ามาเสริมการควบคุมเท่านั้น แต่ร่างเดิมของพวกมัน คือวิญญาณสองชนิดที่ไม่สามารถเปิดใช้สติปัญญาได้ ซึ่งข้าพบในภูเขาเพลิงอเวจี จากนั้นจึงหลอมเข้าไปในร่างของหุ่นเชิดก็เท่านั้น” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งยิ้มกล่าว ในที่สุดก็อธิบายความเป็นมาคร่าวๆ ของวิญญาณรับใช้เหล่านี้

 

 

“หลอมวิญญาณเข้าภายในร่างของหุ่นเชิด!” หานลี่ได้ยินดังนี้ เผยสีหน้าค่อนข้างประทับใจออกมา แทบจะนึกถึงทารกปราณที่สองของตัวเองที่เคยยืมร่างของหุ่นเชิดเข้าไปอาศัยขึ้นมาในทันที

 

 

“ไม่ผิด วิญญาณเหล่านี้ยังไม่ก่อรูปร่างเป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมและจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงโอนอ่อนผ่อนตามสุดๆ อีกทั้งยังมีแสนรู้ คำสั่งง่ายๆ บางอย่างก็สามารถทำได้ไม่มีผิดพลาด บวกกับตัวมันที่สามารถหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของหุ่นเชิดได้ ความจริงแล้วก็คือวัตถุดิบชั้นเลิศที่ใช้หลอมวิญญาณรับใช้ และด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าถึงได้อาศัยอยู่ที่ภูเขาเพลิงโลหิตเป็นเวลานานเช่นนี้” ชายชุดโลหิตกล่าว

 

 

“นี่ก็คือศาสตร์แห่งหุ่นเชิดที่อาวุโสเชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นแม้ว่าคนอื่นจะพบพวกมัน ก็ไม่อาจคิดถึงและเพลิงแพลงเคล็ดวิชาหุ่นเชิดมาโกหกได้”

 

 

อย่ามองว่าตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยพูดง่ายเลย แค่ความลำบากและยุ่งยากของการหลอมวิญญาณชนิดหนึ่งเขาไปในหุ่นเชิด ตัวเขาที่เชี่ยวชาญวิชาหุ่นเชิด ย่อมรู้ถึงไส้ถึงพุงอยู่แล้ว

 

 

ดังนั้นสองสามประโยคนี้ หานลี่พูดจริงด้วยใจจริง

 

 

“หากสหายน้อยชื่นชอบ ผู้เฒ่าสามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับ “หลอมวิญญาณเข้าสู่วัตถุ” ให้สหายน้อยได้” ชายชุดโลหิตสองคนคล้ายกับมองบางอย่างออก ครั้นสบตากันคราหนึ่ง หนึ่งในนั้นก็พูดออกมาอย่างราบเรียบ

 

 

“ข้าน้อยยังไม่เคยทำประโยชน์ให้อาวุโสเลย จะกล้ารับความเมตตาง่ายๆ ได้อย่างไร” หานลี่ค่อนข้างรู้สึกเกินคาด พลันเผยสีหน้าลังเล

 

 

“ฮ่าๆ ก็แค่วิชาจิ๊บจ๊อยเท่านั้น สหายน้อยหานไม่จำเป็นต้องเกรงใจเกินไป จะได้ทำสิ่งที่ชอบในหนึ่งเดือน ผู้เฒ่ามีหลายสิ่งที่ต้องพึ่งพา ยังต้องการให้สหายน้อยช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง!” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม น้ำเสียงยิ่งดูสุภาพขึ้นไปอีก

 

 

หานลี่โคจรความคิดอย่างรวดเร็ว จำต้องยืนขึ้นแล้วกล่าวขอบคุณ

 

 

“อาวุโสตี้เซวี่ย ชนรุ่นหลังมาถึงที่นี่แล้ว จำเป็นต้องช่วยหลอมหุ่นเชิดอย่างไร สามารถบอกชนรุ่นหลังได้หรือไม่” หานลี่นั่งลงอีกครั้ง แล้วถามด้วยความลังเลเล็กน้อย

 

 

“เรื่องนี้ไม่รีบร้อน สหายน้อยเพิ่งจะมาถึงพระราชวังเพลิงโลหิตเป็นครั้งแรก เชิญดื่มสุราอย่างถึงอกถึงใจก่อนเถอะ วันนี้ก็พักผ่อนดีๆ สักหนึ่งคืน พรุ่งนี้ค่อยคุยก็ยังไม่สาย” ชายชุดโลหิตโบกมือ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมคุยเรื่องนี้ในตอนนี้

 

 

หานลี่หัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง จำต้องนั่งลงแล้วดื่มสุราวิญญาณอีกจอกตามที่พูด!

 

 

จู่ๆ เสียง “แปะๆ” ก็ดังขึ้นสองสามที หนึ่งในชายชุดโลหิตใช้มือหนึ่งตบเบาๆ

 

 

หานลี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย นอกประตูตำหนักมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทันใดนั้นกลิ่นหอมเตะจมูกก็โชยเข้ามา หญิงสาววัยเยาว์ใบหน้าสะสวยทั้งสิบสองคนก็เดินเข้ามา แต่ละคนสวมชุดกระโปรงห้าสี รูปร่างอ้อนแอ้นอรชร

 

 

“นี่คือ…”

 

 

หานลี่ใช้สายตากวาดมองไปบนหมอกสีชมพูจางๆ ที่แผ่ออกจากร่างของหญิงสาวเหล่านี้ ใบหน้าก็แสดงท่าทีเข้าใจอย่างฉับพลัน

 

 

หญิงสาวเหล่านี้เป็นตัวตนแบบเดียวกับวิญญาณรับใช้ที่มีหมอกสีชมพูปกคลุมซึ่งยืนอยู่ด้านหลังอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

เพียงแต่หมอกสีชมพูบนร่างของหญิงสาวเหล่านี้เปลี่ยนเป็นจางลง เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงชัดเจน

 

 

ร่างกายของพวกนางไม่รู้ว่าหลอมมาจากวัตถุดิบชนิดใด ไม่ว่าจะเป็นสีผิวหรือกิริยาท่าทาง ล้วนเหมือนกับหญิงสาวของเผ่าวิญญาณเหาะเหินทั่วไปทุกประการ แม้กระทั่งบนแผ่นหลังยังมีปีกขนนกสีเขียวอ่อนอยู่หนึ่งคู่

 

 

ภายใต้แสงวิญญาณที่เปล่งประกายภายในดวงตาหลายหน หานลี่มองไม่ออกถึงเคล็ดวิชาลวงตาใดๆ ที่อำพรางบนร่างของหญิงสาวเหล่านี้ ที่แท้ก็คือรูปโฉมภายนอกที่แท้จริงของพวกนาง

 

 

หุ่นเชิดที่เหมือนคนจริงราวกับแกะเช่นนี้ หานลี่รู้สึกค่อนข้างตกตะลึงพรึงเพริด

 

 

เมื่อก่อนนี้หุ่นเชิดทารกปราณขั้นปลายที่แดนมนุษย์ของเขาสามารถตบตาคนอื่นได้ ในด้านหนึ่งเป็นเพราะผิวหนังของหุ่นเชิดใช้วัตถุดิบล้ำค่าที่เรียกว่า “หยกอ่อนตะคอกวิญญาณ” ซึ่งคล้ายกับผิวหนังคนราวกับแกะ บวกกับหุ่นเชิดทารกปราณขั้นสุดท้ายในตอนนั้น เดิมทีคนทั่วไปก็ไม่สามารถใช้จิตสัมผัสมองทะลุได้ ดังนั้นในยามที่เผชิญกับศัตรู จึงสามารถทำให้อีกฝ่ายสติปัญญาสับสนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างกับคนจริงๆ ได้

 

 

แต่ร่างของวิญญาณรับใช้เหล่านี้ไม่มีทางเป็น “หยกอ่อนตะคอกวิญญาณ” ได้ แม้กระทั่งจิตสัมผัสที่เขาฝืนปล่อยออกไป หลังจากที่กวาดมองบนร่างของหญิงสาวพวกนี้แล้ว ก็ถูกปัดออกจากร่างอย่างน่าประหลาด

 

 

หานลี่ไม่มองหญิงสาวเหล่านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะลังเล

 

 

หากคิดจะดึงดันค้นหาจุดที่วิญญาณรับใช้เหล่านี้ไม่เหมือนคนปกติ ก็คือขณะที่ดวงตาของหญิงสาวเหล่านี้เปล่งประกาย ค่อนข้างเชื่องช้าเล็กน้อย ราวกับขาดวิญญาณของคนปกติไปเล็กน้อย

 

 

ขณะที่หานลี่แอบชมเปาะอยู่ในใจ ในตอนนั้นเอง ภายในตำหนักใหญ่ทั้งสองข้างก็ถูกชายเยาว์ใหญ่ที่มีหมอกจางๆ สีเทาปกคลุมกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมาอย่างช้าๆ

 

 

แต่ละคนมีใบหน้าหล่อเหลา ในมือต่างถือเครื่องดนตรีรูปร่างประหลาด นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น

 

 

ครู่ต่อมา เสียงเพลงอันไพเราะก็ดังขึ้นในตำหนักใหญ่ ทำให้ผู้ที่ฟังรู้สึกสบายอกสบายใจ ขณะที่ร่างของหญิงสาวใบหน้างดงามเหล่านั้นพลิ้วไหว พลันเต้นรำอย่างอ่อนช้อยตามเสียงดนตรีท่ามกลางตำหนักใหญ่

 

 

เห็นเพียงหญิงสาวเหล่านี้เอวบางพลิ้วไหว ชั่วขณะหนึ่ง อาภรณ์ห้าสีก็โบกพลิ้วไปรอบๆ พร้อมแผ่กลิ่นหอมประหลาดไปทุกหนทุกแห่ง

 

 

หานลี่นั่งตัวตรงไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนจะถูกการเต้นที่เต็มไปด้วยลีลาอันหยาดเยิ้มของหญิงสาวเหล่านี้ สองตาหรี่ลงเล็กน้อย จ้องเขม็งไม่พูดจา

 

 

ชายชุดโลหิตสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเหลือบมองหานลี่สองสามที เห็นหานลี่มีท่าทีคล้ายกำลังมัวเมาอยู่ สองคนก็หันมามองกันด้วยดวงตาเปล่งประกาย

 

 

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร เสียงดินตรีก็หยุดลง หญิงสาวทั้งสิบสองก็หยุดการเต้นรำแล้วพากันยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนอยู่กับที่

 

 

“สหายน้อยหาน เจ้ารู้สึกว่าวิญญาณรับใช้นางรำของผู้เฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่วิญญาณรับใช้ประเภทผู้คุ้มกัน ทว่าแต่ละตัวต่างก็เชี่ยวชาญการเต้นรำหายากถึงร้อยแบบ ปีนั้นผู้เฒ่าหลอมขึ้นด้วยความชื่นชมไปชั่วขณะ ต้องสิ้นเปลืองเวลาไปพักหนึ่งจริงๆ” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งพลันเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ฝีมือประณีตเหนือธรรมชาติจริงๆ ดูไม่ออกเลยว่าต่างจากคนจริงๆ อย่างไร” หานลี่ถอนหายใจเบาคราหนึ่ง พลันกล่าวชม

 

 

“เหอะๆ ในเมื่อสหายน้อยชอบของสิ่งนี้ ผู้เฒ่าก็จะมอบวิญญาณรับใช้นางรำสิบสองตัวพร้อมกับวิญญาณรับใช้นักดนตรียี่สิบสี่ตัวให้สหายน้อย” ชายชุดโลหิตกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

 

ฉับพลันภายในดวงตาที่ตกตะลึงของหานลี่ก็มองเห็นชายชุดโลหิตคนหนึ่งก็ชูมือข้างหนึ่ง ชี้ไปที่นางรักและนักดนตรีที่อยู่สองฝั่งอย่างต่อเนื่อง

 

 

หลังจากเกิดเสียง “ปังๆ” ดังขึ้นหลายหน เส้นไหมสีโลหิตจำนวนหลายเส้นพลันพุ่งออกจากฝ่ามือของชายชุดโลหิตสองคน ครู่ต่อมาก็ทะลุร่างของวิญญาณรับใช้ทั้งหมด

 

 

เมื่อเก็บเส้นไหมสีโลหิตเข้าไป วิญญาณรับใช้ทั้งหมดก็พากันล้มระเนระนาดบนพื้น ไม่ขยับเขยื้อนราวกับสิ่งที่ตายไปแล้ว

 

 

ในตอนนี้ ชายชุดโลหิตใช้มืออีกข้างหนึ่งตะปบลงบนพื้นอย่างพลิ้วไหว

 

 

ทันใดนั้น ภายในม่านแสงผืนหนึ่ง ร่างของวิญญาณรับใช้เหล่านี้หดเล็กลงในชั่วพริบตา กลายเป็นหุ่นไม้ขนาดประมาณชุ่นกว่า จากนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งมาทางหานลี่ ก่อนที่จะตกลงบนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าแล้วเรียงกันเป็นแถว

 

 

“สัญลักษณ์ภายในร่างของวิญญาณรับใช้เหล่านี้ถูกข้าเก็บคืนแล้ว สหายน้อยเพียงแค่ใช้เคล็ดวิชาลับที่ข้าให้ไปหลอมขึ้นมา ก็สามารถควบคุมได้ดั่งใจแล้ว” ชายชุดโลหิตหัวเราะเบาแล้วกล่าว

 

 

“อาวุโสให้ค่าตอบแทนโดยไม่มีความดีความชอบ ของขวัญมูลค่าสูงเช่นนี้ชนรุ่นหลังจะกล้ารับได้อย่างไร!” หานลี่ก้มหน้ามองวิญญาณรับใช้หุ่นไม้ที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด รีบกล่าวปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง

 

 

“หึๆ ก็แค่ของเล่นบางส่วนเท่านั้น ทำไมรึ หรือว่าสหายน้อยรู้สึกว่าของขวัญของผู้เฒ่าราคาถูกเกินไป ไม่คู่ควรที่จะรับไว้?” ชายชุดโลหิตคนหนึ่งสีหน้ามืดครึ้ม น้ำเสียงดูเยือกเย็นขึ้นมา

 

 

หานลี่ได้ยินคำนี้ หน้าก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย พลันผสานหมัดคารวะด้วยรอยยิ้มเจื่อนแล้วกล่าว “ในเมื่ออาวุโสเมตตาเช่นนี้ ชนรุ่นหลังปฏิเสธก็เป็นการไม่เคารพแล้ว”

 

 

แขนเสื้อพลันสะบดลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นแสงสีเขียวพลันสว่างวาบ วิญญาณรับใช้หุ่นไม้ทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

“ฮ่าๆ ใช่แล้ว นี่ก็คือเคล็ดวิชาลับในการหลอมวิญญาณรับใช้ วิธีหอมวิญญาณเข้าสู่วัตถุกับวิธีเรียกหลอมวิญญาณรับใช้อยู่ในนี้หมดแล้ว กลางคืนสหายน้อยสามารถนำกลับไปศึกษาดูก่อนสักรอบ จากนี้จะมีประโยชน์ในการช่วยผู้เฒ่าหลอมหุ่นเชิดเป็นอย่างมาก” ชายชุดโลหิตพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ อีกคนหนึ่งพลันโบกมือ กระบอกไม้ไผ่สีดำเปรอะก็พวยพุ่งออกไป

 

 

“ขอบพระคุณอาวุโสเป็นอย่างยิ่ง!”

 

 

ในเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานจะมอบให้ หานลี่ก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้ว หลังจากกล่าวขอบคุณเสร็จ ก็ยื่นมือข้างหนึ่งคว้าออกไป ของสิ่งนี้ก็ ร่วงลงกลางฝ่ามืออย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด