A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1487 เงาแมลง

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1487 เงาแมลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หานลี่ได้ยินคำถ่ายทอดเสียงนี้ สีหน้าไม่ยินดียินร้าย แต่ในใจกลับตื่นเต้นอยู่เล็กๆ

 

 

แต่ไม่รอให้เขาถ่ายทอดเสียงกลับไปเช่นกัน ฉับพลันนั้นพลันขมวดคิ้ว หันมองไปยังจุดที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนด้านข้าง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า

 

 

“ผู้ใดทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนั้น!”

 

 

คำพูดนี้ของหานลี่อดที่จะทำให้หนวนเหยาและพวกตกใจจนสะดุ้งเฮือกไม่ได้ ท่ามกลางความตะลึงงันของปีศาจระดับสูงที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็จ้องเขม็งไปตรงนั้นด้วยท่าทางพร้อมรบทันที

 

 

“ฮ่าๆ สหายหานช่างเก่งกาจเสียจริง อิทธิฤทธิ์การอำพรางกายของผู้แซ่จินไม่อาจปิดบังได้ดังคาด” เสียงหัวเราะร่อดังออกมาจากลำแสงสีทองที่เปล่งแสงสว่างจ้ากลางอากาศ เงาสีทองสายหนึ่งปรากฏขึ้น

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรขนสีทองจิตวิญญาณทองตนนี้

 

 

แม้ว่าปากของวานรตนนี้จะกำลังเปล่งเสียงหัวเราะ แต่สายตาที่มองหานลี่กลับเย็นชาเป็นอย่างมาก!

 

 

ส่วนหยวนเหยาและเหยียนลี่เห็นวานรตนนี้ พลันหน้าเปลี่ยนสี

 

 

ความเก่งกาจของวานรสีทองตัวนี้ พวกนางที่อยู่ในเหวพสุธามาเป็นเวลานานย่อมรู้ดี แม้ว่าสตรีทั้งสองจะเชื่อมั่นในหานลี่ แต่ก็ไม่เชื่อว่าหานลี่จะทำลายสิ่งมีชีวิตระดับหลอมสูญขั้นสุดยอดได้

 

 

มีวานรตนนี้ประกอบกับปีศาจระดับสูงอื่นๆ อีกสิบกว่าตน คิดจะสลัดให้หลุดพ้นคงเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อ

 

 

“ยินดีด้วยที่พี่จินรอดปลอดภัยมาจากแดนอันตรายได้! ตั้งแต่ที่ผู้แซ่หานและสหายคลาดกันในหมอกหนา ยังกังวลอยู่ตั้งนาน ดูแล้วคงจะจะเป็นข้าน้อยที่กังวลมากไป! จากพลังยุทธ์ของพี่จิน แค่พวกภูตจิ๊บจ๊อยจะทำอะไรได้” หานลี่แววตาเปล่งประกาย เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

 

“แม้ว่าข้าน้อยจะมีฝีมือในการรักษาชีวิตอยู่บ้าน แต่เทียบกับสหายหานแล้วยังห่างชั้นกันนัก สหายอยู่ในระดับแม่ทัพวิญญาณ ก็ยังออกมาจากม่านหมอกได้ ช่างทำให้ผู้แซ่จินเลื่อมใสศรัทยายิ่งนัก” ใบหน้าที่มีเส้นขนปกคลุมของจิตวิญญาณสีทองเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ผู้แซ่หานจะมีความสามารเช่นนั้นได้อย่างไร ต้องยกความดีความชอบให้กับเซียนหยวนและสหายเหยียนที่ช่วยเหลือ” หานลี่สั่นศีรษะขณะเอ่ย

 

 

“แม้ว่าเซียนทั้งสองจะมีวิธีออกจากม่านหมอก แต่หากไม่มีพี่หานคอยช่วย เกรงว่าก็คงไม่อาจต่อกรกับวิญญาณโหดภูตเ**้ยมจำนวนมากได้” จิตวิญญาณสีทองเอ่ยอย่างไม่คิดเช่นนั้น

 

 

หานลี่ฉีกยิ้มบางๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่ในใจกลับความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

 

 

แม้ว่าจะมั่นใจว่าอิทธิฤทธิ์ของตนเองไม่ด้อยไปกว่าจิตวิญญาณสีทอง แม้กระทั่งปีศาจรระดับสูงสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน ก็มั่นใจได้ว่าจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยอยู่เจ็ดแปดส่วน

 

 

แต่นั่นย่อมต้องอยู่ในสถานการณ์ที่มีเขาเพียงคนเดียว หากพาหยวนเหยาและเหยียนลี่ไปด้วยล่ะก็ กลับมั่นใจไม่ถึงครึ่งในทันที ความเสี่ยงครั้งนี้ไม่คุ้มค่าพอให้เขาลองเสี่ยง ถึงอย่างไรเสียแม่น้ำอเวจีก็มีความเปลี่ยนแปลงประหลาดๆ อยู่มากมาย ค่อยหาโอกาสอื่นจะดีกว่า

 

 

หานลี่ตัดสินใจในทันที ทันใดนั้นก็เอ่ยคุยเล่นกับจิตวิญญาณสีทองด้วยสีหน้าสุขุม

 

 

วานรสีทองเห็นหานลี่ไม่มีท่าทีผิดปกติ ทันใดนั้นก็วางใจ กลั้วหัวเราะขณะพูดคุยไปด้วยเช่นกัน ดูแล้วเหมือนกับเป็นสหายสนิทกับหานลี่มาหลายปีอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้น ลำแสงสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นที่ขอบฟ้า ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งกลับมา

 

 

ลำแสงหลีกหนีนั้นไร้สุ้มเสียง ด้านในมีเงาร่างสูงยาวอยู่สายหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมู่ชิงที่บินกลับมาพร้อมกับเท้าที่เหยียบอยู่บนดอกไม้สีทอง

 

 

หานลี่พลันตกตะลึง ทันใดนั้นเมื่อคิดว่าสตรีผู้นี้มีเคล็ดวิลาหลีกหนีลึกลับที่ดูเหมือนการส่งตัว ก็รู้สึกกระจ่างขึ้นมา

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง มาอยู่เหนือหัวของพวกของหานลี่ และหยุดลง เผยร่างของมู่ชิงที่ชัดเจนออกมา

 

 

“คารวะนายท่าน!” วานรสีทองค้อมตัวลง เอ่ยทักทายอย่างเคารพทันที

 

 

“อาวุโสจินกลับมาอย่างปลอดภัยได้ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ” มู่ชิงเห็นวานรสีทองอีกครั้ง ใบหน้าพลันปรากฎสีหน้ายินดีออกมา

 

 

“ต้องขอบคุณนายท่านที่มอบสมบัติป้องกันตัวให้สองสามชิ้น มิเช่นนั้นจิตวิญญาณทองคงไม่มีทางรอดปลอดภัยท่ามกลางภูตจำนวนมากขนาดนั้นแน่ สุดท้ายต้องอาศัยอิทธิฤทธิ์ของลิ่วจู๋และตี้เสวี่ยถึงจะออกมาได้” วานรสีทองเอ่ยอย่างรักษาระดับความนอบน้อมอย่างต่อเนื่อง

 

 

“อืม เห็นได้ชัดว่าพายุเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สหายลิ่วลงมือเรียกมาด้วยตนเอง ข้าเองก็เพิ่งรู้สึกว่าสหายลิ่วจู๋ยังมีอิทธิฤทธิ์ธาตุวายุอีกด้วย” มู่ชิงเอ่ยอย่างแช่มช้า ในคำพูดดูเหมือนจะแฝงความนัยที่ไม่อาจอธิบายได้เอาไว้

 

 

“อรหันต์ลิ่วจู๋มีความสามารถถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ทว่าด้วยเหตุนี้ภูตและหุ่นเชิดเหล่านี้ถึงได้ถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย” จิตวิญญาณสีทองเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

 

 

“ก็ใช่! ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ สหายลิ่วจู๋ยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ในเมื่อข้าทำสำเร็จแล้ว พวกเขาก็น่าจะทำสำเร็จในอีกไม่ช้า” มู่ชิงขบคิดเล็กน้อยแล้วจึงได้พยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าทางทิศอื่นแวบหนึ่ง

 

 

ช่างบังเอิญเสียนี่กระไร!

 

 

ชั่วพริบตาที่สตรีผู้นี้เงยหน้าขึ้น จุดที่ไกลออกไปพลันมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ดูเหมือนว่าจะมีไอสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้น จากนั้นเสียงกรีดร้องพลันดังมา

 

 

ครู่ต่อมาไอสีดำกลุ่มนั้นก็มาถึงหน้าทุกคนด้วยความรวดเร็วราวกับดาวตก ไอสีดำหม่นหมองลง เผยร่างของหญิงงามผมขาวออกมา

 

 

สีหน้าของสตรีผู้นี้ดูแล้วไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด แต่กลิ่นอายบนร่างกลับอ่อนแอลงจากเมื่อตอนเดินทางสองสามส่วน ท่าทางจะเสียพลังปราณไปไม่น้อย

 

 

นางกวาดสายตาไปรอบๆ ขมวดคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยถามว่า

 

 

“อันใด ลิ่วจู่และสหายตี้เสวี่ยยังไม่กลับมาหรือ? จากฝีมือของลิ่วจู่และยังมีตัวประหลาดเฒ่าตี้เสวี่ยคอยช่วยเหลือ จะมาช้ากว่าพวกเราสองคนได้อย่างไร?

 

 

“เรื่องนี้น้องหญิงเองก็ไม่แน่ใจนัก ไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะพบกับอะไรเข้า พี่หญิงหลันแปดราชันย์ภูตของเจ้าล่ะ? พวกมันไม่ได้ไล่สังหารหุ่นเชิดตัวนั้นไปพร้อมกับเจ้าหรือ?” มู่ชิงกลับมีสีหน้าประหลาดใจขณะเอ่ยย้อนถาม

 

 

“อีกฝ่ายระเบิดตัวเองออก พวกมันจึงบาดเจ็บไปไม่น้อย ถูกข้าเก็บเข้าไปในถุงเมฆาทมิฬแล้ว จำต้องพักผ่อนสักหน่อย ว่าแต่สหายลิ่วจู๋และพวกจะเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า หากเหลือเพียงเจ้ากับข้า ก็อย่าคิดถึงน้ำเกษียรเทวะแห่งแม่น้ำอเวจีเลย” หญิงงามผมขาวอธิบายสองสามประโยค สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิด

 

 

มู่ชิงหัวเราะน้อยๆ ออกมา ครั้นเมื่อคิดจะเอ่ยปากเอ่ยอะไรอีกนั้น แต่พลันมีเสียงตึงๆ ดังสนั่นขึ้นมาจากทิศใดทิศหนึ่ง

 

 

ทางที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นเห็นได้ชัดว่าเป็นทางที่ลิ่วจู๋และพวกไล่ตามไป

 

 

เมื่อได้ยินเสียงสั่นสะเทือนที่อึกทึกถึงเพียงนี้ มู่ชิงและหญิงงามผมขาวพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนมองเห็นสีหน้าประหลาดใจและตกตะลึงจากแววตาของอีกฝ่าย

 

 

“หรือว่าเป็น…” หญิงงามรู้สึกตกตะลึงระคนสงสัยไม่แน่นอน

 

 

แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ฉับพลันนั้นเสียงแหลมสูงจนเสียดแก้วหูก็ดังออกมาจากทิศทางที่มีเสียงระเบิดดังขึ้น

 

 

เสียงกรีดร้องเข้ามาในโสตประสาทหู หานลี่รู้สึกเพียงว่าสมองอื้ออึง ดวงตาทั้งสองมืดมัว ร่วงลงจากท้องฟ้า

 

 

“แย่แล้ว!”

 

 

หานลี่มีปฏิกิริยาตอบสนองและปิดหูในทันที โคจรคาถาขับเคลื่อนภายในร่างอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีก็คือ เสียงกรีดร้องดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นการปิดหูของตนเอง ยังคงเข้ามาใจประสาทสัมผัสอย่างไม่ลดละ แม้ว่าคาถาขับเคลื่อนจะมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง แต่โคจรไปครึ่งหนึ่ง ก็ถูกเสียงแหลมสูงตัดการโคจรต่อจากนั้นทันที ทำให้ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

ภายใต้ความตกตะลึงของหานลี่ พลันร้องตะโกนออกมาอย่างไม่ต้องคิด จิตสัมผัสของตัวเองรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง คาดไม่ถึงว่าหนามจิตวิญญาณที่ตนเองสำแดงออกมา จะทำให้เขาสะบัดผลกระทบจากเสียงแหลมสูงออกได้ชั่วคราว กลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง

 

 

เขาร่ายคาถาในใจอย่างรวดเร็ว ผิวกายมีเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองชั้นหนึ่งปรากฎขึ้นบนร่าง จากนั้นมือทั้งสองที่แยกเป็นสีดำขาวอย่างชัดเจนก็โจมตีไปตรงหน้าพร้อมกัน

 

 

เสียงระทึกดังขึ้น ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงลำแสงห้าสีและม่านลำแสงสีเทาพลันระเบิดออกจากตรงกลางระหว่างฝ่ามือพร้อมกัน หมุนวนติ้วๆ กลายเป็นม่านลำแสงสองชั้นปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

 

 

ภายใต้การป้องกันที่แน่นหนาเช่นนี้ เสียงกรีดร้องแหลมสูงที่ดังเข้ามาในจิตสัมผัสจึงลดลงไปกว่าครึ่ง ทำให้ร่างของหานลี่พลิ้วไหว ร่างกายกลับมามั่นคงอีกครั้ง

 

 

ทว่าเมื่อเขากวาดสายตาไป ก็มองเห็นหยวนเหยาและเหยียนลี่กำลังตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ร่างกายกำลังจะกระแทกเข้ากับกองหินระเกะระกะอย่างแรง

 

 

หานลี่ไม่ต้องขบคิด มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศทางสตรีทั้งสงอ

 

 

เสียง “ฟึ่บ” ดังขึ้น ม่านลำแสงสีเทากลายเป็นผลึกเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป ชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าสตรีทั้งสอง ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ม้วนเอาพวกนางเข้าไปข้างใน

 

 

เมื่อดึงอีกครั้ง สตรีทั้งสองก็ถูกลำแสงเทวะดูดปราณห่อหุ้มเอาไว้แล้วดึงกลับมาอยู่ข้างกายของหานลี่

 

 

เปลวเพลิงลำแสงสีเทาที่อยู่ภายนอกกายของหานลี่แผ่ขยายออกไป ห่อหุ้มสตรีทั้งสองเอาไว้ข้างใน ทำให้สีหน้าซีดเผือดเป็นพิเศษของสตรีทั้งสองฟื้นฟูกลับมามีสีเลือดสองสามส่วน และลอยตัวอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

 

 

ครานี้เสียงปังๆ จากด้านล่างพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลับเป็นปีศาจระดับสูงสิบกว่าตนนั้นที่ไม่อาจต้านทานเสียงร้องแหลมสูงได้ พากันร่วงลงสู่พื้นดินอย่างแรง

 

 

แม้ปีศาจเหล่านี้จะมีหนังหนา ไม่สนใจว่าจะตกจากที่สูง แต่ทุกตนกลับใช้นิ้วอุดหู กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นดิน แม้ว่าพวกมันจะมีลำแสงวิญญาณปกป้องอยู่ที่ผิวกาย แต่ก็ไม่มีผลเลยสักนิด

 

 

หานลี่สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง สายตากวาดไปที่คนที่เหลือ

 

 

เห็นเพียงจิตวิญญาณสีทองมายืนอยู่กับมู่ชิงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดอกไม้สีทองด้านล่างมีเงาดอกไม้ปรากฎขึ้น ห่อหุ้มทั้งสองเอาไว้ข้างใน ทั้งสองดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงกรีดร้องแหลมสูงนี้เท่าใดนัก

 

 

ส่วนหญิงงามผมขาวที่อยู่อีกด้าน กลับถูกพายุทมิฬเบลอๆ กลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ ร่างกายสงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเสียงกรีดร้องแหลมสูงไม่มีผลต่อนางเท่าใดนัก

 

 

ทว่าครานี้ทั้งสามคนนี้พลันจ้องไปยังจุดที่ห่างออกไปด้วยดวงตาที่ไม่กระพริบ เพราะว่าตรงขอบฟ้าที่มองเห็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ และมีปรากฎการณ์ที่น่าเหลือเชื่อปรากฎขึ้น

 

 

เงาแมลงยักษ์สีแดงสดตัวหนึ่งปรากฎขึ้นที่ขอบฟ้า เงาแมลงตัวนี้ตัวใหญ่ยักษ์จนแทบจะครอบคลุมกว่าครึ่งของท้องฟ้าเอาไว้ ตารวมสีดำสนิทคู่หนึ่งกลอกไปมา ลำแสงเย็นเยียบพุ่งออกมารอบด้าน ปีกกึ่งโปร่งใส่คู่หนึ่งดูเหมือนม่านลำแสงสองฝั่ง กำลังกระพือไปมาจากทั้งสองฝั่งของร่างกายไม่หยุด

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเหมือนแมลงวันยักษ์ที่ดูเหมือนว่าจะขยายใหญ่ขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนตัวหนึ่ง!

 

 

เสียงร้องแหลมสูงที่เกือบจะทำให้หานลี่เสียท่า นั่นก็คือเสียงที่เปล่งออกมาจากปีกคู่นั้นของแมลงเงา ปีกคู่นี้กระพือไปมา ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อแผ่ขยายไปรอบด้าน ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะหายวับไปราวกับไร้รูปร่าง แต่ความจริงแล้วกลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูง ส่งมาทางหานลี่

 

 

ระยะห่างขนาดนี้ก็ยังมีความน่ากลัวขนาดนี้ หากอยู่ตรงหน้าเงาแมลงตนนั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องต่อสู้แล้ว อาศัยเพียงเสียงที่ปีกก็สามารถเขย่าพลังยุทธ์ของคู่ต่อสู้ที่มีพลังยุทธ์ต่ำหน่อยได้แล้ว

 

 

แต่เงาแมลงที่ดูเหมือนแมลงวันในครานี้กลับไม่ใช่แค่กระพือปีกเท่านั้น ดวงตาสีดำคู่นั้นพ่นเสาลำแสงสีแดงสดหนาๆ จำนวนนับไม่ถ้วนออกมา

 

 

เสาลำแสงเหล่านี้ตัดสลับพัวพันกันอย่างหนาแน่น จนแทบจะครอบคลุมอากาศด้านล่างเอาไว้ทั้งหมด

 

 

แม้จะไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลานุภาพของเสาลำแสงสีแดงเหล่านี้ได้ แต่มองจากที่ไกลๆ เสาลำแสงสีแดงที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า พลันกลายเป็นแสงสีแดงเจิดจ้า ไม่รู้ว่าเสาลำแสงสีแดงเหล่านี้เป็นแค่แสงสะท้อนแสงเท่านั้น หรือว่าเสาลำแสงเหล่านี้จะเผาไหม้ทั้งห้วงเวลาจริงๆ

 

 

และภายใต้ตาข่ายยักษ์สีแดงที่สานขึ้นมาจากเสาลำแสง กลับมีร่างสองร่างกำลังพยายามหลบหลีกการโจมตีจากเสาลำแสงเหล่านี้สุดฤทธิ์

 

 

ร่างสองร่างนี้มีขนาดใหญ่ยักษ์สิบจั้ง แต่เทียบกับเงาแมลงตัวนั้นแล้วก็ช่างเล็กกระจิดริดจริงๆ ถึงได้ทำให้ผู้คนมองข้ามสองสิ่งนี้ไปในคราแรก

 

 

แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ ชั่วขณะนั้นพลันมองเห็นรูปร่างของสองปีศาจร่างที่กระพริบวาบขึ้นมาชัดเจนขึ้น หนึ่งในนั้นคือหุ่นเชิดสีม่วงโลหิตที่รูปร่างหดเล็กลงยี่สิบสามสิบเท่า ส่วนอีกตนหนึ่งกลับทำให้หานลี่ตกตะลึงงัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด