A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1664 จิตของทองคำเพลิง

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1664 จิตของทองคำเพลิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้ว่าหานลี่จะไม่ได้เอ่ยคำพูดทั้งหมด แต่ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ก็เข้าใจความหมายของเขาจึงอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยขึ้นมาไม่ได้แล้วเอ่ยถามว่า

 

 

“สหายต้องการสมบัติชนิดใดถึงต้องการจะแลกเปลี่ยน ก็พูดมาตรงๆ เถอะ ต่อให้ตาเฒ่าไม่มีแต่ก็มั่นใจว่าเป็นที่กว้างขวาง พอที่จะช่วยสหายตามหาได้”

 

 

หานลี่ได้ยินกลับครุ่นคิดไม่เอ่ยอะไร

 

 

หากบอกว่าเขาไม่มีสิ่งที่ต้องการแน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แต่วัตถุดิบล้ำค่าที่ชิงหยวนจื่อต้องการนั้นยังมีอีกเป็นกระบุง

 

 

แต่เพราะเหตุนี้เขาจึงเอ่ยปากไม่สะดวกนัก

 

 

ใช้ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้แลกกับวัตถุดิบสองสามชนิด เขาย่อมรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า แต่หากแลกวัตถุดิบมากเกินไปเกรงว่าตัวประหลาดเฒ่าสวี่ย่อมคิดว่าเขาละโมบโลภมาก กลับจะทำให้อีกฝ่ายเกิดความโกรธแค้นเสียเปล่าๆ

 

 

ถึงอย่างไรเสียมูลค่าของต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ ก็มีแต่ตนเองที่รู้ดี แต่เรื่องนี้ไม่อาจพูดกับอีกฝ่ายได้ จึงทำให้เขารู้สึกอึดอัด

 

 

“สหายสวี่ของที่ข้าน้อยต้องการล้วนเป็นของที่หายาก ถึงแม้ว่าจากพลังของสหายก็หาได้ไม่ง่าย ไม่ต้องพูดถึงหรอก ส่วนปราณแท้ฟ้าดินนั้น…” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งใบหน้ายังคงมีสีหน้าลังเล

 

 

ตัวประหลาดเฒ่าสวี่เห็นหานลี่มีท่าทีลำบากใจเช่นนี้ ใบหน้าก็บัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส

 

 

แต่หลังจากที่เขาเหลือบมองชายหนุ่มด้านหลังแวบหนึ่งก็กัดฟัน กล่องหยกสีฟ้าเข้มใบหนึ่งออกมาจากอ้อมอกและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

“พี่หานลองดูสิ่งนี้เป็นอย่างไร? มูลค่าของเจ้าสิ่งนี้มากกว่าแม้กระทั่งของเหล่านี้ แต่แค่สิ่งนี้เป็นของที่อาวุโสท่านหนึ่งในเผ่าต้องการ เดิมผู้แซ่สวี่คิดจะมอบให้กับเขาเพื่อจะได้เรียกขอผลประโยชน์จากในพรรค แต่ยามนี้เพื่อชนรุ่นหลังของข้าก็ไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว พี่หานลองดูสักหน่อยเถิด ข้าน้อยเชื่อว่าต่อให้ของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่สหายอยากได้ แต่ตัวมันก็เพียงพอที่จะชดเชยความเสียหายของสหายได้”

 

 

เมื่อเห็นตัวประหลาดเฒ่าสวี่เอ่ยเช่นนี้ หานลี่กลับไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาขอร้องเขาก็ไม่มีทางเอาของที่ล้ำค่าที่สุดออกมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

ส่วนสิ่งที่ท่านอาวุโสในเผ่าต้องการตามที่อีกฝ่ายกล่าวถึงนั้น กว่าครึ่งคงเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้จริงจังอันใด

 

 

ดังนั้นหานลี่จึงพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ยกมือขึ้นตะปบมือไปกลางอากาศดูดกล่องหยกสีฟ้าเข้ามาในมือ

 

 

เมื่อนิ้วสัมผัสกับกล่องหยกเขาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบที่ส่งมาทันที จึงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

 

 

ไม่รู้ว่ากล่องหยกใบนี้ทำขึ้นจากหยกวิญญาณชนิดใด คาดไม่ถึงว่าจะเย็นเฉียบขนาดนี้ ระดับความเย็นเหนือกว่าหยกทมิฬที่เขารู้จักเสียอีก

 

 

หานลี่เริ่มรู้สึกสนใจของที่อยู่ในกล่อง นิ้วมือเคลื่อนไหวฝากล่องเปิดออกอย่างช้าๆ

 

 

เห็นเพียงลำแสงสีทองสว่างวาบ ในกล่องหยกมีสิ่งของสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้น

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นของที่ดูเหมือนกระจกทองคำสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้น แต่ผิวของมันกลับเปล่งแสงสีทองเรืองรองออกมา

 

 

แววตาของหานลี่เปล่งประกายเผยแววลังเลออกมา ดูเหมือนว่าจะรู้จักประวัติความเป็นมาของเจ้าสิ่งนี้ แต่ก็มีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ

 

 

ฉับพลันนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ลำแสงเย็นเยียบสว่างวาบ กระบี่สั้นสีขาวอ่อนเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

 

 

กระบี่มีความยาวแค่ครึ่งฉื่อ แม้ว่าดูแล้วจะเย็นเยียบแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นแค่ยุทธภัณฑ์ธรรมดาเล่มหนึ่ง

 

 

หานลี่ขยับข้อมือกระบี่สั้นกลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปในกล่องหยก

 

 

ครู่ต่อมาปลายกระบี่ก็ทะลวงเข้าไปในธาตุทองสีแดงสดในกล่อง

 

 

ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น

 

 

เงียบเชียบไร้ซึ่งเสียง! เมื่อปลายกระบี่สัมผัสกับธาตุทองสีแดงสด กระบี่สั้นทั้งเล่มก็หลอมละลายราวกับเทียนไขกลายเป็นควันสีเขียวสลายหายไป

 

 

“จิตของทองคำเพลิง! คาดไม่ถึงว่าสหายจะหาสิ่งนี้พบ” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง

 

 

“สหายหานช่างตาแหลมเสียจริง จิตของทองคำเพลิงนี้เป็นวัตถุดิบระดับสุดยอดในการหลอมสมบัติธาตุเพลิง แม้กระทั่งผสมเข้าไปในสมบัติอาคมธรรมดาก็สามารถเพิ่มอิทธิฤทธิ์ธาตุเพลิงได้ แม้ว่าสมบัติที่สูญเสียไปของสหายจะล้ำค่าขนาดไหน คิดดูแล้วเจ้าสิ่งนี้ก็พอที่จะชดใช้ได้สินะ” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่มองกล่องหยกสีฟ้าในมือของหานลี่แล้วเอ่ยอย่างเชื่องช้าออกมา

 

 

“สหายตัดสินใจจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือ! ข้าน้อยพอจะใช้ประโยชน์ของจิตของทองคำเพลิงได้ ทว่าของสิ่งนี้ล้ำค่าถึงเพียงนี้ผู้แซ่หานไม่อยากให้พี่สวี่เสียเปรียบ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าจะจ่ายเป็นศิลาวิญญาณให้สหายห้าล้าน นับว่าขายครึ่งหนึ่งแลกครึ่งก็แล้วกัน” สีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของหานลี่ค่อยๆ สลายหายไป แต่หลังจากขบคิดเล็กน้อยกลับฉีกยิ้มขณะเอ่ย

 

 

“เยี่ยมทุกอย่างทำตามที่สหายหานว่า” ตัวประหลาดเฒ่าที่แต่เดิมรู้สึกเจ็บปวดใจเพราะต้องส่งจิตของทองคำเพลิงให้ ได้ยินคำพูดของหานลี่ก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง พลางพยักหน้าขณะเอ่ยตอบ

 

 

สำหรับเขาแล้วแม้ว่าจิตของทองคำเพลิงจะล้ำค่า แต่เทียบกับอนาคตของชนรุ่นหลังของตัวเองแล้วแน่นอนว่าอย่างหลังสำคัญกว่าหลายส่วน

 

 

“แต่ไม่ทราบว่าสมบัติที่สหายหานพูดถึง…” ตัวประหลาดเฒ่าสวี่มองหานลี่พลิกฝ่ามือเก็บกล่องหยกลงไป ก็ลองถามหยั่งเชิง

 

 

“พี่สวี่โปรดวางใจ เก็บศิลาวิญญาณถุงนี้ไปก่อนเถิด หลังจากนั้นให้ไปรอที่ยอดเขาก็พอแล้ว ข้าจะกระตุ้นสมบัติอาคมเรียกปรากฏการณ์สวรรค์ออกมาอีกครั้งทันที ขอแค่สหายไปดูดซับพลังปราณบนภูเขาก็พอแล้ว” หานลี่อธิบายพร้อมหัวเราะหึๆ ออกมา และใช้มือปัดไปที่กำไลเก็บของ ชั่วครู่ก็ตะปบถุงหนังศิลาวิญญาณออกมาถุงหนึ่งแล้วโยนให้กับตัวประหลาดเฒ่าสวี่

 

 

“ตกลง ผู้แซ่สวี่จะไปรออยู่บนภูเขา” เห็นได้ชัดว่าตัวประหลาดเฒ่าสวี่ไม่ได้คิดว่าหานลี่จะทำการแลกเปลี่ยนในทันที เมื่อรับถุงหนังไปแล้วพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมา

 

 

ดังนั้นเขาจึงหยัดกายลุกขึ้นกล่าวลา พาชายหนุ่มออกไปจากถ้ำพำนักของหานลี่ แล้วตรงไปที่ยอดเขา

 

 

หานลี่ส่งเขาที่ประตูหลังจากใช้สายตาส่งลำแสงหลีกหนีของทั้งสองหายวับไป ก็ระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหวมุมปากกระตุกรอยยิ้มจางๆ ออกมา

 

 

“คาดไม่ถึงว่าจะได้จิตของทองคำเพลิงมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ประกอบกับก่อนหน้านี้ก็ได้แมลงผลึกไขกระดูกทองคำและผลซิ่งโลหิตมา วัตถุดิบในการหลอมเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ก็ครบสมบูรณ์แล้ว ขอแค่หาวัตถุดิบส่วนเสริมมาให้ครบก็สามารถเริ่มหลอมเทวรูปให้มีร่างที่แท้จริงได้แล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ดวงตาเปล่งประกายขึ้นหลายส่วน

 

 

จากนั้นเขาพลันปิดประตูหินแล้วกลับเข้าไปในถ้ำพำนักอีกครั้ง พลางตรงไปที่ห้องโถงใหญ่

 

 

จากนี้ทุกอย่างก็ง่ายดายแล้ว หานลี่เรียกวิญญาณครวญออกมาอีกครั้ง และดูดซับเม็ดผลึกต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้เม็ดหนึ่งออกมาจากร่างของมัน และจงใจใช้เพลิงวิญญาณห่อหุ้มสิ่งนี้เอาไว้

 

 

ผลคือฉากที่เหมือนกับวันนั้นพลันปรากฏขึ้น

 

 

เม็ดผลึกกลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งทะลุเพดานออกไปอีกครั้ง จมหายเข้าไปในยอดเขาแล้วปรากฏเป็นปรากฏการณ์สวรรค์ที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง กวนพลังปราณฟ้าดินในบริเวณรอบทั้งหมด

 

 

ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ที่รักษาการณ์อยู่บนยอดเขานานแล้วย่อมอัญเชิญน้ำเต้าสีแดงสดตรงเอวออกมาอีกครั้งด้วยความยินดี ทำให้มันกลายเป็นมังกรวารีเพลิงตัวหนึ่งกระโจนออกไปกลางอากาศอย่างดุดัน

 

 

ผลคือผ่านไปแค่ชั่วครู่ปรากฏการณ์สวรรค์ที่เดิมทีดูน่าตกตะลึงก็สลายออกไปจนหมด พลังปราณฟ้าดินถูกมังกรวารีเพลิงดูดออกไปจนเกลี้ยง

 

 

ทุกขั้นตอนรวดเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรชนต่างเผ่าคนอื่นๆ ในภูเขาวิญญาณก็ยังรู้ตัวแค่ไม่กี่คน

 

 

ตัวประหลาดเฒ่าสวี่ทำให้มังกรวารีเพลิงกลับเป็นน้ำเต้าอีกครั้งแล้วเก็บกลับมา พลางพาชายหนุ่มกลับไปยังถ้ำพำนักของตัวเองด้วยความยินดีปรีดา

 

 

หานลี่มองเห็นทุกอย่างผ่านกระจกสัมฤทธิ์ในห้องโถงของถ้ำพำนัก ทันใดนั้นก็หยุดใช้เคล็ดวิชาลับด้วยรอยยิ้ม เก็บกระจกสัมฤทธิ์เข้าไปทันที จากนั้นก็ใช้จิตสัมผัสออกคำสั่งกับหวาหวาเล็กน้อย ส่วนเขาก็ออกจากถ้ำพำนักไปอีกครั้ง

 

 

ครั้งนี้หานลี่ตรงไปที่ร้านวัตถุดิบใหญ่ๆ สองสามร้านในเมืองเมฆา ซื้อวัตถุดิบต่างๆ สามสิบกว่าชนิดมาในทีเดียวด้วยจำนวนศิลาวิญญาณที่น่าตกตะลึง แล้วถึงได้กลับมาที่ถ้ำพำนักอีกครั้ง

 

 

โชคดีที่เมืองเมฆาเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ไม่กี่แห่งของเมฆาสวรรค์ มิเช่นนั้นวัตถุดิบสองสามชนิดที่พบเห็นได้ไม่ง่ายก็อาจจะรวบรวมได้ไม่ครบในเมืองอื่น

 

 

ในยามที่หานลี่เข้าไปในห้องลับอีกครั้งก็เริ่มกักตนบำเพ็ญเพียรไปครึ่งเดือน เมืองเมฆาก็เกิดเรื่องใหญ่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนรู้เกิดขึ้น

 

 

ชั่วขณะนั้นประตูเมืองที่เดิมทีถูกป้องกันอย่างแน่นหนา ชั่วครู่ก็เข้มงวดขึ้นหลายส่วน

 

 

จำนวนคนที่ตรวจตราตามจุดต่างๆ ในเมืองก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ส่วนคนภายนอกที่เข้ามาใหม่ในเมืองก็ถูกคนลึกลับมาหาถึงที่ ถูกสอบสวนอย่างเข้มงวด

 

 

หนึ่งในนั้นที่มีปัญหาด้านฐานะก็หายตัวไปจากยุทธภพอย่างลึกลับ

 

 

ในห้องโถงที่ลึกลับที่สุดตามจุดต่างๆ ของเมืองเมฆา มีผู้ที่มีตำแหน่งยิ่งใหญ่สิบกว่าคนกำลังนั่งเรียงแถวเป็นสองแถวอยู่บนเก้าอี้ไม้

 

 

ในบรรดาคนเหล่านี้มีสามอาวุโสของเผ่าหมื่นโบราณอย่างเชียนจีจื่อ และยังมีไช่หลิวอิงของเผ่าผลึก ต้วนเทียนเริ่นของเผ่ารังไหมศิลาที่หานลี่รู้จักอีกด้วย ส่วนคนอื่นๆ แม้ว่าจะไม่คุ้นหน้า แต่ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นพวกที่อยู่ในระดับเดียวกับเชียนจีจื่อ

 

 

สิ่งมีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงภายนอกมากมายกลับนั่งอยู่ด้วยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และต่างก็เผยสีหน้าระแวดระวังออกมา

 

 

ส่วนใจกลางของห้องโถงใหญ่กลับมีบุรุษและสตรีนั่งเรียงกันอยู่ตรงนั้น

 

 

บุรุษเป็นชายหนุ่มสวมชุดสีขาวอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี สตรีคือยายแก่เรือนผมสีขาว ใบหน้ามีริ้วรอยราวกับร่องน้ำ ซ้ำยังมีท่าทางไม่อาจแม้แต่จะลืมตาได้

 

 

หญิงชรายังพอว่า หากหานลี่เห็นหน้าตาของชายหนุ่มชุดขาวอย่างชัดเจนอีกครั้ง คงตกใจจนสะดุ้งโหยงเป็นแน่

 

 

เพราะว่าชายหนุ่มชุดขาวก็คือชายหนุ่มแซ่เวิงระดับมหายานที่เคยปรากฏตัวในงานประมูลสี่เผ่าแต่แค่ยามนี้สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมดุจสายธาร รอบกายล้วนมีไอเย็นเยียบที่อธิบายไม่ถูกแผ่ออกมา

 

 

“ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังหาเผ่าแมลงมีเขาที่แอบเข้ามาไม่พบ ดูแล้วเขาคงหนีไปตั้งนานแล้ว ไม่ก็ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับที่พวกเจ้าหาไม่เจอ สหายไป๋ช่วงนี้เป็นเผ่าภูตวารีของเจ้าที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องนี้สินะ เจ้าคิดเห็นอย่างไร” ชายหนุ่มแซ่เวิงพลันหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา คนผู้นั้นคือชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมเรือนผมสีขาวแต่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ยามนี้ได้ยินชายหนุ่มแซ่เวิงเอ่ยถามเช่นนี้ก็มีสีหน้าดูไม่ได้ แต่ก็ยังคงรีบร้อนหยัดกายลุกขึ้นประสานมือคารวะแล้วตอบว่า

 

 

“อาวุโสเวิงครั้งนี้ข้าได้ระดมปรมาจารย์ด้านเคล็ดวิชาเย้ายวนใจทั้งหมดในเผ่ามาแล้วแทบจะสอบสวนผู้น่าสงสัยที่เข้าเมืองเมฆามาทั้งหมดในระยะเวลาครึ่งปี แม้กระทั่งหาสายลับที่เผ่าอื่นส่งมาในเมืองเมฆาสวรรค์ได้มากกว่าสองสามร้อยคน แต่คนของเผ่าแมลงมีเขาที่บุกเข้ามาในหอเซ่นไหว้กลับไม่มีร่องรอยเลยสักนิด ข้ารู้สึกว่าเขาอาจจะออกจากเมืองเมฆาไปแล้วมิเช่นนั้นคงไม่อาจหนีการสอบสวนที่เข้มงวดเช่นนี้ของพวกเราได้ ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด