A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1549 การต่อสู้ที่ดุเดือด

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1549 การต่อสู้ที่ดุเดือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คลื่นไร้รูปร่างนี้มีอิทธิฤทธิ์ใดก็สุดจะรู้ได้ คาดไม่ถึงว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะไม่อาจต้านทานได้

 

 

ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำเห็นฉากนั้น หน้าพลันซีดขาวอีกครั้ง

 

 

ยามนี้พวกนางเพิ่งจะดึงระยะห่างออกจากแมลงเม่าประหลาดได้เล็กน้อยเท่านั้น ขอแค่เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่อาจหลบหนีเอาชีวิตรอดได้

 

 

หานลี่เห็นกระบี่บินยี่สิบสามสิบเล่มระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าไม่ได้สีหน้าตกตะลึงหรือโกรธเกรี้ยวออกมา กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว เพ่งสมาธิชี้ออกไป

 

 

เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจพลันปรากฏขึ้น!

 

 

เศษซากกระบี่บินที่แต่เดิมกลายเป็นลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน พลันเปล่งเสียงหวีดร้องออกมา จากนั้นพลันวนล้อมรอบแมลงเม่ายักษ์ คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่บินเล่มเล็กเปล่งแสงเย็นเยียบท่ามกลางลำแสงสีเขียว ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิม

 

 

กระบี่บินทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนตัดสลับกันไปมา สับแมลงเม่าประหลาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้ง

 

 

อิทธิฤทธิ์นี้แน่นอนว่าเป็นอิทธิฤทธิ์กระบี่มายาของกระบี่บิน

 

 

ยามนี้ชิงเสี่ยวและสตรีทั้งสองพลันตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง แต่พวกนางพลันได้สติขึ้นในทันที เพิ่มความเร็วลำแสงหลีกขึ้นสองสามส่วน หลังจากกะพริบวาบสองสามครา ในที่สุดก็หนีมาอยู่ใกล้เคียงกับหานลี่ แล้วถึงได้หยุดชะงักลงเล็กน้อย

 

 

“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ช่วยชีวิต ทว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นทรงพลังเกินไป พวกเรารีบหนีกันเถิด” ชิงเสี่ยวพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยกับหานลี่อย่างรีบร้อน

 

 

“เชิญสหายทั้งสองตามสะดวกเถิด! ข้ารู้สึกสนใจสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่เล็กน้อย อยากดูว่าจะสังหารมันได้หรือไม่” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ

 

 

“ท่านอาวุโส อสูรตัวนี้มาจากไหนก็สุดจะรู้ได้ ความร้ายกาจไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แม้แต่ฆราวาสฉลามสีเงินก็ยังต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือมัน พวกเรารีบถอนกำลังออกจากที่นี่ แล้วไปคิดหาแผนการใหม่มาต่อกรกับเจ้าเดรัจฉานนี่ก็ยังไม่สาย” หญิงสาวกระโปรงดำเองก็เอ่ยชักจูงด้วยความหวังดี

 

 

เห็นได้ชัดว่าถึงแม้หานลี่จะเผยความสามารถที่ตกตะลึงออกมา สตรีทั้งสองก็ไม่คิดว่าหานลี่จะสังหารแมลงเม่าประหลาดตัวนี้ได้จริงๆ

 

 

“สหายทั้งสองโปรดวางใจ! ต่อให้ผู้แซ่หานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ก็รักษาชีวิตได้ไม่ต้องกังวล” หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ แล้วสั่นศีรษะ

 

 

ยามนี้หลังจากจุดที่ไกลออกไปมีลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ แมลงเม่าประหลาดพลันหลอมซากศพเข้าด้วยกันอีกครั้ง ฟื้นคืนชีพกลับมาดังเดิม แต่เมื่อถูกสังหารครั้งที่สอง ก็ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้โกรธจนเนื้อเต้น อ้าปากบนหัวสิงโตอันใหญ่โตออก เสียงคำรามที่ดังกว่าเดิมดังออกมาจากปาก ในเวลาเดียวกันปีกทั้งสองก็กระพือไปมาไม่หยุด

 

 

ชั่วขณะนั้นท่ามกลางอากาศในบริเวณรอบพลันมีเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นเป็นวงๆ พลันแผ่ออกมาจากร่างของแมลงเม่าประหลาด กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างต่อเนื่อง

 

 

กระบี่บินทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้งท่ามกลางระลอกคลื่น จากนั้นพลันถูกบดให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ปีกทั้งสองของแมลงเม่าประหลาดพลันหยุดกระพือ ยังไม่คิดจะหยุดลงมือ

 

 

แม้ว่าเป็นเพราะแมลงเม่าตัวนี้เกี่ยวข้องกับกระบี่บิน และไม่ได้เข้าใกล้หานลี่เลยสักนิด แต่การร้องคำรามครั้งนี้ ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงสีดำที่เพิ่งจะกลับมามีสีหน้าปกติ ชั่วพริบตาพลันหน้าแดงเถือกอีกครั้ง ดูเหมือนว่าโลหิตรอบกายจะพุ่งทะลุออกมาจากผิวหนัง

 

 

หานลี่แค่ขมวดคิ้วแน่น หลังจากเพิ่มอานุภาพของเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ในร่างสองส่วน จึงไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่เมื่อกวาดสายตาไปเห็นหญิงสาวทั้งสองกำลังตกอยู่ในอันตราย มือข้างหนึ่งพลันตบไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าสองครั้ง

 

 

เห็นเพียงฝ่ามือมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เสาลำแสงสีทองสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของหญิงสาวทั้งสอง

 

 

ชิงเสี่ยวและหญิงสาวทั้งสองรู้สึกว่าโลหิตที่กำลังเดือดพล่านในร่างพลันผ่อนคลายลงกว่าครึ่ง สีโลหิตบนใบหน้าลดลงไปกว่าครึ่ง

 

 

จิตใจที่กำลังบีบแน่นของหญิงสาวทั้งสองพลันผ่อนคลายลง! รู้ว่าหานลี่ลงมือช่วยเหลือ ปากพลันเอ่ยขอบคุณเป็นพัลวัน

 

 

“เสียงคำรามของอสูรตัวนี้ช่างแปลกพิกลนัก ขอบเขตอานุภาพกว้างใหญ่มาก สหายทั้งสองรีบไปเถิด” หานลี่โบกมือ แล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา

 

 

เขาเห็นกลางอากาศที่อยู่ไกลออกไปโดยมีแมลงเม่าเป็นศูนย์กลางในระยะพันจั้งเศษ กำลังเกิดสภาวะที่อากาศบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ พื้นที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าบัดเดี๋ยวพลันเลือนราง บัดเดี๋ยวพลันชัดเจนขึ้น แปลกประหลาดราวกับภาพลวงตา

 

 

และไม่รู้ว่าเหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นจากเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดตัวนี้หรือว่าเป็นผลกระทบมาจากคลื่นที่ปีกทั้งสองกระพือออกมา

 

 

หญิงสาวทั้งสองที่เดิมทีถูกเสียงคำรามของแมลงเม่าประหลาดทำให้ขวัญผวา ยามนี้มองเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดอยู่ไกลๆ ไหนเลยจะกล้าลังเลอะไรอีก เมื่อชักจูงอีกสองครั้ง เห็นว่าหานลี่ยังคงไม่มีท่าทีจะไปด้วยกัน จึงทำได้เพียงคารวะหานลี่ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสองสายอีกครั้ง พุ่งแหวกอากาศบินออกไป

 

 

ครั้งนี้พวกนางพลันบินออกไปร้อยกว่าลี้ภายในอึดใจเดียว หลังจากบินออกนอกเกาะน้ำแข็ง เสียงคำรามที่ดังเข้าโสตประสาทบัดเดี๋ยวได้ยินบัดเดี๋ยวไม่ได้ยิน ไม่มีผลกระทบอีก

 

 

หญิงสาวทั้งสองผสานลำแสงหลีกหนีเข้าด้วยกัน ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ จากนั้นพลันมองไปยังทิศทางที่มาด้วยความหวาดผวา

 

 

“พี่หญิงชิง ผู้นั้นคือท่านหานที่เจ้าพูดถึงหรือ?” หลังจากหญิงสาวกระโปรงดำมีสีหน้าสุขุมเยือกเย็นขึ้น ก็อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

 

 

“ไม่ใช่อาวุโสผู้นั้นแล้วจะเป็นผู้ใดได้? ท่านหานและฆราวาสฉลามสีเงินอยู่ในระดับเดียวกัน ทว่าความสามารถน่าจะแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก” ชิงเสี่ยวพยักหน้าขณะเอ่ย

 

 

“แต่ต่อให้มีอิทธิฤทธิ์ขนาดไหน ก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดได้ ถึงอย่างไรเสียขนาดฆราวาสฉลามสีเงินและอสูรวิญญาณตัวนั้นของเขาร่วมมือกัน รับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้เพียงสองสามกระบวนท่า ก็เพลี่ยงพล้ำไปพร้อมกันแล้ว หัวอสรพิษด้านล่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นน่ากลัวกว่าด้านบนหลายส่วน ท่านอาวุโสหานยังอยู่ที่เดิม ช่างไม่ชาญฉลาดเอาเสียเลย” หญิงสาวกระโปรงดำถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

“เรื่องนี้มันพูดยาก ดูจากท่าทางไม่เป็นไรจากเสียงคำรามของท่านหาน จะต้องมีอิทธิฤทธิ์ป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่แน่ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่าทางเชื่อมั่นขนาดนั้น ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแมลงเม่าประหลาด แต่ก็น่าจะหนีได้ไม่มีปัญหา พวกเรารออยู่ที่นี่ชั่วคราวเถิด ดูว่าผลเป็นอย่างไรแล้วค่อยว่ากัน หากไม่ได้จริงๆ พวกเราคงทำได้เพียงเรียกชนชั้นสูงของเผ่าต่างๆ มาวางเขตอาคมที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่สักสองสามเขตต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนี้แล้ว” ชิงเสี่ยวเชื่อมั่นในตัวหานลี่อยู่เล็กน้อย และยิ่งไปกว่านั้นยังคิดการณ์ไกลมาก

 

 

“ต่อกรกับเดรัจฉานระดับนี้ คงมีเพียงต้องอาศัยพลังของเขตอาคมแล้ว มิเช่นนั้นต่อให้รวบรวมคนมามากขนาดไหน พอมันคำรามก็ทำได้เพียงทยอยกันล้มตายเท่านั้น แต่ถือว่าโชคดีสัตว์ประหลาดตัวนี้มาปรากฏตัวที่นี่เร็วหน่อย หากช้ากว่านี้สักสองสามเดือน สหายร่วมวิถีที่มารวมตัวกันที่นี่คงไม่ทันได้ระวังตัว และคงเพลี่ยงพล้ำไปอีกไม่รู้กี่คน” หญิงสาวหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา รู้สึกโชคดีขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

“นั่นมันก็ใช่ แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่เหมือนกับอสูรมหาสมุทร มาจากที่ใดกัน” ชิงเสี่ยวมองขอบฟ้าตรงทิศของแมลงเม่าประหลาด สายตามีแววฉงนสงสัยแวบผ่าน พลางเอ่ยพึมพำ

 

 

หญิงสาวกระโปรงดำมีสีหน้างุนงงฉายแววผ่านบนใบหน้าเช่นกัน แน่นอนว่าย่อมไม่อาจอธิบายอะไรได้

 

 

……

 

 

หลังจากที่สตรีทั้งสองบินออกห่าง หานลี่พลันเห็นกระบี่บินของตนเองถูกพลังไร้รูปร่างบดออกเป็นชิ้นๆ จนไม่รู้จะแหลกละเอียดอย่างไร มุมปากพลันกระตุกขึ้น แล้วกลับเผยรอยยิ้มเย็นชาเล็กๆ ออกมา

 

 

แม้ว่าอสูรประหลาดเบื้องหน้าจะอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย แต่อิทธิฤทธิ์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา กระนั้นเขาผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียรซึ่งฝึกฝนเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สาม และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอิทธิฤทธิ์เหนือชั้นสองสามชนิด จะไปกลัวสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้อย่างไร

 

 

ทันใดนั้นเห็นสองมือของเขาร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งแสงขึ้นบนเรือนร่าง เหนือศีรษะมีรัศมีสีทองปรากฏออกมา

 

 

ท่ามกลางรัศมีลำแสง เทวรูปสามเศียรหกกรพลันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ดวงตาที่โกรธเกรี้ยวทั้งสองเบิกออก กรทั้งหกร่ายอาคม

 

 

ปากพลันร้องตะโกนเสียงต่ำๆ เทวรูปสีทองหกกรโบกสะบัดกรทั้งหกไปที่แมลงเม่ายักษ์พร้อมกัน

 

 

เสียง  พรึ่บๆ  ดังขึ้น เสาลำแสงสีทองขนาดหนาเท่าปากชามหกสายพ่นออกมาจากใจกลางฝ่ามือ หลังจากกะพริบวาบ ก็จมหายเข้าไปในเงาสีเทาบิดเบี้ยวไกลออกไป เห็นว่ากำลังจะโจมตีไปบนร่างของแมลงเม่ายักษ์

 

 

แต่ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!

 

 

ร่างของแมลงเม่ายักษ์พลันรางเลือน ลำแสงหกสายพลันเปลี่ยนทิศ คาดไม่ถึงว่าจะอ้อมผ่านร่างของแมลงเม่ายักษ์ไป โจมตีไปกลางอากาศแล้วสลายหายไป

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น หานลี่อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ แต่ทันใดนั้นมือสีดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากแขนเสื้อ และปรบไปทางแมลงเม่ายักษ์ที่อยู่ไกลออกไปเบาๆ

 

 

ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเทาพลันพ่นออกมาจากนิ้วทั้งห้า จากนั้นพลันรวมตัวกัน กลายเป็นม่านลำแสงสีเทาผืนหนึ่ง ม้วนตรงไปยังฝั่งตรงข้าม

 

 

ลำแสงเทวะดูดปราณอันยิ่งใหญ่มหาศาลนี้ แผ่ขยายออกกลางทางไม่หยุด ปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้

 

 

ท่าทียิ่งใหญ่นี้ทำให้ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นของแมลงเม่าประหลาดที่อยู่ท่ามกลางเงาสีเทาอันรางเลือนเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด คลื่นไร้รูปร่างที่ปีกทั้งสองปล่อยออกมาเปลี่ยนทิศทาง ล้วนตรงไปยังด้านบนไอสีเทา

 

 

เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน เสียงอึกทึกของฟ้าผ่าพลันดังขึ้น คลื่นลำแสงสีเทาตัดสลับกันไปมาพลางเปล่งแสงสว่างวาบ ท้องฟ้าทั้งผืนบัดเดี๋ยวสว่างวาบบัดเดี๋ยวมืดทะมึน คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน

 

 

หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือสีดำบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

 

 

ชั่วขณะนั้นท่ามกลางม่านลำแสงสีเทาบนท้องฟ้าพลันมีเงาสีดำปรากฏออกมา จากนั้นภูเขาสีดำลูกหนึ่งพลันปรากฏขึ้น จากนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้น กะพริบวาบสองสามหน แล้วกลายเป็นมีขนาดพันจั้งเศษ

 

 

นั่นก็คือภูเขาเทวะดูดปราณ!

 

 

แมลงเม่าประหลาดเห็นเช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นพลันร้องคำรามลั่นออกมา คลื่นไร้รูปร่างพลันผนึกเข้าที่ใจกลาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสาลำแสงกึ่งโปร่งใสที่มองเห็นได้ตาเปล่าสายหนึ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปยังตรงตีนเขายักษ์

 

 

ดูจากฉากที่กระบี่บินของหานลี่ถูกคลื่นไร้รูปร่างบดให้ละเอียดนั้น เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของมันยิ่งใหญ่มาก เวลานี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน ความเสียหายของสมบัติยุทธภัณฑ์จะเป็นอย่างไรไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

 

 

หากเป็นก่อนที่เนินหินจะหลอมเข้าไปในภูเขาเทวะดูดปราณนั้น ภูเขาลูกนี้จะต้านทานเสาลำแสงกึ่งโปร่งใสนี้ได้หรือไม่นั้นก็พูดยาก แต่หลังจากที่หลอมเนินหินเข้าไปสองครั้ง ความแข็งแกร่งของภูเขาลูกนี้ก็อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อแล้ว

 

 

เห็นเพียงตรงตีนเขายักษ์มีลำแสงสีเทาขาวเปล่งแสงสว่างวาบ เสาลำแสงโจมตีไปบนนั้นแล้วเปล่งแสงอึกทึกออกมา แล้วระเบิดลำแสงสีขาวเจิดจ้าออกมา

 

 

หลังจากลำแสงสีขาวหม่นลง เสาลำแสงพลันสลายหายไป ตรงตีนยอดเขาไม่มีรอยแยกปรากฏขึ้น ไม่มีท่าทีได้รับความเสียหายเลยสักนิด

 

 

แมลงเม่าประหลาดพลันตะลึงงัน แทบจะไม่เชื่อฉากที่ตนเองมองเห็น

 

 

ส่วนหานลี่ที่อยู่ไกลออกไปกลับร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ชั่วขณะนั้นยอดเขาที่เป็นดังภูเขาไท่ซานพลันกดทันลงมาทีละนิดๆ

 

 

แม้ว่าระลอกคลื่นเป็นวงๆ จะปรากฏออกมาจากปีกทั้งสองข้างของแมลงเม่าไม่หยุด แต่ภายใต้ความแข็งแกร่งดุดันของยอดเขาที่ทยอยกันสัมผัสแล้วสลายออก ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลอันหนักอึ้งของภูเขาเทวะดูดปราณได้

 

 

เห็นยอดเขาสีดำปกคลุมแมลงเม่ายักษ์ทั้งตัวเอาไว้ ดูเหมือนว่าครู่ต่อมาจะสามารถกดทับจนกลายเป็นน้ำจิ้มเนื้อได้ ฉับพลันนั้นหัวที่เป็นดังสิงโตของแมลงเม่ายักษ์พลันรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นหัวงูเหลือมยักษ์ที่หลับตาทั้งสองข้างแน่น

 

 

อสูรงูเหลือมสีดำเขียวพลันเบิกตาทั้งสองข้างขึ้น เผยดวงตาประหลาดสีทองเรืองรองคู่หนึ่งออกมา แววตาเย็นเยียบเปล่งประกาย ชั่วครู่ก็ชูคอขึ้นจ้องเขม็งไปยังยอดเขาสีดำ

 

 

เสียงซือๆ ดังออกมาจากปากของงูเหลือม ฉับพลันนั้นกระพือปีกทั้งสองข้าง ฝุ่นลำแสงสีเทาขมุกขมัวพลันแผ่ขยายออกไป ปกคลุมร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้เอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นเงาร่างของมันเลยสักนิด

 

 

ตัวประหลาดนี้ดูเหมือนว่าจะอยากสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรสักอย่างออกมา

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นอยู่ไกลๆ ใบหน้าพลันฉายแววโหดเ**้ยม มือร่ายอาคมกระตุ้น

 

 

ยอดเขาสีดำเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะกดทับลงมา ตีนยอดเขากดทับลงไปในฝุ่นลำแสงสีเทา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด